[Shanghai] ZhuJiaJiao Water Town

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้น่าจะเป็นไฮไลต์ของทริปนี้เลยนะคะ ^^”

คือ ต้องเล่าก่อนว่า ตอนที่หาข้อมูลมาเซี่ยงไฮ้นี้ ส่วนใหญ่ก็จะแนะนำให้มานั่งเรือล่องไปตามแม่น้ำ ซึ่งที่ใกล้และเดินทางสะดวกในเซี่ยงไฮ้ก็คือที่นี่ค่ะ ที่ Zhujiajiao (ถอดเสียงภาษาไทยได้ว่า จูเจียเจี่ยว นะคะ) ซึ่งจริง ๆ อย่างที่เคโกะโพสต์ไปแล้วว่าในเมืองซูโจวก็มี แต่ที่นี่ก็ดูจะเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมไรงี้ เคโกะก็เลยขอมาลองนั่งเรือที่นี่ที่เดียวพอ เพราะงั้นตลอดทั้งทริปที่อยู่ในเมืองซูโจว ก็เลยจะไม่นั่งเรือนะคะ เดี๋ยวมันจะยิ่งซ้ำซ้อนไปอีกอะ (แค่นี้ก็ซ้ำซากมากพอแล้ว ฮาาาา)

ที่นี่ก็จะไกลจากตัวเมืองนิดนึงนะคะ แต่เคโกะว่าคุ้มที่ถ่อมาอะ

Spot name : ZhuJiaJiao / Zhujiajiao Water Town / 朱家角 / 朱家角古镇
Google maps : https://goo.gl/maps/aF95hBsPsP52
Transportation : Metro line 17 to Zhujiajiao Station, exit 1 and walk around 15 min
Entrance fee : free
Opening hours : 8.30-16.30
Visited date : 12 Nov 2018
More information : https://www.travelchinaguide.com/attraction/shanghai/zhujiajiao.htm

อย่างที่บอกค่ะ ว่าค่อนข้างไกล ค่าเมโทร 8RMB นะคะ มาถึงแล้วก็ออก exit 1 แล้วเดินไปตามทางที่มีป้ายบอกค่ะ เดินมาจนถึงปากทางเข้าก็จะมีป้ายต้อนรับแบบนี้อยู่ ถ้าจำไม่ผิดจะมีรถถีบสามล้อรออยู่อีกฝั่งถนนนึงที่ต้องเดินไปด้วยนะ ถ้าไม่อยากเดินก็เรียกรถให้ถีบไปส่งได้ค่ะ

จากป้ายด้านบนนี้ ปากทางคือฝั่งตรงข้าม ต้องข้ามถนนไปอีกฝั่งนึงแล้วเดินตรงไปยาว ๆ ได้เลยค่ะ ระยะทางก็ประมาณซัก 3 ท้อใจเอ๊งงงง…

เดินมาเรื่อย ๆ แล้วก็ถึงในที่สุดค่ะ

ด้วยความที่ข้อมูลที่ได้มาก็คือ ปิดค่อนข้างเร็ว ก็เลยมาแต่เช้า เลยทำให้ดูเงียบเหงาไปหน่อยค่ะ เดินเก้ ๆ กัง ๆ หาที่ขายตั๋วอยู่พักนึงเหมือนกันกว่าจะเจอ ก็จะมีป้ายคล้ายขายทัวร์อะค่ะ อยู่ด้านหน้า ก็เดินเข้าไปถามพนง.ด้านในได้เลย

จริง ๆ แล้วที่นี่เดินเที่ยวได้ฟรีเลย แต่บางสถานที่ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มค่ะ อย่างเช่นสถานที่ที่เค้าว่าเป็น scenic spot หรือเรือล่องแม่น้ำก็ตามค่ะ วิธีเที่ยวอย่างประหยัดและคุ้มค่าหน่อยก็จะเป็น 1-day pass ราคา 80RMB ที่เคโกะซื้อมาค่ะ

สิ่งที่ได้มาก็จะมีคูปอง ซึ่งด้านข้างจะมีตั๋วฉีกออกได้ 9 ใบสำหรับแต่ละสถานที่ค่ะ และมีแผนที่ให้แผ่นนึง

เดี๋ยวเคโกะมาสรุปตอนท้ายให้นะว่าพาสตัวนี้คุ้มมั้ย

เริ่มต้นด้วยการกางแผนที่ออกมาอย่างงง ๆ แต่ก็เดิน ๆ ไปก่อนด้วย จริง ๆ แล้วจากแผนที่ เราสามารถเดินให้เป็นวงกลมได้ค่ะ ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา ก็ดูสะดวกดีนะ

เส้นทางก็จะเป็นถนนคนเดินที่สองข้างทางขายของกิน ของที่ระลึก ของใช้ต่าง ๆ รายเรียงไปตลอดทางค่ะ และจุดที่ต้องใช้คูปองต่าง ๆ หรือจุดท่องเที่ยวทั้ง 8+1 นั้น ก็จะอยู่ตามเส้นทางที่เดินไปเป็นวงกลมนั่นแหละค่ะ อาจจะมีออกนอกเส้นทางนิดนึง แต่ก็ไม่ได้ไกลอะไรนัก

เคโกะพยายามถ่ายรูปให้ครบทั้ง 8 จุดมา (อีก 1 คือตั๋วล่องเรือนะคะ) แต่บางที่ก็ไม่รู้จะถ่ายอะไรให้น่าสนใจจริง ๆ อะ ><“

เริ่มกันเลยค่ะ เริ่มจากถนนคนเดินก่อนนะ

มีร้านขายของกินของใช้สลับเรียงกันไปเรื่อย ๆ ค่ะ

แล้วก็เดินมาหยุดอยู่กลางสะพานค่ะ ตรงนี้จะเป็นช่วงกว้างของแม่น้ำ มีเรือจอดเทียบท่ารอรับนักท่องเที่ยวอยู่ ดูแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้อะ

zoom out นิดนึงนะ

เดินต่อไปตามถนนแคบ ๆ ที่เลียบคลองค่ะ

จุดแรกที่แวะชมก็คือ Kezhi Garden (ไม่พ้นเดินสวนอีกแล้ว T.T)

เคโกะว่าลักษณะเป็นบ้านสมัยก่อนมากกว่าอะค่ะ มีเรือนบ้านแล้วก็สวนกว้าง ๆ รอบบริเวณตัวบ้านอะ

ห้องต่าง ๆ ในบ้านก็จัดแสดงแต่ละเรื่องราวไปต่าง ๆ กันค่ะ ซึ่งแสดงวิถีชีวิตของคนสมัยก่อน อย่างห้องนี้ก็คือจำลองเป็นห้องเรียน มีกระดาษ พู่กัน ที่ฝนหมึกแบบที่เคยเห็นในละครย้อนยุคเลยแหละ

พ้นจากตัวเรือน ก็จะเป็นสวนค่ะ

บ้านสมัยก่อนของคนจีน มักจะมีสระน้ำอยู่ในบริเวณบ้านเสมอเลยนะคะ

ออกมาจาก Keshi Garden แล้วก็จะมี Art Gallery ที่อยู่ใกล้ ๆ สามารถเข้าชมได้โดยใช้พาสหรือคูปองที่เราซื้อมาค่ะ ภายในไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะเป็นการจัดแสดงภาพเขียน ไม่แน่ใจว่าถ่ายรูปได้มั้ย เลยไม่ถ่ายมานะคะ

แล้วก็เดินต่อไปค่ะ จุดต่อไปก็คือท่าเรือซึ่งก็อยู่ใกล้ ๆ กันนี่แหละ แต่จะเป็นท่าเรือเฉพาะของคนที่ซื้อพาสตัวนี้มาค่ะ จะมีสัญลักษณ์บอกอยู่ตรงท่าเรือนะคะ

ด้วยความที่มาคนเดียว ก็จะเหวอ ๆ หน่อย ๆ เพราะคนอื่นเค้าก็มากันเป็นกลุ่ม พนง.ท่าเรือถึงกับบอกให้รอซัก 20 นาทีเลยค่ะ (คงกะว่าถ้าไม่มีคนมาจอยเรือด้วย ก็ให้ถอดใจไม่นั่งเรือไปซะเองมั้งนะ 555)

แต่สุดท้ายก็มีกรุ๊ปทัวร์ต่างชาติกรุ๊ปนึงมาพอดี เลยได้ยัดลงไปในเรือลำเดียวกะพวกเค้าด้วย ^^”

ก็จะมีคนพายเรือให้ ล่องไปตามลำคลอง ออกแม่น้ำและไปสิ้นสุดที่ท่าน้ำอีกท่านึง ใกล้ ๆ กันค่ะ (มีระบุให้บนแผนที่ ดูควบคู่ไปด้วยได้ ไม่หลงออกนอกเส้นทางแน่ค่ะ)

ระหว่างทางก็จะผ่านอะไรต่าง ๆ ซึ่งคนพายเรือไม่มีบรรยายให้นะคะว่าอะไรคืออะไร – -“

ก็ดูวิวไปละกันเนอะ ^^”

รูปสุดท้ายก็จะเป็นบริเวณท่าเรือที่ขึ้นเรือมาค่ะ เดินออกจากท่าเรือแล้วก็จะเป็นตรอกคนเดินที่มีร้านค้ามากมายเช่นเคย

เดินผ่านร้านขายผลไม้เคลือบน้ำตาลเสียบไม้ขายอยู่ ดูมีหลายอย่างน่าทาน ประกอบกับฝังใจจากหนังสือเรียนมา จะพูดถึงเจ้าขนมนี่บ่อยมาก ถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นคนไม่กินหวานเลย ก็ยังอดใจซื้อมาชิมดูไม่ได้ค่ะ

เจ้านี่เรียกว่า ถางหูลู่ (糖葫芦) ไม้นี้ 15RMB ค่ะ

ส่วนรสชาตินั้น … มันก็คือผลไม้เคลือบน้ำตาลที่ค่อนข้างหนาอ่ะค่ะ แล้วน้ำตาลก็จะแข็งตัวหน่อย กัดลงไปก็จะแข็ง ๆ แต่มีความกรอบของน้ำตาลที่เคลือบไว้ ส่วนผลไม้ด้านในก็คือผลไม้สดเลย รสก็จะเป็นผลไม้สดอะค่ะ เคี้ยวไม่ดี น้ำตาลก็หล่นกระจายค่ะ (พลาดมาแล้ว แหะๆ)

ก็ชิมเอาความสบายใจ และเคลียร์ความคาใจจากหนังสือเรียนไปอะค่ะ ถ้าให้กินอีกก็ไม่แล้ว ไม่ชอบกินของหวาน ๆ ค่ะ ><~

จากนั้นก็เดินตามคูปองจุดท่องเที่ยวที่เหลือที่มาในพาสนะคะ ตรงนี้ไม่ขอไล่เรียงละกันเนอะ (เอาตรง ๆ ก็คือ รูปไม่ครบ และลืมแล้ว ฮาาาาา)

ตรงนี้น่าจะเป็น City God Temple ค่ะ ถ้าไม่ซื้อพาส ก็มีค่าเข้าวัดเช่นเคย แต่ด้านในดูค่อนข้างรกร้าง แทบไม่มีคนมากราบไหว้ขอพรอะไรเลยค่ะ ดูไม่มีอะไรน่าสนใจเลยด้วย

ส่วนตรงนี้เป็น Qing Dynasty Post Office ค่ะ เห็นว่าเป็นที่ทำการไปรษณีย์ตั้งแต่ดั้งเดิมยุคเก่า (เดาว่ายุคชิง ตามชื่อนะ) นู้นเลยค่ะ ด้านในจัดแสดงประวัติความเป็นมาของไปรษณีย์ และโชว์แสตมป์และโปสการ์ดเก่า ๆ ให้ดูค่ะ

ด้านหน้าก็ดูเก่าจริงนะ ^^”

ด้านในค่อนข้างมืด เลยเก็บภาพโปสการ์ดที่เค้าโชว์ไว้มาให้ดูรูปนึงค่ะ ^^”

มีร้านขายยาโบราณร้านนึงที่ก็น่าสนใจค่ะ ยังจัดแสดงร้านขายยาตามแบบฉบับโบราณอยู่ได้อย่างครบถ้วนทีเดียวค่ะ

มีอีก 2-3 ที่ที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ซึ่งจะมีแกลอรีอาร์ทอีกที่นึงค่ะ แต่จะจัดแสดงศิลปะที่ดูเป็นแนว abstract ค่ะ ค่อนข้างเข้าใจยากทีเดียว แล้วก็มีร้านแสดงผลงานแฮนด์เมดด้วย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเป็นอะไรที่ชอบแนว diy มากเลยนะ แต่น่าเสียดายค่ะ ผลงานที่โชว์ทำไว้ดี แต่กลับไม่น่าสนใจเท่าที่ควร และสินค้าที่ขายก็ไม่ได้น่าสนใจด้วยเช่นกัน

ระหว่างทางที่ไปไปรษณีย์นั้น จะมีร้านให้เช่าชุดจีนย้อนยุคและบริการถ่ายรูปด้วย ตรงนี้จะเป็นบริเวณที่มีร้านหลายร้าน และดูคึกคักมากเลยค่ะ

แอบถ่ายมา ^^”

ปิดท้ายด้วยไส้กรอกไม้แถว ๆ นั้นละกันค่ะ เห็นเด็ก ๆ นักเรียนที่มาทัศนศึกษาถือกันเยอะ เลยหลอนตาม ไปซื้อมาชิมบ้าง

มันก็เป็นไส้กรอกธรรมดา แบบบ้านเราล่ะนะ แต่เค้าจะยาวกว่าและบากออกเยอะ พอทอดแล้วก็จะบาน ๆ ออก ดูน่าสนใจขึ้น และโรยด้วยผงปรุงรสค่ะ ไม้ละ 13 RMB

สรุปกับ Zhujiajiao นะคะ

  • เริ่มที่ตัวพาส 80RMB ก่อนเลยค่ะ โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ เพราะจุดท่องเที่ยว 8 จุดนั้น ไม่ได้น่าสนใจซะทีเดียว และเรือที่ได้นั่งล่องแม่น้ำนั้นก็ค่อนข้างสั้นไปหน่อยค่ะ สู้ไปจ่ายค่าเรืออย่างเดียวเลยน่าจะดีกว่า อาจจะนั่งเรือได้เพลิน ๆ กว่านี้ค่ะ
  • เป็นจุดท่องเที่ยวแนวอนุรักษ์นิยมจุดเดียวในทริปนี้ที่มีความเป็นตะวันตกเข้ามาแทรกอยู่เยอะ ที่นี่จะพบเห็นร้านกาแฟสไตล์ตะวันตก หรือคาเฟ่ได้ทั่วไปเลยค่ะ
  • มีการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ทั่วไป น่าจะสะดวกกับคนต่างชาติทีเดียวค่ะ
  • เดินทางง่าย สะดวก

โดยรวมก็มาเดินเล่น ช้อป ชิม ชิลล์ และนั่งเรือได้ค่ะ (ก็ยังคงเชียร์ให้นั่งเรืออยู่ดี ฮาาาา) ถึงแม้จะไกลจากตัวเมืองไปหน่อย แต่คุ้มค่ากับการมาค่ะ

พยายามขยันเคลียร์โหลดองอยู่นะคะ ตามไปทวงเรื่องเล่ากันได้นะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

Shanghai World Financial Center

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้อาจจะรูปไม่เยอะนัก แต่อยากโพสต์ไว้เผื่อเป็นแนวทางการเดินทางไรงี้ให้กับคนที่บังเอิญผ่านมาเจอก็แล้วกันนะคะ ^^”

Spot name : Shanghai World Financial Center / 上海环球金融中心
Google maps : https://goo.gl/maps/gV98vkFwpYG2
Transportation : Metro line 2 to Lujiazui, exit 1 and walk around 10 min
Entrance fee : 120/180/220 RMB
Opening hours : 8.00-23.00
Visited date : 11 Nov 2018

ตอนที่เดินไปจากสถานีก็แอบหวั่นใจแล้วค่ะ เพราะเป็นวันที่เมฆมากเหลือเกิน ทั้งหวั่นใจที่จะขึ้นไปชมวิวไม่ได้ และก็ยังหวั่นว่าฝนจะตกอีกด้วย

แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปค่ะ หวังว่าอากาศจะดีขึ้น

นั่งเมโทรไปจนถึงสถานี Lujiazui แล้วออกมาก็เจออาคารทรงนี้ ออกแนวยุโรปค่ะ คนถ่ายรูปเพียบเลย

มองไปก็จะเห็นหอไข่มุกอยู่ใกล้ ๆ ค่ะ สามารถเดินไปถ่ายรูปเล่นกันก่อนได้ด้วยนะ

มองไปทางตึก World Financial Center ที่จะขึ้นไปชมวิว ก็กลัวใจอากาศที่สุดค่ะ หมอกจัดมาก

รี ๆ รอ ๆ จนเย็นค่ำ (แถวนั้นมีห้างให้เดินเล่นอยู่ค่ะ) หมอกก็ยังไม่จางลงซะที T.T

แต่ก็ตัดสินใจไปค่ะ ไม่มีเวลาแก้ตัวแล้ว เพราะโปรแกรมวันถัดไปก็แน่นแล้วค่ะ

แล้วก็เดินมาถึงจนได้ ด้านล่างจะมีป้ายบอกราคาและรายละเอียดต่าง ๆ อยู่ทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษเลยค่ะ (นาน ๆ จะมีซักที่เนอะที่มีคำบรรยายเป็นอังกฤษด้วยค่ะ)

เคโกะตั้งใจซื้อแบบ 180RMB นะ ได้ชมวิวชั้นที่ 100-97 ค่ะ ก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะนะ

ก็ตัดสินใจเดินไปซื้อตั๋วค่ะ จะมีพนง.คอยต้อนรับอยู่ตั้งแต่ทางลงด้านล่างเลย (เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วจะอยู่ชั้นล่างลงไปอีกค่ะ มีบันไดเลื่อนให้ ทางลงก็จะอยู่ด้านหลังป้ายด้านบนนี่แหละ)

พอลงมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ปุ๊บ คนน้อยกว่าที่คิด ก็เริ่มหวั่น ๆ ละ น่าจะชมวิวไม่ได้แน่เลย แต่ก็เห็นเค้าขายตั๋วให้ ก็แอบมีความหวังว่าน่าจะพอชมวิวอะไรได้บ้างค่ะ

แต่สุดท้าย พนง.ก็แจ้งว่า สภาพอากาศไม่ดี แนะนำให้ดูมิวเซียมที่อีกชั้นนึงแทนอะไรประมาณนี้ล่ะค่ะ ก็ชั่งใจอยู่นาน สุดท้ายก็เลยไม่เอา เพราะวัตถุประสงค์คือมาชมวิวมุมสูงค่ะ

พอเดินกลับไปที่สถานี ไฟบนหอไข่มุกก็เปิดพอดี เลยหยุดดูไฟอีกหน่อยนึงค่ะ ตรงนี้ก็เป็นจุดชมไฟบนหอไข่มุกที่นิยมมาก ๆ อีกที่นึงค่ะ และจะเห็นในระยะใกล้มาก ๆ แบบนี้อีกด้วยนะคะ

ก็แปะไว้ให้พอเป็นไอเดียก็แล้วกันเนอะ ^^”

ไว้มีโอกาสไปอีกครั้งหน้า แล้วจะมาเล่าสู่กันฟังเพิ่มเติมค่ะ

ช่วงนี้พยายามเคลียร์บล็อกดอง ๆ ของตัวเองให้หมดไว ๆ เพราะเกรงว่าถ้าทำเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ กว่าจะหมดน่าจะปีหน้าแน่เลยค่ะ 55555

ช้าไปก็ตามไปทวงได้ที่เพจนะคะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Shanghai] XinTianDi

สวัสดีค่ะ มีอะไรให้แหวกแนวสำหรับทริปนี้แล้วนะคะ นั่นก็คืออออ ไปเดินช้อปปิ้งกันค่ะ ^^”

Spot name : Xintiandi / 新天地 / 上海新天地
Google maps : https://goo.gl/maps/1oTxAzRKFFQ2
Transportation : Metro line 10 to Xintiandi station, exit 6
Entrance fee : free
Opening hours : 11.00-22.00
Visited date : 11 Nov 2018

ที่ Xintiandi นั้น เป็นคล้าย ๆ Community malls ค่ะ ก็มีห้างด้วย มีร้านค้าในโซน outdoor ด้วย ทั้งร้านอาหารและร้านค้าทั่วไปเลย เคโกะไปช่วงกลางวันนะ ก็จะเจอกับผู้คนมากมายกระจุกตัวในร้านอาหารต่าง ๆ ค่ะ

ให้ดูบรรยากาศราว ๆ ของห้างก่อนละกันเนอะ

ส่วนของเอาท์ดอร์ก็จะมีน้ำพุด้วย ก็มีคนยืนถ่ายรูปกันเยอะอยู่ เหมือนจะมีกิมมิค สตอรี่อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ตรงนี้ด้วยนะคะ เคโกะไม่ได้สนใจอะ แหะๆ

มีร้านอาหารไทยด้วยนะ คนแน่นทีเดียวเลยแหละ

ลักษณะร้านค้า หรือตึกด้านนอกส่วนที่เป็นห้างนั้น เค้าทำออกมาเป็นแนวโบราณหน่อย ๆ ค่ะ ดูคลาสสิค น่าไปเดินถ่ายรูปดีนะ

ตามตรอกซอกซอยก็มีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ อยู่เช่นกันค่ะ จะได้ฟีลแบบย้อนยุคหน่อย ๆ นะคะ

จริง ๆ แล้วก็สังเกตเห็นมีคนมาถ่ายรูปกับตึกทรงโบราณเบา ๆ แบบนี้อยู่บ้างเหมือนกันนะคะ

เดินมาจนเมื่อยแล้ว ก็เลยขอนั่งพักเบา ๆ ที่ Godiva ค่ะ ^^”

สั่งช็อคโกแลตปั่น ซึ่งเคโกะเองชอบรสชาติของ Godiva อยู่แล้วล่ะค่ะ สำหรับสาขาที่นี่ก็ยังอร่อยเช่นสาขาอื่นที่เคยชิมมา รสช็อคโกแลตเค้าจะเข้มข้น ๆ ดีค่ะ

แล้วก็สั่งเค้กเวลเว็ทมาทานคู่กัน .. อยากจะบอกว่า ตัวเองสั่งขนมกับน้ำมากินทั้ง ๆ ที่มีแพลนจะไป Line Cafe ต่อ T.T ช่างมีความโก๊ะที่ไม่สร่างซาเลยจริงๆ – -“

ส่วนเค้กเวลเว็ทนั้น เนื้อเค้าจะค่อนข้างแน่นนิดหน่อย โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบเค้กเนื้อเบาค่ะ แต่รสชาติโดยรวมนั้นก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว ไม่หวานเวอร์วังจนเกินไป

นอกจากนี้แล้วพนง.ก็คอยบริการเติมน้ำเปล่าให้ตลอดด้วยค่ะ น่ารักมาก ๆ ตอนที่เรียกเช็คบิล พนง.จะถือเครื่องรูดบัตรมาหาเราเลย ไม่ต้องเดินไปเดินมาหลายรอบค่ะ เคโกะว่าก็สะดวกและรวดเร็วดีนะคะ

สนนราคาน้ำ 1 แก้วและขนม 1 ชิ้นนั้นอยู่ที่ 85RMB ค่ะ

ส่วน Line Cafe ที่บอกว่ามีแพลนจะไป ก็ไปจริงนะคะ แต่ไม่ได้นั่งทานอะไร ไปเดินเล่นแล้วก็กลับค่ะ ลงใน instagram ส่วนตัวไปแล้ว อยากให้ลงพิกัดหรือการเดินทางยังไงเพิ่มเติมก็บอกกันได้ค่ะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Shanghai] Jing’An Temple

สวัสดีค่ะ นอกจากสวนแล้ว ก็เดินชมวัด .. เห้ยยยย เพิ่งรู้สึกตัวว่าทริปจีนครั้งนี้มีแต่สวนกับวัดเนี่ยนะ? (><“)

วัดนี้เค้าว่าเป็นวัดดังของเซี่ยงไฮ้ค่ะ มาดูกันนะ

Spot name : Jing’an Temple / 静安寺
Google maps : https://goo.gl/maps/uLZrfXYYqqy
Transportation : Metro line 2,7 to Jing’an Temple station, exit 1
Entrance fee : 50 RMB
Opening hours : 7.30 – 17.00
Visited date : 11 Nov 2018

เป็นวัดที่แอบโหดซักเล็กน้อย คือมาไหว้พระ เข้าวัดก็ต้องมีค่าเข้าวัดด้วยเรอะ?!! แต่ก็จ่ายไปค่ะ 50 RMB T.T นอกจากนี้ก็ยังมีค่าธูปต่างหากด้วยนะ น่าจะประมาณ 5 RMB ค่ะ

อ้าว ลืมหน้าวัดค่ะ แหะๆ

ออกจากรถไฟฟ้ามาทางออก 1 แล้วก็จะเจอวัดเลยค่ะ เคโกะออกผิด exit แล้วก็วนหาอยู่พักใหญ่เลยแหละ 555

หน้าวัดก็จะหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

จากนั้นก็เข้าไปด้านใน ซื้อธูป แล้วก็ไหว้ตรงนั้นแหละค่ะ ตรงด้านหน้ากระถางธูปใหญ่ ๆ ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า กลางลานวัดเล้ย

ไหว้พระเสร็จแล้วก็เอาธูปของเราไปวางไว้บนขอบที่เค้าจัดให้วางตามนี้ค่ะ จะมีกระถางวางธูปอยู่ 2 จุด ด้านซ้ายและขวา วางตรงไหนก็ได้นะคะ

ระหว่างนั้นก็สังเกตเห็นผู้หญิง 2 คนกำลังโยนเหรียญเข้าไปในกระถางใหญ่ตรงกลางอย่างเอาเป็นเอาตายมาก ๆ เคโกะก็เลยควานหาเหรียญ ไปขอพรแล้วโยนบ้างค่ะ

หลายรอบมากกว่าจะโยนเข้า T.T จากหนาว ๆ ก็ร้อนเลยอะ กระโดดเหนื่อย T.T

นอกจากนี้เรายังสามารถเดินขึ้นไปชั้น 2 ของวัดเพื่อเดินชมรอบ ๆ ได้ค่ะ

พอขึ้นมาด้านบนจากบันไดที่อยู่ด้านหลังกระถางธูปใหญ่แล้ว ก็จะเจอพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ ก็เข้าไปกราบไหว้สักหน่อยค่ะ

มองจากด้านบนลงมา

เดินวนรอบ ๆ บนชั้น 2 เล่นเรื่อยเปื่อยค่ะ

หลังคาก็จะเป็นสีทองซะหมด จั่วหลังคาก็จะมีรูปทรงที่แปลกตาด้วยล่ะค่ะ

จากนั้นก็เดินลงมา ผ่านซุ้มที่ขายเรื่องรางอะไรงี้อยู่ มีป้ายอธิบายประกอบทั้งจีนและอังกฤษ เลยหยุดดูค่ะ

บนป้ายจะเป็นสร้อยข้อมือเครื่องรางค่ะ ก็จะมีลักษณะของปมเชือกที่ต่างออกไป ให้ความหมายที่แตกต่างกันค่ะ แต่ที่ซุ้มที่ขายอยู่ไม่ได้มีแค่แบบเดียวนะคะ มีหลากหลายแบบให้เลือกเลย ซึ่งนอกจากตรงนี้แล้ว ด้านหน้าวัดก็จะมีร้านขายอยู่เป็นกิจจะลักษณะด้วย

ตอนที่เคโกะไปเตร่ ๆ ดูอยู่ ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 คนกำลังสอบถามกับจนท.วัดที่พูดอังกฤษได้คล่องอยู่ ซึ่งคุณจนท.ก็อธิบายความหมายของแต่ละปมเชือกอยู่ เคโกะก็เลยฉวยโอกาสฟังแล้วก็ถามไปด้วยค่ะ

โดยจริตส่วนตัวแล้ว ชอบสร้อยข้อมืออะไรแบบนี้มาก ๆ อยู่แล้ว ก็เลยเลือกมา 1 เส้นค่ะ เคโกะเลือกตัว 觉 มา ซึ่งคำอธิบายภาษาอังกฤษให้ผลไปในเรื่องของความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างตัวเราค่ะ (ณ ช่วงเวลานั้น เคโกะรู้สึกว่าความสัมพันธ์กับคนที่ทำงานเป็นไปอย่างไม่ค่อยดีนักค่ะ ก็เลยเลือกคำนี้มาใส่)

น่าร้ากกกกเนอะ

พนง.ที่วัดใส่ให้ค่ะ เค้าบอกว่าต้องใส่ข้างซ้ายเท่านั้นด้วยล่ะ

สนนราคาเส้นนี้ที่เคโกะใส่ก็ 80 RMB ค่ะ (แพง แต่สวย + อยากได้อะค่ะ T.T)

ซึ่งแต่ละแบบนอกจากมีความหมายที่แตกต่างกันแล้ว ก็ยังมีราคาที่ไม่เหมือนกันด้วยค่ะ ตัวท็อป (ที่มีความหมายครอบคลุมหลายเรื่อง) ก็จะราคาแพงสุดค่ะ

มีเครื่องรางแบบตามปีนักษัตรเกิดด้วยนะ อยากได้มากเช่นกันค่ะ T^T

เอาล่ะ ตัดอารมณ์จบโพสต์นี้ลงตรงนี้ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะเวิ่นเว้อไปกันใหญ่ ^^”

วัดนี้ก็เป็นวัดดังที่เดินทางสะดวก ภายในวัดเองก็เงียบสงบดีค่ะ รอบ ๆ มีร้านค้ามากมายอีกเช่นกัน แต่เคโกะไปช่วงเที่ยง ๆ นะ ยังแอบเงียบ ๆ อยู่หน่อยค่ะ น่าจะต้องบ่าย ๆ ไปอะค่ะ คงจะคึกคักขึ้นบ้าง

อ้อ ในวัด ตอนที่เดิน ๆ เล่นอยู่บนชั้น 2 เจอแก๊งค์ขอทานด้วยนะคะ ระวังตัวกันด้วยค่ะ

https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Shanghai] Yuyuan

สวัสดีค่ะ อย่าคิดว่าพ้นจากซูโจวมาเซี่ยงไฮ้แล้วก็จะไม่มีสวนให้เดินนะคะ มาค่ะ เราก็จะยังคงเดินชมสวนกันต่ออย่างสนุกสนาน (><“)

Spot name : Yuyuan Garden / Yu Garden / 豫园
Google maps : https://goo.gl/maps/mpnB8hCWUmk
Transportation : Metro line no10 to Yuyuan Garden exit 1 and walk follow the direction about 600m
Entrance fee : 40RMB
Opening hours : 8.30 – 17.15 (ticket close at 16.45)
Visited date : 11 Nov 2018

คำว่า “Yuan (园)” มีความหมายในเชิงว่า “สวน” อยู่แล้วนะคะ เพราะฉะนั้นบางทีก็จะเห็นเค้าใช้คำว่า Yu Garden ค่ะ

พอออกจากรถไฟฟ้าแล้ว จะมีป้ายบอกทางอยู่ ก็เดินไปตามป้ายเลยค่ะ ระหว่างทางก็จะมีร้านค้าต่าง ๆ ให้เดินชมพอเพลิน ๆ ได้อยู่ ซึ่งย่านนี้เค้าว่ากันว่าเคยเป็นย่านธุรกิจของเซี่ยงไฮ้ค่ะ มีร้านทอง เพชรพลอย เครื่องประดับต่าง ๆ นานาอยู่มากทีเดียว

ไปช่วงเช้า คนก็ยังไม่ค่อยหนาตาเท่าไหร่ค่ะ

ก่อนถึงทางเข้าสวน ก็จะเป็นร้านค้าต่าง ๆ ที่กระจุกรวมอยู่ตรงนั้นคล้าย ๆ คอมมูนิตี้มอลล์ในบ้านเราอะค่ะ

มีแผนที่บอกทางด้วยนะ

มีแผ่นพับภาษาอังกฤษ ไปขอได้ค่ะ ที่เค้าแปะบนกำแพงนี้เป็นจีนล้วนเลย ^^”

ลักษณะ Yuyuan Garden Malls ก็จะประมาณนี้

มีสตาร์บัคส์ด้วยนะ

ด้วยความที่ยังไม่ได้ทานข้าวเช้ามาค่ะ ก็เลยหาอะไรทานแถว ๆ นี้ก่อน ซึ่งจริง ๆ มีร้านเสี่ยวหลงเปาเจ้าดังอย่าง Nanxiang Xiaolongbao ด้วยนะ แต่ไม่ได้ต่อแถวไปชิมค่ะ แถวยาวไป๊ (555) ก็เลยแวะร้านอื่นแทน

ก็ร้านแถว ๆ นั้นล่ะค่ะ ติดกับสระน้ำด้านหน้าสวน สามารถนั่งทานไป ชมวิวไปได้ค่ะ

การสั่งอาหารก็คือ เค้าจะให้เมนูมาให้เราเลือกสั่งก่อน แล้วชำระเงินที่เคาน์เตอร์ จากนั้นพนง.ถึงจะเอาอาหารที่เราสั่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะค่ะ

เคโกะจิ้มสั่งไป 3 จานนะคะ เพราะคิดว่าแต่ละจานไม่น่าจะใหญ่โตอะไรนัก

จานแรกเป็นข้าวปั้นม้วน ๆ แบบข้าวปั้นมากิของญี่ปุ่นค่ะ

จานที่สองเป็นเสี่ยวหลงเปา แป้งหนาไปนิดนึง ยังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ค่ะ

สุดท้ายคือปอเปี๊ยะทอด 1 เสิร์ฟมา 3 ชิ้นแบบนี้ล่ะค่ะ ทอดมาร้อน ๆ กรอบอร่อยดีค่ะ

สนนราคารวมมื้อนี้ 68RMB ค่ะ แอบแรงไปพอตัวเหมือนกันนะนี่ ><“

อิ่มแล้วก็ไปซื้อบัตรเข้าชมสวนได้ค่ะ ราคา 40 RMB

ด้านหน้าทางเข้า จะเป็นสระน้ำที่มีน้ำพุ มีปลาว่ายน้ำเล่น ก็พอเรียกเสียงชัตเตอร์กล้องมือถือของนักท่องเที่ยวได้ดีทีเดียวค่ะ

เคโกะมาตอนเช้าแต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่เยอะหนาตามาก ๆ เช่นกันค่ะ ถ่ายรูปหลบ ๆ มุมก็จะได้มุมแปลก ๆ สักหน่อยนะ ><

เข้าไปชมสวนด้านในกันดีกว่าค่ะ

ด้านในก็จะเป็นทางเดินชมสวนรอบ ๆ แหละนะ เข้าใจว่าก็คืออาณาบริเวณบ้านของคนจีนสมัยก่อนค่ะ พอนึกภาพออกเนอะ เค้าก็จะมีบ้านแล้วก็ทางเดินชมสวนรอบ ๆ ค่ะ ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือสระน้ำกลางบ้าน เอาไว้ดูเล่น (?) พักผ่อนหย่อนใจ

การจัดสวนที่มีหินเป็นองค์ประกอบของเค้า มักจะเป็นสไตล์นี้ แอบเข้าใจยาก ๆ หน่อย ๆ …

เดี๊ยวววว แค่จัดสวน ต้องเข้าใจอะไร๊ (//เขย่าตัวเองเรียกสติ)

จริง ๆ แล้วก็แค่หามุมถ่ายรูปที่หลบผู้คนที่ล้นหลามค่ะ ตรงนี้เป็นบริเวณที่คนถ่ายรูปเยอะมากกกกก

เดิน ๆ ผ่านเข้าไปชั้นในของเรือนบ้าน เห็นคนส่องกล้องขึ้นสูง ๆ เลยหันไปส่องตาม .. อ้ออออ ถ่ายมังกรนี่เอง

หลังคา (?) เค้าก็ทำสวยดีนะคะ มังกรเค้าทำออกมาได้ดูสง่าและอ่อนช้อยไปด้วยในตัวเลยอะ

ชมสวน ชมสระน้ำกันต่อไปค่ะ

ชอบตรงทางเดินยาว ๆ แบบนี้ อยากได้นางแบบมาถ่ายรูปมาก ๆ 555

ทางเดินก็ดูเหมือนจะเป็นทางเดินวันเวย์ล่ะค่ะ แต่บางจุดก็มีวก ๆ วน ๆ บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น ทางเข้าและทางออกก็จะเป็นคนละทางกัน

เดินออกมาก็จะเจอกับ Yuyuan Garden Malls ที่เราเดินอยู่ตั้งแต่ต้นนั่นแหละค่ะ แต่ก็จะเป็นคนละทางกับตอนเข้านะ

เดินไปเดินมา เอ้า เห็นชานมไข่มุก ก็ลองชิมดูบ้างค่ะ

สนนราคาแก้วนี้ 15 RMB เป็นชานมไข่มุกแบบร้อน .. เห้ยยยยยย ถามจริ๊งงงงงง..?

เคโกะกินแต่ชานมไข่มุกแบบใส่น้ำแข็ง แบบเย็นมาตลอดเลยค่ะ นี่เจอที่นี่เป็นครั้งแรกแหละที่กินแบบร้อน ถามว่าอร่อยมั้ย ถ้าตัดเรื่องความร้อนของเครื่องดื่มออกไปแล้ว คืออร่อยมากค่ะ ไข่มุกเนื้อนิ่ม อร่อย ไม่แข็งกระด้าง ไม่หนึบเกินไป ส่วนชาก็ไม่หวานเวอร์ รสกลมกล่อม หอมชากำลังดีค่ะ

เอาจริง ๆ นะ ด้วยอากาศเย็น ๆ แบบที่เคโกะไปแล้ว ชาร้อนก็ทานได้ค่ะ ก็เพิ่มความอุ่นให้กับร่างกายดีนะ ฮาาาาา

สำหรับสวน Yuyuan นี้ เคโกะว่ามาเดินตลาด เอ้ยย ร้านค้าเล่น ช้อป ชิม ชิลล์ ก็เพลิน ๆ ดีค่ะ ถ้าชอบถ่ายรูป ชอบเดินสวน ก็จ่ายเงินซื้อตั๋วเข้าด้านในโลดดดด เคโกะว่าที่นี่คือดีนะ ไม่ควรพลาดค่ะ ^^

แปะเพจปิดท้ายเช่นเคย ไปคุยกันบนเพจสะดวกกว่าคอมเมนท์ทิ้งไว้นะคะ อิอิ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Shanghai] The Bund – Waitan

สวัสดีค่ะ ต่อเนื่องจากโพสต์ที่แล้วที่ค้างอยู่เมืองซูโจว ก็ได้เวลากลับมาที่เซี่ยงไฮ้กันซะทีนะคะ ซึ่งก็ขอเล่าถึงสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองเซี่ยงไฮ้ก่อนเลยแล้วกันค่ะ

Spot name : The Bund / Waitan / 外滩
Google maps : https://goo.gl/maps/XT6iqeokU692
Transportation : Metro line no. 2, 10 to East Nanjing Road station, 600m walk
Entrance fee : free
Opening hours : always open (light show time starts from 6-7PM)
Visited date : 10, 12 Nov 2018

เห็นว่าไปซ้ำกัน 2 วันนะคะ เหตุเป็นเพราะวันสุดท้ายนั้น เคโกะไปเดินเล่น เก็บตกบางจุดที่เดินหาไม่เจอในวันแรกค่ะ เพราะวันแรกตั้งใจไปดูวิว ดูไฟบนหอไข่มุกอย่างเดียวเลย และวันสุดท้ายคือจะเดินได้ชิลล์มาก จนถึงรถไฟขบวนสุดท้าย เพราะต้องนั่งรถไฟไปค้างที่สนามบินค่ะ ^^”

จากโฮสเทลที่เคโกะพักนั้น เดินไป The bund ได้สะดวกมากเลย เดินนิดเดียวก็ถึงค่ะ แล้วก็มาถึงเย็นไปหน่อย ไปเที่ยวที่อื่นก่อนก็ไม่ทันแล้ว เลยดิ่งมาที่นี่เลยค่ะ

มาถึงช่วงเย็น ๆ ไฟยังไม่เปิดอะไรทั้งนั้น แต่ก็มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นมากค่ะ เคโกะเดินไปมาหามุมจับจองอยู่ซักพักเลยแหละ

เคโกะติดใจกับหอไข่มุกนี้เพราะอิทธิพลจากซีรี่ย์จีนหลาย ๆ เรื่องเลยค่ะ มักจะมีฉากนี้อยู่ในซีรี่ย์เยอะ เลยฝังใจว่าต้องมาให้ได้ (ฮาาาาา)

ด้วยความที่ก็ไม่รู้เวลาแน่นอนว่าไฟจะเปิดกี่โมงนะคะ ก็เลยยืนจับจองที่ไปยาว ๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นและลมพัดแรงพอดู ยิ่งหนาวค่ะ ^^”

พอฟ้าเริ่มมืดลง ตึกสูงหลายตึกก็เริ่มทะยอยเปิดไฟกันเรื่อย ๆ มีป้ายโฆษณาด้วย

เคโกะจำไม่ได้ว่าประมาณกี่โมงนะคะ ถ้าจำไม่ผิดและข้อมูลไม่พลาด น่าจะราว ๆ 6 โมงค่ะ ก็จะเปิดไฟเต็มที่ (ในหน้าร้อน น่าจะประมาณ 1 ทุ่มค่ะ)

พอไฟเริ่มเปิด เริ่มมีการเล่นไฟ แสงสีกัน คนก็เริ่มฮือฮาเลยค่ะ แล้วผู้คนก็แน่นไปหมดเลยด้วย ดีนะที่ยังไม่ขยับไปไหน ทนหนาว ๆ ไปจนได้ค่ะ ฮาาาา

ไฟบนหอคอยไข่มุกจะมีการสลับสีไปมานะคะ วันแรกที่มาก็ดูอยู่จากฝั่ง Waitan ไปก่อน ในแพลนมีวางไว้ว่าจะขึ้นไปบนตึกด้วยค่ะ แล้วมาติดตามกันต่อนะว่าจะเป็นยังไงบ้าง

นอกจากไฟที่เปิดสลับไปมาดูน่าตื่นเต้น (ประมาณนึง) แล้ว รอบ ๆ บริเวณ Waitan ที่ยืนอยู่นั้น ข้างใต้มีน้ำพุ ก็มีการเล่นไฟ เล่นสีสันด้วยเช่นกันค่ะ

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดไฟเล่นเป็นจังหวะบนตึกทรงยุโรปสวยงามที่อยู่ด้านหลังด้วย

เปลี่ยนมุมบ้าง (จริง ๆ คือถ่ายมาคนละวัน ฮาาา)


อีกรูปค่ะ ตึก ๆ แถวนั้นเป็นทรงยุโรปทั้งนั้นเลย สวยมากจริง ๆ

ยืนชื่นชมไฟอยู่ครู่ใหญ่ทีเดียวค่ะ กว่าจะค่อย ๆ กระดึ๊บ ๆ เดินไปเรื่อย ๆ ต่อได้ เดินไปเรื่อย ๆ จนสุดปลายด้านหนึ่งก็จะเจอกับอนุสาวรีย์สีแดงเด่นตระหง่านอยู่ค่ะ ซึ่งก็คือ Monument to the People’s Heroes (上海市人民英雄纪念塔) ที่สร้างไว้เพื่อรำลึกถึงผู้เสียสละจากการต่อสู้กับภัยธรรมชาติค่ะ (แปลจากวิกิฯนะคะ T^T)

ใกล้ ๆ กันก็มีสะพาน Waibaidu กับตึกที่อยู่เป็นฉากหลัง สะท้อนกับแม่น้ำที่ค่อนข้างนิ่งแล้วสวยมาก ๆ เลยค่ะ

แต่ถ้าหากเดินมาอีกฝั่งนึง (พอเห็นภาพมั้ยคะ คือ ถ้าหันหน้าเข้าหาหอไข่มุก แล้วไปทางซ้ายจะเจอกับรูปด้านบนค่ะ แต่ตอนนี้เราจะไปทางขวาของหอไข่มุกนะ) เดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอกับธนาคารกรุงเทพที่มีสาขาอยู่ตรงนี้ ตึกทรงยุโรปแบบนี้ค่ะ

ดูใกล้ ๆ ระยะประชิดสักหน่อย

ถอนเงินบาทต่างสาขาไม่เสียค่าธรรมเนียมมั้ยคะเนี่ย ฮาาาาาาา

ซึ่งหากข้ามกลับไปฝั่งตรงข้าม ก็จะมีรูปปั้นกระทิงด้วยค่ะ

ตึกต่าง ๆ ที่เรียงรายด้านหลังนั้นจะประกอบไปด้วยธนาคารสำคัญ ๆ ต่าง ๆ อยู่อย่างครบครันทีเดียวค่ะ และยังมีโรงแรมห้าดาวชื่อดังด้วยนะ ที่ชอบก็คือ ต่างก็ยังคงอนุรักษ์ตึกอาคารทรงยุโรปเช่นนั้นไว้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ สวยมาก ๆ เลยล่ะ

ปิดท้ายด้วยถนนคนเดิน Nanjing Road ค่ะ เป็นถนนที่มีห้างร้านต่าง ๆ อย่างครบถ้วน มีร้านแบรนด์เนมต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนมของทานเล่นต่าง ๆ ค่ะ

ถนนเส้นนี้อยู่ใกล้ ๆ กับ The bund หรือ Waitan นะคะ เดิน ๆ นิดหน่อยก็ถึงค่ะ

ช่วงค่ำ ๆ หรือมืด ๆ หน่อยก็จะเป็นช่วงที่คนคึกคักมากทีเดียวค่ะ

อีกซักมุมนะคะ

ดูตึก ๆ บ้างเป็นการปิดท้ายโพสต์นี้ค่ะ

ก็เป็นสถานที่ที่ใครไปเซี่ยงไฮ้ก็ต้องไปแหละนะคะ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ และถนนช้อปปิ้งเองก็เป็นถนนสายสำคัญที่รวมเอาแบรนด์ต่าง ๆ ไว้อย่างมากมายเลยค่ะ

แปะเพจทิ้งท้ายไว้ให้นะคะ แวะไปทักทายพูดคุย ทวงรีวิว เรื่องเล่าได้ค่ะ ^^”
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Suzhou] Hanshan Temple

สวัสดีค่ะ นอกจากจะเดินชมสวน เดินถนนคนเดินในเมืองซูโจวแล้ว ก็พาไปไหว้พระปิดทริปในเมืองซูโจวกันค่ะ ก่อนที่จะกลับไปเซี่ยงไฮ้ค่ะ

Spot name : Hanshan temple / 寒山寺
Google maps : https://goo.gl/maps/6re7sXxBCwA2
Transportation :
– Take bus no. 30, 31, 33, 40, 44, 300, 301, 307, 313, 324, 332, 406, 415, 442, 622, 816, 932 or tourist bus no. 3 and get off at Hanshansi South Station.
– Take bus no. 9, 10, 30, 45, 306, 931 or 935 and get off at Laifengqiao Station
Entrance fee : 20 RMB
Opening hours : 07:30 – 17:00 (Tickets are sold before 16:30)
Visited date : 10 Nov 2018

วัดนี้เป็นวัดที่ยอดฮิตของกรุ๊ปทัวร์ค่ะ ตอนที่เคโกะไป มีกรุ๊ปทัวร์มากมายเลยจริง ๆ ค่อนข้างจะดูวุ่นวาย บวกกับเส้นทางการเดินเที่ยวไม่ได้มีเส้นทางตายตัวอะไรมากนัก (ตามสไตล์พี่จีนค่ะ ฮาาาา) ก็เลยยิ่งทำให้ดูงง ๆ และสับสนพอตัว

จุดซื้อตั๋วมีอยู่ประมาณ 2 จุด เท่าที่เห็นค่ะ ซึ่งก็คราคร่ำไปด้วยไกด์ทัวร์ที่ต่อแถวซื้อให้ลูกทัวร์เช่นกัน

หน้าตาตั๋วที่ได้มาค่ะ จะมีรอยปรุสามารถฉีกได้อยู่ ซึ่งแต่ละส่วนก็จะมีพนง.เก็บไปตามโซนที่เราเข้าไปชมนะคะ ถ้าจำไม่ผิด จะมี 2 ส่วนที่ต้องมีตั๋วผ่าน ที่พนง.จะฉีกเก็บไปอ่ะค่ะ ส่วนบริเวณรอบนอก สามารถเดินชมเล่นได้ฟรีค่ะ

โซนแรกที่เข้าไปก็คือส่วนของวัด ซึ่งบริเวณด้านหน้านี้ก็จะเป็นในส่วนที่มีการจุดธูปไหว้พระกันอย่างจริงจังมาก ๆ

แต่เมื่อพอเดินผ่านเข้าไปด้านใน ก็จะทะลุไปด้านหลังได้ ซึ่งเป็นสวน (อีกแล้ว) บริเวณกว้างขวางอยู่ค่ะ รวมไปถึงเดินไปอีกอาคารหนึ่งได้ ซึ่งมีลักษณะแบบนี้ค่ะ

ตรงตึกนี้เข้าใจว่าขึ้นไม่ได้นะ แต่เดินไปเดินมารอบ ๆ ได้ค่ะ แล้วก็มีบ่อน้ำล้อมรอบ ที่มีปลาคราฟท์อยู่เต็มเลยค่ะ ดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้ดีเลย

เดิน ๆ เข้าไปข้างใน จะมีห้องขายสินค้าจำพวกเครื่องประดับอยู่ ซึ่งสวยมากจริง ๆ ถ้าชอบแนวนี้ ไม่ควรพลาดนะคะ ^^

จากบริเวณห้องที่ขายเครื่องประดับนั้น ก็ยืนส่องไปมา ไม่เว้นแม้กระทั่งหลังคาค่ะ ฮาาาา ส่วนตัวคิดว่าเป็นจั่วหลังคา (เค้าเรียกงี้มั้ยคะ?) ที่มีรูปทรงที่แปลกตาดีค่ะ

แล้วก็เห็นตึกอีกตึกนึงที่อยู่ใกล้ ๆ กันด้วย

เดินวนไปมาแล้วก็เดินมาอีกด้านนึงค่ะ ตรงนี้จะมีสะพานโค้งสูง ๆ เป็นจุดที่คนถ่ายรูปเยอะอีกจุดนึง

ข้ามสะพานไป เข้าใจว่าเป็นคนละส่วนกับทางวัดค่ะ ซึ่งมีค่าเข้าชมสถานที่ด้วย

ดูวิวบนสะพานแทนก็แล้วกันเนอะ

แล้วก็เดินไปอีกฝั่งนึงค่ะ ก็จะเป็นอีกส่วนนึงของวัด ซึ่งจะมีพนง.ตรวจตั๋ว และฉีกตั๋วเราไปค่ะ

ก่อนเข้า เคโกะก็ไม่ค่อยแน่ใจนะว่าใช่ที่ที่เราจะเข้าไปดูได้หรือเปล่า เลยถามพนง.ที่ตรวจตั๋วค่ะ เค้าก็จิ้มบนตั๋วเลยว่าตรงนี้แหละ และจุดถ่ายรูปคือจุดไหน เค้าบอกให้หมดเลย .. แหม ดีจัง ^^

พอผ่านจุดตรวจตั๋วมาแล้ว ก็จะเจอกับอาคารทรงกลมใหญ่ ๆ แบบนี้เลยค่ะ ด้านในเข้าไปไม่ได้ค่ะ

ส่วนที่เค้าบอกให้มาถ่ายรูปนั้นก็คือไอ้นี่ค่ะ .. ใครก็ได้ บอกเคโกะทีว่ามันคืออัลไลลลลลล T.T

(แต่ก็ถ่ายมานะ ฮาาาาา)

ถ่ายรูปแบบรวม ๆ บ้างค่ะ เคโกะว่าสวยกว่าน้าาาาา

โดยสรุปกับวัด Hanshan นะคะ ก็เป็นวัดที่มีสวนให้เดินแบบเมื่อย ๆ อีกแล้ว T.T

เนี่ยยยยย ไม่ได้ไปสวน ก็เดินเยอะเหมือนเดิมเลยค่ะ T.T

แต่โดยรวมแล้ว เป็นวัดที่มีเส้นทางการเดินชมแบบงงงวย แต่ก็ไปเดินเล่นชมวัด ไหว้พระได้ค่ะ เป็นวัดที่สวยแห่งนึงเลยล่ะ

แปะเพจไว้ทิ้งท้าย เผื่อมีใครอยากทวงเรื่องเล่าทริปอื่น ๆ บ้างค่ะ ^^”
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Suzhou] Lion Grove Garden

สวัสดีค่ะ แล้วก็มาถึงสวนที่ 3 ในเมืองซูโจวนะคะ ก็ออกตัวไว้นิดนึงว่าสวนแรก ๆ ก็ยังฟิต ๆ ขยันถ่ายรูปดีอยู่หรอก แต่พอมาถึงสวนที่ 3 แล้วก็รูปจะน้อย ๆ หน่อยค่ะ ไม่ใช่สายเดินสวนอะไรแนวนี้เลยจริง ๆ คือ สวนก็เดินนะ ถ้าติดตามกันตลอด ก็จะเห็นค่ะว่าไปสวนเป็นปกติในแต่ละประเทศที่ไป แต่แนวนี้คือไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ T.T

Spot name : Lion Grove Garden / Shizilin / 狮子林
Google maps : https://goo.gl/maps/LD7qWXpor5M2
Transportation :
– Take bus no. 55, 178, 202, 262, 309, 518, 529, 811, 923 or 925 or tourist bus no. 1, 2 or 5, and then get off at Suzhou Museum Station.
– Take bus no. 301 or 305 and get off at Shizilin South Station.
Entrance fee : 30 RMB (เดือน 4,5,7,8,9,10 = 40RMB / เดือน 1,2,3,6,11,12 = 30RMB)
Opening hours : 7.30 – 17.00
Visited date : 9 Nov 2018

สวนนี้แต่แรกก็ไม่คิดจะไป แต่ตอนที่เดินออกจากสวน Humble Administrator’s Garden นั้นก็เป็นทางเดียวกับเดินเข้าสวนนี้พอดี ซึ่งก็ห่างกันนิดเดียวเองแหละค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เข้าอีกสวนก็ได้ T.T

อันดับแรกก็ซื้อตั๋วค่ะ ที่ขายตั๋วค่อนข้างจะแอบ ๆ หลบมุม ๆ อยู่หน่อย ๆ นะ

เสร็จแล้วก็เตรียมตัวชมสวนค่ะ

อันนี้เป็นด้านหน้าค่ะ ดูภายนอก เหมือนจะไม่มีอะไร ยังแอบคิด (ไปเอง) อยู่ว่า สวนน่าจะเล็ก ๆ คงไม่มีอะไรมาก เพราะราคาเทียบกับสวนก่อนหน้าทั้ง 2 สวนแล้วก็ถูกกว่า .. แต่ที่ไหนได้ … T.T

ด้านหน้าที่เป็นกลางแจ้งมีการจัดสวน จัดต้นไม้แบบสวย ๆ ด้วย เคโกะยังกระหยิ่มใจอยู่ไง คิดว่าสวนเล็ก เลยเดินถ่ายรูปดอกไม้เล่นเบา ๆ ไปก่อน

บริเวณด้านหน้าที่เห็นนั้นดูเหมือนเป็นห้องโถงของบ้านคนจีนสมัยก่อนที่เอาไว้ต้อนรับแขกอะค่ะ จะมีทางเดินไปชมสวนด้านในของบ้านซึ่งจะแอบ ๆ อยู่ มีพนง.ตรวจตั๋วด้วย ซึ่งเป็นเส้นทางแบบวันเวย์ค่ะ

พอเดินผ่านเข้าไป ก็ยังขำ ๆ อยู่ ดูเหมือนยังไม่ค่อยมีอะไร ก็แค่สวนเอาท์ดอร์อ้ะ T.T

เดินต่อเข้าไปข้างใน อื้มมมม…. ดูกว้างกว่าที่คิดนะ มีสระน้ำขนาดใหญ่ตามสไตล์บ้านคนจีนสมัยเก่าด้วยล่ะค่ะ แต่น่าจะไปผิดฤดูนะ ดอกบัวแห้งเหี่ยวไปหมดเลย

เอาล่ะ แล้วเคโกะก็เจอบทโหดสำหรับคนที่เดินสวนมาทั้งวัน แถมนอนน้อยอีกค่ะ ซึ่งเอาจริง ๆ นะ เคโกะสังเกตเห็นเด็ก ๆ ก็สนุกสนานดีค่ะ เหมือนเล่นเกมเขาวงกตไรงี้อ้ะ

ที่เห็นก็คือ เป็นคล้าย ๆ ถ้ำหินค่ะ มีทางให้เดินมุดลอด ขึ้นเขาสลับไปมา ถ้าไปถูกทางก็จะไปออกอีกฝั่งนึง แต่กว่าจะถึงก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ซะเป็นสิบเที่ยวล่ะค่ะ ^^”

แล้วก็เดินวนรอบสระน้ำต่อค่ะ ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะมีอีเว้นท์จัดสถานที่รับรองแขกของงานเป็นสถานที่ทานอาหารริมสระน้ำด้วยนะ เก๋ ๆ ไปอีกค่ะ

เจอต้นหลิวริมน้ำ ก็เก็บภาพซะหน่อย ไม่รู้สิคะ คิดว่าถ้าเป็นต้นไม้ในจีน ก็จะคิดถึงต้นหลิวล่ะค่ะ (ถ้าเข้าใจผิดว่าคือต้นหลิว ก็กระซิบบอกด้วยนะคะ ก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องต้นไม้เท่าไหร่อะ ><~)

เจอเรืออยู่ในสระน้ำอีก เรือลำนี้ขึ้นไปเดินเล่น ถ่ายรูปได้ค่ะ แต่ก็จะไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่าอะไรขนาดนั้นนะคะ

โดยรวมแล้วก็เป็นสวนที่ไม่ได้ใหญ่เวอร์วังอะไรนัก แต่มีลูกเล่นอยู่ที่ถ้ำหินค่ะ ขึ้นลงปีนป่ายกันสนุกมาก แต่ก็ไม่เหมาะกับคนที่เดินไม่คล่องค่ะ เพราะเดินขึ้นลงเยอะมาก ๆ เลย

ช่วงที่ไป ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ค่ะ อาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศกับฤดูที่ไม่ใช่ช่วงที่เหมาะสมอะนะคะ

ก็มาเดินเล่นชมสวนได้ค่ะ ไม่ได้แย่อะไร ที่เห็นเคโกะบ่น ๆ เพราะเพลียมาจาก 2 สวนก่อนหน้าแล้วนั่นเองค่ะ แหะๆ (ก็แล้วใครใช้ให้เดินวันเดียว 3 สวนเล่าาาาา ฮาาาาาา~)

สุดท้าย ฝากเพจเล็ก ๆ ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ สามารถ inbox มาเม้าท์มอย ทวงรีวิว ทวงเรื่องเล่าในแต่ละทริปกันได้ค่ะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Suzhou] Humble Administrator’s Garden

สวัสดีค่ะ มาต่อกันสวนที่ 2 ในซูโจวกันเลยดีกว่า ติดตามกันไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นความซ้ำซากในทริปนี้ค่ะ 55555

Spot name : Humble Administrator’s Garden / Zhuo Zheng Yuan / 拙政园
Google maps : https://goo.gl/maps/eW5MdmwSEb22
Transportation :
– Take bus no. 40 or 313 and get off at Beiyuanlu Station
– Take bus no. 55, 178, 202, 262, 309, 518, 529, 811, 923 or 925
– Take tourist bus no. 1, 2 or 5, and then get off at Suzhou Museum Station
Entrance fee : 70 RMB (เดือน 1,2,3,6,11,12 = 70RMB / เดือน 4,5,7,8,9,10 = 90RMB)
Opening hours : 1 Mar – 15 Nov = 7.30 – 17.30 / 16 Nov – end of Feb = 7.30 – 17.00
Visited date : 9 Nov 2018

มาถึงด้านหน้า มีตู้ kiosk ให้กดซื้อตั๋วเองได้ ซึ่งใกล้กว่าเดินไปที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่อยู่ไกลออกไปพอควรค่ะ ก็เลยมีความพยายามในการกด แต่แล้วก็ต้องหงายเก๋ง เพราะต้องใช้ ID card ในการออกบัตรด้วย (เข้าใจว่าใช่นะ) มีคนมาพยายามช่วยในการจิ้มหน้าจอด้วยนะคะ แต่ก็จนใจ เพราะไม่มีบัตร ID card นี่แหละ เลยต้องยอมเดินไกลไปซื้อที่เคาน์เตอร์

บริเวณด้านหน้าค่ะ

ต่อแถวแสนยาวเหยียด แล้วก็ซื้อตั๋วมาสำเร็จจนได้

ว่ากันไปแล้ว เป็นสวนที่ชื่อแปลก ๆ ดีนะคะ ทำไมถึงใช้ชื่ออังกฤษว่า humble ล่ะ ? งงมากจริง ๆ ฮาาา

เอาล่ะ ช่างมันเถอะ สาระไม่ค่อยจะมี มาชมสวนกันดีกว่าค่ะ ^^”

บริเวณด้านหน้าก็จะเป็นสวน ๆ เลย มีคลองเล็ก ๆ ล้อมรอบบริเวณสวนแห่งนี้ไว้ เคโกะเข้าใจว่าคือบ้านของใครสักคนในสมัยก่อนแล้วมาอนุรักษ์ไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวนสวยแห่งนึงนะ

น้ำในคลอง ไม่ได้ใสขนาดนั้น แต่นิ่งมากค่ะ และช่วงที่ไป ดูเหมือนจะมีใบไม้กำลังเปลี่ยนสีด้วยล่ะ เลยทำให้ต้นไม้ในสวนมีหลากหลายสีสัน สวยมากค่ะ

เหล่ไปไกล ๆ เจอศาลาหลังนึง น่าจะเอาไว้ชมวิว พักผ่อนนะ

เดิน ๆ ไปก็เจอช่างภาพเค้าเล็งใบไม้แดงอยู่ ก็เลยยืนเล็งภาพกะเค้าบ้าง 555

ทางนี้ก็จะแดง ๆ กว่าอยู่หน่อยค่ะ

พอเข้ามาบริเวณสวนชั้นใน ก็จะเจอกับสระน้ำกว้างพอควรที่รายล้อมด้วยเรือนทรงจีนโบราณ เคโกะเข้าใจ (อีกแล้ว) ว่าเค้าคงอยากมาพักผ่อน ชมสวน ชมสระน้ำตรงนี้นะ เลือกได้หลายมุมว่าอยากจะดูวิวมุมไหนดี มีเรือนพักผ่อนล้อมรอบสระน้ำเลยค่ะ

เป็นบริเวณที่คนเยอะมาก ๆ ด้วยล่ะ

อีกด้านนึงของสระค่ะ น้ำนิ่งมาก เหมือนภาพที่ mirror กันเลยอ่ะ

ถ่ายจากฝั่งตรงข้ามของตัวเรือนค่ะ จะเห็นชัดเลยว่า ช่วงที่ไปนั้น คนเยอะมากจริง ๆ ทั้งมากันเองและมากันเป็นหมู่คณะค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะกระจุกอยู่ตรงนั้นแหละ เพราะมีพื้นที่กว้างกว่าที่อื่น ๆ ในสวนแห่งนี้เลยค่ะ

เดินวนชมสวนอยู่พักใหญ่ ก็เดินออกค่ะ ก่อนจะเดินออก เจอต้นใบแปะก๊วย (ถ้าเป็นนุช คงรู้กันดีว่ามันสำคัญยังไง ฮาาาาา) ก็เลยถ่ายไว้สักหน่อย ถึงแม้ใจจริงนี่อยากจะรวบเก็บใบมาทั้งต้นด้วยซ้ำ ฮาาาาาา

โดยสรุป (ห้ะ จบอีกแล้ว? — รีวิวที่เก็บภาพมาในยามเบลอ ๆ นอนน้อยก็จะเป็นงี้เสมอค่ะ ฮาาาา) แล้ว ก็เป็นสวนที่สวยอีกแห่งหนึ่ง มีทางเดินที่งุนงงเช่นเคย ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่โตเวอร์วังอะไรขนาดนั้นก็ตาม ถ้ามาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี คิดว่าน่าจะสวยมาก ๆ แน่เลย และเป็นสวนสวยที่อยู่ในตัวเมืองด้วย น่าจะเหมาะกับนักท่องเที่ยวในการแวะมาเดินชมสวนค่ะ

ฝากเพจไว้ทิ้งท้ายเช่นเคยยย~
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Suzhou] Tiger Hill

สวัสดีค่ะ ย้อนกลับไปที่ทริปเซี่ยงไฮ้เมื่อปลายปีที่แล้วกันต่อนะคะ ซึ่งจะเริ่มต้นที่เมืองซูโจว (Suzhou) ที่เคโกะแพลนไว้ก็คือ บินลงเซี่ยงไฮ้ แล้วไปซูโจวพัก 1 คืน ก่อนกลับมาอยู่ในเซี่ยงไฮ้ค่ะ เสียดายที่เวลาน้อยไป เลยไม่สามารถไปหางโจวได้ เพราะมีคำกล่าวกันไว้ว่าซูหาง (หมายถึงเมืองซูโจวและหางโจว) นั้นมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดราวกับสรวงสวรรค์ค่ะ

เริ่มต้นที่ Tiger Hill นะคะ

Spot name : Tiger Hill / Hu Qiu / 虎丘
Google Maps : https://goo.gl/maps/5Qv1aoX4c5u
Transportation :
– Take bus no. 32 or express line 3 and get off at Huqiu Beimen (North Gate of Tiger Hill) Station
– Take bus no. 146 or tourist bus no. 1 or 2 and get off at Huqiu Station
– Take bus no. 816 or 949 and get off at Huqiu Road Station
Entrance fee : 60 RMB (1 Nov – 15 Apr = 60RMB / 16 Apr – 31 Oct = 80RMB)
Opening hours : 7.30 – 17.30
Visited date : 9 Nov 2018

เดินทางไม่ยากอย่างที่คิดและหวาดวิตกไว้ตอนแรกนะคะ เพราะได้ยินกิตติศัพท์มาเยอะมากว่าไม่สามารถใช้กูเกิ้ลได้ในจีน แต่เอาเข้าจริง ก็ใช้ได้ดีเลยค่ะ เพราะงั้นเคโกะก็จะไม่ลงดีเทลในการเดินทางเยอะนัก แต่จะปักหมุดไว้ให้แทนนะคะ ^^”

นั่งรถเมล์มาจากในเมืองจะรู้สึกว่าค่อนข้างไกล และก็เป็นจุดที่มีคนลงน้อยด้วย (><~) ก็พึ่งกูเกิ้ลล้วน ๆ เลยค่ะ

ป้ายรถเมล์ที่เคโกะลงจากรถ ไม่ได้อยู่ตรงหน้าพอดีเป๊ะ ต้องเดิน ๆ ไปอีกเล็กน้อยค่ะถึงจะเจอทางเข้า ก็จะมีอาคารอยู่ตรงหน้า ซึ่งก็คือที่จำหน่ายตั๋วค่ะ มองไกล ๆ จะเห็นหอคอยที่เป็นสัญลักษณ์ของ Huqiu ด้วยนะคะ

ก็เข้าไปซื้อตั๋วก่อนค่ะ ช่วงที่ไปเป็นโลว์ซีซั่นพอดี เลยได้ราคาถูกลง

ซื้อตั๋วเรียบร้อย ก็เข้าด้านในได้ค่ะ ซึ่งทางเข้าก็อยู่ด้านใน ถัดจากที่จำหน่ายตั๋วนั่นแหละ เคโกะเบลอจัด วนไปรอบ ๆ ตัวอาคารมาแล้วค่ะ ฮาาาาา

เดินไปตามทาง ตามผู้คนเรื่อย ๆ ซักพักก็จะเจอก้อนหินก้อนใหญ่ สลักชื่อของที่นี่ไว้ด้วย ก็คือ Huqiu (虎丘) นั่นเองค่ะ

ก็เดินดิ่งเข้าไปที่หอคอยสูง ๆ ได้เลยค่ะ ระหว่างทางก็เดินข้ามสะพานข้ามคลอง จะเห็นมีผู้คนมานั่งเล่นพักผ่อนอยู่บริเวณริมน้ำอยู่บ้างค่ะ

เดินต่อไปอีกอึดใจนึง ก็มาถึงแล้วววว

ก่อนมา เคโกะมีเวลาหาข้อมูลน้อย เลยทำให้จำกัดว่าต้องหาข้อมูลเป็นไทยหรืออังกฤษเท่านั้นค่ะ ไม่สามารถหาข้อมูลภาษาจีนได้จริง ๆ ก็ทำให้มีข้อมูลแต่ละสถานที่ไม่แน่นเลยนะคะ ขาดตกตรงไหน คอมเม้นท์ชี้แจงมาได้เลยค่ะ (ออกตัวซะตรงนี้เลย รวมถึงโพสต์อื่น ๆ ในทริปนี้ด้วยนะคะ ^^”)

เอาแบบเต็ม ๆ แบบไม่มีต้นไม้บังบ้าง

ก็เป็นอะไรที่น่าว้าวอยู่พอควรค่ะ ตอนแรกก็คิดว่ามีแค่นี้ ก็ยังแอบนึกตกใจเลยว่าให้มาดูหอคอยที่เข้าก็ไม่ได้ด้วยราคา 60 หยวนเนี่ยนะ?!!

แต่พอเดินวนไปรอบ ๆ ก็เห็นมีคนเดินเข้าออกจากประตูอื่น ๆ ที่เคโกะไม่ได้เดินผ่านอยู่เนือง ๆ ค่ะ ก็เลยเดินลัดเลาะดูบ้าง เลยทำให้รู้ว่า ด้านในยังมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่อีกเพียบ กินอาณาบริเวณกว้างมากกกกกก ถ้าชอบถ่ายรูป ทั้งพอร์เทรตและแลนด์สเคป ควรมาค่ะ ^^

มีอาคารที่ดูเป็นอาคารทรงจีนโบราณด้วย เก๋ ๆ ดี

รอบ ๆ ก็เป็นสวน กว้าง ๆ มีทางเดินแบบสบาย ๆ อยู่ค่ะ

เสียอย่างเดียว ไม่ค่อยมีป้ายบอกทางเท่าไหร่ เดินเอาเองตามอัธยาศัยค่ะ T.T

อีกจุดนึงที่น่าจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจของที่นี่ก็คือบ่อน้ำร้อนค่ะ

แต่ดูแล้วก็ไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้นนะ 5555

จุดถัดไปค่ะ เป็นจุดที่ทัวร์พามาลงเยอะเลย แอบฟังจับใจความได้คร่าว ๆ ว่าเป็นบ่อที่มีความพิเศษตรงที่จะมีการเต้นระบำของแสงกับคลื่นน้ำค่ะ ถ้าว่ากันในหลักวิทยาศาสตร์ ก็จะเป็นมุมตกกระทบของแสง แล้วเกิดความระยิบระยับขึ้นมาเท่านั้นแหละ ฮาาาาา

นอกจากนี้มีอีกหลายจุดเลยที่เป็นจุดที่น่าสนใจ ตามที่แอบเดินตามไกด์ทัวร์แล้วแอบได้ยินมาค่ะ 5555 แต่บางที่เคโกะก็ไม่ได้ถ่ายรูปไว้อะ ด้วยความเบลอ ๆ อะค่ะ ><“

ปิดท้ายเลยแล้วกัน (ฮะ?!!! — ห้วนมากกกก เคโกะเอ๋ยยยย) ที่รูปปั้นสิงโตหน้าวัดในบริเวณ Huqiu ค่ะ ซึ่งในวัดก็มีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ตามความเชื่อของคนจีนอยู่มากมายทีเดียว แต่เราไม่ลงรูปพระ ลงรูปรูปปั้นหน้าวัดแทน อินดี้ป่ะล่ะ 55555

ส่วนขากลับ ก็แนะนำว่าเดินกลับออกให้ได้ทางเดิมค่ะ จะเป็นดีที่สุด เพื่อความไม่หลงของตัวเอง T.T

โดยรวม เป็นสถานที่ที่ออกกำลังกายขา และเดินเก็บจำนวนก้าวได้ดีทีเดียวค่ะ ทั้งกว้าง ทั้งไม่มีป้ายบอกทางใด ๆ ให้ชัดเจน ก็เดินหลงไปสิ T.T

แต่ตัวสถานที่เองก็สวยดีนะคะ ถ้าชอบแนวสวน ๆ แบบนี้ และเดินไหว ก็มาเถอะค่ะ ^^

แปะเพจปิดท้าย ไปเม้าท์มอยกันได้นะคะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/