[Taipei] Chun Shui Tang + Din Tai Fung

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้มาพูดถึง 2 ร้านอาหารดังของไต้หวันนะ กลายเป็น a must ไปแล้วอะค่ะว่าถ้าไปไต้หวันก็ต้องไป 2 ร้านนี้ มาดูกันทีละร้านเลยค่ะ

Restaurant name : Chun Shui Tang / 春水堂
Google maps : https://goo.gl/maps/gyqC9qn21ue7xYiZ9
Location : Taipei Main Station, Taipei
Opening hours : Sun – Thu 11:00 – 21:30, Fri – Sat/ the day before holiday 11:00 – 22:00
Visited date : 15 Feb 2020
Website (CHN) : https://www.chunshuitang.com.tw/
Facebook page (CHN) : https://www.facebook.com/ChunShui1983/

ร้านนี้มีหลายสาขานะคะ ตรวจสอบได้ที่ https://www.chunshuitang.com.tw/location.php?loc=1

เคโกะเลือกสาขาที่ Taipei Main Station ค่ะ เพราะใกล้ ๆ กับที่พัก ซึ่งสาขานี้จะอยู่ที่ห้าง Shinkong Mitsukoshi ชั้น B2 ค่ะ ไปถึงก็จะต้องจองโต๊ะกับพนักงานที่รอรับอยู่หน้าร้านก่อน พอถึงคิวเค้าก็จะเรียกเราไปนั่งที่โต๊ะค่ะ

แล้วก็จะแจกเมนูและใบรายการอาหารให้เลือก เลือกเสร็จแล้วก็หยิบใบรายการไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์เลยค่ะ แล้วอาหารจะทยอยมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ

นี่เป็นรายการที่พวกเราสั่งกันไปค่ะ ออกมาเลขสวยมากกกก สนนราคารวม 1000NTD พอดีเป๊ะเลยค่ะ

ชามแรกเป็นของเคโกะค่ะ บะหมี่เนื้อค่ะ อร่อยม้ากกกกกก

จานต่อไป เป็นผัดฟองเต้าหู้ค่ะ เคโกะก็นำเสนอเพื่อน ๆ ไปค่ะ เลยสั่งมาทานกัน ส่วนตัวเคโกะแล้วว่าก็อร่อยดีนะคะ

แล้วก็เป็นชานมไข่มุก เมนูเลื่องชื่อของร้านค่ะ และเป็นเมนูที่คนไทยมาก็ต้องสั่งทานกันอะ

แก้วนี้ของเพื่อนค่ะ เคโกะก็งงตัวเองอยู่ เคโกะสั่ง tieguanyin milk tea ไป แต่ทำไมไม่มีรูป ฮาาาา

ส่วนจานที่เบลอ ๆ อยู่แบ็คกราวน์นั้นคือผัดหมี่ค่ะ เพื่อน ๆ สั่งมาแบ่งกันทาน เพราะเพื่อน ๆ ไม่กินเนื้อเหมือนเคโกะอะ

ต่อไปเป็นไก่ทอดค่ะ ก็มีปรุงรสมาแหละ

ต่อไปน่าจะคล้าย ๆ ขนมจีบกุ้งไรงี้ค่ะ มีซอสขลุกขลิกเล็กน้อยด้วย

แล้วก็เป็นกุ้งทอดสไตล์ญี่ปุ่น —ก็พยายามแปลมาจากชื่อเมนูค่ะ ฮาาาาา

เคโกะจำชื่อเมนูกับรสชาติได้ไม่เป๊ะนักนะคะ แต่จำภาพรวมได้ว่ามันอร่อยไปหมดเลย ^^” ก็อย่าเพิ่งมาลองแค่ชานมไข่มุกค่ะ ลองอาหารเค้าด้วย ก็ไม่ได้เลวร้ายเลยนะ อร่อยซะด้วยซ้ำไปค่ะ แต่ราคาก็จะแอบแรง ๆ นิดนึง

จริง ๆ ร้าน Chunshuitang นี้สาขาต้นกำเนิดหรือต้นตำรับเนี่ยจะอยู่ที่เมืองไถจงค่ะ เคโกะตามล่าตามหาไปทานแล้ว (อ่านได้ ที่นี่ ค่ะ)

ต่อกันที่ร้านฮิต ร้านที่ 2 ค่ะ

Restaurant name : Din Tai Fung / 鼎泰豐
Google maps : https://goo.gl/maps/5AaHbSVK672sQ2Gj9
Location : Fuxing branch, Taipei
Opening hours : Sun-Thu 10:00-21:30/ Fri- Sat, the day before holiday 10:00-22:00
Visited date : 18 Feb 2020
Website : https://www.dintaifung.com.tw/

ร้านนี้ก็เช่นกันนะคะ มีหลายสาขามากกก (รวมทั้งในไทยด้วยค่ะ –แต่ในไทย เคโกะยังไม่เคยไปกินเลย แหะๆ) ดูสาขาได้ที่นี่ค่ะ https://www.dintaifung.com.tw/eng/store.php

ไปถึงแล้วก็ต้องจองคิวที่พนักงานหน้าร้านเช่นกันค่ะ เค้ามีตัวเลือกให้เป็นภาษาไทยด้วยนะ ถ้าเราเลือกภาษาไทย เวลาถึงคิวก็จะขานคิวเป็นภาษาไทยเลยค่ะ แอบเขิน ๆ อยู่เหมือนกันนะนี่

พอได้คิวแล้วเค้าก็จะพาไปนั่งที่โต๊ะค่ะ เก็บกระเป๋าสัมภาระลงกล่องพลาสติกที่มีให้ทุกโต๊ะ แล้วเค้าจะคลุมผ้าปิดไว้ให้ค่ะ

มาดูเซ็ทอัพบนโต๊ะกัน มาค่อนข้างเพลน ๆ แบบนี้เลยค่ะ

สั่งอาหารไปแล้วก็ทะยอยยกมาเสิร์ฟค่ะ รอไม่นานเลย

จานแรกก็เป็นพระเอกของงานเลยค่ะ เสี่ยวหลงเปาค่ะ

อร่อยม้ากกกกค่ะ แป้งบาง ซุปร้อน ๆ อร่อยเลยค่ะ

ต่อไปเป็นเกี๊ยวนึ่งผักอะไรสักอย่าง 55555 เพื่อนสั่งให้ค่ะ แหะๆ

แล้วก็ข้าวผัดหมูค่ะ เนื้อหมูมาชิ้นใหญ่ หนานุ่ม อร่อยม้ากกกกกกเช่นกัน

จานสุดท้ายเป็นผัดผักค่ะ

สนนราคารวม 763NTD ค่ะ ชำระเงินที่เคาน์เตอร์หน้าร้านค่ะ

โดยรวม ร้านนี้อร่อยม้ากกกกกนะคะ ถ้ารอคิวไหว ก็ควรรอค่ะ 5555 แต่เค้าคิวยาวจริงอะค่ะ เท่าที่ไปมาก็ยาวทุกร้านเหมือนกันหมดนะ ต่างแค่คิวมากคิวน้อยอะค่ะ 555555

มาเขียนตอนดึก ทำเอาเคโกะหิวอีกรอบเลย แหะๆ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Taipei] World Soybean Milk Magnate

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้พาไปหม่ำร้านอาหารเช้า ร้านโปรดของเคโกะเลยค่ะ ไปกับใครก็ต้องพาไปร้านนี้ตลอดเลย ^^”

เคโกะเคยเขียนเล่าถึงไปแล้ว 2 รอบ ตามนี้เลยนะคะ
#1 ลองของ ไปทานคนเดียวค่ะ
#2 พาแม่ไปทานค่ะ

Restaurant name : World Soybean Milk Magnate / 世界豆漿大王
Google maps : https://goo.gl/maps/ptFqBAWVbMsh53vo9
Location : Taipei
Opening hours : 24 hours
Visited date : 16 Feb 2020

เคโกะใช้รถไฟฟ้าค่ะ นั่ง MRT ไปที่สถานี Dingxi ออก Exit 2 แล้วเดินไปทางซ้ายมือ เดินไปเรื่อย ๆ จะเจอสี่แยก ก็เดินต่อไปอีกค่ะ ร้านจะอยู่ฝั่งขวามือ (ข้ามถนนตรงสี่แยกก็ได้ค่ะ ก็สะดวกดี)

เค้าทำหน้าร้านใหม่แล้ว สวยไฉไลมากค่ะ มีแมสคอตประจำร้านด้วย

เข้าไปในร้าน เราก็บอกพนักงานว่ามากัน 3 คน เค้าก็จะเอาเมนูให้และชี้โต๊ะให้นั่งค่ะ

เมนูเค้าก็ทำใหม่นะ ง่ายและสะดวกกับนักท่องเที่ยวมากเลยค่ะ มีเบอร์ รูป ชื่อเมนูทั้งอังกฤษ จีน เกาหลีและญี่ปุ่นเลยค่ะ

แต่ตัวใบรายการอาหารที่เราจดให้พนักงานนั้นก็ยังเหมือนเดิมนะคะ แต่ที่ดีคือ หมายเลขในเมนูกับใบจดนี้ตรงกันแล้วค่ะ (เคยมาก่อนหน้า มันไม่ตรงกันอะ เทียบตัวอักษรเหนื่อยมาก 5555 –เคโกะอ่านเมนูอาหารไม่ออกนะคะ)

และนี่คือสิ่งที่พวกเราสั่งกันไปค่ะ

เอาใบรายการอาหารไปที่เคาน์เตอร์และจ่ายเงินเลยค่ะ เดี๋ยวเค้าจะเอามาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะเอง

ระหว่างรออาหาร ก็ถ่ายรูปในร้านไปพลาง ๆ

เค้าทำร้านใหม่ สวยดีค่ะ มีตกแต่งไรอย่างนี้ด้วย

มีมุมน้ำจิ้มให้ปรุงเองอยู่ตรงนี้นะคะ ถ้วยน้ำจิ้มเค้าอยู่ในตู้ อบฆ่าเชื้อให้ด้วยอะ ดีงามมมม

(ช่วงที่เคโกะไป เป็นช่วงที่โควิดเริ่มระบาดแล้ว แต่ที่ไต้หวันไม่มีการปิดร้าน หรือนั่งเว้นห่างนะคะ)

นี่ถ้วยน้ำจิ้มเคโกะค่ะ เน้นขิงและพริกค่ะ ฮาาาาา

แล้วอาหารก็มาค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็ขอมั่วเมนูอาหารนิดนึงนะ ลืมแล้วค่ะ T^T

ซึ่งจากใบรายการอาหารที่สั่งในรูปบน ๆ ก็จะเห็นค่ะว่าเราสั่งมาหลายอย่าง อย่างละนิดละหน่อย เอามาชิม ๆ กันให้ถ้วนทั่วไรงี้ แต่ก็เลือกเอาที่พวกเราทานกันได้หมดไรงี้ค่ะ

จานแรกน่าจะเป็นซาลาเปาไส้เนื้อค่ะ เคโกะสั่งมาเอง //สายเนื้อ ^^”

ต่อไปเป็นปาท่องโก๋ ปาท่องโก๋ที่นี่เค้าจะเหมือนที่ฮ่องกง คือเป็นสไตล์ยาว ๆ เลยค่ะ แป้งทอดมาค่อนข้างเบาและโปร่ง เพื่อน ๆ ชอบกันนะ แต่เคโกะก็เฉย ๆ ค่ะ แค่รู้สึกว่าเหมือนที่ฮ่องกงเลย ^^”

ต่อไปเป็นเสี่ยวหลงเปาค่ะ เป็นเสี่ยวหลงเปาราคาย่อมเยา แต่ก็อร่อยนะ แป้งไม่หนาจนเกินไป ด้านในก็รสกลมกล่อมค่ะ ไม่เค็มเกิน

วิธีทาน ก็กัดออกนิดหนึ่ง ดูดน้ำซุปก่อนแล้วค่อยทานทั้งหมดค่ะ ระวังร้อนด้วยนะคะ แต่ก็ต้องทานตอนที่ยังร้อน ๆ อยู่ค่ะ เย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ

ตัดมาเป็นเครื่องดื่มบ้าง ถ้วยนี้ของเคโกะ (มั้งนะ) เป็นน้ำข้าวค่ะ แบบเย็น ซึ่งน้ำเต้าหู้ที่นี่ก็ดีงามเช่นกันค่ะ อย่างที่เคยบอกไปแล้วเนอะ เคโกะทานน้ำเต้าหู้ที่ขายทั่ว ๆ ไปในไทยไม่ได้เลยนะคะ แต่กลับชอบน้ำเต้าหู้ที่ไต้หวันมากค่ะ ^^”

ต่อไป น่าจะเป็นของเพื่อนค่ะ ซาลาเปาทอดไส้ต้นหอมงาดำมั้งนะ

ส่วนของเคโกะเป็นซาลาเปาทอดไส้เนื้อค่ะ

จานต่อไปเป็นแป้งทอดม้วนกับไข่เจียวต้นหอม –เรียกงี้ละกันเนอะ ^^”

สุดท้าย น่าจะเป็นขนมผักกาดกับไข่เจียวต้นหอมค่ะ

เคโกะจำรสชาติไม่ค่อยได้นะคะ แต่ร้านนี้คืออร่อยแล้ว อร่อยทุกอย่างค่ะ ฮาาาาา

–แต่ก็ต้องทานอาหารจีนพอได้กันด้วยนะคะ จะได้อิน แหะๆ

ราคาย่อมเยาอย่างที่บอก คิวก็ไม่ยาวจนเกินไป (ร้านที่มีรีวิวเยอะ ๆ คนไทยไปกันเยอะ ๆ จะเป็นอีกร้านค่ะ ร้านนั้นคิวยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกก เพลียกับการต่อคิวอะ) อีกทั้งรสชาติก็ดีด้วยค่ะ

ละแบบเสี่ยวหลงเปา 1 เข่งมี 8 ลูก เข่งละ 100NTD อะ เคโกะว่าราคาน่าคบมากกกเลยนะคะ ^^

มื้อนี้สนนราคารวม 410NTD กินเยอะ กินอิ่ม กินจนเกี่ยงกันตอนท้าย ๆ ว่าใครจะกินเลยนะคะ 5555

ถ้ามีโอกาสได้ไปแล้วยังไม่เคยชิม ลองชิมกันดูน้าาา แล้วมาเล่าให้เคโกะฟังหน่อยว่าเป็นยังไงบ้างค่ะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo

[Taipei] Raohe Night Market

สวัสดีค่ะ ปกติจะเอาตลาดกลางคืนหลาย ๆ ที่มามัดรวมกันในโพสต์เดียว แต่คราวนี้ถ่ายรูปมาเยอะหน่อย เลยมาโพสต์เดี่ยว ๆ ได้ค่ะ

Spot name : Raohe Night Market / 饒河街觀光夜市
Location : Taipei
Google maps : https://goo.gl/maps/aAhfMuGYR8iG1qgK9
Entrance fee : free
Opening hours : 4PM-12AM
Visited date : 17 Feb 2020

เดินทางง่ายด้วยการใช้รถไฟฟ้าไปลงที่สถานี Songshan Exit 5 ออกจากสถานีมาก็จะมองเห็นไนท์มาร์เก็ตอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยค่ะ

ต้นถนน เราจะเจอกับซาลาเปาอบโอ่งที่อร่อยม้ากกกก คิวยาวม้ากกกกค่ะ ปกติที่เคยมาคิวจะยาวกว่าวันที่ไปคราวนี้ ก็เลยชวนเพื่อน ๆ ต่อคิวกัน ก็ไม่ได้นานมากนะคะ

ซาลาเปาลูกละ 55 NTD ค่ะ ทานตอนร้อน ๆ จะอร่อยมากค่ะ ด้านในมีน้ำซุปหมูขลุกขลิกอยู่ด้วย เลยทำให้ไม่สามารถถ่ายรูปมาฝากกันได้ค่ะ แหะๆ

สภาพตลาดกลางคืน ก็จะเป็นถนนคนเดินนี่แหละค่ะ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านขายของกิน ทั้งกินจริงจังและทานเล่นค่ะ

เดิน ๆ ไปเจอไอศกรีมถั่วตัดของโปรดของเคโกะ ก็เลยรีบเข้าไปซื้อหม่ำค่ะ

อันละ 45NTD ร้านนี้เค้าค่อนข้างใส่ใจ social distancing มากค่ะ 555 เค้าให้เราจ่ายเงิน ทอนเงินเอง จะมีกล่องเงินวางไว้ตรงหน้าเลย คนขายก็ใส่หน้ากากใส่ถุงมืออะไรเรียบร้อยดีด้วยค่ะ

ระหว่างที่เพื่อนรอของกินอะไรสักสิ่ง เคโกะก็เดินเล่นไปมาเจอเกี๊ยวกุ้งทอดเข้า เลยสั่งมากินซะหน่อย

ถ้าจำไม่ผิดจะมีไซส์เล็กและไซส์ใหญ่ เคโกะเอาไซส์เล็กมา กล่องละ 60 NTD ค่ะ มีผักแกล้มกรุบกริบมาให้ด้วย รสดีทีเดียวเลยค่ะ และเค้าตัดมาให้เป็นคำ ๆ พอดีคำด้วยนะ

แล้วก็ไปลองน้ำส้มอีกขวดค่ะ ที่นู่นเค้าใช้คำว่า 柳丁 (หลิวติง) ค่ะ ไม่แน่ใจว่าส้มพันธุ์ไหนนะคะ ขวดละ 80NTD ก็ดูส้มแท้ดีนะคะ แต่ขวดนึงแอบเยอะไปหน่อย แหะๆ

ในรูปคือดื่มไปแล้วส่วนนึงนะคะ ^^”

ปิดท้ายที่ข้าวเกรียบร้านคุณลุงคนนี้ค่ะ คุยเก่งมากกกก

ลุงขายแต่ข้าวเกรียบค่ะ มีหลายรสชาติ มีโปรด้วย ซื้อเยอะก็ลดได้เยอะค่ะ พอถามคุณลุงว่าขอถ่ายรูปได้มั้ย คุณลุงรีบกุลีกุจอเปิดเสื้อแจ็กเกตให้เลยค่ะ โลโก้ที่อยู่บนเสื้อด้านในที่คุณลุงใส่อยู่คือแบรนด์ร้านค่ะ

ไปเสิร์ชหาจนตาลาย สุดท้ายก็เจอค่ะ ร้าน หมู12 หรือ 猪十二 (https://web.facebook.com/TAIWAN.P12/) แต่ในเพจ ขายหมูแผ่นนี่นาาาา ><”

คุณลุงเล่าว่า บ้านเกิดคุณลุงอยู่ติดทะเล เพราะงั้นลุงจะรู้เรื่องทะเลดีที่สุด ก็เลยมาขายข้าวเกรียบกุ้งค่ะ มีรสดั้งเดิม รสสาหร่าย รสทะเล ฯลฯ จำไม่หมดค่ะ แหะๆ

ข้าวเกรียบกุ้งปกติราคาถุงละ 100NTD แต่มาขายที่นี่ คุณลุงขาย 95NTD ถ้าซื้อเยอะมีเปอร์เซนต์ลดเป็นขั้นบันไดค่ะ เคโกะรวมกับเพื่อน ซื้อกันมาหลายถุง เลยได้ลด 5% เหลือถุงละ 86NTD ค่ะ

หน้าตาแพกเกจข้าวเกรียบที่ได้ค่ะ

แต่ในไทเป มีตลาดกลางคืนหลากหลายที่มาก ๆ ค่ะ เคโกะว่าไปบ่อยแล้ว ก็ยังดูเหมือนจะยังไม่ครบเลยนะคะ และแต่ละตลาดก็จะมีเอกลักษณ์ ของขึ้นชื่อที่ไม่เหมือนกันด้วยค่ะ

เป็นสิ่งที่เคโกะโปรดปรานมาก ไปไต้หวันทีไร ตกกลางคืนก็ต้องออกไปเดินตลาดกลางคืนทุกคืนเลยค่ะ 5555

เม้าท์มอยพูดคุยกันที่เพจได้นะคะ
https://web.facebook.com/thisiskeigo/

[Taipei] National Palace Museum

สวัสดีค่ะ ยังคงพาไปเดินเล่นในสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมมากันค่ะ

Spot name : National Palace Museum / 國立故宮博物院
Location : Taipei
Google maps : https://goo.gl/maps/uGheghiMtpBKchjq6
Entrance fee : 350NTD
Opening hours : 9AM – 5PM closed on Monday
Visited date : 16 Feb 2020
Website : https://www.npm.gov.tw/en/index.aspx
Facebook : https://www.facebook.com/npmgov/

การเดินทางไปได้หลายวิธีค่ะ แต่เคโกะใช้วิธีที่คนไทยนิยมกัน นั่นก็คือใช้รถไฟฟ้าสายสีแดงไปลงที่สถานี Shilin ออกทางออก exit 1 แล้วต่อรถเมล์สาย R30, 255, M1, 815, S18, 304, S19, 300 รถเมล์จะมาถึงด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์เลยค่ะ

นอกจากนี้มีอีก 2 สถานีก็คือ Jiannan Rd. Station ต่อรถเมล์สาย BR20, BL7 และ Dazhi Station ต่อรถเมล์สาย BR13 ค่ะ

ที่นี่กินอาณาบริเวณค่อนข้างกว้าง แต่ไม่มีสถานีรถไฟฟ้าใกล้ ๆ นะคะ

และรายละเอียดการเดินทางต่าง ๆ สามารถดูได้จากเว็บของพิพิธภัณฑ์ที่เคโกะให้ไว้ข้างต้นนะคะ

พวกเราไปกันวันที่ฝนตก เพราะกะว่าระหว่างที่ฝนตกเราก็เดินพิพิธภัณฑ์สบาย ๆ แบบไม่เปียกฝนค่ะ แล้วเอาวันที่อากาศดี ๆ ไปเดินเล่นกลางแจ้งแทน เพราะงั้นรูปภายนอกก็จะมีน้อยมาก ๆ ค่ะ ฝนตกอะเนาะ อิอิ

ไปถึงด้านหน้าอาคาร มีที่วางร่มไว้บริการพร้อมสรรพ แล้วก็เข้าด้านในซื้อตั๋วกันค่ะ คนละ 350NTD

จริง ๆ แล้วมีตั๋วแบบคอมโบด้วยนะ รายละเอียดดูในเว็บเอานะคะ ถ้าไปครบตามรายละเอียดของแพกเกจคอมโบ ก็คุ้มค่ะ แต่พวกเรามากันแค่ที่เดียว เลยซื้อแบบเดี่ยว ๆ นะคะ

ก่อนเข้าด้านใน แวะไปห้องน้ำกันก่อน ไหน ๆ ที่นี่ก็เป็น National Palace Museum ทั้งที รูปที่บ่งบอกห้องน้ำชายหญิงก็จะเป็นรูปน่ารัก ๆ ให้เข้ากับสถานที่ด้วยค่ะ

ป้ายหน้าห้องน้ำได้ฟีลราชวงศ์ชิงของจีนมากค่ะ อิอิ

จากนั้น ก่อนที่จะเข้าชมด้านในได้ จะมีพนง.เช็คสัมภาระก่อนด้วยค่ะ ไม่สามารถเอาน้ำดื่มเข้าไปด้านในได้นะคะ ต้องฝากไว้ด้านนอกแทน มีล็อคเกอร์ให้บริการด้วย ค่าใช้ก็แค่ 10NTD เท่านั้นเองค่ะ และเมื่อใช้เสร็จแล้ว พอเราเอาของออก ก็จะได้เงินคืนด้วยค่ะ

วิธีใช้ก็ตามรูปเนาะ เอาของเข้าล็อคเกอร์เสร็จแล้ว หยอดเหรียญ 10 เข้าไปในช่อง แล้วปิดประตูตู้หมุนกุญแจล็อค เอากุญแจออกมาเก็บไว้กับตัว ก็เสร็จแล้วค่ะ

ก่อนหน้านี้ด้านในห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด แต่กฎก็เปลี่ยนไป อนุญาตให้ถ่ายรูปได้แล้วนะคะ เลยมีรูปมาฝากกันนิดหน่อยด้วย

ในห้องจัดแสดงแต่ละห้องจะแบ่งเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน จะเลือกชมแค่บางห้องหรือจะชมทุกห้องก็ได้ค่ะ แต่พวกเราไปกันก็บ่ายแล้ว เลยเลือก ๆ ดูเอาแต่ห้องที่สนใจกันค่ะ

บางห้องก็จะมี interactive ให้เราโต้ตอบด้วยค่ะ ตามสไตล์พิพิธภัณฑ์ไต้หวันอะนะคะ เคโกะว่าสนุกดีนะ และทำให้สามารถมาเที่ยวกันได้ทั้งครอบครัว เด็ก ๆ เองก็เข้าใจได้ง่ายด้วยค่ะ

ห้องนี้เคโกะหยุดอยู่นานเหมือนกัน สามารถจิ้ม ๆ เลือกดูของสะสมที่จัดแสดงไว้ได้ และจะมีรายละเอียดออกมาให้อ่านค่ะ

มีภาพวาดผนังชิ้นใหญ่ที่แสดงวิถีชีวิตถึงคนสมัยก่อนด้วยค่ะ ถ่ายมาได้นิดเดียวเองนะคะ

ดู ๆ แล้วก็จินตนาการเม้าท์มอยไปกับเพื่อน ว่าคนนั้นคนนี้เค้าทำอะไรกัน ฮาาาา

มีข้าวของเครื่องใช้ของสะสมมาจัดแสดงเยอะมาก ๆ ค่ะ เรียงเป็นยุคสมัยเลย

ถ้ามีเวลาค่อย ๆ นั่งไล่อ่านดู เคโกะว่าน่าจะเข้าใจประวัติศาสตร์ความเป็นมาของไต้หวันได้ไม่ยากค่ะ

แล้วเราก็มาถึงสิ่งที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่ค่ะ ก็คือหยกที่มีรูปคล้ายหมูสามชั้นและผักกาดขาว

แต่น่าเสียดายที่ว่าเรามาช้าไป เค้าเพิ่งเอาไปจัดแสดงไว้ที่สาขาทางใต้ (เมืองเจียอี้ ทางภาคใต้ของไต้หวันค่ะ) เมื่อปลายเดือนมกราคมค่ะ

ก็เลยมีแต่หมูสามชั้นนนนที่คอยพวกเราอยู่เท่านั้นค่ะ

ในความคิดเห็นส่วนตัว เคโกะว่าถือเป็นที่ที่น่าสนใจในแง่ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของไต้หวันค่ะ ใครที่ไม่เคยมา หรือจะไปเป็นครั้งแรกก็อยากให้ลองไปดูกันนะ แต่ถ้าไม่อินกับเรื่องราวประวัติศาสตร์จริง ๆ .. ก็ข้ามไปก็ได้ค่ะ 55555

ไปทวงเรื่องติดค้าง เรื่องที่ว่าจะโพสต์แล้วยังไม่โพสต์ รีวิวต่าง ๆ พูดคุย เม้าท์มอยกันได้ที่เพจนะคะ
https://web.facebook.com/thisiskeigo/

[Taipei] Chiang Kai-Shek + Sun Yat-Sen Memorial Hall

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้พาไปที่ที่ทุกคนที่ไปไต้หวันก็ต้องไปกันอะเนาะ ขอยำรวมกัน 2 ที่ในโพสต์เดียวกันเช่นเคยนะคะ

และก็เช่นเคยอีกเช่นกัน (ทำไมเคโกะใช้คำซ้ำบ่อยจัง ฮาาา) ก็ไปมาหลายรอบแล้ว หาลิ้งค์โพสต์เดิมไม่เจอด้วย แต่ก็เหมือน ๆ กันค่ะ สำหรับ 2 ที่นี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย

Spot name : Chiang Kai-Shek Memorial Hall / 中正紀念堂
Location : Taipei
Google maps : https://goo.gl/maps/WKqP6BUdoYZUk9UB6
Entrance fee : free
Opening hours : 9AM – 6PM
Visited date : 15 Feb 2020
Website : https://www.cksmh.gov.tw/en/
Facebook : https://www.facebook.com/cksmhfb

การเดินทางที่สะดวกคือใช้ MRT ไปที่ Chiang Kai-Shek Memorial Hall Station แล้วออกที่ Exit 5 ค่ะ ออกมาปุ๊บเลี้ยวขวาก็คือทางเข้าแล้วค่ะ

ที่นี่ก็จะมีพื้นที่กว้างใหญ่อยู่ มีอาคารสีแดงอยู่ 2 หลัง รูปบนนี่คือหลังแรกที่อยู่ติดรถไฟฟ้าเลยค่ะ เข้าใจว่าปัจจุบันพัฒนาเป็นโรงละคร เปิดแสดงไรงี้กันไปค่ะ

ก็เดินตามทางเข้าไปเรื่อย ๆ เนาะ

ทางซ้ายมือก็จะมีเกทสีขาวขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่

ส่วนขวามือจะมีอาคารทรงกลมพร้อมด้วยบันไดที่สูงหลายขั้นอยู่ค่ะ ในนั้นชั้นบนสุดจะมีรูปปั้นขนาดใหญ่ของเจ้าของที่ คือ เจียงไคเช็คค่ะ

ส่วนชั้นล่าง ๆ ลงไปจะเป็นห้องจัดนิทรรศการความเป็นมา ของสะสมไรงี้ต่าง ๆ นานาค่ะ และมีร้านขายของที่ระลึกอยู่ชั้นล่างสุด

ลองมาถ่ายรวม ๆ ทั้ง 3 มุม จากมุมของหอรำลึกเจียงไคเช็คดูบ้างค่ะ

มุมแหงนมั่ง

ทุก ๆ ต้นชั่วโมง บริเวณรูปปั้นของเจียงไคเช็ค ก็จะมีการเปลี่ยนทหารเวรที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ค่ะ เป็นพิธีนึงที่นักท่องเที่ยวชอบมาดูกันค่ะ เคโกะดูหลายรอบมากละ ลงรูปเดียวพอน้าาา ><“

แล้วก็มาต่อกันที่ที่ 2 ค่ะ

Spot name : Sun Yat-Sen Memorial Hall / 國立國父紀念館
Location : Taipei
Google maps : https://goo.gl/maps/MfFakoaSb2YaKTGAA
Entrance fee : free
Opening hours : 9AM – 6PM
Visited date : 15 Feb 2020
Website : https://www.yatsen.gov.tw/en/
Facebook : https://www.facebook.com/sunyatsenMH

การเดินทางที่สะดวกก็ใช้ MRT ตามเดิมค่ะ ไปที่สถานี Sun Yat-Sen Memorial Hall ทางออก Exit 4 ค่ะ แล้วเดินตรงไปอีกนิดหน่อย ก็จะถึงแล้ว

หากเดินไปด้านหน้าของอาคาร ก็จะเป็นจุดที่ชมวิวตึกไทเป 101 ได้ชัดเจนเลย ในวันที่อากาศดีค่ะ

ที่นี่จัดว่าใกล้กับไทเป 101 อยู่พอสมควร อีกทั้งยังเห็นได้อย่างชัดเจนด้วย (ในวันที่อากาศดี) ดังนั้นก็จะเป็นอีกที่นึงที่เค้านิยมมาดูพลุ ดูแสงสีของตึกไทเป 101 กันในวันสิ้นปีหรือวันเคาน์ดาวน์ปีใหม่ค่ะ

ด้านในของอาคารนั้นก็จะมีห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติความเป็นมาเป็นไปของซุนยัดเซ็น ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาของไต้หวันค่ะ แล้วก็มีห้องจัดแสดงงานศิลปะด้วย

ในห้องโถงใหญ่จะมีรูปปั้นบรอนซ์ของซุนยัดเซ็นอยู่ค่ะ

และก็เช่นเดียวกับที่หอรำลึกเจียงไคเช็ค ที่จะมีทหารเวรรักษาการณ์มาปฏิบัติหน้าที่ประจำ และมีพิธีเปลี่ยนทหารเวรทุก ๆ ต้นชั่วโมงค่ะ

แล้วก็เจ้าหน้าที่คนนึงจะคอยเช็คความเรียบร้อยของชุดและปืนที่ถืออยู่ให้สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย ภายหลังที่พิธีการเปลี่ยนเวรของทหารสิ้นสุดลง

ทั้งสองที่นี้ค่อนข้างคล้ายกันมากค่ะ จะบอกเล่าความเป็นมาทั้งของเจ้าของสถานที่เองด้วยแล้ว ก็มีประวัติของไต้หวันแทรก ๆ มาหน่อย ๆ ด้วยนะ เคโกะเคยลองไปยืนอ่านอย่างตั้งใจอยู่หนนึงค่ะ ก็เลยพอรู้ประวัติความเป็นมาอยู่บ้างคร่าว ๆ

ถ้าไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์อะไร ก็ข้ามไปได้เลยค่ะ ฮาาาาา แต่ถ้าลองอ่านประวัติศาสตร์ดูซักนิด การเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ เที่ยวมิวเซียม หรือพวก memorial hall แบบนี้ก็จะได้อรรถรสและเข้าใจมากขึ้นค่ะ

ไปเม้าท์กันที่เพจได้นะคะ
https://web.facebook.com/thisiskeigo/

[Taipei] Longshansi + Xiahai City God Temple

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้จะพาไปไหว้พระกัน 2 ที่นะคะ ซึ่งเป็นวัดที่ต่างก็ขึ้นชื่อเรื่องการขอคู่ทั้งนั้นเลยค่ะ อิอิ

และนั่นก็คือจุดประสงค์ของพวกเรานะคะ ฮาาาา

Spot name : Longshansi / 龍山寺
Location : Taipei
Google maps : https://goo.gl/maps/aLPqpvcs6y2HvkpB9
Entrance fee : free
Opening hours : 6AM – 10PM
Visited date : 15 Feb 2020
Website : http://www.lungshan.org.tw/

เดินทางง่ายและสะดวกด้วย MRT ลงที่สถานี Longshansi (Longshan Temple Station) ค่ะ ออกจากสถานีมา เดินนิดหน่อยก็เจอแล้ว จะอยู่ตรงข้ามกับตัวสถานีเลยค่ะ

วัดนี้เคโกะไปมาหลายรอบมาก ๆ ค่ะ จนจำไม่ได้แล้วว่าไปมากี่รอบ (ความจำสั้นด้วยแหละค่ะ ฮาาาา) ลองไล่ ๆ ดูก็จะประมาณนี้นะคะ แปะลิ้งค์ไว้ให้แต่ละรอบแล้วน้าาา

รอบที่ 1 ปี 2014
รอบที่ 2 ปี 2018
รอบที่ 3 ปี 2019

ช่วงที่ไป ยังมีควันหลงจากวันตรุษจีนอยู่นะคะ ก็จะมีซุ้มโคมให้ลอดให้ขอพรอยู่ที่ลานกว้างด้านหน้าของวัดด้วยค่ะ

ด้านขวามือก็จะมีมุมน้ำตกจำลอง เป็นมุมที่มีคนมาพักผ่อนหย่อนใจกันเยอะเลยค่ะ และก็แน่นอนว่าปกติไม่ได้มีอะไรสวยงามอลังการแบบนี้ ผลพ่วงจากตรุษจีนเช่นกันค่ะ

ซูมน้องปลาทองหน่อย นาน ๆ ทีจะเจอคนโล่ง ๆ แบบนี้ซักทีค่ะ แหะๆ

พวกเรารีบเข้าไปด้านในเพื่อปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงก่อนเลยนะคะ ซึ่งจริง ๆ แล้วหากสนใจกราบไหว้พระที่วัดหลงชานจริง ๆ เค้ามีวิธีไหว้อยู่ค่ะ ซึ่งในหน้าเว็บที่แปะไว้ให้ตอนต้นก็มีอธิบายไว้แล้วนะคะ

เข้าด้านในแล้วก็ตกใจเพราะมีคนมาร่วมสวดมนต์เยอะมาก ๆ ค่ะ ถ้าเข้าใจไม่ผิด น่าจะเป็นการร่วมกันสวดมนต์เพื่อปัดเป่า Covid-19 ค่ะ ซึ่งตอนนั้นที่ไปก็อยู่ในระยะที่เริ่มแพร่ระบาดกันแล้ว ก่อนที่ไต้หวันจะปิดประเทศราว ๆ เดือนนึงค่ะ

เยว่เหล่า หรือเทพจันทรา เทพเนื้อคู่นั้นจะอยู่ด้านในสุดทางซ้ายมือค่ะ คนก็ยังมากราบไหว้เยว่เหล่าเยอะเช่นเคยค่ะ

จากนั้นเราก็โอ้เอ้กราบไหว้พระองค์อื่น ๆ อีกและมาหยุดอยู่ตรงมุมขายเครื่องรางค่ะ เดี๋ยวนี้เค้ามีแปลอังกฤษให้แล้ว มีใบเมนูให้ดูก่อนด้วย มีกระดาษให้จดเบอร์เพื่อนำไปยื่นให้คนขายได้เลยค่ะ เค้าจะให้เราจ่ายเงินก่อนแล้วรับบัตรคิวมา พอถึงคิวเราก็ค่อยเข้าไปรับของที่เราสั่งไป ดูสะดวกขึ้นเยอะเลยค่ะ

แล้วเราก็ออกมาลอดซุ้มที่ว่าด้านหน้าวัดค่ะ คนเยอะเหมือนกัน ระหว่างรอก็เล็งหลังคาวัดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

อ้อ ที่นี่มีเครื่องรางเยอะมาก ๆ ค่ะ ใครมองหาเครื่องรางด้านไหน ที่นี่ตอบโจทย์ได้หมดเลยค่ะ จบครบในที่เดียวเลยค่ะ

มาต่อกันวัดที่ 2 เนอะ

Spot name : Taipei Xiahai City God Temple / 台北霞海城隍廟
Location : Taipei
Google maps : https://goo.gl/maps/WKqP6BUdoYZUk9UB6
Entrance fee : free
Opening hours : 6.16AM – 7.47PM
Visited date : 16 Feb 2020
Website : http://tpecitygod.org/

สถานีที่ใกล้ที่สุดจะเป็นสถานี Beimen ค่ะ ออกที่ Exit 3 แล้วเดินตรงมาเรื่อย ๆ ราว ๆ 10 นาทีก็จะเจอตลาด วัดนี้จะเป็นวัดเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ กับตลาดค่ะ

วัดนี้ก็เคยไปมาแล้วค่ะ ความเก่าความเดิม ที่นี่ นะคะ

ระหว่างทางก่อนถึงวัดก็จะเป็นตึกแถวที่มีลักษณะเป็นตึกเก่า แล้วบูรณะแต่ด้านล่างให้ดูทันสมัยขึ้น แต่ก็ยังคงความเก่าของอาคารไว้เก๋ ๆ ค่ะ สวยอ่ะ

แล้วก็เดินมาถึงตัววัดจนได้ค่ะ

ทางเข้าวัดจะอยู่ตรงนี้นะคะ

ที่วัดนี้จะแยกกันระหว่างไหว้พระทั่วไปกับมาขอคู่ เวลาเราจะไปซื้อชุดไหว้พระก็ต้องแจ้งเค้าค่ะว่าจะมาขอคู่ ขอด้ายแดงด้วยไรงี้ ชุดใหญ่สุดอย่างที่พวกเราซื้อก็คือ 300 NTD แบ่งเป็น 50 NTD และ 250NTD ค่ะ แล้วก็สามารถแจ้งเค้าได้ว่าให้เค้าช่วยแนะนำหน่อย เค้ามีเจ้าหน้าที่ที่พูดอังกฤษได้อยู่ด้วยค่ะ

เจ้าหน้าที่ที่แนะนำวิธีการกราบไหว้ก็แนะนำให้เป็นอย่างดีมากเลยค่ะ อธิบายละเอียดทุกขั้นตอนและอธิบายเป็นสเต็ป ๆ ไป ไม่ได้อธิบายรวดเดียวจบ ให้เราจำกันเองนะคะ เค้าจะคอยบอก เสร็จแล้วก็กลับมาหาเค้า เค้าจะพาไปทำขั้นตอนต่อไปทีละขั้น ๆ จนจบค่ะ

พอเสร็จสิ้นพิธีกรรมแล้ว ก็จะได้ถุงด้ายแดงนี้มา ด้านในมีด้ายแดงอยู่นะคะ ก็ให้พกติดตัวไว้จนกว่าคำขอเราจะสัมฤทธิ์ผลจึงค่อยเก็บไว้ที่บ้านค่ะ

ด้านหน้าเป็นรูปเยว่เหล่า ส่วนด้านหลังก็จะเป็นชื่อวัดค่ะ

หมดเรื่องภารกิจของพวกเราแล้ว ขากลับก็เลยชวนเพื่อน ๆ แวะชิมชานมไข่มุกค่ะ

เลือกแวะร้านนี้เพราะว่า ตอนขามา เคโกะเห็นผู้หญิงกลุ่มนึงถือแก้วชาร้านนี้ทุกคนเลย ก็เลยสงสัยว่าต้องอร่อยมากแน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่ถือกันครบทุกคนแบบนั้นหรอก

จัดไปค่ะ ชานมไข่มุกไม่ใส่น้ำตาลน้ำแข็งปกติ 55NTD

ที่นี่เวลาสั่งชานมไข่มุกแบบนี้ ก็จะต้องระบุความหวานและปริมาณน้ำแข็งด้วยอะนะคะ

พอถือออกมากินได้หน่อยนึง เพื่อน ๆ ก็ไปสั่งกินตามบ้าง 5555

โดยส่วนตัวมาบ่อยอยู่แล้ว และชอบชานมของที่นี่อยู่แล้วค่ะ ก็จะว่าอร่อยถูกปากแหละนะ แต่เพื่อน ๆ ที่สั่งหวานปกติกัน ก็บอกว่าคือหวานน้อยของไทยค่ะ ซึ่งเพื่อน ๆ ก็ชอบรสแบบนี้แหละ ก็ปลิ้มปริ่มกันไป

จริง ๆ แล้วเคโกะก็ว่า ชาของไทยหวานไปจริง ๆ นะ ><” //จากใจคนไม่กินหวานค่ะ แหะๆ

เริ่มที่วัด จบลงที่ชานมเฉ้ยยย 5555

ด้วยความที่ข้าง ๆ วัดเป็นตลาด เพราะฉะนั้นก็จะมีร้านขายของ ของกิน ของใช้อะไรมากมายก่ายกองเหมือนถนนคนเดินเลย ก็หากมาแล้ว ไหว้พระแล้ว มีเวลาว่างก็เดินเล่นกันก่อนได้นะคะ 😉

ชวนเม้าท์ได้ที่เพจค่ะ เหงาแหละดูออก 5555
https://www.facebook.com/thisiskeigo

[Taipei] Zhouji Meat Porridge/Bopiliao Historical Block

สวัสดีค่ะ เรามาเริ่มทริปไต้หวันอีกรอบกันเลยนะคะ

Restaurant name : Zhouji Meat Porridge / 周記肉粥店
Google maps : https://goo.gl/maps/evgSKgdkBhJzkYAWA
Location : Taipei
Opening hours : 6AM-4.30PM
Visited date : 15 Feb 2020

เริ่มกันที่แรกเลยก็มุ่งไปหาของกินก่อนเลยค่ะ เราลงเครื่องกันแต่เช้า แม้จะทานข้าวบนเครื่องกันมาแล้ว แต่ก็ยังอยากกินอยู่ดี 5555

ร้านนี้เคโกะเคยมาแล้ว รีวิวเดิมที่โพสต์นี้นะคะ

มาถึงก็บรรยากาศเดิม ๆ คนแน่นมากค่ะ ยังดีที่พอจะมีโต๊ะให้พวกเรานั่ง พอนั่งปุ๊บพนง.ก็เอาเมนูมาให้เราเลือก ด้วยความที่คนไทยมาร้านนี้กันเยอะแล้ว พนง.เลยสามารถพอจะแนะนำให้เราด้วยภาษาไทยได้แปร่ง ๆ ด้วยค่ะ แถมยังแนะนำเก่งมากด้วย อะไร ๆ ก็อร่อยไปหมดงี้ ฮาาาา

มาดูสิ่งที่เราสั่งไปกันค่ะ

จานแรกก็ต้องเป็นหมูกรอบค่ะ หมูกรอบที่นี่ทำได้กรอบอร่อยมากจริง ๆ ไม่มัน ไม่เลี่ยน เสิร์ฟมาคู่กับขิงซอยและน้ำจิ้ม ที่หน้าตาคล้ายน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวของข้าวมันไก่บ้านเราอะค่ะ

ต่อมาเป็นผัก … เอ่อ น่าจะกวางตุ้งนะคะ ^^”

พนง.เห็นเราเป็นคนต่างชาติ และอย่างที่เคโกะเคยเล่าไปในโพสต์ก่อนแล้วว่าเมนูเป็นภาษาจีนหมด เพราะฉะนั้นพนง.ก็เลยจดเมนูรายการอาหารให้เราหมดเลยค่ะ

จานต่อมา พนง.ก็แนะนำมาอีก เค้าว่าอร่อยนะ ก็เลยลองดูกันค่ะ

เป็นหน่อไม้ค่ะ แต่รสชาติไม่เหมือนหน่อไม้เลยค่ะ ^^’

ต่อมาเป็นหมึกค่ะ จานนี้ก็ทำมาดี ไม่เหนียวเกินไป

ต่อไปเป็นเนื้อหมู ส่วนแก้ม อร่อยค่ะ มีชั้นไขมัน เอ็นไรงี้แทรกเบา ๆ แต่ไม่เลี่ยนค่ะ

จานสุดท้าย น่าจะเป็นตับหมูค่ะ ^^” จานนี้สั่งมาตามใจเคโกะเลย เค้าทำมาดี ไม่คาวและไม่เละดีนะคะ

แล้วก็เช่นเดิมค่ะ เค้าจะเอาโจ๊ก (ข้าวต้ม) มาให้พวกเราคนละถ้วย อยากเพิ่มก็สั่งเพิ่มได้ค่ะ แต่พวกเราก็ไม่ได้สั่งเพิ่มกันนะ

ทานกันอิ่มแล้วก็ไปจ่ายเงินที่หน้าร้านค่ะ เค้าจะถามว่าทานข้าวต้มไปกี่ถ้วยและคิดเงิน ของพวกเราทั้งหมดนั้น 495NTD ค่ะ

กินกันเยอะขนาดนี้ เคโกะว่าราคาโอเคอยู่นะคะ ^^

ข้ามไปที่ฝั่งตรงข้ามค่ะ มีสตรีทอาร์ต ๆ เหมาะกับสายอาร์ตและสายถ่ายรูปกำลังรอพวกเราอยู่

Spot name : Bopiliao Historical Block
Location : Taipei
Google maps : https://goo.gl/maps/F7MXg1MpyUhETyfXA
Entrance fee : free
Opening hours : 9AM-9PM, closed on Monday
Visited date : 15 Feb 2020
Website : https://www.bopiliao.taipei/
Facebook : https://www.facebook.com/Bopiliao/

ซึ่งที่นี่เคโกะก็เคยไปมาแล้วเช่นกันค่ะ แต่ตอนนั้นโดนปิดเพราะมีกองถ่ายเค้ามาถ่ายทำกัน ที่โพสต์นี้ค่ะ

ก็จะเป็นหมู่ตึกอาคารเก่า ๆ ที่เค้ายังคงอนุรักษ์ไว้ มีการจัดนิทรรศการความเป็นมา แสดงขนบธรรมเนียมประเพณีเค้าด้วย และมีร้านค้าด้วยค่ะ

รูปนี้เป็นตัวอย่างพิธีงานแต่งงานแบบสมัยโบราณ ที่คนดูหนังจีนย้อนยุคมาบ้างก็น่าจะพอคุ้น ๆ กันดี

เดินเข้าไปตามตรอกก็จะเป็นร้านค้าซะส่วนใหญ่ค่ะ มีการตกแต่งเพิ่มเติม ช่วงนั้นที่ไป เพิ่งพ้นตรุษจีนมาไม่นาน ก็ยังคงประดับธีมตรุษจีนอยู่เลยนะคะ

เจอคนมาถ่ายแบบ ถ่ายรูปเยอะมาก ๆ ค่ะ เป็นย่านชิค ๆ เก๋ ๆ ที่คนชอบถ่ายรูปควรมาอะ น่าจะถ่ายสนุกค่ะ

คิดว่า work from home จะมีเวลาอัพทริป เขียนโพสต์เยอะกว่านี้ซะอีกนะคะ 😦 ตามไปจิกได้ที่เพจนะคะ ^^”
https://www.facebook.com/thisiskeigo

[Taipei] Moshamanla Main Station

สวัสดีค่ะ วกกลับมาไต้หวันอีกแล้ว ฮาาาาาา

เปิดเริ่มทริปไต้หวันรอบนี้ด้วยที่พักก่อนนะคะ ทริปนี้เคโกะไปกับเพื่อน ๆ ไปแค่ 4 วันเองค่ะ เป็นทริปที่จัดว่าสั้นเลยแหละ เพราะปกติไปทีนึงก็จะหายไปสัปดาห์นึงเลยค่ะ และเพราะไปแค่ 4 วันเอง ก็เลยพักอยู่ที่เดียว ไม่ได้ย้ายที่พักเลยนะคะ

Hotel name : Moshamanla Hotel Main Station
City : Taipei, Taiwan
Location : https://goo.gl/maps/QwTKQ4GXqbE2uKqW7
Booking via : agoda
Room type : Deluxe Triple
Room rate : 7,266.99THB (3 nights)
Check-in date : 15 – 18 February 2020, 3 nights
Website : https://www.diaryoftaipei-mainstation.com/en-gb
Facebook page : https://www.facebook.com/Moshamanla Hotel摩莎曼拉精品旅店-台北車站館-212108835799445/

โรงแรมนี้เวลาเสิร์ชในกูเกิ้ลแม็พแล้วจะโชว์ขึ้นมาเป็นชื่อ Diary of Taipei Hetel ก็ไม่ต้องตกใจไปนะคะ คือที่เดียวกันค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเปลี่ยนชื่อโรงแรมไปจากชื่อไหนไปชื่อไหนหรือเปล่านะคะ

การเดินทางใช้ MRT ไปที่ Taipei Main Station ค่ะ แล้วเดินออก Exit Z10 ค่ะ แล้วเดินมาอีกนิดหน่อยก็ถึงแล้ว

พนง.โรงแรมพูดอังกฤษได้นะคะ รับฝากกระเป๋าได้ทั้งก่อนและหลังเช็คอินด้วยค่ะ

พวกเราจองไว้แบบไม่รวมอาหารเช้า เค้าก็จะให้มาแค่คีย์การ์ดค่ะ ไม่วายที่จะโฆษณาอาหารเช้าของเค้าด้วยนะว่าถ้าเพิ่มเงินก็จะได้อาหารเช้าด้วย

เปิดประตูเข้าห้องมา ห้องขนาดไม่ได้ใหญ่เวอร์วังค่ะ เป็นห้องขนาด 4 คนแหละ (แต่ทำไมในเว็บว่า 3 คนก็ไม่รู้นะคะ)

ตรงประตูห้องจะมีรองเท้าแตะสลิปเปอร์วางไว้ให้ 4 คู่ค่ะ

แล้วก็เป็นโต๊ะทำงาน ที่บนโต๊ะมีกาน้ำร้อนพร้อมชา และน้ำดื่มวางไว้ให้ 4 ขวด

ถัดไปก็เป็นตู้เสื้อผ้า มีเซฟเล็ก ๆ อยู่ในตู้ และด้านล่างสุดเป็นตู้เย็นไซส์เล็กค่ะ

มาดูเตียงนอนอีกรอบ เป็นเตียง double bed 2 เตียง ได้ 4 คนค่ะ

ผนังห้องตรงข้ามเตียงก็เป็นทีวีแบบติดฝาผนัง ช่องจีนล้วน ๆ ไม่มีอย่างอื่นปนเลยค่ะ 555

แล้วก็เป็นห้องน้ำ ที่เป็นทรงยาวไปตามห้อง แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจนด้วยประตูกระจกแบบเลื่อนค่ะ

ด้านข้างผนังหลังประตูห้องน้ำ มีไดร์เป่าผมให้ด้วย

แล้วก็ถ้วยตรงอ่างล้างหน้า ก็จะวางพวกแปรงสีฟัน มีดโกนหนวด ฯลฯ ไรงี้ค่ะ วางไว้รวม ๆ กัน แอบนับดูก็ไม่ได้ครบตามจำนวนคนนะ

ผ้าเช็ดตัววางไว้ให้อย่างละ 4 ผืนค่ะ ทั้งผืนเล็กและผืนใหญ่

ส่วนเปียกด้านในสุดก็จะมีแชมพูและครีมอาบน้ำแบบกดให้ใช้ ฝักบัวก็เป็นแบบน้ำอุ่นปรับเองค่ะ

นอกจากนี้ ชั้นล่างบริเวณล็อบบี้ของโรงแรม ก็มีห้องประชุมและห้องฟิตเนสด้วยค่ะ แต่มีเวลาเข้าใช้บริการอยู่ ซึ่งตรงนี้ไม่มีรายละเอียดนะคะ ^^”

สรุปเลยแล้วกันเนาะ

  • สิ่งแรกที่อยากจะบอกคือ ประตูห้องน้ำมีช่องว่างด้านบนนะคะ เผื่อใครกังวลเรื่องกลิ่นในห้องน้ำนะคะ
  • ยังอยู่ในห้องน้ำค่ะ ในห้องน้ำเองไม่มีพื้นที่วางของมากพอ เช่น ไม่มีที่วางเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนตอนอาบน้ำ และในห้องอาบน้ำเองก็ไม่มีพื้นที่วางขวดแชมพู ขวดต่าง ๆ ส่วนตัวค่ะ
  • ห้องค่อนข้างแคบ มีพื้นที่ว่างตรงปลายเตียงกับผนังห้องประมาณ 1 กระเป๋าเดินทางเปิดกางออกค่ะ คือถ้าเพื่อนจัดกระเป๋าอยู่ก็เดินผ่านไปไม่ได้เลยอะ
  • ฝากกระเป๋าไว้ได้ทั้งก่อนและหลังเข้าพักค่ะ ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย โดยพนง.จะเอาเชือกมามัดกระเป๋าพวกเราไว้ให้เป็นกองเดียวกันค่ะ แล้วจะให้ใบรับกระเป๋ามาเก็บไว้ 1 ใบ พอมาเอาคืนก็แค่ยื่นใบนี้ไปค่ะ
  • พนง.โรงแรมโอเคอยู่นะคะ พูดคุยดี คล่องแคล่วดีค่ะ
  • มีมินิมาร์ทอยู่ตรงข้ามด้วยค่ะ
  • โลเคชั่นจัดว่าดีอยู่นะคะ ใกล้รฟฟ. ใกล้ห้างช้อปปิ้งย่าน Taipei Main Station ด้วย
  • ทางออกรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือ Z10 แต่ไม่มีลิฟท์หรือบันไดเลื่อนนะคะ น่าจะซัก Z2 หรือ Z4 อะค่ะ ไม่แน่ใจนะ จะมีลิฟท์ค่ะ

โดยรวมแล้วโรงแรมนี้ก็โอเคอยู่นะคะ ^^

จริง ๆ โรงแรมนี้เคโกะเจอราคาต่ำกว่านี้ด้วยค่ะ คล้าย ๆ flash sale ไรงี้ แต่กว่าที่จะตกลงกับเพื่อน ๆ ได้ ราคาก็เปลี่ยนไปแล้วค่ะ ><” เพราะงั้นก็เทียบราคากันระหว่างหลาย ๆ เอเจนซี่ดี ๆ ก่อนจองด้วยนะคะ

https://web.facebook.com/thisiskeigo/

[Taiwan] Foodstuffs #10

สวัสดีค่ะ ปิดทริปไต้หวันรอบที่ 10 ด้วยของกินต่าง ๆ เช่นเคยนะคะ

วันแรกบินลงไต้หวันแล้วต่อรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปที่เมืองไถจง แล้วก็มีเพื่อนมารอรับที่นั่นค่ะ มื้อเย็นวันแรกเค้าพาไปกินที่ร้านอาหารร้านนึง มีอาหารหลากหลายให้เลือก แต่เคโกะเลือกแบบเบนโตะมา น่าจะสั่งง่ายสุดละ (เมนูจีนล้วนเช่นเคย และเพื่อนก็ช่วยแปลให้ได้ลำบากเช่นเคยเหมือนกัน ฮาาาา)

โดยรวมคืออร่อยค่ะ เยอะมากกกกกก เคโกะกินหมดคนเดียวแทบจุกอะ ><” แต่ร้านนี้ก็ไม่รู้ทั้งทำเลและราคานะคะ เพื่อนเลี้ยงค่ะ

ต่อมาเป็นร้านอาหารที่มีป้ายเชิญชวนเข้าร้านเป็นภาษาไทยด้วย ที่ Sun Moon Lake ค่ะ มีทางเข้าร้านสองทาง ด้านหน้าที่ติดกับถนนคนเดิน กะด้านหลัง เดินวน ๆ ไปก็จะเจอ เคโกะเดินเล่นวน ๆ ไป เลยเข้าด้านหลัง โดยที่ไม่รู้ว่าร้านนี้เดินผ่านมาแล้ว 5555

ร้านมีเมนูอังกฤษให้ มีเซทแบบทานคนเดียวให้เลือกด้วย ซึ่งร้านแบบนี้ส่วนใหญ่จะมากันเป็นกลุ่มค่ะ พอมีเซทคนเดียวให้เลือก ก็เลย เออ ดีแฮะ

กระบอกข้าวหลามข้าง ๆ ก็คือข้าวหลามนั่นแหละค่ะ ทำมาเหมือนกับบ้านเราเป๊ะเลย อาหารเซ็ทนี้เสิร์ฟมาไวมาก รสชาติดีใช้ได้ค่ะ (หลังจากนั้น ตอนที่เดินถนนคนเดินอยู่ ได้ยินกลุ่มคนไทยเม้าท์กันว่าร้านเดียวกันนี้แหละ ไม่อร่อยเลยยยย .. ก็ลิ้นใครลิ้นมันเนาะ ^^”)

เซ็ทนี้สนนราคา 190NTD ค่ะ

วันถัดมาที่ไปธีมพาร์คที่ Sun Moon Lake ก็ชิมไอศกรีมมิ้นท์ซะหน่อย โคนนี้ 70NTD มิ้นท์สะใจมากกก

มื้อเย็นวันนั้น เจ้าของที่พักเค้าเลี้ยงค่ะ เป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ร้านนี้เคโกะเคยมาทานแล้วแหละเมื่อครั้งก่อนนู้นนนนที่มา ยังอร่อยเหมือนเดิมค่ะ เนื้อเหนียวนุ่มกำลังดี อร่อยค่ะ

ที่ท่ารถผูหลี่ที่เคโกะรอต่อรถบัสไปชิงจิ้งนั้น ด้วยความที่ขี้เกียจเดินออกไปหาอะไรกิน ก็เลยซื้อขนมปังที่ร้านในท่ารถทานเอา ซึ่งเป็นขนมปังแข็ง ๆ รสชาติแย่มากค่ะ ก้อนนี้ 35NTD

ตัดฉับมาไวที่ตลาดกลางคืนชื่อหลิน (Shilin Night Market) มีร้านเห็นออรินจิย่างหลายร้านมากกกกก มีร้านยอดฮิตที่แถวยาวมากกกกกด้วย แต่เคโกะเลือกร้านที่ไม่มีคิวค่ะ คือ ก็ไม่อยากรอนานขนาดนั้นอะ T.T

ร้านนี้มีหลากหลายรสชาติให้เลือกด้วย (ก็คือผงปรุงรสที่ใส่ตอนที่ย่างเห็ดเสร็จแล้วนั่นแหละ) 1 เสิร์ฟ 150NTD ค่ะ คอเห็ดไม่ควรพลาด เห็ดอร่อยค่ะ

ต่อมาที่ร้านเส้นหมี่ค่ะ เค้าเรียกว่าเมี่ยนเสี้ยน (面线) เป็นร้านมิชลินสตาร์ค่ะ คิวยาวมากกก แต่ก็เสิร์ฟเร็วใช้ได้เลยแหละ ใกล้ ๆ ร้านมีคนยืนทานอยู่เยอะเลย มีถังขยะพร้อมทิ้งตรงนั้นด้วยค่ะ

ลักษณะก็คล้าย ๆ ราดหน้าเส้นหมี่นะ ส่วนตัวว่าร้านนี้อร่อยค่ะ แต่ยังไม่เคยไปทานร้านดังที่ซีเหมินติงนะคะ ขอไม่เทียบกันน้า ถ้วยนี้ราคา 30NTD ค่ะ เป็นถ้วยเล็กนะคะ

ต่อที่ซาลาเปาหมูสับอบโอ่ง เคยกินแบบนี้แล้วที่เมืองอื่น แล้วมันอร่อยมากค่ะ เจอร้านนี้เข้า มีคิวยาวด้วย คงอร่อยแน่นอน เลยยอมไปต่อคิวบ้าง ลูกละ 55NTD อร่อยสมการรอคอยค่ะ แต่ร้อนน้าาา ค่อย ๆ ทานค่ะ และด้านในมีซุปจากเนื้อหมูร้อน ๆ พอขลุกขลิกด้วย อาจเลอะเทอะได้ค่ะ

เย็นวันถัดมา เดินช้อปปิ้งอยู่แถว Taipei Main Station ก็หาร้านข้าวทาน ซึ่งเบื่อบะหมี่แล้วค่ะ เลยเลือกร้านนี้ สั่งมาเป็นข้าวผัดเนื้อ ราคา 70NTD

สั่งอาหารที่หน้าร้าน จ่ายเงินเลย เค้าจะให้เบอร์คิวมา แล้วก็คอยดูคิวจากหน้าครัวด้านในร้านค่ะ เค้าใส่กล่องให้เสร็จสรรพ แต่มีโต๊ะให้นั่งทานในร้านได้ ถ้าทานในร้าน ทานหมดแล้วก็มีถังขยะอยู่ด้านหน้าก่อนออกจากร้านค่ะ

ส่วนรสชาติ เคโกะว่าเฉย ๆ อะ ออกมันไปหน่อย ส่วนตัวชอบผัดแห้งกว่านี้ค่ะ

วันก่อนวันสุดท้ายไปเถาหยวน ระหว่างรอรถบัส ว่างมาก เพราะเวลาเหลือเยอะก่อนที่รถบัสจะมา เลยไปกดน้ำดื่มที่ตู้มาดื่มเล่นฆ่าเวลา คาลปิโก้บ้านเราหาไม่ได้แล้วเนอะ ก็เลยกดมาค่ะ ตัวนี้ลืมจดราคามานะคะ แหะๆ

ตอนเย็นกลับมาไทเปเร็ว เพราะต้องไปตามล่าบะหมี่เนื้อที่เค้าว่าอร่อยนักอร่อยหนาค่ะ ที่ร้านหย่งคัง (永康牛肉面) อยู่แถว MRT Dongmen ค่ะ เปิดทุกวันเว้นวันอังคาร ตั้งแต่ 11.00-21.00

มาคนเดียว สั่งแค่บะหมี่เนื้อชามเดียวก็เพียงพอแล้วค่ะ ชามนี้ราคา 240NTD ราคาดูสูงไปหน่อย แต่ถ้าเป็นคอเนื้อ อยากแนะนำให้มาค่ะ อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่ควรพลาดค่ะ

ปิดท้ายที่ป้ายเครื่องดื่มของตู้กดน้ำหน้าเกทที่สนามบินก่อนบินกลับไทยนะคะ มีเมนูไทยให้ด้วยอะ น่าเอ็นดู

โดยส่วนตัว เคโกะชอบน้ำรูทเบียร์ค่ะ แต่ที่อยากจะเตือนก็คือ น้ำอัดลมกระป๋องพวกนี้ เวลากดแล้วตัวกระป๋องโดนกระแทกตอนที่โดนกดหย่อนลงช่องรับสินค้า เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังในการเปิดกระป๋องนะคะ

เคโกะลืมคิดไป หยิบจากตู้ปุ๊บ เปิดปั๊บ ฟู่กระจายเลอะเทอะเลยอะ T.T

ปิดทริปไต้หวันครั้งที่ 10 ไว้ตรงนี้เลยนะคะ แล้วจะมาเปิดทริปไต้หวันครั้งที่ 11 เร็ว ๆ นี้ค่ะ อยากจะตั้งชื่อทริปให้ว่าเป็นทริปโควิดจริง ๆ เลย 5555

ฝากเพจด้วยค้าาา
https://web.facebook.com/thisiskeigo

[Taipei] Longshan Shi/Xingtian Temple/Xiahai City God Temple

สวัสดีค่ะ กลับมาต่อกันไว ๆ กับไต้หวันนะคะ อีกนิดเดียวน้าาา จะจบแล้วค่ะ ><“

โพสต์นี้จะพาไปไหว้พระที่วัดดังในไทเปกันแบบเร็ว ๆ 3 วัดด้วยกันค่ะ และที่ว่าเร็ว ๆ นั้นก็เป็นเพราะว่าตอนที่เคโกะไปไทเปนั้น ฝนตกตลอดเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่อยู่ต่างจังหวัดอากาศดี๊ดี ท้องฟ้าแจ่มใสตลอดเลยแท้ ๆ T.T

จำได้แม่นเลยค่ะว่าช่วงปีใหม่ 2018-2019 (ก็ที่เพิ่งผ่านมานี่แหละ) ดูคอนเสิร์ต Mayday (วงดนตรีไต้หวัน) ผ่านทีวีที่ถ่ายทอดสดจากไทเปอยู่ที่โฮสเทล แล้วเป็นเวทีกลางแจ้งอะ ก็เล่นคอนกลางสายฝน แฟน ๆ ก็เชียร์กันกลางสายฝนอย่างนั้นเลยค่ะ คนดูแลโฮสเทลยังบอกเลยว่า ที่ไทเปฝนตกทุกวัน ผิดกับที่ไถหนาน ที่อากาศสดใสมาก ๆ – -“

เพราะอากาศไม่เป็นใจ ก็เลยหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเร็ว ๆ ค่ะ เลยเป็นที่มาของการเล่าเรื่องแบบเร็ว ๆ นะคะ แหะๆ

Spot name : Lungshan Temple / Longshan Shi / Longshan Temple / 龍山寺
Google maps : https://goo.gl/maps/X7yjvqLDGDL5oBVm7
Transportation : MRT Longshanshi Station exit 1, aross the road
Entrance fee : Free
Opening hours : always open
Visited date : 1 Jan 2019

วัดนี้เคโกะไปมาน่าจะเป็นรอบที่ 3 แล้วค่ะ (รอบที่แล้ว อ่านได้ที่นี่นะคะ)

วันนั้นเคโกะนั่งรถไฟมาจากไถจงค่ะ แล้วแว้บไปซื้อของช้อปปิ้งก่อนแล้ว ถึงได้พุ่งมาวัดปิดท้ายค่ะ ก็เลยมาถึงดึกไปหน่อย แหะๆ

ทางวัดมีธูปแจกให้กราบไหว้ได้ฟรี ซึ่งได้ลดทอนการใช้ธูปลงเหลือเพียงแค่ดอกเดียวค่ะ

ไหว้พระเสร็จแล้ว เคโกะก็พุ่งเข้าไปด้านในต่ออย่างคุ้นเคย (ใช่สิ เธอมาแล้วครั้งนึงนี่นา 55)

ใช่แล้วค่ะ เคโกะมาหาเทพแห่งความรักหรือ 月下老人 (เยว่เซี่ยเหล่าเหริน) อีกแล้วค่ะ แหะๆ วันที่ไปฝนก็ตกปรอย ๆ นะ (อย่างที่บอกไปตอนต้นอะค่ะ ฝนตกตลอดเลย – -“) แต่คนก็ยังมาไหว้ขอพร ขอเนื้อคู่ บลาๆ กันอยู่อย่างเนืองแน่นเช่นเดิมค่ะ

คราวก่อนเคโกะมาถามคำถาม ได้คำตอบที่น่าตกใจไปแล้ว ปีนี้เคโกะก็กลับมาถามคำถามใหม่อีกครั้งค่ะ (ไม่ใช่คำถามเดิมน้าาา) ซึ่งคำตอบที่ได้ก็ตรงดีค่ะ ก็พอรู้คำตอบอยู่บ้างแล้วอะนะ แค่ขอความมั่นใจอะค่ะ 5555

แล้วก็ขอด้ายแดงมาพกอีกเช่นเคย

ก่อนออกจากวัด ก็แวะซื้อเครื่องรางสักหน่อย เจอแต่คนไทยทั้งนั้นเลยค่ะ 55555

ซื้อเครื่องรางเรื่องความรักมาให้เพื่อน 2 ชิ้น สำหรับเพื่อน 2 คน ส่วนตัวเองมีด้ายแดงพอแล้วค่ะ (555) เลยเอาเครื่องรางเรื่องขับขี่ปลอดภัยมาแทน (ไม่ได้อยู่ในรูป) สามชิ้นสนนราคา 90NTD ค่ะ แต่ราคาไม่เท่ากันนะคะ ระหว่างของเคโกะกับของเพื่อนอะค่ะ

เสร็จแล้วก็อ้อยอิ่งอยู่ที่ตลาดข้าง ๆ วัดค่ะ จะว่าไป มาที่นี่สองสามรอบแล้ว เพิ่งได้มาเดินตลาดก็วันนั้นแหละค่ะ

เจอลูกชิ้นปลาร้านนี้ คนต่อคิวเยอะมากกกกก ฝนตกยังไงคนเค้าก็ไม่หวั่นจริง ๆ ก็เลยต่อคิวบ้างค่ะ

ไม้ละ 10NTD ซื้อ 10 ไม้แถม 1 ไม้นะคะ

เบลอ ๆ นิดนึง ทั้งฝนตก ทั้งเดินไปด้วย ทานไปด้วยค่ะ

ดูแล้วน่าจะเป็นลูกชิ้นปลาขึ้นชื่อของตงก่าง ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นท่าเรือ+ตลาดปลาที่เมืองผิงตง ทางใต้ของไต้หวันนะคะ

เนื้อลูกชิ้นปลา เคโกะดูเค้าทำแล้ว (เค้าทำและทอดสด ๆ ตรงนั้นเลยค่ะ) เหมือนลูกชิ้นปลากราย แล้วใส่ไข่นกกระทาตรงกลางค่ะ ปั้นให้รียาวเหมือนลูกรักบี้ แล้วจึงนำไปทอด เสียบไม้พร้อมทานได้ค่ะ มีราดน้ำจิ้มนิดหน่อยเพื่อเพิ่มรสชาติ โดยส่วนตัวแล้วคืออร่อยดีค่ะ เนื้อเด้งดึ๋ง หนุบหนับได้อารมณ์ลูกชิ้นปลาจริง ๆ ไม่แป้งค่ะ

จากนั้นเคโกะก็จะไปต่ออีกวัดนึง แต่ว่าวัดปิดแล้วค่ะ –ไม่รู้เอาอะไรคิดว่าดึกแล้ววัดจะยังเปิดอยู่น่ะ – -“

แล้วก็เลยเปลี่ยนใจ กลับที่พักค่ะ ไว้ค่อยไปต่ออีก 2 วัดที่เหลือในวันรุ่งขึ้นค่ะ

Spot name : Hsing Tian Kong / Xingtian temple / 行天宮
Google maps : https://goo.gl/maps/Aznqyorsn7NizMY7A
Transportation : MRT Xingtian Temple exit 3, walk straight on the road, temple is at intersection
Entrance fee : Free
Opening hours : 6:00 AM – 10:00 PM
Visited date : 2 Jan 2019

เลี่ยงมาตอนเช้าแทน เพื่อให้ชัวร์ว่าวัดยังเปิดอยู่แน่ ๆ แต่ก็มาเจอกับการสวดมนต์เช้าแทนค่ะ

ท่ามกลางฝนพรำ ๆ เช่นเคย

ด้านในอุโบสถ ก็มีทั้งพระและพุทธศาสนิกชนทั้งนั่งและยืนสวดมนต์กันอยู่อย่างพร้อมเพรียงค่ะ

เคโกะยืนรีรออยู่พักใหญ่ ไม่ทราบเลยว่าเค้าสวดกันนานแค่ไหนค่ะ แต่สุดท้ายแล้ว ก็ขออนุญาตแอบยืนไหว้จากด้านหลัง แล้วก็ออกค่ะ รอไม่ไหวจริงๆ T.T

Xing Tian Temple หรือวัดสิงเทียนนี้นะคะ เป็นวัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของไต้หวันค่ะ มีทั้งหมด 3 สาขา อีกสองสาขาจะอยู่ที่ Beitou และ Sanxia (รู้จักกันในชื่อ Xing Xiu Temple) สาขานี้เป็นสาขาที่มีอายุน้อยกว่า แต่กลับมีชื่อเสียงมากกว่า อาจจะเพราะด้วยการเดินทางที่สะดวกกว่าค่ะ

วัดนี้จะโดดเด่นเรื่องการทำนายดูดวงไรงี้อะค่ะ ว่ากันว่าดูได้แม่นทีเดียวค่ะ ส่วนตัวก็ยังไม่เคยลองนะคะ ^^”

ต่อไปเป็นวัดที่เคโกะไปตอนกลางคืนเมื่อวาน แล้วปิดค่ะ ^^”

Spot name : Taipei Xiahai City God Temple / Taipei Xia Hai Cheng huang miao / 台北霞海城隍廟
Google maps : https://goo.gl/maps/1ZspJrDNbrsXm5Yz9
Transportation : MRT Beimen station exit 3, walk straight on the Tacheng street about 10-15 minutes
Entrance fee : Free
Opening hours : 6.16AM-7.47PM
Visited date : 2 Jan 2019

ลักษณะก็จะเป็นศาลเจ้าเก่า ๆ หน่อยค่ะ อยู่ใกล้ ๆ กับตลาดสดเลย ใกล้ ๆ ก็จะมีลักษณะเป็นตึกเก่าด้วยนะคะ

ฝนตกพรำ ๆ เช่นเคย มีรูป 1 รูปถ้วน ฮาาาา

สำหรับที่วัดนี้ จะเด่นเรื่องขอพรความรักเนื้อคู่อะไรงี้ค่ะ

ซึ่งวิธีการก็คือ จะต้องซื้อชุดไหว้ที่มีเครื่องรางกับทางเจ้าหน้าที่วัดก่อน แล้วจึงไหว้พระรวมถึงขอเนื้อคู่ ขอพรกับเทพแห่งความรัก ด้วยค่ะ แล้วจึงปักธูปลงในกระถางที่เค้าจัดไว้ให้ เสร็จแล้วจึงนำเครื่องรางมาวนรอบกระถางธูป 3 รอบแล้วพกติดตัวไว้ เอากระดาษไหว้ไปวางไว้ในที่ที่ทางวัดจัดไว้ให้ค่ะ เค้าจะนำไปเผาให้เราเอง

วันที่เคโกะไป อย่างที่บอกนะคะว่าฝนตก ก็เลยไม่ได้ไหว้อะไรจริงจังเบอร์นั้นนะคะ อาศัยไหว้ธรรมดา ๆ เอาค่ะ ก่อนที่จะกลับไปที่พัก เพื่อไปสนามบิน กลับไทยแล้วค่ะ

โพสต์หน้าเป็นโพสต์สุดท้ายของทริปไต้หวันแล้วค่ะ กว่าจะโพสต์ครบจบทริปได้ก็กลางปีเข้าไปแล้ว T.T แง~
https://www.facebook.com/thisiskeigo/