[Chiang Rai] Samile Coffee Japanese style

สวัสดีค่ะ มาถึงโพสต์สุดท้ายของทริปเชียงรายแล้วนะคะ ก็จะมาปิดท้ายที่คาเฟ่นึงในเชียงรายที่บรรยากาศกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นมากค่ะ และที่นี่มีความเจ๋งอีกอย่างตรงที่มีช่างภาพมาถ่ายรูปให้เราด้วยค่ะ เหมาะกับคนไปคนเดียวแต่อยากได้รูปสวย ๆ หรือไม่ก็ไปกันหลาย ๆ คน แต่อยากได้รูปสวย ๆ โดยที่ไม่ต้องผลัดกันถ่ายมาก ๆ ค่ะ

Restaurant name : Samile Coffee Japanese style
Google maps : https://goo.gl/maps/DENJWjK1kdoGKZ1b9
Parking lots : Yes
Location : อ.เมือง จ.เชียงราย
Opening hours : 8AM – 6PM
Visited date : 26 Dec 2020
Website : https://web.facebook.com/Samile-Coffee-Japanese-style-105404494183604/

*** เคโกะจะลงตัวอย่างรูปที่ได้ไว้ในเพจนะคะ ขออนุญาตไม่ลงในบล็อกนะค้าาา แหะๆ ***

เคโกะไปถึงก่อนเที่ยงนิดหน่อยนะคะ คนไม่เยอะเลยค่ะ แต่พอบ่าย ๆ คนก็เยอะมากนะคะ ถ้ายังไงก็พิจารณาเวลากันด้วยเนอะ อยากได้มุมสวย ๆ ไม่ติดคนก็แนะนำให้มาช่วงสาย ๆ ค่ะ

ไปถึงเคโกะก็สั่งเครื่องดื่มก่อนเลย แล้วก็สอบถามพนักงานเคาน์เตอร์ด้วยถึงการใช้บริการช่างภาพค่ะ ก็เลยได้ความว่าช่างภาพมีถ่ายงานลูกค้าคนก่อนหน้าเคโกะอยู่ แต่กำลังเสร็จงานแล้ว ก็เลยโอเคค่ะ รออออ

เครื่องดื่มที่สั่งมาเป็นชาเขียวเย็นนะคะ

ตัวร้านมีที่นั่งทั้ง indoor และ outdoor เลยค่ะ ตอนแรกว่าจะนั่งด้านนอก แต่วางแก้วชาไว้นาน เริ่มละลายแล้ว บวกกับมีกระเป๋าอีก ก็เลยย้ายมาด้านในร้านค่ะ

ที่ร้านมีบริการชุดแบบญี่ปุ่นให้ด้วย ซึ่งก็แค่สั่งเมนูใด ๆ ที่ร้าน ก็สามารถยืมชุดใส่ถ่ายรูปได้แล้วล่ะค่ะ ซึ่งมุมแต่งตัวและชุดเสื้อผ้านั้นจะอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ค่ะ โดยมีพนักงานมาช่วยแต่งตัวให้ด้วย

สำหรับค่าบริการถ่ายภาพนั้น คิดอยู่ที่ 150 บาท/1-3 คนค่ะ ไม่จำกัดจำนวนรูป และไม่จำกัดเวลาค่ะ

แล้วก็ขอแปะรูปบรรยากาศร้านไปยาว ๆ เลยนะคะ

ตรงนี้เป็นบริเวณด้านหน้าร้านค่ะ ก็สามารถมานั่งถ่ายรูปได้เช่นกัน

ประตูกระจกนั้นคือตัวร้านที่เป็น indoor ค่ะ เป็นห้องแอร์ขนาดกะทัดรัดค่ะ

พอถ่ายรูปอะไรเสร็จสรรพ ก็หิวข้าวแล้วค่ะ หลังจากนี้คือไปสนามบินและบินกลับมากรุงเทพฯแล้ว ก็เลยตัดสินใจทานข้าวที่ร้านเลยค่ะ ซึ่งที่ร้านเองก็จะมีเมนูอาหารด้วย แต่ก็ไม่ได้หลากหลายอะไรนักค่ะ

เคโกะสั่งไปเป็นข้าวไก่เทอริยากิค่ะ

ตามความรู้สึกเลยนะ เมนูอาหารไม่ได้อร่อยว้าวค่ะ รู้สึกเหมือนเป็นอาหารฟรีซอะ และตัวซอสออกเค็มเกินไปค่ะ

ส่วนเครื่องดื่มเอง (ชาเย็น) ก็รสธรรมดา ๆ ค่ะ

สนนราคารวมทั้งหมด ถ้าจดมาไม่ผิด ก็ 299 บาทค่ะ –รวมค่าช่างภาพแล้วน้าาาา (ไม่มั่นใจเพราะลงท้ายด้วยเลข 9 นี่แหละ ><)

ก็จัดเป็นร้านที่มีมุมถ่ายรูปเยอะมากกกกกก เก๋ตรงที่มีช่างภาพบริการด้วย ชอบตรงนี้ค่ะ ฮาาาาาาา คือถ้ามีปัญหาว่าเพื่อนถ่ายรูปให้ไม่ถูกใจ ร้านนี้แก้ปัญหานี้ให้ได้ค่ะ ฮาาาา

แต่เอาจริง ๆ นะ ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าช่างภาพจะคล่องหรือชำนาญอะไรมากมายค่ะ เค้าจะถ่ายรูปตัวอย่างให้เราดูก่อนสองสามใบเพื่อให้ดูแนวว่าเราอยากได้แนวไหน แต่ภาพที่ได้ก็จะมี under/over ไปบ้างค่ะ แล้วก็ไม่ได้จัดท่าให้เรา เราต้องคิดท่าเองทั้งหมดนะคะ แม้เคโกะจะออกตัวว่าจัดท่าไม่เก่งแล้วก็ตาม ก็ยังต้องสรรหาท่าออกมาเองอยู่ดีค่ะ T.T

ส่วนภาพที่ได้ ดีตรงที่เค้าให้เราหมดทุกรูป แต่ก็ต้องมาปรับแสงอะไรเองกรณีที่ไม่ถูกใจเราค่ะ –เคโกะเองก็ปรับไม่เก่ง แฮ่~ (ตามไปดูในเพจได้นะคะ จะลงไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างนิดหน่อยพอกรุบกริบ)

โดยรวมเลย อยากได้รูปโพรไฟล์ใหม่มาเลยค่ะ ดีงามมมมม แต่ในเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม เคโกะว่ากลาง ๆ ค่ะ ไม่จัดว่าแย่แต่ก็ไม่ถึอว่าดีเลิศนะ

แปะเพจไว้ให้ เผื่อหาทางไปไม่เจอค่ะ ฮาาาา
https://web.facebook.com/thisiskeigo

[Chiang Rai] In town, Chiang Rai

สวัสดีค่ะ ในตัวเมืองเชียงรายที่เด่น ๆ เคโกะก็ไปมาแล้วซะเยอะอะนะคะ เพราะงั้นในโพสต์นี้ก็เลยจะไปที่ที่ยังไม่เคยไปค่ะ แล้วก็พอดีกับว่ามีน้องที่ออฟฟิศเก่าแนะนำร้านอาหารมาให้ เลยไปชิมดูด้วยค่ะ

เริ่มต้นที่ร้านอาหารก่อนละกันเนอะ เคโกะกลับเข้าเมืองจากดอยช้าง มาถึงโรงแรมที่พักก็บ่ายแก่ ๆ แล้วล่ะค่ะ ก็เลยเก็บของให้เรียบร้อย แล้วก็ออกไปทานมื้อเย็นเลย

Restaurant name : Ma-Long-Der / มาลองเต๊อะ
Google maps : https://goo.gl/maps/aJyh2FKEHyRGTcAj6
Parking lots : Yes
Location : อ.เมือง จ.เชียงราย
Opening hours : 8.30AM – 5PM, closed on Monday
Visited date : 25 Dec 2020
Website : https://web.facebook.com/MalongderCEI/

มาถึงหน้าร้านก็แอบเด๋อ ๆ นิดหน่อย เพราะรู้สึกว่าร้านดูใหญ่เกินตัวไปล่ะค่ะ แต่ก็มาแล้ว มั่นหน้าไว้~ 555

นั่งโต๊ะปุ๊บ พนง.ก็เอาเมนูมาให้ค่ะ คงคอนเซ็ปท์ร้านจริง ๆ เข้ากับร้านมากเลยค่ะ

ร้านก็จะเป็นอาหารเมืองนะคะ สั่งอาหารแล้ว เค้าก็ยก Welcome drink มาเสิร์ฟให้เป็นน้ำใบเตยอัญชัน หน้าตาน่ารักแบบนี้เลยค่ะ

เคโกะชอบการนำเสนอของร้านนะ ใช้เป็นขันใบเล็กแทนแก้วน้ำ ได้ฟีลย้อนยุคหน่อย ๆ ดีค่ะ

จากนั้นก็จะนำเซ็ทจานช้อนส้อมมาเสิร์ฟให้ค่ะ แพคมาน่ารัก ๆ แบบนี้เลย เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่เคโกะกลับรู้สึกว่านำเสนอได้น่ารัก น่าสนใจดีค่ะ แล้วก็แหวกแนวจากแบบทั่ว ๆ ไปที่มักจะใช้เป็นถุงพลาสติกอะไรแบบนั้น ซึ่งใจเคโกะจะค่อนไปทางการใช้วัสดุที่ย่อยสลายตามธรรมชาติแบบนี้มากกว่าค่ะ

แกะกระดาษที่ห่อ ก็จะประมาณนี้ค่ะ

แล้วอาหารที่สั่งไปก็มาค่ะ มาไล่เลี่ยกันเลย

จานแรกเป็นเซ็ทขันโตกเซ็ทเล็กค่ะ ขนาดจะประมาณ 1-2 คนนะคะ แต่เคโกะก็หม่ำคนเดียวหมดแหละ 5555

ขันโตกเล็กจะประกอบไปด้วย น้ำพริกอ่อง, แกงฮังเล, แกงตูนกุ้งฝอย, ไข่ต้ม, แหนม, หมูยอ, ไส้อั่ว และผักต้มที่ไว้กินแนมกับสิ่งต่าง ๆ ในเซ็ทค่ะ และยังมีผลไม้, ข้าวเหนียวซึ่งห่อใบตองมาอย่างสวยงามอีกด้วย

แกะห่อข้าวเหนียวให้ดูนะคะ เป็นข้าวเหนียวดำ+อัญชันค่ะ สวยงามน่าทานมากเลย

กับข้าวแต่ละอย่างในขันโตกก็จะเป็นพอร์ชั่นเล็ก ๆ อะค่ะ ทานสองสามคำก็หมดแล้วไรงี้ แต่ส่วนตัวว่าอร่อยนะคะ อร่อยทุกอย่างเลย

จานต่อไป ไม่มีในเมนูค่ะ แต่เคโกะเห็นในหน้าเพจ เลยถามพนักงานดูว่ายังมีมั้ย พนง.ว่ามีก็จัดไปค่ะ กับตำสตรอเบอรี่

ตำสตรอเบอรี่นั้น เคโกะชอบความสตรอเบอรี่เยอะมากกกกค่ะ มาเป็นลูก ๆ เลย ท็อปด้วยปลากรอบและข้าวโอ๊ต ส่วนตัวรู้สึกว่าออกเค็มไปนิดหน่อยค่ะ ไม่ค่อยเข้ากับสตรอเบอรี่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้แย่นะคะ

อาหารมื้อนี้เบ็ดเสร็จ 535 บาทค่ะ

มาดูบรรยากาศร้านบ้าง

นอกจากร้านอาหารแล้ว เค้ามีห้องจัดแสดงงานศิลปะด้วยนะคะ มีภาพเขียนและของที่ระลึกอะไรต่าง ๆ เยอะแยะทีเดียวค่ะ ซึ่งแกลอรีแสดงงานศิลปะนี้เข้าได้ฟรีเลยค่ะ เดินเข้าไปชมงานตั้งแต่ด้านหน้าจนมาทะลุออกด้านหลัง ก็จะมาโผล่ด้านในร้านอาหารอีกทีค่ะ ก็มาเดินเล่นเพลิน ๆ ระหว่างรออาหารได้ค่ะ

แต่ในจังหวะที่เคโกะจะเดินออกจากร้านนั้นเอง น้องพนักงานก็เชิญชวนไปดูมุมของฝากที่ตั้งอยู่ภายในร้าน ก็เลยช้อปปิ้งต่อได้อีก – -“

ตัวที่อยากนำเสนอก็คือ พายสับปะรดภูแลค่ะ

เป็นพายสับปะรดที่ด้านในคือสับปะรดภูแลทั้งลูกค่ะ 1 กล่องก็คือ 1 ชิ้นนะคะ ข้างกล่องจะมีอธิบายวิธีอุ่นเพื่อทานแบบร้อน ๆ ด้วยค่ะ

เคโกะแกะด้านในให้ดูนะ

ส่วนรสชาตินั้น อร่อยค่ะ คอสับปะรดควรจัดเลยค่ะ ^^

ก่อนจะออกจากร้าน (ได้ซะที) ทางร้านก็มอบของเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ด้วย เห็นการ์ดที่แนบมาแล้วก็ได้แต่เสียดายค่ะ ที่ไม่ได้ไปดูสีสันดอยตุงค่ะ ก็แอบสนใจอยู่เหมือนกัน แต่ตารางเวลาคือไม่ได้แล้วอ่าาา โปรแกรมแน่นมากกก

ส่วนด้านหลังของการ์ดก็คือ mask นะคะ มีมาให้ 1 ชิ้นค่ะ

ออกจากร้านอาหารแล้ว มาต่อกันที่วัดค่ะ

วัดแรกที่แวะในตัวเมืองก็คือวัดห้วยปลากั้งค่ะ

Spot name : Wat Huay Pla Kang / วัดห้วยปลากั้ง
Location : อ.เมือง จ.เชียงราย
Google maps : https://goo.gl/maps/9Jp6md86rFwyfASt6
Entrance fee : Free
Opening hours : 7AM – 9.30PM
Visited date : 26 Dec 2020

วัดนี้ก็เป็นวัดที่เด่นตรงที่มีการผสมผสานกันระหว่างศิลปะจีนกับล้านนาค่ะ มีเจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่มากกกกกด้วยค่ะ

ที่จอดรถเค้ากว้างขวางมาก ณ วันที่ไปมีจนท.คอยโบกรถอำนวยความสะดวกให้ด้วยค่ะ

หันเข้าหาวัดแล้วหมุนไปทางด้านซ้ายมือ ก็จะเห็นองค์เจ้าแม่กวนอิมค่ะ

แล้วก็เข้าไปไหว้พระด้านในกันค่ะ

เคโกะเอ็นดูคำเตือนเค้าที่แปะอยู่ขั้นบันไดนะ ถึงกับต้องหยุดคิดเลยอะว่ารองเท้าแพงนี่คือต้องราคาไหนถึงเรียกว่าแพง ? รองเท้าเคโกะแพงมั้ย ? 5555

ซึ่งถุงใส่รองเท้าเนี่ย เค้ามีบริการให้นะคะอยู่เชิงบันไดนี่แหละ เป็นถุงผ้าอย่างดีเชียวค่ะ

ดูงานศิลปะเค้าสิคะ สวย ละเมียดละไมมากกก ลายเส้นอ่อนช้อยมากค่ะ

ไหว้พระแล้วก็แหงนดูเพดานซักนิดค่ะ สวยงามมาก ๆ

เสร็จแล้วก็หันไปทางขวาค่ะ จะมีเจดีย์สูง ๆ อยู่

ด้านในก็สามารถเข้าไปเดินชมได้ค่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีทั้งหมด 9 ชั้นนะคะ ซึ่งชั้นบน ๆ ก็จะแคบตามทรงอาคารค่ะ

แต่ละชั้นก็จะมีเจ้าแม่กวนอิมที่แกะสลักจากไม้จันทน์หอมในปางต่าง ๆ ด้วยค่ะ

เคโกะก็เดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุดเลยค่ะ ชั้นบน ๆ ก็จะมีพระพุทธรูปอยู่ด้วย แล้วก็อย่างที่บอกคือค่อนข้างแคบ โดยเฉพาะชั้นบนสุดค่ะ

เดินกลับลงมา มองไปทางเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ ก็จะเห็นกำแพงยาว ๆ อยู่ใกล้ ๆ เค้าว่าเป็นกำแพงเมืองไทยค่ะ 555 ออกแนวคล้ายกำแพงเมืองจีนเนอะ

จากบริเวณนี้ไปถึงเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่นั้น ค่อนข้างไกลค่ะ ทางวัดก็มีรถชัทเทิลบัสบริการด้วย ซึ่งถ้ามีคนขึ้นรถเค้าก็ออกรถเลยค่ะ ไม่ได้มีเวลาฟิกซ์หรือต้องรอคนเต็มคันอะไรแบบนั้นนะคะ

ด้านในสามารถเข้าไปชมได้ค่ะ ซึ่งจะมีลิฟท์บริการอยู่ ส่วนที่เข้าชมนั้นจะอยู่ชั้นบนค่ะ ค่าโดยสารลิฟท์ก็จะ 20 บาทค่ะ เคโกะถามเค้าเล่น ๆ ว่าเดินขึ้นไปเองได้มั้ย เค้าว่าไม่อนุญาตให้เดินขึ้นค่ะ ต้องจ่ายค่าลิฟท์และขึ้นลิฟท์ไปเท่านั้น

ด้านบนที่ให้เข้าชมก็จะเป็นงานแกะสลักประติมากรรมฝาผนังที่ต้องบอกว่าสวยงามและอลังการมากค่ะ

แล้วก็มีประตูมังกรด้วยค่ะ คนมาถ่ายรูปจุดนี้เยอะเลย

ปิดท้ายวัดนี้ด้วยมุมด้านข้างของเจดีย์ 9 ชั้นกับมังกรค่ะ

จากนั้นก็ขอมูฟไปต่อที่วัดแห่งที่ 2 ค่ะ วัดนี้ก็สวยงามไม่แพ้กันเลย

Spot name : Wat Rong Suea Ten (Blue Temple) / วัดร่องเสือเต้น
Location : อ.เมือง จ.เชียงราย
Google maps : https://goo.gl/maps/QHNu2Nct9JAUaBRFA
Entrance fee : Free
Opening hours : 7AM – 8PM
Visited date : 26 Dec 2020
Website : https://web.facebook.com/RSTBlueTemple

แค่พุ่งเข้าไปในเขตวัดและจอดรถก็เจอกับความอลังการและสวยงามของวัดแห่งนี้แล้วค่ะ

เริ่มตั้งแต่ประตูวัดเลยนะคะ

แล้วก็ตรงที่จอดรถค่ะ วัดนี้จะมีที่จอดรถไม่ได้เยอะมากค่ะ สามารถจอดได้ตรงบริเวณที่เคโกะจอดนี้ แล้วก็ถัดเข้าไปด้านในอีกค่ะ หรือไม่ก็ด้านหน้าวัดก็ได้ค่ะ

ด้านหน้าอุโบสถค่ะ มีน้ำพุงาม ๆ ด้วย ถ้าสังเกตให้ดี น้ำในบ่อน้ำพุก็เป็นสีน้ำเงินเหมือนกับวัดเช่นกันค่ะ

แล้วก็อุโบสถ ก็ยังคงเป็นสีน้ำเงินค่ะ เป็นสีน้ำเงินทั้งหลังเลย

เข้าไปไหว้พระด้านในกันค่ะ

ด้านในจะมีป้ายบอกว่า ห้ามยืนถ่ายรูปในระยะใกล้ค่ะ ถอยออกไปห่าง ๆ ก็ถ่ายได้ เคโกะก็เลยซูมมาให้นะคะ ไม่ใช่ระยะใกล้ชิดน้าาาา

ภาพวาดฝาผนังก็งามไม่แพ้กันเลยค่ะ

ด้านข้างวัดก็จะมีร้านค้าอะไรอยู่ประมาณนึง เคโกะก็เดินเล่นรอบ ๆ อุโบสถจนไปถึงด้านหลังค่ะ หามุมแปลก ๆ ถ่ายรูป แหะๆ

ก็จะมีประมาณนี้ค่ะ ได้ไปในตัวเมืองไม่ได้เยอะที่มากนัก และก็ยังเหลืออีกที่นึงค่ะ ซึ่งจะขอยกไปเป็นโพสต์หน้านะคะ
https://web.facebook.com/thisiskeigo