Walking around Yokohama, Japan

สวัสดีค่ะ กลับมาทำงานกันต่อไปหลังวันหยุดย้าวยาวในช่วงสงกรานต์นะคะ ^^”

โพสต์นี้ต่อเนื่องจากโพสต์ก่อนนู้นนนนที่พาไปเที่ยว Fujiko F. Fujio Museum ค่ะ หลังจากเดินในมิวเซียม และทานข้าวเที่ยงแล้ว ก็ดิ่งไปเมือง Yokohama กันต่อ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ ๆ โตเกียว เป็นทางผ่านกลับเข้าโตเกียวค่ะ

Place : Yokohama
Location : Yokohama city
Direction : take JR train (หรือสายอื่นก็ได้ค่ะ แต่เคโกะเลือกสายเจอาร์นะคะ) to Yokohama station
Visited date : 12 Jan 2017
Pass : Minato Mirai line 1-day pass 460Y
Admission Fee : แล้วแต่สถานที่ ส่วนใหญ่ที่ไปก็ฟรีค่ะ

เมื่อนั่งรถไฟมาถึงเมืองโยโกฮามะ ก็ดิ่งเข้าไปที่ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวเลยค่ะ ที่นี่พนักงานพูดอังกฤษได้ดี และแนะนำการท่องเที่ยวในเมืองโยโกฮามะให้ได้ดี แนะนำพาสที่ควรจะใช้ด้วยค่ะ หลังจากที่ดูเวลาแล้วก็ต้องตัด Ramen Stadium ออก ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกลจากที่อื่น ๆ ที่กระจุก ๆ ตัวอยู่ระแวกเดียวกันค่ะ แล้วก็เลยตกลงใจที่ Minato Mirai line แบบหนึ่งวัน ราคา 460 เยน ซึ่งสามารถกดซื้อที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติหน้าสถานีได้เลย

IMG_9259

สถานที่แรกที่ไปกันก็คือ China town ค่ะ ไม่แน่ใจว่าพวกเราไปวันธรรมดากันหรือเปล่า ดูคนค่อนข้างบางตา ร้านค้าก็ไม่ค่อยคึกคักเท่าที่คิดไว้ค่ะ

DSC_2164

นักท่องเที่ยวแลดูบางตาไปหน่อยในความคิดอะนะคะ คิดว่าน่าจะต้องพลุกพล่าน คึกคักกว่านี้

DSC_2167

จากนั้นเราก็ไปต่อที่โกดังสีแดงริมทะเลค่ะ จริง ๆ ไม่ได้อยู่ในแผนเลย แต่พนง.ที่ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวที่เข้าไปคุยมา เค้าแนะนำมาค่ะ ก็เลยลองไปดูกัน

ลักษณะก็เป็นเหมือนโกดังยาว ๆ สีแดงอิฐ ดูโดดเด่นเป็นสง่ามาก ๆ

DSC_2187

ด้านหน้ามีลานสเก็ตน้ำแข็งด้วยค่ะ น่าเล่นดี … ถ้าเล่นเป็นอะนะ ^^”

IMG_9266

ซึ่งตัวอาคารสีแดงอิฐนั้นก็ทำเป็นร้านค้าค่ะ ด้านในเข้าไปเดินดูของช้อปปิ้งกันได้ค่ะ แต่พวกเราก็เลือกที่จะเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงริมทะเลเลย

DSC_2201

วิวดี ลมแรง ทำให้อากาศหนาวมากขึ้นค่ะ แล้วมองย้อนกลับขึ้นมาก็จะเห็นชิงช้าสวรรค์ที่เป็นแลนด์มาร์คอีกที่นึงของโยโกฮามะด้วย .. แต่เราไม่ได้ไปตรงนั้นเพราะมาวันที่เค้าปิดพอดีค่ะ T^T

DSC_2207

จากนั้นก็ไปเดินในห้างต่อ หาข้าวกินกัน พอทานข้าวเสร็จออกมาด้านนอก ก็พบว่าเค้าเปิดไฟกันแล้ว จัดไฟกันได้สวยดีค่ะ

DSC_2220

ชิงช้าสวรรค์ในระยะใกล้ๆ

DSC_2228

จากนั้นเราก็ตีตั๋วกลับเข้าโตเกียวค่ะ

จริง ๆ แล้วเคโกะว่าโยโกฮามะยังมีที่เที่ยวอะไรอีกนิดหน่อย จัดเป็น 1-day trip น่าจะเหมาะสมกว่าค่ะ แต่เคโกะมีเวลาน้อยมากกกกก ก็เลยได้มาประมาณนี้เอง 😦

สำหรับรีวิวของทริปญี่ปุ่นนั้นก็ยังคงค้างอยู่อีกเพียงโพสต์เดียว จะมารวบรวมของกินที่กินแหลกไปในทริปญี่ปุ่นค่ะ ติดตามกันด้วยน้าาาา~

แล้วเจอกันค่ะ จะรีบมาเขียนค่ะ เพราะเริ่มดองไว้เยอะแล้วอ่าาา ^^”

 

Odaiba

สวัสดีค่ะ หลังจากโพสต์ที่แล้วที่พาไปคาวะโกะเอะมา ก็มีช่วงเวลาอีกครึ่งบ่ายจนถึงเย็นที่ยังว่างอยู่ก็เลยเลือกที่จะไปโอไดบะ (Odaiba) ค่ะ และไปอำลาหุ่นกันดั้มที่กำลังจะโดนยกออกในวันที่ 5 มีนาคม 2017 นี้ด้วย (มาโพสต์เอาตอนนี้ เหลืออีกไม่กี่วันเองอ่ะนะ – -” )

Place : โอไดบะ / Odaiba
Location : Tokyo
Direction : by Rinkai Line / Yurikamome, by boat or walk
Visited date : 10 Jan 2017
Pass : no

วันนั้นเคโกะนั่งรถกระดึ๊บ ๆ ไปเรื่อย ๆ จาก Kawagoe มาจนถึง Shin-Kiba แล้วก็มาต่อรถไฟสาย Rinkai line ไปลงที่สถานี Tokyo Teleport (270Y) เดินออกจากสถานีก็จะเจอกับตึก Diver City ใหญ่บิ๊กบึ้มตรงหน้าเลยค่ะ

dsc_1940

ฝั่งตรงข้ามก็คือ Fuji Television เป็นจุดหมายที่เราจะไปกันก่อนเป็นอันดับแรกเลย เพราะที่นี่เค้ามีเวลาปิด-เปิดอยู่ เกรงว่าจะไม่ทันเวลาปิดค่ะ

dsc_1941

ก็เดินข้ามสะพานลอยยาว ๆ ไปอ่ะเนอะ ลงจากสะพานลอยแล้วก็เดินเข้าตึกไปเลยค่ะ ง่ายและสะดวกมาก ๆ

ด้านล่างก็จะเป็นลักษณะห้องโถงใหญ่ พร้อมโต๊ะเก้าอี้นั่งพักผ่อนจำนวนนึง และมีการ์ตูนมาเป็นตัวเรียกแขก ซึ่งการ์ตูนเรื่องนี้เคโกะไม่รู้จักอะ – -”

dsc_1943

ด้านข้างก็มีโมเดลจำลองฉากในการ์ตูนเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากไม่ได้ดูก็เลยไม่มีคำอธิบายค่ะ แหะๆ – -”

dsc_1945

เดินเลยเข้าไปข้างในอีกหน่อยก็มีมารูโกะคาเฟ่ด้วย ตรงนี้เป็นบริเวณด้านหน้าร้านค่ะ ไปเอาช่วงร้านใกล้ปิดเต็มที – -”

dsc_1947

กับป้ายร้านเต็ม ๆ บ้าง ซึ่งคาเฟ่นี้ค่ะ

dsc_1948

จากนั้นก็เดินวนไปมาหาลิฟท์เพื่อขึ้นไปด้านบน ชมส่วนอื่น ๆ บ้าง แต่ปรากฏว่าหาลิฟท์ไม่เจอซะงั้น -*- เลยนั่งพักแป๊บนึงแล้วค่อยเดินวนรอบ ๆ ใหม่อีกรอบก็เจอลิฟท์ค่ะ แต่ก็ปรากฏว่าส่วนชมวิวอื่น ๆ ที่เข้าได้ก็ปิดหมดแล้ว เหลือแต่ชั้น 7 ที่ยังเปิดอยู่ค่ะ แต่ก็มีแต่ FujiTV Shop เท่านั้นเองค่ะที่ไปเดินเล่นดูของได้

ด้านหน้าเป็นโมเดลวันพีซอยู่

dsc_1950

บริเวณด้านนอกก็โล่ง ๆ มืด ๆ หน่อยเพราะปิดกันไปหมดละ แอบดูน่ากลัวนิดนึง ><

dsc_1952

จากนั้นก็กลับออกมาค่ะ เดินต่อไปยัง Divercity เพื่อไปหาพี่กันดั้มสุดหล่อนั่นเอง

เดินตามป้ายในห้างไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็หาไม่เจอค่ะ – -” แต่ก็มาเจอด้วยความบังเอิญบริเวณฟู้ดคอร์ทที่สังเกตเห็นคนเยอะ ๆ เค้าเดินไปทางเดียวกันหมด ก็เลยลองเดินตามเค้าไปดู ถึงได้รู้ว่ากันดั้มอยู่ด้านนอกประตูตรงฟู้ดคอร์ทนี้เองค่ะ

dsc_1967

แบบเต็มตัวบ้าง

dsc_1973

ใกล้ ๆ กันก็มีกันดั้มคาเฟ่ด้วย แต่ก็ดูแล้วไม่ได้เน้นขายอาหารเครื่องดื่มเท่าไหร่อะค่ะ มีของที่ระลึกกันดั้มซะเยอะมากกว่า

dsc_1974

ถ่ายรูปจนสะใจแล้ว เดินกลับเข้ามาในตัวห้างถึงได้สังเกตเห็นป้ายนี้ค่ะ ก็คือบอกว่ามีเครื่องอธิบายเมนูเป็นภาษาต่าง ๆ รวมถึงภาษาไทยให้ใช้บริการด้วย ถือว่าเอาใจนทท.ต่างชาติได้ดีทีเดียวค่ะ

dsc_1984

นั่งพักในบริเวณนี้พักใหญ่ ก็เดินต่อไปที่ Aqua City ค่ะ ตรงนี้ก็ให้กูเกิ้ลแม็พนำทางไปแล้วค่ะ เพราะแอบมึนงงกับเส้นทางเล็กน้อย ฮาาาา…

เดินมาถึงก็เห็นบันไดเป็นสีรุ้ง ๆ สวยดีค่ะ

dsc_1985

เป้าหมายหลักที่ Aqua City ก็คือหุ่นเทพีเสริภาพกับสะพาน Rainbow Bridge นี้นั่นเองค่ะ เป็นมุมบังคับเนอะ ใคร ๆ มาก็ต้องมาถ่ายรูปค่ะ เคโกะว่าถ่ายรูปตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบนะคะ

dsc_2000

ปิดท้ายกับ Odaiba กันตรงบริเวณนี้เองค่ะ ตรงที่เคโกะมายืนถ่ายรูปเทพีเสรีภาพกับ Rainbow bridge นั้นเป็นทางเดินเหมือนสะพานไม้ยาว ๆ (เดาว่าน่าจะเดินลงไปเลียบหาดด้านล่างได้ — ซึ่งเคโกะไม่ได้ลงไปเดินค่ะ เพราะดึกมากแล้ว) ก็เป็นมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ได้อยู่นะคะ

dsc_2017

 

นอกจากมุมถ่ายรูปมากมายแล้ว บริเวณ Odaiba ยังเป็นย่านช้อปปิ้งใหญ่อีกย่านนึงเลยแหละ ถ้ามาตอนกลางวันน่าจะช้อปปิ้งกันสนุกสนานทีเดียวค่ะ แต่เคโกะมาตอนค่ำค่อนไปทางดึก ก็เลยไม่ได้เดินสำรวจร้านค้าอะไรเลยนะคะ แต่ก็เป็นอีกย่านนึงที่น่าสนใจมากในโตเกียวค่ะ

แล้วเจอกันใหม่ในโพสต์หน้าค่ะ ^^