[Kawasaki] Fujiko F Fujio Museum

สวัสดีค่ะ ใครที่ติดตามโพสต์ของเคโกะมาตลอดครบถ้วนทุกตอนคงจะแปลกใจไม่ใช่น้อยที่เอาเรื่องนี้มาพูดอีกแล้ว … ไม่นะคะ ไม่ได้เอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่น้าาา เค้าแค่ไปอีกรอบเท่านั้นเอ๊งงงงงง ><~

โพสต์เดิมค่ะ >> https://thisiskeigo.wordpress.com/2017/03/13/fujiko-f-fujio-museum/

Spot name : Fujiko F Fujio Museum / 藤子・F・不二雄 ミュージアム
Google maps : https://goo.gl/maps/WAViLqzzGWnz8jkz9
Transportation : Shuttle bus from Noborito Station or walk about 20-30 minutes
Entrance fee : 1000Y (advanced ticket only)
Opening hours : 10.00-18.00 (closed on Tuesday, year-end and new year holidays)
Visited date : 17 Feb 2019
Website : http://fujiko-museum.com/english/

เนื่องจากตั๋วที่จะเข้ามิวเซียมนี้จำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าผ่านตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ Loppi ใน Lawson เท่านั้น วันแรกที่เราไปถึงจึงต้องมองหา Lawson และพุ่งเข้าไปซื้อตั๋วก่อนเลยค่ะ

เวลาเข้าชมให้เลือก 4 ช่วงเวลาด้วยกันคือ 10.00, 12.00, 14.00 และ 16.00 ค่ะ จริง ๆ พวกเราอยากไปตั้งแต่เช้า แต่วันที่จะไปนั้นรอบเช้าเต็มไปแล้ว ก็เลยจำเป็นต้องเลือกรอบบ่าย 2 แทนค่ะ

ด้วยภาษาง่อนแง่นของเคโกะและความช่างสังเกตของเพื่อน จึงทำให้พวกเราสามารถกดซื้อตั๋วเองผ่านตู้อัตโนมัติได้เป็นที่สำเร็จเรียบร้อย เย้~

และด้วยความเกร็งจัดในการกดตั๋วผ่านตู้ เลยทำให้ไม่ได้ถ่ายรูปหน้าจอมาให้ดูกันนะคะ แหะๆ .. แต่ถ้าใครอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ก็สามารถแจ้งพนง.ลอว์สันให้ช่วยกดให้ได้ค่ะ (ที่ตู้มีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้นน้าาา)

การเดินทาง มาได้ทั้ง JR และ Odakyu เลยนะคะ เลือกตามสะดวกเนาะ แล้วมาลงที่สถานี Noborito จากนั้นออกมาจากสถานี ก่อนที่จะเดินไปป้ายรถเมล์ เราก็สังเกตเห็นโดรามี่จังยืนตัวเล็กตัวน้อยอยู่ค่ะ

แล้วเราก็เลี้ยวซ้ายไปที่ป้ายรถเมล์ ก็จะมีป้ายรถเมล์เฉพาะสายของมิวเซียมอยู่ค่ะ ตอนที่เราไปถึง รถเมล์ก็จอดรออยู่แล้วพอดี

แต่ด้วยความที่อ่านรีวิวเจอว่า เค้าจะมีโมเดลโดราเอมอนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในเมืองระหว่างทางที่เดินไปมิวเซียมค่ะ เราก็เลยตกลงกันว่า “เดินไป”

เดินไปตามกูเกิ้ลแม็พตามเคย แต่ระหว่างทางนั้น ถามว่าเจอพี่ม่อนมั้ย .. เจอก็เหมือนไม่เจอค่ะ ออกจะเป็นรูปม่อนเบา ๆ ที่ประดับอยู่ตามราวสะพานข้ามแม่น้ำ ตรงขอบทางไรงี้ซะมากกว่า – -“

ระหว่างทางที่เดินไป ฟ้าใส อากาศดี ก็น่าเดินอยู่นะคะ T.T

เดินไปราว ๆ 5 ท้อใจ ในที่สุดพวกเราก็เดินมาถึงจนได้ค่ะ

แม้ว่าพวกเราจะมาถึงก่อนเวลาเข้าชม แต่ก็ยังเข้าไม่ได้นะคะ เค้าจะให้เข้าเป็นรอบ ๆ ตามเวลาที่กำหนดเท่านั้นค่ะ แล้วก่อนเวลาประมาณ 10-15 นาที เค้าก็จะให้ต่อแถวรอ เพราะจะปล่อยให้เข้าเป็นกลุ่ม ๆ ค่ะ เพื่ออธิบายกฎกติกาการเข้าชม และแลกเครื่องแฮนดี้ที่เอาไว้อธิบายจุดต่าง ๆ ที่จัดแสดงในมิวเซียมค่ะ

ระหว่างที่ยืนรอเวลาเข้าชม ก็มีรถบัสอีกคันมาจอดตรงหน้าพอดี ก็เลยรู้ว่ารถบัสมีหลายลายอยู่นะคะ

ด้านหน้าที่ต่อคิวเข้ามิวเซียม ก็มีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กรี๊ดกร๊าดตามประสาที่ด้านหน้าก่อนทางเข้าด้วยค่ะ

ด้านในจะเป็นมิวเซียม เป็นห้องนิทรรศการจัดแสดงผลงานทั้งหมดของอาจารย์ Fujiko F Fujio ค่ะ เคโกะเองก็ทั้งอ่านและดูการ์ตูนเป็นประจำอยู่แล้วในวัยเยาว์ ก็เลยจะรู้จักผลงานของอาจารย์เป็นส่วนใหญ่เลยค่ะ ก็จะค่อนข้างอินและชอบมากทีเดียว

ซึ่งนิทรรศการที่จัดแสดงนั้น ส่วนของชั้นล่างนั้นเหมือนเดิมกับที่มาครั้งที่แล้วค่ะ แต่ที่เปลี่ยนไปคือในส่วนของชั้น 2 (ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ เพราะมีส่วนที่ถ่ายได้และห้ามถ่ายรูปค่ะ ก็เลยไม่ถ่ายซะเลย)

แต่ในส่วนที่เคโกะว่าเจ๋งก็คือ ลานด้านนอกห้องนิทรรศการที่ชั้น 2 ค่ะ แต่เดิมเป็นลานโล่ง ๆ ไม่มีอะไร คราวนี้เค้าเอาบ้านจำลองของโนบิตะมาตั้งไว้ให้ชมกัน รวมถึงมีวางแท็บเบลตให้ส่อง AR ด้วย แล้วเราก็จะเห็นตัวละครมีชีวิต ขยับเคลื่อนไหวไปมาสั้น ๆ เหมือนมาอยู่ตรงหน้าเราเลยค่ะ กรี๊ดหนักมากกกกก

บ้านของโนบิตะค่ะ เด็กที่อยู่ด้านหน้ากำลังส่องห้องนอนโนบิตะอยู่นะคะ
ห้องดูทีวีของพ่อกับแม่โนบิตะค่ะ พอเห็นเป็นไอเดียเนาะว่าส่องแล้วจะมีภาพเคลื่อนไหวขึ้นมาให้เราดูค่ะ

จากนั้นเราก็ไปชมภาพยนตร์สั้นกันค่ะ ซึ่งคราวนี้เปลี่ยนเรื่องใหม่แล้ว ไม่ใช่เรื่องเดิมที่เคยดูเมื่อครั้งที่แล้วค่ะ

คราวนี้ตัวเอกเป็นโคโรสึเกะ จากเรื่อง “คิเตเรสึ เจ้าหนูนักประดิษฐ์” ค่ะ

พอได้เวลาก็ต่อแถวเข้าห้องชมภาพยนตร์กัน ส่วนใหญ่ก็จะมากันเป็นครอบครัวอะนะคะ ><“

ในภาพยนตร์สั้นที่ฉายให้ดูนั้น ไตเติ้ลเรื่องก็จะขนเอาตัวละครหลัก 5 ตัวของแต่ละเรื่องที่เป็นผลงานของอาจารย์มาให้ดูด้วยค่ะ ซึ่งดู ๆ ไปแล้ว เป็นแพทเทิร์นสำเร็จรูปมากเลยอะ 555

อีกสิ่งนึงที่เปลี่ยนไปก็คือ คราวนี้มีซับอังกฤษขึ้นให้อ่านแล้วค่ะ จากเดิมที่ไม่มีเลยนะ ต้องอาศัยดูรูปเอาหรือไม่ก็พอจะฟังภาษาญี่ปุ่นได้บ้างค่ะ

ส่วนเอาท์ดอร์ที่มีโมเดลจากการ์ตูนเรื่องต่าง ๆ ก็ยังคงมีเหมือนเดิมนะคะ

ตรงพี่ม่อนเนี่ย เป็นอะไรที่ฮอตฮิตมาก ๆ ไม่เคยเว้นจากผู้คนที่มาถ่ายด้วยเลย 555

ส่วนตู้กาชาปองก็ยังมีอยู่เหมือนเดิมนะคะ มาหยอดที่นี่คือดีสุด ไม่ต้องไปสอดส่องหาตามจุดต่าง ๆ ในญี่ปุ่นให้เมื่อยตาค่ะ หายากมากกกกกอะ

แล้วเราก็เข้าคาเฟ่กัน ซึ่งก็บ่ายมากแล้วค่ะ คิวยาวมากกกกกกก

ด้านหน้ามีเมนูให้เรายืนส่อง ยืนเลือกตามอัธยาศัย

พอถึงคิว ได้โต๊ะก็สั่งอาหารกันค่ะ

จานแรกมาก่อนใครเพื่อนคือเฟรนช์ฟราย ตัวนี้มาในเซ็ทอะค่ะ คู่กับน้ำสีฟ้า (ไอ้เราก็ลืมชื่อไปอี๊กกก 555)

ตามมาด้วยสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ บอกเลยว่าแต่ละเมนูที่เลือกมานี่ ให้คนรักม่อนเค้ากรี๊ดอย่างเดียวเลยค่ะ ไม่ได้สั่งเพราะอยากกินเล้ยยย 555

มาพร้อมกับโคร็อกเกต หรือคร็อกเก้ ปั๊มลายโดราเอม่อนค่ะ

ช็อคโกแลตร้อน วาดลายโดราเอม่อนมา ตอนที่สั่งก็ถามคุณพนง.ว่าเลือกลายเองได้มั้ย เค้าบอกว่าไม่ได้ค่ะ แล้วแต่เชฟทำให้ แต่เราก็ได้ม่อนมา มีแต้มบุญกะเค้าสินะ กรี๊ดดดดด

อีกแก้วน่าจะเป็นกาแฟร้อนของเพื่อนค่ะ วาดลายม่อนแบบ 3D มา น่ารักไปอีกแบบ กรี๊ดดดดดด

ปิดท้ายที่น้ำสีฟ้า (ที่ลืมชื่อนั่นแหละ) มีแก้วพร้อมพร็อพเก๋ ๆ ใส่หลอดมาให้ เวลาเราดูดก็จะมีหน้าแมว (แบบหนวดม่อนอะค่ะ) อยู่ตรงหน้าเราพอดี เกร๋ๆ~

ค่าความเสียหายมื้อนี้ทั้งหมดก็ 3400Y ค่ะ ส่วนเรื่องรสชาติ เคโกะว่าอาหารอะเฉย ๆ นะ ช็อคโกแลตร้อนคือดีค่ะ ไม่หวานไป ส่วนน้ำสีฟ้านั้น ไม่มีแอลกอฮอล์นะคะ เด็ก ๆ ทานได้ค่ะ ^^

แต่ถามว่าพอมั้ย ตอบเลยว่าไม่ค่ะ

เดินไปซื้อขนมลายพี่ม่อนมากินอีก 2 ชิ้น เป็นไทยากิ กับโดรายากิ ค่ะ

2 ชิ้นนี้ จะขายอยู่ที่ร้านที่อยู่ด้านหลังคาเฟ่ ติด ๆ กับลานเอาท์ดอร์ที่มีพี่ม่อนยืนอยู่ค่ะ สนนราคารวม 360 บาท ส่วนรสชาติก็มาตรฐานขนมญี่ปุนนะ หอม หวาน แป้งนิ่ม ชอบหวานก็จัดได้ค่ะ

ส่วนขากลับ เรากลับรถบัสกันนะคะ ไม่เดินแล้วววววว 5555 ค่ารถบัสต่อเที่ยวต่อคนอยู่ที่ 210Y ค่ะ ขึ้นรถที่หน้ามิวเซียมได้เลยค่ะ รถก็จะมาส่งที่สถานี Noborito ที่ป้ายรถเมล์หน้าสถานีเลยค่ะ

ถ้าไม่ใช่แฟนผลงานของอาจารย์ Fujiko F Fujio แต่รักโดราเอมอน เคโกะว่าก็คุ้มค่ากับการมาเยี่ยมชมค่ะ แต่ถ้ารู้จักการ์ตูนที่เป็นผลงานของอาจารย์หลายเรื่อง ก็จะอินหน่อยนะ ^^

https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Tainan] ChiMei Museum

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้จะพาไปเดินมิวเซียมที่สวยมาก ๆ ที่หนึ่งค่ะ ตามมากันเล้ยยย

Spot name : ChiMei Museum / 奇美博物館
Google maps : https://goo.gl/maps/PVK36bFSHN74i2xz5
Transportation : TRA to Bao’an Station, walk to Chimei Museum about 10-15 min
Entrance fee : 200NTD (combo ticket 280NTD — include special event exhibition)
Opening hours : 9.30 – 17.30, closed on Wednesday
Visited date : 28 Dec 2018
Website : https://www.chimeimuseum.org/ml/english/3

จริง ๆ แต่เดิมที่คิดไว้ ไม่ได้มีที่นี่ในแผนเลยค่ะ เพราะคิดว่าก็แค่มิวเซียมอะ แถมยังไกลอีก แต่พอดูรีวิวหลาย ๆ แหล่งแล้วก็แนะนำที่นี่กันหมด ก็เลยลองไปดูค่ะ

การเดินทางจัดว่าง่าย คือนั่ง TRA จาก Tainan station ไปสถานี Bao’an ค่ะ ตรงนี้จะซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ก็ได้ หรือจะใช้บัตร Easycard แตะก็ได้นะคะ

พอไปถึงสถานี Bao’an แล้ว ก็เดินไปตามทางเลยค่ะ ออกจากสถานี เลี้ยวขวาแล้วตรงไปยาว ๆ เลย ตัว Chimei Museum จะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ จะไกลจากสถานีรถไฟอยู่พอสมควรนะคะ

เคโกะเดินเข้าจากลานจอดรถที่มี 7-11 อยู่ด้านหน้า ก็จะเริ่มมองเห็นความเป็นมิวเซียมที่จัดรวบรวมผลงานด้านศิลปะไว้บ้างแล้วค่ะ

เดินเข้าไปจนถึงตัวอาคาร ตัวอาคารมีสถาปัตยกรรมค่อนไปทางยุโรปสมัยก่อนค่ะ สวย สง่าและเท่มากเลยค่ะ

ขอถ่ายน้ำพุแบบไม่ย้อนแสงบ้าง ><“

พอเข้าไปในอาคารก็ต้องว้าววววเลยค่ะ เพดานสวยมากกกกกกกกก ตกแต่งตัวอาคารก็ดูอลังการเวอร์วังมากค่ะ

บริเวณด้านนอกนี่เราสามารถเดินชมได้ฟรีค่ะ แต่หากจะเข้าดูนิทรรศการภายในที่เค้าจัดแสดงก็ต้องเสียค่าบัตรด้วย ซึ่งบัตรทั่วไปจะอยู่ที่ 200NTD ค่ะ แต่จะมีบัตรพิเศษอีกแบบนึง คือบัตรรวมที่สามารถเข้าชมนิทรรศการพิเศษที่จัดเฉพาะช่วงเวลาด้วยได้ ซึ่งหากซื้อบัตรทั่วไปไปแล้ว แต่อยากเข้าชมนิทรรศการพิเศษเพิ่มก็ต้องซื้อบัตรเพิ่มค่ะ แต่หากซื้อบัตรรวมตัวนี้ก็สามารถเข้าได้ทั้งหมดเลย ช่วงที่เคโกะไปก็จะเป็นนิทรรศการจัดแสดงผลงานของศิลปินท่านนึงนะคะ

ด้านในห้องจัดแสดงจะแบ่งเป็นโซน ๆ แนะนำว่าเดินดูให้ครบตามแผนที่ที่เค้าให้มาตอนซื้อตั๋วค่ะ และด้านในห้ามถ่ายรูปค่ะ ก็เลยไม่มีรูปมาให้ดูกันนะคะ ^^”

สิ่งที่ประทับใจก็คือ เค้านำเสนอนิทรรศการของเค้าได้ดีมากเลยค่ะ มีการไล่เรียงลำดับขั้นตอนมาให้เข้าใจง่าย อีกทั้งมีช่วงแสดงด้วย ดีงามหมดทุกโชว์ค่ะ ถ้าไป ก็ไม่ควรพลาดเลยซักอันนะคะ

เดินวนอยู่นานมาก ห้องจัดแสดงก็เยอะ และน่าสนใจหมดทุกห้องเลยค่ะ กว่าจะออกมาก็เย็นแล้ว

หน้าอาคารมีต้นคริสต์มาสต์ขนาดใหญ่อยู่ และมีคนมาถ่ายรูปเยอะมากกกกกกกกกก มาถ่ายรูปรับปริญญาก็เยอะค่ะ รูปพรีเวดดิ้งก็มี ถ่ายรูปไม่ให้ติดคนคือยากอ่ะ

นอกจากตัวอาคารแล้ว รอบ ๆ ก็จะมีสวนต่าง ๆ มีรูปปั้น ซึ่งตกแต่งสไตล์ยุโรปยุคเก่าหมดเลยค่ะ สวยมาก ๆ

สะพานหน้าอาคารจัดแสดงค่ะ คนมาถ่ายรูปเยอะมากไม่แพ้กันเลย

น้ำพุก็สวยค่ะ

มุมกว้าง ๆ กับสะพานข้ามสระน้ำภายในอาณาบริเวณบ้างนะคะ

คือที่นี่สวย น่าถ่ายรูปมากจริง ๆ อะ ถ้ามาแล้วจัดคอสตูมมาให้เต็มเลยนะคะ ถ่ายกันสนุกแน่ ๆ เลยล่ะค่ะ ^^”

ปิดท้ายที่เหล่าห่านน้อยเล่นน้ำค่ะ

โดยรวมแล้ว ที่นี่แอบไกลไปนิด แต่พอได้มาแล้วก็รู้สึกว่าคุ้มค่ากับการมาค่ะ ใช้เวลาอย่างน้อยก็ครึ่งวันนะคะ แต่ถ้าเป็นคนชอบเดินมิวเซียม ชอบศิลปะ ชอบถ่ายรูป ก็ให้เวลาซัก 1 วัน น่าจะกำลังดีค่ะ

ไปพูดคุยกันได้ที่ inbox เพจนะคะ ^^
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

Taiwan Indigenous Peoples Cultural Park

สวัสดีค่าาาา เพื่อน ๆ ที่อยู่ในเมืองผิงตง (Pingtung) นั้นมักจะชอบพูดว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่น่าเบื่อ ไม่มีอะไรเลยยยยย ซึ่งเคโกะว่าก็จริงครึ่งหนึ่งนะ (555) เพราะบางสถานที่เที่ยวบางที่อะ ไม่มีรถประจำทางไปค่ะ เลยทำให้รู้สึกว่าไม่มีที่เที่ยวไหนเลย เฉพาะในเมืองนี้นะคะ

แต่ก็นะ ก็ยังไม่วายหาที่ไปจนได้ค่ะ ซึ่งที่นี่นั้น ไปง่าย มีรถประจำทางไป มีรอบเวลารถบัสเป๊ะ ๆ เลย แต่ว่าก็ยังคิดอยู่ว่าควรจะมีความเข้าใจในความเป็นมาของไต้หวันสักนิดหน่อยก็จะดีค่ะ หรือไม่ก็ชอบแนวพิพิธภัณฑ์ หรือชอบแนว ๆ วัฒนธรรมพื้นเมืองไรงี้อยู่เป็นทุนเดิมซักหน่อยล่ะค่ะ น่าจะเข้าถึงและอินได้มากขึ้นนะคะ

Spot name : Taiwan Indigenous Peoples Cultural Park / 台湾原住民族文化园区
Websitehttps://www.tacp.gov.tw/tacpeng/home02_2.aspx?ID=4
Facebookhttps://www.facebook.com/tacp.tw/
Opening hours : 8.30-17.30 (closed on Monday)
Entrance Fee : 150NTD
Access : Taiwan 好行 bus no.508 from Pingtung Station (120NTD for 1-day ticket)
Visited date : 10 March 2018

เคโกะเริ่มต้นการเดินทางที่สถานีรถไฟผิงตงนะคะ เดินไปขึ้นที่ท่ารถบัสเหมือนโพสต์ก่อนหน้าที่ไปเกาะเสี่ยวหลิวฉิวค่ะ ซึ่งท่ารถจะอยู่ทางด้านซ้ายมือของสถานีรถไฟ ติดกับ 7-11 ค่ะ แล้วก็ไปที่บูธขายตั๋วเพื่อซื้อตั๋วแบบ 1-day pass มา (ราคา 120NTD) ซึ่งจริง ๆ จะไม่ซื้อก็ได้ จะแตะบัตร Easycard ก็ได้ค่ะ เพียงแต่ว่าซื้อแบบ 1-day pass ก็จะคุ้มกว่าและถูกกว่าจ่ายเป็นเที่ยว ๆ ไปค่ะ

IMG_4967

จุดที่ขึ้นรถบัสก็จะมีสัญลักษณ์ของรถบัส Taiwan 好行 อยู่ค่ะ

IMG_4968

นั่งรถไปจนสุดสายเลยค่ะ รถบัสก็จะมาจอดที่ด้านหน้าของ Cultural Park แห่งนี้

DSC_6623

แล้วก็เดินไปซื้อตั๋วเข้ากันค่ะ ราคา 150NTD ค่ะ

IMG_4974

พอเข้ามาด้านในแล้ว จะมี tourist information counter อยู่ ก็เดินเข้าไปขอแผนที่หรือขอคำแนะนำเส้นทางก็ได้ค่ะ

ในสถานที่นี้จะมีการแสดงโชว์พื้นเมืองตามจุดต่าง ๆ ด้วย แต่น่าเสียดายที่เคโกะไปผิดจังหวะไปหมดเลย ไม่ได้ดูโชว์อะไรสักอย่างเลยค่ะ T.T

ตอนที่ไป พนง.แนะนำให้ดูนิทรรศการความเป็นมาของชนเผ่าพื้นเมืองต่าง ๆ ของไต้หวันก่อน ซึ่งก็อยู่ติดกับ tourist information นั่นแหละค่ะ

ภายในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะคะ

ตัวอาคารที่จัดแสดงจะมี 2 ชั้น ทางเดินจะเป็นทางเดียว วน ๆ ขึ้นไปชั้นสอง จะออกมาที่ทางออกได้ค่ะ ก็จะเจอสะพานเก๋ ๆ แบบนี้

DSC_6627

ที่ cultural park แห่งนี้มีอาณาบริเวณที่ใหญ่มาก ๆ ค่ะ แบ่งออกเป็นประมาณ 5 โซนด้วยกัน ซึ่งมีรถชัทเทิลบัสบริการฟรีค่ะ

จุดแรกที่ขึ้นรถชัทเทิลบัสก็จะหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

DSC_6626

** สิ่งที่ต้องระวังก็คือการขึ้นรถชัทเทิลบัสค่ะ ต้องสังเกตป้ายรอรถด้วยว่าไปไหน อย่างจุดข้างบน จุดทางเข้าที่เคโกะขึ้นจากด้านหน้าเลยเนี่ย ก็จะบอกว่าไปโซนไหน ซึ่งเค้าจะไปส่งให้ 2 โซนค่ะ คือ Naluwan กับ Fuguwan ส่วนโซนตรงกลางคือ Tamaluwan ไม่มีรถไปส่งค่ะ ต้องเดินไปเอง .. ถามว่าไกลมั้ย ก็นิดนึงค่ะ พอสมควรอยู่

ด้วยความโก๊ะ ๆ ของเคโกะเอง ก็จะนั่งรถวนไปวนมาสองสามรอบอยู่ กว่าจะครบค่ะ เพราะงั้นก็เลยจะออกตัวไว้ตรงนี้ว่า ถ้าแปะรูปสลับโซนกันก็ขออภัยด้วยค่ะ ><~

เริ่มที่โซนแรกคือ Naluwan ซึ่งจะอยู่ด้านในลึกเกือบสุดค่ะ โซนนี้มีโชว์ที่น่าสนใจอยู่ด้วย แต่เวลาไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องขอผ่านล่ะค่ะ T.T

การแสดงที่เคโกะว่าก็จะจัดในเธียเตอร์หน้าตาประมาณนี้ค่ะ

DSC_6656

มีป้ายตั้งอยู่ด้านหน้าว่ารอบต่อไปกี่โมง และโชว์ของชนพื้นเมืองกลุ่มใด ใจเคโกะอยากดูของชนเผ่าอาเหม่ยค่ะ แต่เป็นช่วงเช้า เคโกะโผล่ไปตอนบ่ายแล้วอะ และถ้าดูก็จะกลับเย็นเกินไปค่ะ ซึ่งก็นัดเพื่อนไว้ด้วย >< อดเลยยยย~

DSC_6657

ใกล้ ๆ ก็มีโซนอาหารจำหน่ายอยู่ พร้อมที่นั่งรับประทานเรียบร้อยค่ะ ราคาก็แรงนิดนึงตามประสาสถานที่ท่องเที่ยวนะคะ

DSC_6655

นอกจากนี้ก็จะมีอาคารจัดแสดงนิทรรศการด้วยค่ะ แสดงวิถีชีวิตพื้นบ้านของชนเผ่าค่ะ

มีป้ายห้ามถ่ายรูป แต่ก็แอบถ่ายมานิดหน่อย แหะๆ

IMG_4978

เอาจริง ๆ เคโกะว่าหุ่นที่เค้าจัดแสดงแอบหลอนอะ ><

ก็เหมือนจริงไป๊~

IMG_4979

ต่อกันที่โซนถัดไปดีกว่าค่ะ ^^”

โซนถัดไปจะอยู่ด้านในลึกสุดของ Cultural Park แห่งนี้เลย ซึ่งก็คือโซน Fuguwan ค่ะ การจัดแสดงของเค้าจะอยู่ในบ้านทรงโบราณแบบพื้นเมืองอะค่ะ ในบ้านแต่ละหลังก็จะมีการแสดงวิถีชีวิตของคนพื้นเมืองที่แตกต่างกันไป

ป้ายแสดงโซนก็จะเป็นประมาณนี้นะคะ

DSC_6639

บ้านในพื้นที่จัดแสดงก็แอบมีอะไรกุ๊กกิ๊กน่ารัก ๆ อยู่เหมือนกัน

DSC_6642

บ้านบางหลังก็จะมีการแสดงด้วยค่ะ … ซึ่งงงงง ไม่ได้ดูเช่นเดิม มาผิดจังหวะตล๊อดดดด T.T

DSC_6643

กำลังจะเดินออกจากโซนนี้อยู่แล้ว ก็เหลือบไปเห็นป้ายหรืออ่านในแผ่นพับที่ได้มาสักอย่างอะค่ะว่ามีงานหัตถกรรมด้วย ก็เลยโฉบเข้าไปสักหน่อย

มีคุณพี่เจ้าของบ้านนั่งเป่าแก้วทำเป็นเครื่องประดับลวดลายต่าง ๆ ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นวิถีของชนเผ่าอาเหม่ยค่ะ

DSC_6646

แล้วเคโกะก็แพ้ทางเครื่องประดับ accessories ต่างๆ อะ เลยยืน ๆ เลือก ๆ อยู่นาน สุดท้ายก็เลือกมาได้อันนึงค่ะ แล้วคุณพี่ก็อธิบายว่า แต่ละลวดลายที่อยู่บนสร้อย หรือบนเครื่องประดับนั้นจะมีความหมายไม่เหมือนกัน คล้าย ๆ เป็นการอวยพรไรงี้อะค่ะ ลวดลายแต่ละแบบก็จะมีความหมายต่างกัน แล้วเส้นที่เคโกะหยิบมานั้น เป็นการขอให้คลอดบุตรง่าย … เอิ่มมมมม… T^T

ชะงักไปสามวินาที ก่อนจะให้คุณพี่ช่วยแนะนำให้ ซึ่งภาษาจีนของคุณพี่เค้าก็ฟังไม่ค่อยถนัด (น่าจะติดสำเนียงท้องถิ่นมาค่ะ เลยทำให้ฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่) แล้วผสมกับความกากในภาษาจีนของตัวเองอีก งานยากเลยแหละ T.T

สุดท้ายก็ได้มา 1 เส้น เป็นสร้อยข้อมือค่ะ สนนราคา 150NTD เค้าอธิบายประมาณว่าเส้นนี้ ลวดลายนี้จะเป็นการขอให้ปลอดภัยค่ะ เข้าทางเคโกะนะ ปีชงค่ะ อะไรพอยึดเหนี่ยวได้ก็จัดไว้ก่อน ^^”

IMG_4980

สายที่เค้าทำไว้ค่อนข้างยาวประมาณนึงเลย แต่เค้าเห็นว่าเคโกะใส่เองและใส่เลย เค้าก็ตัดสายให้สั้นลง ให้ใส่ได้กระชับขึ้นค่ะ น่ารักทีเดียว

จากนั้นก็ออกจากโซนนั้นค่ะ กลับมาที่โซนด้านหน้า แล้วก็รีบเดินไปโซนที่อยู่ตรงกลาง ที่ไม่มีรถชัทเทิลบัสไปส่งค่ะ ก็คือโซน Tamaluwan นั่นเอง

โซนนี้จะไม่มีการจัดแสดงหรือโชว์อะไรเลย เป็นเหมือนนิทรรศการถาวรตั้งไว้ให้ดู ให้ศึกษาเฉย ๆ ค่ะ ไม่ค่อยมีคนมาเดินด้วยซ้ำ (ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ไม่มีรถชัทเทิลบัสไปส่งล่ะนะ)

ส่วนใหญ่ก็จะประมาณแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนพื้นเมืองค่ะ เช่น บ้านมีกี่แบบ การศึกษา การดำรงชีวิต การเกษตร การละเล่นเป็นยังไงอะไรงี้ค่ะ

ที่ดึงดูดเคโกะให้เดินมาโซนนี้ก็คือสะพานเชือกค่ะ 555 แพ้ทางสะพานเชือกอีกอย่างนึง ><

DSC_6659

เจอของเล่นพื้นเมือง ที่ไร้ผู้คนมาก ๆ 55

DSC_6667

แล้วก็บ้านค่ะ

DSC_6668

ปิดท้ายด้วยอะไรสักสิ่ง แต่สีสันสะดุดตาไง 555

DSC_6673

จากนั้นก็เดินกลับมาโซนด้านหน้าตามเดิม ซึ่งจะมีร้านขายของที่ระลึกด้วยค่ะ แล้วก็มีร้านค้า ของกินเล่นอะไรนิดหน่อยนะ เคโกะเดินดูผ่าน ๆ แล้วก็กลับค่ะ

วิธีกลับก็ตรงข้ามกะวิธีมาค่ะ ก็นั่งรถบัสสายเดิมนั่นแหละ ซึ่งป้ายรถเค้าก็จะอยู่ด้านหน้า ตรงจุดที่เราลงรถบัสตอนขามาค่ะ แล้วก็นั่งไปจนป้ายสุดท้ายก็จะไปถึงที่สถานีรถไฟผิงตงค่ะ

ก่อนจบโพสต์แบบดื้อ ๆ ก็ฝากเพจเลยแล้วกัน 555
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

Fujiko.F.Fujio Museum

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้เคโกะขอพาย้อนวัยเด็กนิดนึงนะคะ เชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะรู้จักตัวละครการ์ตูนผลงานของอาจารย์ Fujiko.F.Fujio กันดีอยู่แล้ว อย่างน้อย ๆ ก็โดราเอมอนแหละนะ ^^”

Place : Fujiko.F.Fujio Museum
Location : Kawasaki city
Direction : Shuttle bus service run from Noborito Station (Odakyu line or JR Nanbu line) — แนะนำนั่งรถชัทเทิลบัสนะคะ ไม่แนะนำเดินค่ะ ไกลจริง ๆ รถชัทเทิลบัสนั้นเที่ยวละ 210Y ค่ะ ไม่ฟรีน้าาา..
Visited date : 12 Jan 2017
Pass : no
Admission Fee : 1000Y (นักเรียนมัธยม 700Y, เด็ก 4 ขวบขึ้นไปจนถึงก่อนมัธยม 500Y, เด็กต่ำกว่า 4 ขวบ ฟรี) ซึ่งต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่าน Lawson Loppi หรือตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติ ในร้าน Lawson ค่ะ
Website : http://fujiko-museum.com/english/

ก่อนจะพาไปเข้าชมพิพิธภัณฑ์นั้น เคโกะขออธิบายถึงวิธีการซื้อตั๋วก่อนนะคะ ซึ่งก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าตั๋วเข้าชมนี้จำเป็นที่จะต้องซื้อก่อนเข้าชมค่ะ สามารถซื้อผ่านตู้ขายตั๋วอัตโนมัติในร้านลอว์สันเลย ซึ่งในเว็บไซต์ก็จะมีวิธีการแนะนำอยู่แล้ว … แต่เอาเข้าจริง ๆ หน้าจอไม่เหมือนกับในเว็บที่อธิบายไว้ค่ะ T.T

แล้วสุดท้ายก็ต้องให้พนง.ร้านช่วยกดจองตั๋วให้ พอเสร็จแล้วก็จะได้สลิปยาว ๆ มาแบบนี้ค่ะ

IMG_9155

จากนั้นก็เอาสลิปไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์ ก็จะเปลี่ยนมาเป็นตั๋วหน้าตาแบบนี้ค่ะ ซึ่งสามารถใช้เข้ามิวเซียมได้เลย

IMG_9209

เสร็จจากเรื่องตั๋วแล้ว ก็มาเริ่มต้นการเดินทางกันซะทีค่ะ ^^

วันนั้นเคโกะเริ่มต้นด้วยการนั่งรถไฟสาย JR ไปลง Kawasaki แล้วเปลี่ยนสายไป Noborito เสร็จแล้วก็ออกมาทางออก ก็จะมีป้ายบอกทางเลยนะคะว่าป้ายรถชัทเทิลบัสไปทางไหน

IMG_9214

เดินไปทางซ้ายตามป้ายบอก นิดเดียวเองก็จะมาถึงป้ายรถบัสแล้วค่ะ

DSC_2118

หน้าตารถบัสก็จะเพ้นท์ตัวละครการ์ตูนที่ยอดนิยมของอาจารย์ Fujiko.F.Fujio ค่ะ สวยสะดุดตา ดึงดูดใจสำหรับแฟนและคนที่ชื่นชอบเป็นอย่างดี

IMG_9255

พอไปถึงด้านหน้ามิวเซียมแล้ว ก็จะมีพนง.มาเช็คตั๋ว อธิบายข้อระเบียบการเข้าชมมิวเซียม (ภาษาญี่ปุ่น แซมด้วยอังกฤษเฉพาะคำที่สำคัญ แต่มีป้ายอธิบายประกอบค่ะ)

แล้วเมื่อเข้ามาด้านใน สามารถยื่นตั๋วให้กับพนง.เพื่อแลกเป็นเครื่องฟังพกพาสำหรับฟังคำอธิบายแต่ละจุดในมิวเซียมได้ (มีภาษาอังกฤษด้วยค่ะ แจ้งได้เลย) แผนที่ในมิวเซียม และตั๋วสำหรับชมภาพยนตร์ในมิวเซียมค่ะ

ด้านในห้องจัดแสดง บางจุดก็ถ่ายรูปได้ บางจุดก็ห้ามถ่ายรูปนะคะ ซึ่งในส่วนของมิวเซียมที่อธิบายชีวประวัติของอาจารย์ Fujiko.F.Fujio และผลงานเด่นนั้นทำได้น่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะ รวมทั้งมีการจัดแสดงผลงานหายาก แสดงวิวัฒนาการของการ์ตูนแต่ละเรื่อง ไรงี้ค่ะ

อย่างโดราเอมอน การ์ตูนขวัญใจเด็ก (และผู้ใหญ่) ทั่วโลก ลายเส้นยุคแรกก็จะดูแปลกตา โดราเอมอนก็จะดูอ้วน ๆ กว่ายุคปัจจุบันค่ะ

DSC_2119

ยุคถัดมาก็เริ่มมีเฉดดิ้ง มีการใช้ตัวพิมพ์แทนการเขียนแบบยุคแรก ๆ

DSC_2126DSC_2128

นอกจากนี้ บริเวณรอบ ๆ มิวเซียมเองก็จะมีโมเดลการ์ตูนยอดฮิตของอาจารย์แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ให้เราได้ค้นหาด้วย ก็เป็นกิจกรรมที่ทำให้คนมาเข้าชมทำได้อย่างเพลิน ๆ ดีค่ะ

ด้านนอกของห้องจัดแสดงก็เป็นไจแอนท์กับบ่อวิเศษค่ะ ตรงนี้มีลูกเล่นนิดหน่อยให้สนุกสนานด้วยค่ะ

DSC_2130

จากนั้นก็ออกจากห้องจัดแสดง มาบริเวณโถงกลาง ซึ่งมีกิจกรรม มีจุดนั่งเล่นอะไรอีกหลายอย่างค่ะ

DSC_2135

ในรูปข้างบนตรงด้านซ้ายสุดในรูปจะเป็นทางเข้าห้อง theater ค่ะ เป็นห้องชมภาพยนตร์เล็ก ๆ สั้น ๆ ความยาวประมาณ 10 – 15 นาทีได้ ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดค่ะ ด้วยความรู้ภาษาเท่าหางอึ่งของเคโกะดูแล้วก็เข้าใจนะคะ พอหันไปถามคุณผู้ชายที่ไปด้วยกัน ซึ่งเค้าไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย เค้าก็ดูเข้าใจเหมือนกันค่ะ ก็นะ การ์ตูนเป็นภาษาสากลเนอะ 555

มุมนั่งเล่นโดราจังก็น่ารักค่ะ

DSC_2132

แล้วก็มุมกาชาปองอันบิ๊กเบิ้ม อันนี้เคโกะชอบมาก ถึงกับรีบวิ่งไปหยอดเลยอ้ะ

DSC_2134

จากนั้นก็ออกไปเดินบริเวณกลางแจ้ง เดินถ่ายรูปกับโมเดลการ์ตูนโดราเอมอนค่ะ

DSC_2136

ประตูวิเศษก็มา

DSC_2141

ไดโนเสาร์พีสุเกะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นโดราเอมอนภาคพิเศษตอนแรกที่วางตลาดนะคะ ก็มาด้วย ตอนนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของใครหลาย ๆ คนค่ะ

DSC_2147

โดเรมีก็มากับเค้าด้วยนะ

DSC_2161

นอกจากนี้แล้ว ผีน้อยคิวทาโร่ อีกหนึ่งในผลงานยอดฮิตของอาจารย์ก็มีจัดแสดงด้วยค่ะ

DSC_2158

สุดท้ายก็หุ่นอัจฉริยะตัวนี้ (ลืมชื่อซะแล้ว แหะๆ >< ) ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องในผลงานที่เคโกะก็รู้จัก เคยอ่านอยู่ค่ะ

DSC_2160

นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีส่วนของคาเฟ่ด้วย ซึ่งเคโกะไม่ได้เข้าไปลองทานหรือลองสั่งอาหารดูอะนะคะ ก็กลับเลยเพราะต้องไปที่อื่นต่ออีก

พอเดินลงมาชั้นล่างซึ่งเป็นทางออก ก็จะต้องผ่านด่านร้านขายของฝากก่อนค่ะ จากนั้นก็เดินผ่านออกไปได้เลย ก็จะเป็นด้านหน้ามิวเซียม จุดรอรถบัสเพื่อวนกลับไปที่สถานีตามเดิมเหมือนขามาค่ะ

โดยรวม ก็เป็นมิวเซียมที่น่าสนใจดีค่ะ เข้าชมได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยค่ะ ^^