[Tokyo] Hiromas Hostel in Ueno

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้ตัดอารมณ์มาญี่ปุ่นบ้างเนอะ ต่อไต้หวันกันยาว ๆ กลัวจะเบื่อค่ะ แหะๆ

โพสต์นี้จะเล่าถึงโฮสเทลแรกที่เคยพักในญี่ปุ่นเลยค่ะ ไปมาหลายหนแต่ยังไม่เคยพักโฮสเทลเลยแหละ

Hostel name : Hiromas Hostel in Ueno
City : Ueno, Tokyo, Japan
Location : https://g.page/hiromas-ueno?share
Booking via : booking.com
Room type : Bed in 20-bed Female Dormitory Room
Room rate : 3,645Y (pre-paid in 1,050BHT)
Check-in date : 29-30 Dec 2019, 1 night
Website : https://hiromas.net/ueno/en/

โฮสเทลนี้อยู่ใกล้กับสถานีอุเอโนะเลยค่ะ ก็สะดวกดี แต่ว่าก็ไม่ได้ใกล้อะไรขนาดนั้นค่ะ เดินไปราว ๆ 10-20 นาที ขึ้นอยู่กับว่าจะไปตรงไหนของสถานีอุเอโนะเนาะ อย่างถ้าจะไป JR Ueno ก็จะราว ๆ 10 นาทีค่ะ แต่ถ้าจะเดินไป Keisei Ueno ก็จะประมาณ 20 นาทีไรงี้

เคโกะเดินเท้าไปจากอีกโรงแรมนึงแถว ๆ อุเอโนะ (คนละซีกกับโฮสเทลนี้นะคะ) ปากซอยมีลายน่ารักบนทางเท้าด้วย

เป็นถนนที่ชื่อว่า Kappabashihon ล่ะค่ะ ก็เลยมีลายกัปปะบนพื้น ส่วนภาษาญี่ปุ่นข้าง ๆ ก็คือทางลัดไปอาซะกุสะค่ะ

จากปากซอย เดินมาอีกนิดนึงก็ถึงแล้วค่ะ

สตาฟโฮสเทลพูดอังกฤษได้ดีทุกคนเลยค่ะ ฝากกระเป๋าก่อนเข้าพักได้ด้วย

ด้านหน้าเคาน์เตอร์เช็คอิน มีชั้นวางหนังสือนำเที่ยวหลากหลายแนว มีภาษาไทยด้วยล่ะ

ส่วนกลางมีโต๊ะนั่งกว้างขวาง เพียบเลยค่ะ และมีส่วนครัวเล็ก ๆ ซึ่งตรงนี้จะอยู่ชั้นล่าง ก่อนถึงเคาน์เตอร์เช็คอินทั้งหมดค่ะ

ใกล้ ๆ กันมีตู้กดน้ำหยอดเหรียญด้วยนะ

พอเช็คอินแล้ว เค้าจะให้การ์ดมา 1 ใบ จะมีพาสเวิร์ดเข้าห้องอยู่ค่ะ เพราะเคโกะพักห้องผู้หญิงล้วนเนอะ ก็ต้องมีพาสเวิร์ดเข้าห้องเพื่อความปลอดภัยค่ะ

ห้องจะเป็นห้องใหญ่ ๆ เลย แล้วแบ่งเป็นเตียงยิบย่อย 20 เตียง แบบ 2 ชั้น มีม่านปิดให้ทุกเตียงเพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ

ในห้องนอนเองเค้าแบ่งสัดส่วนไว้ค่อนข้างดีค่ะ มีราวแขวนเสื้อให้ริมห้องสุดเลย มีเบอร์ห้องแปะไว้ที่ไม้แขวนเสื้อทุกอันสำหรับทุกเตียงค่ะ มีรองเท้าแตะให้ใช้ (จะมีติดไว้ว่าฟรี –หมายถึงของโฮสเทลค่ะ) ส่วนล็อคเกอร์ก็จะเป็นระบบแบบตั้งพาสเวิร์ดเอาเอง ซึ่งเป็นตู้ใหญ่อยู่ แต่เคโกะก็ยัดกระเป๋าเดินทางและกระเป๋าอื่น ๆ เข้าไปทั้งหมดไม่ได้อยู่ดีค่ะ ฮาาาา

ส่วนที่นอน มีล็อคเกอร์อันเล็กเหนือหัวให้ใช้เช่นกัน ระบบเดียวกับล็อคเกอร์ใหญ่ที่อยู่นอกเตียงเลยนะคะ

ข้าง ๆ เตียงเป็นชั้นแบบพับได้ค่ะ สามารถยกขึ้นมาตั้งไว้เป็นที่วางของกรุบกริบเบา ๆ ได้อีกด้วย

ส่วนห้องน้ำไม่มีรูปง่ะ แต่เป็นห้องน้ำในตัวค่ะ ใช้รวม ๆ กัน แบ่งชัดเจนว่าห้องอาบน้ำและห้องส้วมเลยค่ะ ซึ่งสะอาดสะอ้านดี มีอุปกรณ์ให้ใช้ครบครันด้วยค่ะ

สรุปเลยแล้วกันเนอะ

  • โลเคชั่นจัดว่าไม่ได้ดีเวอร์มาก แต่ก็ไม่ได้แย่เกินไป ใกล้สถานีอุเอโนะ (ใกล้ JR ที่สุดค่ะ) แต่โดยรวมถือว่าดีแล้ว คุ้มกับราคาที่จ่ายไปอะค่ะ
  • มีความปลอดภัยที่ถือว่าดีมาก ไม่มีการเปิดประตูห้องค้างไว้แบบที่เคยเห็นในโฮสเทลไต้หวันเลยนะคะ (ฮาาา)
  • สตาฟพูดอังกฤษได้ดีและชัดเจนค่ะ อธิบายกฎกติกาเข้าพักได้ชัดเจนดีด้วย
  • ที่พักสะอาด ห้องน้ำสะอาดดีเยี่ยมเลยค่ะ
  • มีผ้าเช็ดตัวให้ด้วย มีแชมพู สบู่ให้ใช้ในห้องน้ำด้วยค่ะ มีไดร์เป่าผม ครบครันมาก
  • มีไวไฟบริการ ความเร็วดีอยู่ค่ะ

โดยรวมแล้วประทับใจเลยแหละ เป็นที่พักโฮสเทลที่ดีที่นึงเลยค่ะ แนะนำนะคะ ^^

ฝากเพจด้วยค้าาาา
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

Centurion Hotel Ueno

สวัสดีค่ะ กลัวจะเบื่อไต้หวันกันเพราะโพสต์ซะรัว ๆ เลย ^^” ก็เลยขอตัดสลับมาญี่ปุ่นนิดนึงนะคะ

Hotel name : Centurion Hotel Ueno
City : Tokyo, Japan
Location : https://goo.gl/maps/4PVegBmdVAW5m8F9A
Booking via : booking.com
Room type : Queen Room – non smoking with extra bed
Room rate : 66,690Y (4 nights)
Check-in date : 16 – 20 Feb 2019, 4 nights
Website : http://www.centurion-hotel.com/ueno/lang/en/

อยากจะบอกว่าที่ตั้งของโรงแรมนี้คือดีงามมาก ๆ ค่ะ ใกล้ย่านช้อปปิ้งในอุเอโนะอย่าง Ameyoko แล้วใกล้ ๆ ก็มี Don Quijote และ ตึกม่วงอย่าง Takeya อีกด้วย และมากไปกว่านั้นก็คือ ใกล้รถไฟฟ้าอยู่ 2 สถานี อย่าง Yushima และ Ueno-Okachimachi แต่ถ้าหากเดินต่อไปอีกนิด ก็จะมีสถานี Okachimachi อีก อีกทั้งก็ไม่ได้ไกลเกินเดินไปยังสถานี Ueno ด้วยค่ะ ถ้าหากนั่งรถไฟ Keisei Skyliner จากสนามบินนาริตะมาก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องต่อรถอะไรอีกให้ลำบากเลยล่ะค่ะ

ปูข้อดีกันมาขนาดนี้แล้วว มาดูกันนะว่าโรงแรมนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง

โรงแรมนี้มีทั้งหมด 2 ตึก ตึกที่เราต้องไปเช็คอินก็คือตึกที่ไม่มี Family Mart ใต้ตึกค่ะ กระจกทางเข้าจะเป็นโค้ง ๆ และขึ้นบันไดเลื่อนไปจะเจอกับล็อบบี้โรงแรมเพื่อทำการเช็คอิน

จริง ๆ โรงแรมมีบริการอาหารเช้า (คิดค่าบริการเพิ่ม) แต่เคโกะจองมาแบบไม่รับอาหารเช้าค่ะ พนง. พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก ๆ เลย อธิบายการระเบียบการเข้าพักต่าง ๆ ให้พวกเราอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งห้องพักของพวกเราจะอยู่อีกตึกนึงที่มี Family Mart ใต้ตึกค่ะ ดีงามไปอีก ก็จะมีขนมกินตลอดที่เราพักที่นี่เลยนะ (555)

ด้านหน้าตึกมีคีย์การ์ดที่เราจะต้องแปะบัตร แล้วประตูอาคารจึงจะเปิดให้เราเข้าไปในตัวอาคารได้ค่ะ แต่จากภายในก็ไม่ต้องใช้คีย์การ์ดนะคะ

เปิดห้องเข้ามา จะเป็นทางเดินแคบ ๆ จนสุดมุมห้องจะมีไม้แขวนเสื้อตั้งพื้น พร้อมด้วยเสื้อคลุมให้ตามจำนวนคนเข้าพัก ซึ่งพวกเราก็อาศัยแขวนเสื้อกันหนาว และวางกระเป๋าเดินทางพวกเราไว้แถว ๆ นี้กัน

หันกลับไปที่ประตูห้องก็จะประมาณนี้

บนบานประตูห้องมีแผ่นป้ายที่ให้เราแปะหน้าประตูด้วยว่า Clean up room หรือ Do not disturb ค่ะ ซึ่งตอนที่พนง.โรงแรมอธิบายให้เราฟัง เราก็ฟังกันเข้าใจนะ แต่เราหาป้ายนี้ไม่เจอ พอเจอก็งงว่าทำไมไปติดอยู่บนประตู แกะก็ไม่ออกค่ะ มารู้เอาวันสุดท้ายคือเป็นแบบแม่เหล็ก แค่หยิบออกมาก็หลุดเลย เอิ่ม…….

แต่ว่า default ของโรงแรมก็คือทำความสะอาดให้ทุกวันค่ะ แต่สิ่งที่เค้าจะไม่แตะก็คือเตียง เค้าไม่ได้ทำเตียงใหม่ให้ทุกวันนะคะ

ใกล้ ๆ กันกับไม้แขวนเสื้อตั้งพื้น ก็จะมีเครื่องฟอกอากาศตัวเล็กตั้งพื้นอยู่ แต่ว่าพวกเราก็ไม่ได้เปิดใช้ค่ะ

ด้านขวามือ ถ้าเราหันเข้าไปในห้อง ก็จะเป็นห้องน้ำขนาดเล็ก ตามสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ ^^”

มีม่านกั้นแยกส่วนเปียก (อ่างอาบน้ำ) และส่วนแห้ง

เปิดม่านออกให้ดูบริเวณอ่างอาบน้ำนะคะ

เงาสะท้อนในกระจกก็มองผ่าน ๆ ไปแล้วกันนะคะ –เคโกะรีบ ๆ ถ่ายรูปด้วยอะ เลยยังไม่ได้ถอดเสื้อกันหนาวเลยค่ะ ><“

ซูมให้ดูตรงชั้นวางตรงอ่างอาบน้ำ มีให้ครบทั้งแชมพู ครีมนวดและครีมอาบน้ำเลยค่ะ

ส่วนตรงอ่างล้างหน้า ก็จะมีครีมโลชั่นต่าง ๆ วางไว้ให้ใช้เช่นกัน

amenities ก็พร้อมสรรพค่ะ

คือมันก็หลีกเลี่ยงเงาสะท้อนในกระจกไม่ได้อะนะ แหะๆ

ออกมาจากห้องน้ำบ้าง บนกำแพงก็จะมีทีวีจอแบนแขวนผนังอยู่ ซึ่งพวกเราก็ไม่ได้เปิดเลยค่ะ

ใกล้ ๆ ก็เป็นโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ

หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง มีถังน้ำแข็งและแก้วน้ำตามจำนวนคนเช่นกัน วางไว้ให้บริการด้วย

ปิดท้ายที่เตียงนอนค่ะ จองห้องมา 3 คน ซึ่งจริง ๆ ก็คือห้อง 2 คนแล้วปรับจากโซฟาในห้องนอนเป็นเตียงนอนสำหรับคนที่ 3 นั่นเอง

เตียงนอนหลักในห้องก็จะเป็นแบบ double bed นะคะ ชอบตรงหัวเตียงมีพื้นที่ให้พอวางอะไรกรุบกริบนิดหน่อยด้วย มีสวิตซ์ไฟอยู่ตรงนี้ด้วยค่ะ ปรับแสงสว่าง/มืดได้ตามใจชอบด้วย

เตียงที่ 3 ก็จะจัดให้อยู่ข้าง ๆ ค่ะ ก็ขนาดพอเหมาะกำลังดีสำหรับ 1 คนล่ะนะคะ

จัดหมอนไว้ฝั่งกำแพง เลยแซวกันอยู่กับเพื่อนว่า แล้วจะต้องหันเท้ามาหาเพื่อนหรอ 5555 สุดท้ายก็เลยกลับฝั่งหมอนค่ะ ย้ายมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียงแทน

สรุปเลยนะคะ

  • location คือดีงามมากกกก ได้ทั้งช้อปปิ้ง ได้ทั้งเที่ยวค่ะ ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง ใกล้สถานีรถไฟ เดินทางสะดวกมาก ๆ
  • ใต้ตึกมีมินิมาร์ทอยู่ และรอบ ๆ ก็มีร้านอาหาร ร้านค้าอะไรต่าง ๆ เพียบเลยค่ะ รวมไปถึงร้านเหล้า สำหรับนักท่องราตรีด้วยนะคะ ^^”
  • พนง. อัธยาศัยดีค่ะ พูดอังกฤษคล่อง ในวันเช็คเอาท์ พวกเราออกมาเจอกับพนง.ที่มาทำความสะอาดพอดี เค้าก็ทักทายเราอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสดีค่ะ
  • ขั้นตอนการเช็คอิน-เช็คเอาท์ง่าย สะดวกดีค่ะ อย่างตอนเช็คเอาท์ก็แค่หย่อนบัตรห้องลงไปในกล่องที่อยู่ในลิฟท์ก็เป็นอันเรียบร้อยค่ะ

โดยรวมก็จัดว่าเป็นโรงแรมในย่านที่ดี แนะนำเลยค่ะ

เจอกันใหม่ในโพสต์ถัดไปนะคะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/