Centurion Hotel Ueno

สวัสดีค่ะ กลัวจะเบื่อไต้หวันกันเพราะโพสต์ซะรัว ๆ เลย ^^” ก็เลยขอตัดสลับมาญี่ปุ่นนิดนึงนะคะ

Hotel name : Centurion Hotel Ueno
City : Tokyo, Japan
Location : https://goo.gl/maps/4PVegBmdVAW5m8F9A
Booking via : booking.com
Room type : Queen Room – non smoking with extra bed
Room rate : 66,690Y (4 nights)
Check-in date : 16 – 20 Feb 2019, 4 nights
Website : http://www.centurion-hotel.com/ueno/lang/en/

อยากจะบอกว่าที่ตั้งของโรงแรมนี้คือดีงามมาก ๆ ค่ะ ใกล้ย่านช้อปปิ้งในอุเอโนะอย่าง Ameyoko แล้วใกล้ ๆ ก็มี Don Quijote และ ตึกม่วงอย่าง Takeya อีกด้วย และมากไปกว่านั้นก็คือ ใกล้รถไฟฟ้าอยู่ 2 สถานี อย่าง Yushima และ Ueno-Okachimachi แต่ถ้าหากเดินต่อไปอีกนิด ก็จะมีสถานี Okachimachi อีก อีกทั้งก็ไม่ได้ไกลเกินเดินไปยังสถานี Ueno ด้วยค่ะ ถ้าหากนั่งรถไฟ Keisei Skyliner จากสนามบินนาริตะมาก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องต่อรถอะไรอีกให้ลำบากเลยล่ะค่ะ

ปูข้อดีกันมาขนาดนี้แล้วว มาดูกันนะว่าโรงแรมนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง

โรงแรมนี้มีทั้งหมด 2 ตึก ตึกที่เราต้องไปเช็คอินก็คือตึกที่ไม่มี Family Mart ใต้ตึกค่ะ กระจกทางเข้าจะเป็นโค้ง ๆ และขึ้นบันไดเลื่อนไปจะเจอกับล็อบบี้โรงแรมเพื่อทำการเช็คอิน

จริง ๆ โรงแรมมีบริการอาหารเช้า (คิดค่าบริการเพิ่ม) แต่เคโกะจองมาแบบไม่รับอาหารเช้าค่ะ พนง. พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก ๆ เลย อธิบายการระเบียบการเข้าพักต่าง ๆ ให้พวกเราอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งห้องพักของพวกเราจะอยู่อีกตึกนึงที่มี Family Mart ใต้ตึกค่ะ ดีงามไปอีก ก็จะมีขนมกินตลอดที่เราพักที่นี่เลยนะ (555)

ด้านหน้าตึกมีคีย์การ์ดที่เราจะต้องแปะบัตร แล้วประตูอาคารจึงจะเปิดให้เราเข้าไปในตัวอาคารได้ค่ะ แต่จากภายในก็ไม่ต้องใช้คีย์การ์ดนะคะ

เปิดห้องเข้ามา จะเป็นทางเดินแคบ ๆ จนสุดมุมห้องจะมีไม้แขวนเสื้อตั้งพื้น พร้อมด้วยเสื้อคลุมให้ตามจำนวนคนเข้าพัก ซึ่งพวกเราก็อาศัยแขวนเสื้อกันหนาว และวางกระเป๋าเดินทางพวกเราไว้แถว ๆ นี้กัน

หันกลับไปที่ประตูห้องก็จะประมาณนี้

บนบานประตูห้องมีแผ่นป้ายที่ให้เราแปะหน้าประตูด้วยว่า Clean up room หรือ Do not disturb ค่ะ ซึ่งตอนที่พนง.โรงแรมอธิบายให้เราฟัง เราก็ฟังกันเข้าใจนะ แต่เราหาป้ายนี้ไม่เจอ พอเจอก็งงว่าทำไมไปติดอยู่บนประตู แกะก็ไม่ออกค่ะ มารู้เอาวันสุดท้ายคือเป็นแบบแม่เหล็ก แค่หยิบออกมาก็หลุดเลย เอิ่ม…….

แต่ว่า default ของโรงแรมก็คือทำความสะอาดให้ทุกวันค่ะ แต่สิ่งที่เค้าจะไม่แตะก็คือเตียง เค้าไม่ได้ทำเตียงใหม่ให้ทุกวันนะคะ

ใกล้ ๆ กันกับไม้แขวนเสื้อตั้งพื้น ก็จะมีเครื่องฟอกอากาศตัวเล็กตั้งพื้นอยู่ แต่ว่าพวกเราก็ไม่ได้เปิดใช้ค่ะ

ด้านขวามือ ถ้าเราหันเข้าไปในห้อง ก็จะเป็นห้องน้ำขนาดเล็ก ตามสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ ^^”

มีม่านกั้นแยกส่วนเปียก (อ่างอาบน้ำ) และส่วนแห้ง

เปิดม่านออกให้ดูบริเวณอ่างอาบน้ำนะคะ

เงาสะท้อนในกระจกก็มองผ่าน ๆ ไปแล้วกันนะคะ –เคโกะรีบ ๆ ถ่ายรูปด้วยอะ เลยยังไม่ได้ถอดเสื้อกันหนาวเลยค่ะ ><“

ซูมให้ดูตรงชั้นวางตรงอ่างอาบน้ำ มีให้ครบทั้งแชมพู ครีมนวดและครีมอาบน้ำเลยค่ะ

ส่วนตรงอ่างล้างหน้า ก็จะมีครีมโลชั่นต่าง ๆ วางไว้ให้ใช้เช่นกัน

amenities ก็พร้อมสรรพค่ะ

คือมันก็หลีกเลี่ยงเงาสะท้อนในกระจกไม่ได้อะนะ แหะๆ

ออกมาจากห้องน้ำบ้าง บนกำแพงก็จะมีทีวีจอแบนแขวนผนังอยู่ ซึ่งพวกเราก็ไม่ได้เปิดเลยค่ะ

ใกล้ ๆ ก็เป็นโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ

หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง มีถังน้ำแข็งและแก้วน้ำตามจำนวนคนเช่นกัน วางไว้ให้บริการด้วย

ปิดท้ายที่เตียงนอนค่ะ จองห้องมา 3 คน ซึ่งจริง ๆ ก็คือห้อง 2 คนแล้วปรับจากโซฟาในห้องนอนเป็นเตียงนอนสำหรับคนที่ 3 นั่นเอง

เตียงนอนหลักในห้องก็จะเป็นแบบ double bed นะคะ ชอบตรงหัวเตียงมีพื้นที่ให้พอวางอะไรกรุบกริบนิดหน่อยด้วย มีสวิตซ์ไฟอยู่ตรงนี้ด้วยค่ะ ปรับแสงสว่าง/มืดได้ตามใจชอบด้วย

เตียงที่ 3 ก็จะจัดให้อยู่ข้าง ๆ ค่ะ ก็ขนาดพอเหมาะกำลังดีสำหรับ 1 คนล่ะนะคะ

จัดหมอนไว้ฝั่งกำแพง เลยแซวกันอยู่กับเพื่อนว่า แล้วจะต้องหันเท้ามาหาเพื่อนหรอ 5555 สุดท้ายก็เลยกลับฝั่งหมอนค่ะ ย้ายมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียงแทน

สรุปเลยนะคะ

  • location คือดีงามมากกกก ได้ทั้งช้อปปิ้ง ได้ทั้งเที่ยวค่ะ ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง ใกล้สถานีรถไฟ เดินทางสะดวกมาก ๆ
  • ใต้ตึกมีมินิมาร์ทอยู่ และรอบ ๆ ก็มีร้านอาหาร ร้านค้าอะไรต่าง ๆ เพียบเลยค่ะ รวมไปถึงร้านเหล้า สำหรับนักท่องราตรีด้วยนะคะ ^^”
  • พนง. อัธยาศัยดีค่ะ พูดอังกฤษคล่อง ในวันเช็คเอาท์ พวกเราออกมาเจอกับพนง.ที่มาทำความสะอาดพอดี เค้าก็ทักทายเราอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสดีค่ะ
  • ขั้นตอนการเช็คอิน-เช็คเอาท์ง่าย สะดวกดีค่ะ อย่างตอนเช็คเอาท์ก็แค่หย่อนบัตรห้องลงไปในกล่องที่อยู่ในลิฟท์ก็เป็นอันเรียบร้อยค่ะ

โดยรวมก็จัดว่าเป็นโรงแรมในย่านที่ดี แนะนำเลยค่ะ

เจอกันใหม่ในโพสต์ถัดไปนะคะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/