[Tainan] ChiMei Museum

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้จะพาไปเดินมิวเซียมที่สวยมาก ๆ ที่หนึ่งค่ะ ตามมากันเล้ยยย

Spot name : ChiMei Museum / 奇美博物館
Google maps : https://goo.gl/maps/PVK36bFSHN74i2xz5
Transportation : TRA to Bao’an Station, walk to Chimei Museum about 10-15 min
Entrance fee : 200NTD (combo ticket 280NTD — include special event exhibition)
Opening hours : 9.30 – 17.30, closed on Wednesday
Visited date : 28 Dec 2018
Website : https://www.chimeimuseum.org/ml/english/3

จริง ๆ แต่เดิมที่คิดไว้ ไม่ได้มีที่นี่ในแผนเลยค่ะ เพราะคิดว่าก็แค่มิวเซียมอะ แถมยังไกลอีก แต่พอดูรีวิวหลาย ๆ แหล่งแล้วก็แนะนำที่นี่กันหมด ก็เลยลองไปดูค่ะ

การเดินทางจัดว่าง่าย คือนั่ง TRA จาก Tainan station ไปสถานี Bao’an ค่ะ ตรงนี้จะซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ก็ได้ หรือจะใช้บัตร Easycard แตะก็ได้นะคะ

พอไปถึงสถานี Bao’an แล้ว ก็เดินไปตามทางเลยค่ะ ออกจากสถานี เลี้ยวขวาแล้วตรงไปยาว ๆ เลย ตัว Chimei Museum จะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ จะไกลจากสถานีรถไฟอยู่พอสมควรนะคะ

เคโกะเดินเข้าจากลานจอดรถที่มี 7-11 อยู่ด้านหน้า ก็จะเริ่มมองเห็นความเป็นมิวเซียมที่จัดรวบรวมผลงานด้านศิลปะไว้บ้างแล้วค่ะ

เดินเข้าไปจนถึงตัวอาคาร ตัวอาคารมีสถาปัตยกรรมค่อนไปทางยุโรปสมัยก่อนค่ะ สวย สง่าและเท่มากเลยค่ะ

ขอถ่ายน้ำพุแบบไม่ย้อนแสงบ้าง ><“

พอเข้าไปในอาคารก็ต้องว้าววววเลยค่ะ เพดานสวยมากกกกกกกกก ตกแต่งตัวอาคารก็ดูอลังการเวอร์วังมากค่ะ

บริเวณด้านนอกนี่เราสามารถเดินชมได้ฟรีค่ะ แต่หากจะเข้าดูนิทรรศการภายในที่เค้าจัดแสดงก็ต้องเสียค่าบัตรด้วย ซึ่งบัตรทั่วไปจะอยู่ที่ 200NTD ค่ะ แต่จะมีบัตรพิเศษอีกแบบนึง คือบัตรรวมที่สามารถเข้าชมนิทรรศการพิเศษที่จัดเฉพาะช่วงเวลาด้วยได้ ซึ่งหากซื้อบัตรทั่วไปไปแล้ว แต่อยากเข้าชมนิทรรศการพิเศษเพิ่มก็ต้องซื้อบัตรเพิ่มค่ะ แต่หากซื้อบัตรรวมตัวนี้ก็สามารถเข้าได้ทั้งหมดเลย ช่วงที่เคโกะไปก็จะเป็นนิทรรศการจัดแสดงผลงานของศิลปินท่านนึงนะคะ

ด้านในห้องจัดแสดงจะแบ่งเป็นโซน ๆ แนะนำว่าเดินดูให้ครบตามแผนที่ที่เค้าให้มาตอนซื้อตั๋วค่ะ และด้านในห้ามถ่ายรูปค่ะ ก็เลยไม่มีรูปมาให้ดูกันนะคะ ^^”

สิ่งที่ประทับใจก็คือ เค้านำเสนอนิทรรศการของเค้าได้ดีมากเลยค่ะ มีการไล่เรียงลำดับขั้นตอนมาให้เข้าใจง่าย อีกทั้งมีช่วงแสดงด้วย ดีงามหมดทุกโชว์ค่ะ ถ้าไป ก็ไม่ควรพลาดเลยซักอันนะคะ

เดินวนอยู่นานมาก ห้องจัดแสดงก็เยอะ และน่าสนใจหมดทุกห้องเลยค่ะ กว่าจะออกมาก็เย็นแล้ว

หน้าอาคารมีต้นคริสต์มาสต์ขนาดใหญ่อยู่ และมีคนมาถ่ายรูปเยอะมากกกกกกกกกก มาถ่ายรูปรับปริญญาก็เยอะค่ะ รูปพรีเวดดิ้งก็มี ถ่ายรูปไม่ให้ติดคนคือยากอ่ะ

นอกจากตัวอาคารแล้ว รอบ ๆ ก็จะมีสวนต่าง ๆ มีรูปปั้น ซึ่งตกแต่งสไตล์ยุโรปยุคเก่าหมดเลยค่ะ สวยมาก ๆ

สะพานหน้าอาคารจัดแสดงค่ะ คนมาถ่ายรูปเยอะมากไม่แพ้กันเลย

น้ำพุก็สวยค่ะ

มุมกว้าง ๆ กับสะพานข้ามสระน้ำภายในอาณาบริเวณบ้างนะคะ

คือที่นี่สวย น่าถ่ายรูปมากจริง ๆ อะ ถ้ามาแล้วจัดคอสตูมมาให้เต็มเลยนะคะ ถ่ายกันสนุกแน่ ๆ เลยล่ะค่ะ ^^”

ปิดท้ายที่เหล่าห่านน้อยเล่นน้ำค่ะ

โดยรวมแล้ว ที่นี่แอบไกลไปนิด แต่พอได้มาแล้วก็รู้สึกว่าคุ้มค่ากับการมาค่ะ ใช้เวลาอย่างน้อยก็ครึ่งวันนะคะ แต่ถ้าเป็นคนชอบเดินมิวเซียม ชอบศิลปะ ชอบถ่ายรูป ก็ให้เวลาซัก 1 วัน น่าจะกำลังดีค่ะ

ไปพูดคุยกันได้ที่ inbox เพจนะคะ ^^
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Tainan] Sicao Green Tunnel

สวัสดีค่ะ เข้าเมืองเดินเล่นเมืองไถหนานไปแล้ว ก็พาออกนอกเมืองไปชมธรรมชาติบ้างนะคะ

Spot name : Sicao Green Tunnel / 四草綠色隧道
Google maps : https://goo.gl/maps/EeN11cJFhxJXD3am7
Transportation : Bus no.99 to Sicao Green Tunnel 四草生態文化園區(大眾廟)
Entrance fee : Free but taking boat is not free
Opening hours : Everyday 8AM-5PM
Visited date : 28 Dec 2018

นั่งรถเมล์สาย 99 มาเรื่อย ๆ เลยค่ะ ลงเกือบท้าย ๆ สายเลย ซึ่งมีชื่อป้ายรถเมล์คล้าย ๆ กันหลายป้าย ต้องสังเกตดี ๆ นะคะ ลงให้ถูกป้ายนะ ไม่งั้นคือเดินไกลมากกกกกอ่ะค่ะ

พอลงรถเมล์มาแล้ว ฝั่งตรงข้ามจะเป็นวัดใหญ่ ๆ แบบนี้ค่ะ

เอาจริง ๆ เคโกะลงรถมาแล้วก็แอบงง ๆ อยู่เล็กน้อยว่าต้องเดินไปทางไหนต่อ ยังดีว่ามีคนลงรถป้ายเดียวกัน และจะไปนั่งเรือชมวิวธรรมชาติแบบเดียวกันด้วยค่ะ ก็เลยเดินตามเค้าไป ^^”

ก็เอาเป็นว่าลงรถปุ๊บ ให้เดินต่อขึ้นไปผ่านวัดใหญ่ ๆ มีลานกว้าง ๆ หน้าวัดแบบรูปข้างบน แล้วติด ๆ กันนี้ก็จะเป็นเคาน์เตอร์ขายตั๋วเรือค่ะ

หน้าตาแบบนี้เลย

ซึ่งเส้นทางเรือจะมี 2 เส้นทางค่ะ เคโกะขอเรียกง่าย ๆ ว่าเส้นสั้นกับเส้นยาวแล้วกัน เส้นสั้นเนี่ยราคา 200NTD ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ส่วนรอบยาวใช้เวลาประมาณ 70 นาที แต่ค่าเรือกลับเท่ากันคือ 200NTD (ตามป้ายที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ ภาษาจีนเต็มพรืดนั่นแหละค่ะ ^^”)

เคโกะมีเวลาแค่ครึ่งวันนะก็เลยซื้อตั๋วเรือเส้นสั้นค่ะ

ซื้อตั๋วแล้ว ก็เดินเข้าไปรอในห้องที่เค้าจัดไว้ให้เป็นจุดพักก่อนทะยอยลงเรือค่ะ พอเรือเต็มก็ออก ไม่ได้มีเวลาตายตัวอะไรนะคะ ซึ่งในห้องที่รอลงเรือ ก็จะมีเปิดวิดีโอให้ดูถึงวิธีการนั่งเรือให้ปลอดภัย การใส่เสื้อชูชีพ ไรงี้อะค่ะ และก็ยังมีป้ายแปะอยู่บนกำแพงที่อธิบายถึงระบบนิเวศน์ในเส้นทางที่จะนั่งเรือไปกันค่ะ .. ซึ่งเป็นภาษาจีนทั้งหมดเลยค่ะ ><“

ลักษณะเรือก็จะหน้าตาประมาณนี้ ไม่เหมือนเรือในไทยเลยเนอะ แล้วก็มีเก้าอี้ตัวเตี้ย ๆ ให้นั่งค่ะ ไม่ได้ฟิกซ์ตายตัวอะไร สามารถดีงมานั่งล้อมวงเป็นกลุ่ม ๆ ก็ได้ค่ะ

ก่อนลงเรือ เค้าก็จะมีหมวกแบบนี้ให้ใส่ และมีเสื้อชูชีพให้ใส่ด้วยค่ะ

เสร็จสรรพ ก็ออกเรือค่ะ บนเรือมีไกด์ประจำเรือ คอยอธิบายนู่นนี่นั่นตลอดทางด้วยล่ะค่ะ … ซึ่งก็เป็นภาษาจีนเช่นกัน

เท่าที่สังเกตดู มีคนต่างชาติไปเหมือนกันนะ แต่น้อยมากกกกกกกกค่ะ และเกือบทั้งหมด (คือเว้นเคโกะไปไง เลยใช้คำว่าเกือบค่ะ 555) จะมากับคนไต้หวัน มีคนแปลให้ฟังนั่นเอง .. ดีจัง~

นั่งเรือไปเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มมีแต่วิวต้นไม้เต็มสองข้างทางแล้วค่ะ

มีป้ายเล็ก ๆ ต้อนรับคนมาท่องเที่ยวด้วย

“ยินดีต้อนรับสู่ Sicao Green Tunnel” ค่ะ

เริ่มถึงปลายเส้นทางแล้ว คือ ก็เป็นเส้นทางมาดูอุโมงค์สีเขียว ตามชื่อแหล่งท่องเที่ยวนี่แหละค่ะ ซึ่งอุโมงค์สีเขียว ก็คือความที่ต้นไม้ทั้งสองฝั่งโน้มเข้าหากันจนดูเหมือนอุโมงค์ค่ะ

มาถึงนี่เพื่อสิ่งนี้กันสินะ~

เรือจะลอยเท้งเต้งให้ถ่ายรูปบริเวณนี้อยู่ครู่หนึ่งค่ะ ก่อนที่จะกลับเรือแล้ววกกลับทางเดิม

วิวขาไปกับขากลับก็จะต่างกันหน่อย ๆ เพราะได้วิวคนละฝั่งกันอะนะคะ

ตรงนี้ไกด์อธิบายว่าไง เคโกะก็ไม่ได้ฟังค่ะ ><“

พอวกกลับมาทางเดิมจนถึงท่าเรือ ก็คืนหมวกและเสื้อชูชีพค่ะ

จากนั้น เคโกะมีเวลาเหลืออยู่พอสมควร กว่าที่รถเมล์จะมา ก็เลยมาเดินเล่นเลียบด้านหลังวัดมาค่ะ ก็จะเจอสะพานนี้

บนสะพานก็ยังไม่วายมีคนเอากุญแจคู่มาคล้องด้วยนะ ^^”

ยืนอยู่บนสะพานก็ส่องรูปไปเรื่อย ๆ สังเกตได้ว่าที่นี่งามอย่างธรรมชาติจริง ๆ ค่ะ

ยืน ๆ ถ่ายรูป ๆ อยู่ก็มีเรืออีกลำล่องเรือผ่านมาพอดี ลักษณะก็จะแบบนี้เลยค่ะ

แล้วก็เดินไปอีกฝั่งนึง ไปดูเรือที่ใช้วิ่งเส้นยาวบ้างนะคะ สังเกตได้ว่าเรือจะใหญ่กว่า

ตรงนี้ยังเป็นท่าเรืออยู่นะคะ

ตอนที่เดินเล่นอยู่ เรือลำใหญ่ก็ออกเดินทางพอดีค่ะ

จริง ๆ แล้วก็แอบเสียดายนะ ไหน ๆ ก็มาทั้งทีแล้ว ก็น่าจะนั่งเรือเส้นยาวไปด้วยค่ะ T.T

ส่วนขากลับก็รอฝั่งตรงข้ามกับขามา หรือหน้าวัดค่ะ ก็รอสาย 99 เพื่อกลับไปตัวเมืองไถหนานเช่นเดียวกันกับขามานะคะ

โดยรวมแล้วก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวธรรมชาติค่ะ เคโกะว่าถ้าชอบแนว ๆ นี้อยู่แล้วก็ไม่ควรพลาดค่ะ เดินทางไกลนิดนึง แต่ก็คิดว่าคุ้มอยู่น้าาาาา

แปะเพจปิดท้ายตามเคยค่ะ ^^”
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Tainan] Flower – TaTung Night Market

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้มาว่ากันด้วยเรื่องของ Night Market ในเมือง Tainan นะคะ

จริง ๆ แล้วในเมืองไถหนานเองมี night market ค่อนข้างเยอะ เท่าที่รู้มาก็มี 3 ที่ค่ะ ซึ่งจริง ๆ ส่วนตัวแล้ว คิดว่าน่าจะมีเยอะกว่านี้ แต่อาจจะไม่ได้เป็นตลาดใหญ่เท่าไหร่นักไรงี้อะค่ะ

Night market ทั้ง 3 แห่งที่ว่าก็คือ

  • Flower Night Market / Garden Night Market / 花园夜市
  • Ta Tung Night Market / Da Dong Night Market / 大东夜市
  • Wu Sheng Night Market / 武圣夜市

แต่ด้วยความที่เคโกะมีเวลาไปแค่ 2 คืนเท่านั้นนะคะ และหวยออกมาที่ Flower Night Market และ Ta Tung Night Market ค่ะ

Spot name : Flower Night Market / Garden Night Market / 花园夜市
Google maps : https://goo.gl/maps/fjavhcBUJMq
Entrance fee : Free
Opening hours : Thu, Sat, Sun 5PM – 12AM
Visited date : 27 Dec 2018

เดินเที่ยวเมืองไถหนานมาทั้งวันแล้ว ก็อย่าคิดว่าเคโกะจะลากสังขารไปเดินตลาดกลางคืนต่อไม่ไหวนะคะ มีของกินอยู่ ยังไงก็ไหวค่ะ 55555

เคโกะไม่ลงวิธีเดินทางให้น้าาาา ปล่อยให้กูเกิ้ลแม็พนำทางไปนะคะ ^^” ซึ่งเค้าก็บอกทางได้แม่นยำดีค่ะ ทั้งทางเดินและทางรถเมล์เลย

แต่ตลาดนี้ ไกลจากป้ายรถเมล์ค่อนข้างเยอะอยู่ เดินเยอะนิดนึงนะคะ ^^”

เคโกะไปตั้งแต่ตอนเย็นเลยแหละ ฟ้าก็ยังสว่างอยู่นิด ๆ ค่ะ

ตลาดที่นี่ก็จะแบ่งเป็นโซน ๆ เป็นล็อค ๆ อย่างค่อนข้างมีระเบียบพอสมควร มีโต๊ะส่วนรวมให้นั่งทานด้วย แต่ก็นั่นแหละ ขี้เกียจหาโต๊ะค่ะ เคโกะก็เลยจะเน้นเดินไปกินไป ไปเรื่อย ๆ ค่ะ แหะๆ

นอกจากของกินแล้ว ยังมีพวกของใช้ประจำวัน เสื้อผ้า และยังมีมุมของเล่นเหมือนงานวัดแบบไทย ๆ อีกด้วย

ยิ่งดึกคนก็ยิ่งเยอะค่ะ ความไกลไม่ใช่อุปสรรคเลยจริง ๆ 555

สารภาพตามตรงว่ามาไต้หวันหลายครั้งแล้ว คนพูดกันหนาหูมาก ๆ ว่าหมึกทอดตัวใหญ่มากกกก อร่อยมากกกกกก มาครั้งนี้ก็ขอลองชิมบ้างว่าสมคำร่ำลือมั้ย

ก็เลยจัดมา 1 ตัวค่ะ แล้วเจ้เจ้าของร้านก็จะเอาไปหั่น ๆ ให้พอดีคำ ผัดกับหอมใหญ่ใส่ซอสปรุงมาให้แบบนี้เลย

สนนราคาหมึกทอดชามนี้ 100NTD ค่ะ

ส่วนรสชาตินั้น … ส่วนตัวแล้ว ไม่ผ่านอย่างแรง ><~

หมึกตัวไม่ได้ใหญ่อย่างที่เค้าโชว์หน้าร้าน ที่ดูใหญ่เพราะชุบแป้งทอดให้ดูตัวใหญ่ค่ะ และเพราะความที่เอาไปชุบแป้งทอด ก็เลยทำให้เลี่ยนของทอด เคโกะทานไม่หมดนะ กล้ำกลืนไปได้นิดหน่อย แล้วก็ต้องยอมแพ้ เขี่ยเอาแต่หมึกออกมากิน แล้วก็ยอมทิ้งที่เหลือไปค่ะ T^T

แต่แค่เฉพาะหมึกคือดีนะ สด เหนียวหนึบดีค่ะ

จบไปกับตลาดแรก เพราะหมึกทอดตัวเดียวเลย ทำเอาเลี่ยน ทานอย่างอื่นต่อไม่ลงเลยค่ะ T.T

Spot name : Ta Tung Night Market / Da Dong Night Market / 大东夜市
Google maps : https://goo.gl/maps/w36nAxwwyKT2
Entrance fee : Free
Opening hours : Mon, Tue, Fri 5.30PM – 12AM
Visited date : 28 Dec 2018

ตลาดนี้เป็นตลาดกลางวันด้วยนะคะ เปิดเฉพาะอัง, พุธ และเสาร์ สำหรับช่วงกลางวันค่ะ

ตลาดนี้ก็เช่นเดียวกันกับตลาดแรกนะคะ เค้าก็จะจัดเป็นโซน ๆ ค่อนข้างเป็นระเบียบทีเดียวค่ะ

ถ้าเป็นโซนพวกเสื้อผ้า ของใช้ทั่วไป คนก็จะโล่ง ๆ หน่อย

ที่ตลาดนี้เคโกะซื้อของกินเล่นเยอะอยู่นะ แต่ลืมถ่ายรูปค่ะ T.T

ถ่ายทันแค่อย่างเดียวเอง (นี่ขนาดไปคนเดียว เธอยังจะลืมถ่ายรูปอี๊กกกก – -“)

สนนราคา กล่องละ 50NTD ค่ะ เป็นไส้กรอกผัดกับข้าวเหนียวที่เป็นทรงยาว ๆ เหมือนไส้กรอก (เป็นขนมกินเล่นอย่างนึงของคนจีนอะค่ะ เคโกะลืมไปแล้วว่าเค้าเรียกอะไรกัน – -“) หั่นเป็นแว่น ๆ แล้วเอามาผัดกับผักต่าง ๆ ปรุงรสด้วยซอสนิดหน่อยค่ะ

รสชาติก็โอเคอยู่นะคะ ซึ่งเมนูนี้เนี่ย เห็นขายกันหลายร้านเลยค่ะ เลยอดไม่ได้ที่จะขอชิมบ้าง ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ชอบทานข้าวเหนียวเลยค่ะ แหะๆ

คุ้น ๆ ว่าเคโกะกินไอศกรีมรสสับปะรดที่ตลาดนี้ด้วยน้าาาา ซึ่งอร่อยมากค่ะ เป็นร้านที่อยู่ใกล้ ๆ ทางเข้า-ออกตลาดนี้แหละ .. เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูกัน ><~

เผ่นหนีจากโพสต์นี้ดีกว่า มีของกินแล้วชอบลืมตัวกินก่อนทุกทีเลย เง้อออ~
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Tainan] Eternal Golden Castle – Fort Provintia – Hayashi Dept.

สวัสดีค่ะ ต่อจากโพสต์ที่แล้วนะคะ ซึ่งที่ถัดไปที่จะไปเนี่ย ก็เป็นที่ที่ไม่ได้ตั้งใจไปแต่แรก เลยไม่มีเส้นทางในหัวอยู่เลย ก็เลยต้องพึ่งกูเกิ้ลแม็พตลอดเลยล่ะค่ะ

Spot name : Eternal Golden Castle / 億載金城
Google maps : https://goo.gl/maps/ghrTL7SjLzv
Transportation : Bus no.88
Entrance fee : 150NTD (combo ticket : Anping Tree House, Anping Old Fort, Chi Kan Lou, Eternal Golden Castle). For individual ticket is 50NTD
Opening hours : Mon – Sun 8.30-17.30
Visited date : 27 Dec 2018

ไปทั้ง ๆ ที่ไม่มีข้อมูลอะไรในหัวเลยนะคะ ไปศึกษา ทำความรู้จักกันหน้างานสด ๆ เลย .. งานร้อนขั้นสุดค่ะ 5555

ไปถึงด้านหน้าทางเข้าจะเป็นที่จอดรถ ก็เดินผ่านลานจอดรถเข้าไป จะมีห้องขายตั๋วอยู่ แต่ถ้ามีตั๋วคอมโบ้อย่างเคโกะอยู่แล้ว ก็ให้เค้าเจาะตั๋วแล้วเดินผ่านได้เลยนะคะ วันที่ไปก็มีคนไปบางตามากค่ะ

ด้านหน้าดูเหมือนป้อมปราการอะไรสักสิ่งอะนะ

ตรงสะพานทางเดินลอดอุโมงค์กำแพงเข้าไป สองข้างทางจะเป็นคลองที่ขุดรอบ ๆ ไว้ค่ะ

ฝั่งนึงมีเรือให้นั่งเล่นด้วยนะ แต่ก็ว่างเปล่า ไร้ผู้คนเลยค่ะ

ดูใกล้ ๆ กำแพงสักนิดนึง

เทียบมุมกับกล้องมือถือแล้ว กล้องมือถือกากกว่าเยอะเลย (ก็ไม่รู้จะลงรูปให้เปรียบเทียบทำไม – -“)

ด้านในเข้าไปแล้ว รู้สึกเหวอมาก เพราะความรู้สึกแรกคือ เหมือนเป็นทุ่งหญ้าที่เวิ้งว้างมากค่ะ ความรู้สึกแบบ เห้ยยย ชั้นต้องมาดูอะไรเหรอออ ประมาณนั้นเลยค่ะ – -“

ตั้งสติ ดูแผนที่แป๊บนะคะ

ก็จะเห็นว่า สิ่งที่เราควรไปเดินดูก็คือบริเวณที่อยู่รอบ ๆ ทุ่งนาที่ดูเวิ้งว้างนั้นค่ะ ^^”

เริ่มต้นออกเดินวนรอบ ๆ ก็เจอม้านั่งรูปแมว ทาสแมวอย่างเคโกะก็กรี๊ดดดไป น่าร้ากกกกก~

โดยรวมเลยละกัน รอบ ๆ ก็จะเป็นปืนใหญ่ตั้งแต่ยุคเก่าก่อนนู้นเลยอะค่ะ ซึ่งเค้ามีการอนุรักษ์ไว้ค่ะ แต่เดิมเป็นที่ฝึกซ้อมทางการทหาร ถ้ามองจากมุมสูงลงมาแล้ว หรือดูจากแผนที่ก็ได้ค่ะ ก็จะเห็นว่าพื้นที่เค้าเป็นรูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบไปด้วยคูน้ำและปืนใหญ่ค่ะ

อ่านข้อมูลมา (ในตอนหลังจากที่ไปมาแล้ว) เค้าบอกว่าในวันหยุดจะมีการแสดงสมมติบทบาทเป็นทหารในยุคก่อนนั้นด้วยล่ะค่ะ และเป็นบริเวณที่มีต้น Golden Trumpet (ขออภัยค่ะ เคโกะโง่เรื่องต้นไม้มาก ๆ เลย ไม่ทราบจริง ๆ ว่าภาษาไทยเค้าใช้ชื่อต้นไม้นี้ว่าอะไร ดูรูปแล้วก็ไม่รู้ค่ะ T.T) ออกดอกบานสะพรั่งในเดือนมีนาคม – เมษายนล่ะค่ะ

น่าจะเป็นเหตุผลที่เคโกะไปแล้วเวิ้งว้าง ผู้คนบางตามากถึงมากที่สุดล่ะค่ะ T.T

แล้วก็ยังมีซากปรักหักพังให้ศึกษาอยู่ด้านนึงด้วยค่ะ (จากประตูทางเข้า จะอยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ)

จากนั้นก็นั่งรถเมล์ไปต่ออีกที่นึงในบัตรคอมโบ้ที่ซื้อมานะคะ

Spot name : Chihkan Tower / Chi-Kan-Lou / 赤嵌樓 / Fort Provintia
Google maps : https://goo.gl/maps/XiiNAVWih1p
Transportation : Bus no.88, 99
Entrance fee : 150NTD (combo ticket : Anping Tree House, Anping Old Fort, Chi Kan Lou, Eternal Golden Castle). For individual ticket is 50NTD
Opening hours : Mon – Sun 8.30-21.30
Visited date : 27 Dec 2018

ที่ Chikanlou นี่มีนักท่องเที่ยวเยอะมากกกกกค่ะ แต่พอเดินเข้าไปก็แอบใจแป้วนิดนึง เพราะเห็นมีล้อมเขตก่อสร้างอยู่ด้วย แต่ก็ยังสามารถเข้าชมได้ปกตินะคะ น่าจะซ่อมแซมสถานที่ล่ะค่ะ

เดินมาใกล้ ๆ ตัวอาคารอีกซักนิดนึงนะ

เห็นบันไดทางขึ้น ก็โอเคล่ะ ขึ้นไปชมด้านในได้ค่ะ .. คือถ้าแค่มาให้ดูรอบ ๆ ภายนอก คงแอบเฟลอะ 555

มี 2 อาคารนะคะที่สามารถขึ้นได้ (ก็มีแค่ 2 อาคารนี้แหละนะ) เคโกะจะขึ้นไปดูด้านในอาคารฝั่งขวามือก่อนค่ะ แล้วค่อยไปฝั่งซ้าย ซึ่งทั้ง 2 ตึกนี้มีทางเชื่อมอยู่คือชั้นล่าง หรือเรียกว่าไม่มีทางเชื่อมตัวตึกก็ได้นะ ><” และแต่ละอาคารก็จะมี 2 ชั้นค่ะ

ด้านในจัดนิทรรศการแสดงความเป็นมาค่ะ ด้วยความที่ตัวอาคารเป็นของเก่าที่เค้าอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยม แต่เนื่องจากความเก่าของตัวโครงสร้างและอาคาร เลยทำให้จำกัดจำนวนคนขึ้นชมชั้น 2 เพียงประมาณ 12-15 คนค่ะ (เคโกะจำตัวเลขเป๊ะ ๆ ไม่ได้อ่า) ซึ่งเค้าจะมีเซนเซอร์ติดและหน้าจอแสดงจำนวนคนที่อยู่ชั้น 2 ด้วยล่ะค่ะ .. เจ๋งเนอะ

ซึ่งคนที่อยู่ชั้นล่าง ก่อนขึ้นก็จะต้องเช็คก่อนว่าชั้น 2 นั้นมีคนอยู่เยอะเกินจำนวนที่เค้าจำกัดไว้หรือไม่ แล้วค่อยขึ้นไปค่ะ .. ซึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำการตรงนี้อยู่อย่างจริงจังนะคะ อาศัยจิตสำนึกการเคารพกฎกติกากันล้วน ๆ ค่ะ (เจ้าหน้าที่มีนะ แต่เค้าก็จะเดินหรือประจำอยู่จุดอื่น ๆ ค่ะ ไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แบบเช็คจำนวนคนจริงจังอะไรงี้อะค่ะ)

มีโมเดลจำลองของ Chikanlou ด้วย

เดินขั้นมาชั้น 2 แล้วค่ะ

ยิ่งอยู่ชั้น 2 แล้วแหงนมองดูโครงสร้างอาคารก็จะเห็นได้ชัดเลยนะคะว่าเป็นงานโบราณจริง ๆ ยอมใจทางการเลยอะ ที่อนุรักษ์ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมแบบนี้ค่ะ

บนชั้น 2 นี้มีกิมมิคเล็ก ๆ ให้เล่นกันด้วย สำหรับคนที่อยากมาขอพรในเรื่องการศึกษาค่ะ ตรงนี้จะมีเทพที่ให้พรด้านการศึกษาอยู่ จะเป็นลักษณะคล้าย ๆ กรับไม้ 2 อันแบบที่เสี่ยงทายในวัดจีนทั่วไปอะค่ะอยู่ ก็ขอพรแล้วโยนไม้ 2 อันนั้น หากออกมาแบบรูปซ้ายมือ ในป้ายอธิบายที่ตั้งอยู่ ก็คือโอเคค่ะ หยิบดินสอไปได้เลย (หย่อนเงินใส่กล่องก่อนด้วยนะคะ ><“)

เคโกะไม่ได้ลองทำนายดูนะคะ ไม่ได้เป็นนักเรียน นักศึกษาแล้วอะ ><” ก็เลยได้แต่ยืนดูคนอื่นเล่นค่ะ

ด้านหลังของอาคารทั้ง 2 หลังจะมีซากปรักหักพังอยู่นิดหน่อยค่ะ

เพิ่มข้อมูลสำหรับสถานที่แห่งนี้ปิดท้ายไว้นิดนึง (แล้วทำไมต้องมาเล่าปิดท้ายเนี่ย ฮาาาา)

จริง ๆ แล้วไม่ได้มีแค่ 2 อาคารหรอกค่ะ เค้าแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ส่วนด้วยกัน แต่เดิมเนี่ยเค้าใช้เป็นสถานที่คล้าย ๆ กับที่ว่าการเมืองไถหนานค่ะ มีวัด, โรงเรียน และสวนหย่อมพักผ่อนในที่เดียวกัน

ถ้าย้อนกลับขึ้นไปดูรูปชั้น 2 ที่เคโกะลง นั่นคือวัดค่ะ ชื่อ Haishen Temple (海神庙 – ไห่เฉินเมี่ยว) ส่วนที่ขอพรด้านการศึกษาก็คือ เคยเป็นโรงเรียนให้การศึกษามาก่อน รวมทั้งเข้าใจว่าเจ้าของเดิมเองก็มีประวัติเด่นในเรื่องการศึกษาด้วยค่ะ ซึ่งตัวโรงเรียนนั้นก็คือตัวตึกที่เป็นขนาดเล็กกว่า ที่อยู่ด้านซ้ายในรูปบนที่มี 2 ตึกนะคะ

จากข้อมูลที่อ่านมา (หลังจากไปมาแล้วอีกเช่นเคย – -“) เค้าบอกว่าในตอนกลางคืนมีการเปิดไฟให้ตัวอาคารด้วยนะคะ เพิ่มความน่าสนใจของนักท่องเที่ยวค่ะ (ก็ว่าทำไมปิดดึก ฮาาา)

ไปต่อกันอีกที่เลยค่ะ

Spot name : Hayashi Department Store / 林百貨
Google maps : https://goo.gl/maps/LWsTkbcv4ok
Transportation : Bus no.88
Entrance fee : Free
Opening hours : Mon – Sun 10.30-21.30
Visited date : 27 Dec 2018

เคโกะดูใน google maps แล้วเห็นว่าใกล้ ๆ กันกับ Chikanlou เลยเดินไปนะคะ แต่ใส่สายรถเมล์ไว้ให้ด้วยค่ะ

ห้าง Hayashi เป็นห้างที่เก่าแก่ของไถหนานเลยค่ะ ตัวโครงสร้างตึก การตกแต่งภายในก็ยังคงความโบราณไว้อย่างนั้นด้วยล่ะค่ะ

แผนผังของห้างนะคะ

ห้างนี้เป็นห้างขนาดเล็ก มีเพียง 5 ชั้นเท่านั้น ส่วนชั้น 6 ที่เห็นใน Floor guide นั้นคือเป็นบันไดเดินขึ้นไปเองเป็นจุดชมวิวเมืองไถหนานในมุมสูง (สูง 6 ชั้นนี่แหละ – -“) และมีร้านอาหารอยู่ด้วยค่ะ

ลิฟท์เองก็ยังเป็นลิฟท์แบบโบราณอยู่ จำกัดจำนวนคนขึ้น-ลงได้ไม่กี่คนค่ะ และจอดเพียงชั้น 1 และชั้น 5 เท่านั้น เคโกะก็เลยขอลองขึ้นไปชั้น 5 แล้วค่อย ๆ เดินไล่ลงมาดูทีละชั้น ตามประสา windows shopping นะคะ แฮร่~

ขึ้นมาถึงชั้น 5 แล้วก็จะมีทางเดินไปขึ้นบันไดไปอีกชั้นนึงค่ะ แล้วก็จะเจอกับโซน outdoor เลย

มีร้านขายของที่ระลึกของห้าง Hayashi นี้ด้วย น่ารัก เก๋ ๆ อยู่เยอะเลยค่ะ

ชะโงกดูวิวข้างล่างหน่อยนะ อยู่หัวมุมสี่แยกพอดีค่ะ

ถ้าพอรู้ภาษาจีน/ญี่ปุ่นอยู่บ้าง หรือช่างสังเกตสักนิดก็จะเอะใจค่ะว่าทำไมห้างในเมืองไถหนาน ในไต้หวันที่ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาราชการนั้นถึงได้มีชื่อห้างเป็นภาษาญี่ปุ่นแบบนี้

สาเหตุก็คือเจ้าของเดิมคนแรกของตึกนี้ก็คือคนญี่ปุ่นที่เข้ามาในช่วงที่ญี่ปุ่นมีบทบาทบนเกาะไต้หวันค่ะ นี่คือเหตุผลที่ทำให้เคโกะคิดว่าในอดีตมีชาวญี่ปุ่นมาอาศัยอยู่ในเมืองไถหนานอย่างหนาแน่นพอสมควรเลยล่ะค่ะ

ชื่อห้างนี้คือ 林 ในภาษาญี่ปุ่น อ่านออกเสียงว่า ฮายาชิ (Hayashi) ซึ่งภาษาจีนเองก็มีคำนี้เช่นกัน แต่ออกเสียงว่า หลิน ค่ะ (คนไทยจะคุ้นกับการออกเสียงว่า ลิ้ม ซึ่งเป็นสำเนียงของจีนแต้จิ๋ว และเป็นแซ่ของคนจีนในไทยที่มีมากที่สุดในไทยด้วยค่ะ)

ช่วงสาระผ่านไปนะคะ มาดูกันต่อเนอะ

ชั้นบนนอกจากจะมีร้านขายของที่ระลึกแล้ว ยังมีศาลเจ้าแบบญี่ปุ่นเล็ก ๆ อยู่ด้วยค่ะ

ใกล้ ๆ กันมีห้องอะไรสักอย่าง เข้าใจว่าเป็นห้องนิทรรศการนะ แต่วันที่ไป เค้าปิด ไม่ให้เข้าชมค่ะ ก็เลยอดเลย

ในห้างนี้ก็จะขายของที่ค่อนข้างจะเป็นแนวอาร์ต ๆ ค่ะ หลาย ๆ แบรนด์สินค้าจะเป็นสินค้าแฮนด์เมด ในความรู้สึกของเคโกะเอง รู้สึกว่าราคาค่อนข้างสูงค่ะ ก็เลยได้แต่เดินดูเฉย ๆ ><“

จริง ๆ เคโกะมาห้างนี้เพราะอยากได้รองเท้าแบรนด์ Hoqin ไปลองนะ เพราะมีบล็อกเกอร์คนนึงพูดถึงรองเท้าแบรนด์นี้ว่าเป็นแฮนด์เมดและใส่สบาย ใส่ดีมาก เดินสบายมาก ๆ ค่ะ อะไรงี้ แต่พอเห็นราคาแล้วก็แบบ .. สู้ไม่ไหวค่ะ ก็เลยได้แต่ด้อม ๆ มอง ๆ T.T

(โดยส่วนตัวเคโกะ เป็นคนใช้รองเท้าราคาไม่แพงมากอะค่ะ แบรนด์ก็จะเป็นแบรนด์ทั่วไปบ้าง ไม่มีแบรนด์บ้าง ของจีนบ้าง ราคาก็จะประมาณ 400 – 1000 นิด ๆ ค่ะ ไม่เกิน 2000 เลย ยกเว้นรองเท้าแบรนด์ Adidas ที่เคโกะหลงรักแบรนด์นี้อยู่แล้ว ซึ่งก็จะราคาเกิน 2000 อยู่แล้วล่ะค่ะ — เล่าเพราะอยากให้พอมองเห็นภาพที่เคโกะว่าแพงนะ เพราะถูกแพงของแต่ละคน ไม่เหมือนกันค่ะ)

นอกจากร้านค้าต่าง ๆ ในห้างแล้ว ยังมีการนำเอาชิ้นส่วนของห้างที่เป็นของเก่าจริง ๆ มาโชว์ให้ดูด้วยล่ะค่ะ

อย่างอันนี้เป็นประตูลิฟท์เก่าค่ะ

สำหรับตัวห้าง Hayashi เคโกะว่าโอเคนะ ถ้าชอบงานอาร์ต ๆ หน่อย หรือชอบช้อปปิ้งก็มาเดินเล่นได้ค่ะ บางแบรนด์มีขายเฉพาะที่นี่ที่เดียว (อย่าง Hoqin เป็นต้น)

แต่สำหรับที่อื่น ๆ ในเมืองไถหนานนั้น ที่ที่เคโกะว่ามาแล้วก็ไปดูซักครั้งก็ Anping tree house และ Chikanlou อะค่ะ ส่วนที่อื่น ๆ (Anping Old Fort, Eternal Golden Castle) นั้นเคโกะว่าไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ และถ้าหากไปแค่ 2 ที่ใน 4 ที่ ก็ไม่ได้จำเป็นต้องซื้อตั๋วคอมโบ้นะคะ เพราะจุดคุ้มทุนอยู่ที่ 3 ที่ค่ะ คล้าย ๆ กับไป 3 ฟรี 1 นะ แต่ถ้าว่าง ๆ ก็ไปให้ครบทั้ง 4 ที่ก็ได้ค่ะ หากจัดเวลาดี ๆ ก็สามารถไปได้ครบในวันเดียวเลยค่ะ

แต่สุดท้ายแล้ว โดยความคิดเห็นส่วนตัว ใน 4 ที่ที่ไปมา (ไม่รวมห้าง Hayashi นะคะ) ก็ไม่ได้รู้สึกว้าวววว แบบต้องไปนะ อะไรงี้ค่ะ แล้วพอไปมา ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรเท่าไหร่ ยังไม่ค่อยอิน ณ จุดนี้ค่ะ ^^”

แปะเพจปิดท้ายเช่นเคยค่ะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Tainan] Anping Tree House-Anping Old Fort-Anping Old Street

สวัสดีค่ะ เริ่มต้นเที่ยวเมืองไถหนานกันเลยนะคะ ซึ่งก็จะเริ่มจากในเมือง ที่ดูจะฮิตก่อนดีกว่า แล้ววันอื่น (ในโพสต์ถัด ๆ ไป) ก็จะออกไปนอกเมืองบ้างค่ะ

โพสต์นี้จะขอลงรวบ ๆ หลาย ๆ ที่ไว้ด้วยกันเลยนะคะ ซึ่งที่เที่ยวในเมืองเนี่ย ก็ถือว่าอยู่ระแวกเดียวกันหมดล่ะค่ะ ก็คือไล่เรียงมาแล้วว่าใกล้ ๆ กัน เลยจัดไว้วันเดียว นั่งรถขึ้นลงกันสนุกสนานมากค่ะ (555) แต่แบ่งเป็น 2 โพสต์นะคะ เพื่อไม่ให้ยาวจนเกินไปค่ะ

Spot name : Anping House
Google maps : https://goo.gl/maps/GGjfBagKSPn
Transportation : Bus no.88,99
Entrance fee : 150NTD (combo ticket : Anping Tree House, Anping Old Fort, Chi Kan Lou, Eternal Golden Castle). For individual ticket is 50NTD
Opening hours : Mon – Sun 8.30-17.30
Visited date : 27 Dec 2018

ด้วยความที่เคโกะมาแต่เช้าเลย ไม่มีคนเลยค่ะ ก็เลยเริ่มหวั่น ๆ ใจว่ามาถูกที่มั้ยหว่า เช็คแล้วนะว่าวันที่ไปก็เปิดนี่นา แถมยังมีตั๋วแบบคอมโบ้ด้วย (ซื้อ 1 ใบสามารถเข้าได้ 4 ที่เลย ตามรายละเอียดด้านบนค่ะ) ก็เลยเดินผ่านไปก่อน 1 รอบ ขอคิดแป๊บก่อนนะ 555

ในลิสต์ของเคโกะ มีที่ต้องไปอยู่แล้ว 3 แห่ง ซึ่งสามารถซื้อบัตรคอมโบ้ที่ว่าเนี่ย ได้หมดเลย ราคาค่าเข้าก็เท่ากัน ถ้าซื้อบัตรคอมโบ้ไป ก็ต้องไปที่ที่ 4 เพื่อให้ใช้ตั๋วคุ้มค่าค่ะ ก็เลยแบบ เออ ๆ ไปก็ได้ฟะ ไปคนเดียว น่าจะมีเวลาเพียงพอค่ะ ^^”

ซื้อบัตรเสร็จ จะมีพนง.ฉีกบัตรไปเลย (ลืมถ่ายรูปบัตรให้ดูอะ บัตรคอมโบ้น่ารักมากกกกกค่ะ)

ผ่านเข้าประตูไปอย่างงง ๆ เจอห้องจัดแสดงนิทรรศการก่อน ก็เลยเดินเข้าไปดูแป๊บนึง

เป็นห้องจัดนิทรรศการการเขียนพู่กัน มีพู่กันให้ทดลองเขียนด้วย เขียนด้วยน้ำบนแท่นหินค่ะ ก็เห็นเป็นตัวอักษรนะ แต่ดีตรงที่ไม่เปลืองกระดาษ และไม่ต้องลบออกด้วยค่ะ จางหายไปได้เอง และการนำเสนอของเค้าก็ทำได้เก๋มาก ๆ ใครผ่านไปแล้วเจอนิทรรศการเรื่องนี้ก็ลองดูนะคะ (ไม่แน่ใจนะว่าเค้ามีการหมุนเวียนเปลี่ยนเรื่องมั้ยนะคะ)

เคโกะไปลองเขียนมาด้วยแหละ ดีนะที่มันจางหายไปได้เอง ไม่งั้นต้องมีขายขี้หน้าแน่ ๆ ค่ะ ตัวอักษรไก่เขี่ยขยุกขยิกมากอ่ะ T.T

จากนั้นก็เดินทะลุมาด้านข้างของห้องจัดนิทรรศการค่ะ จะเป็นตัวบ้านที่เป็น Tree House จริง ๆ แล้วมีคาเฟ่ด้วย แต่ไม่ได้ชิมนะ

ให้ดูบรรยากาศรอบ ๆ บ้านก่อนแล้วกัน ถ้ามาเดินค่ำ ๆ มืด ๆ เคโกะว่ามีหลอนอะ ^^”

อีกมุมนึงค่ะ มุมนี้ลอกช่างภาพที่บังเอิญยืนถ่ายรูปอยู่มุมเดียวกันมา แหะๆ

ด้านในก็มีจัดนิทรรศการอยู่ค่ะ มีหลายห้องทีเดียว แต่โดยรวมแล้วก็จะเป็นบ้านที่ถือว่าเป็นบ้านร้างแหละ แค่เอาป้ายนิทรรศการมาจัดไว้ด้านในค่ะ

เอารูปในห้องนี้มาให้ดูด้วยความนุช ><” (ใครเป็นนุชน่าจะเข้าใจนะ แหะๆ)

ด้านนอกเป็นลานกว้าง ๆ ค่ะ ตรงนี้เป็นลานกว้าง ๆ ที่มีคาเฟ่อยู่อะนะคะ

บันไดที่เห็นไกล ๆ ในภาพด้านบนนั้น สามารถเดินขึ้นไปได้ค่ะ เป็นการชมวิวรอบ ๆ ซึ่งนอกจากวิวรอบ ๆ แล้ว ยังมีทางเดินที่สามารถเดินชมบ้านต้นไม้ในมุมสูงได้อีกด้วยค่ะ

ไปแล้วอย่าลืมเดินขึ้นไปดูกันนะ

ตรงนี้เป็นทางเดินด้านบนเมื่อเดินขึ้นบันไดมาค่ะ แต่เป็นบริเวณที่ชมวิวด้านหลังบ้านค่ะ

วิวแบบธรรมชาติมากค่ะ มองเห็นหญ้าเขียว ๆ สุดลูกหูลูกตา แซมด้วยแม่น้ำสีฟ้าใส ดูแล้วสบายตามากเลยค่ะ

แต่เดิม บ้านนี้มีความเป็นมาอยู่นะ (ขอสาระแป๊บ ฮาาา) จริง ๆ แล้วเป็นบ้านที่เป็นโกดังเก็บของของบริษัทญี่ปุ่นแห่งนึงในอดีตค่ะ แล้วถูกปล่อยทิ้งไว้นานเป็นร้อยปี จนทำให้ต้นไม้ได้แตกกิ่งก้านสาขาเติบโตจนแทบจะกลืนโกดังแห่งนี้ไปเลย ซึ่งทางเมืองเองก็มองว่ามันแปลกดี ก็เลยอนุรักษ์ไว้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในปัจจุบันค่ะ

ไหน ๆ ก็มีสาระแล้ว .. ทำไมต้องเป็นบ.ญี่ปุ่น?

ตรงนี้เท่าที่ทราบมา ในอดีตเกาะไต้หวันเคยถูกปกครองด้วยญี่ปุ่นมาก่อนนะคะ เลยทำให้ยังมีร่องรอยอารยธรรม ประวัติศาสตร์ความเป็นญี่ปุ่นหลงเหลืออยู่ในไต้หวันอยู่มาก แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบริเวณว่ามีคนญี่ปุ่นไปอาศัยอยู่มากแค่ไหนค่ะ

ในความคิดเห็นส่วนตัว มีความรู้สึกว่าเมืองไถหนานนี้น่าจะมีคนญี่ปุ่นมาอาศัยอยู่หนาแน่นเมื่อในอดีตมากทีเดียวค่ะ ติดตามกันไปเรื่อย ๆ นะคะ เดี๋ยวจะเห็นว่าทำไมเคโกะคิดอย่างนี้นะ

ออกจาก Anping Tree House แล้วก็เดิน ๆ ต่อไปยังอีกที่นึงที่อยู่ไม่ไกลกันมากค่ะ แค่เดินไปราว ๆ 2 ท้อใจเอ๊งงง …

Spot name : Anping Old Fort / 安平古堡 + Anping Old Street
Google maps : https://goo.gl/maps/yfDifDdDGtJ2
Transportation : Bus no.88,99
Entrance fee : 150NTD (combo ticket : Anping Tree House, Anping Old Fort, Chi Kan Lou, Eternal Golden Castle). For individual ticket is 50NTD
Opening hours : Mon – Sun 8.30-17.30
Visited date : 27 Dec 2018

ด้วยความที่มาตอนสาย ๆ อยู่ ก็เลยเดินแบบงง ๆ ตามสไตล์ สังเกตเห็นแผงร้านค้า และร้านค้าในซอยข้าง ๆ Anping Old Fort ค่ะ เลยเดาว่าตรงนี้น่าจะเป็น Anping Old Street นะ แต่ตอนที่ไป ร้านค้าเปิดไม่เยอะเลยค่ะ เลยเก็บบรรยากาศมาให้ดูขำ ๆ ไปแทนนะคะ

เดิน ๆ ไปก็เจอร้านนี้ค่ะ น่าจะเป็นการหยอดเหรียญซื้อไอศกรีมแบบเสี่ยงดวงมั้งนะ ไม่ได้เข้าไปดูละเอียดนะคะ ^^”

เดินมาจนถึงทางเข้า (ก็ใกล้ ๆ กับถนนคนเดินเนี่ยแหละค่ะ) ก็จะเจอกับช่องขายตั๋วอยู่ แต่เคโกะมีตั๋วคอมโบ้แล้วนะคะ ก็เลยถือไปให้พนง.เจาะตั๋วได้เลย

เดิน ๆ เข้าไปด้านในก็จะเจออนุสาวรีย์ของคนนึงอยู่ พยายามเสิร์ชหาแล้วนะคะว่าคือใคร แต่ไม่เจอข้อมูลเลย T.T

แล้วก็เดินขึ้นต่อไปอีกหน่อย จะเป็นตัวอาคารที่จัดแสดงนิทรรศการความเป็นมาของที่นี่ค่ะ

มีการจัดแสดงโมเดลจำลองอาคารแห่งนี้ด้วย ดูแล้วอลังการดีนะคะ

มีรูปเขียนประกอบตามฝาผนังแสดงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในยุคก่อนค่ะ

ส่วนตัวป้อมปราการเองจะอยู่ใกล้ ๆ กัน เดินขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ค่ะ

เดินขึ้นมาแล้วก็เจอกุญแจคู่รักแบบนี้คล้องอยู่เป็นแถวเลย มีขายกุญแจนี้ด้วยนะคะ ในห้องขายของที่ระลึกที่ตัวอาคารที่เดินดูนิทรรศการก่อนหน้านี้ค่ะ

ส่วนจุดชมวิวบนป้อมนี้จะเป็นกระจกทึบทั้งหมด ออกจะร้อนไปสักหน่อย (บวกกับเดินขึ้นมาหลายชั้นด้วยอะนะ)

บนชั้นชมวิวนี้ บนกระจกจะติดสติ๊กเกอร์อธิบายที่ตั้งของจุดสำคัญต่าง ๆ ในเมืองไถหนานด้วยล่ะค่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้ว เคโกะว่าการนำเสนอแบบนี้มันน่าสนใจดีนะ รกสายตาไปนิด แต่ทำให้เห็นภาพชัดเจนดีค่ะว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้างนะ

เสร็จสรรพแล้วก็เดินออกค่ะ เดี๋ยวจะไปต่อที่อื่นกัน ตั้งใจจะเดินชมให้ครบทั้ง 4 ที่ตามตั๋วคอมโบ้ที่ซื้อมาค่ะ ^^”

ต่อที่เหลือที่โพสต์ถัดไปนะคะ ไม่นานเกินรอ~

https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Tainan] Yamane Sushi

สวัสดีค่ะ ขอเริ่มทริปไต้หวันด้วยร้านของกินก่อนเลยนะคะ ^^”

ร้านนี้เป็นร้านที่อ่านในรีวิวแล้วบล็อกเกอร์คนนั้นที่อ่าน (ลืมลิงค์ไปอีก – -“) บอกและย้ำนักหนาว่าอร่อยในราคาย่อมเยามากค่ะ แต่พอไปดูในรีวิวของกูเกิ้ลแล้ว เสียงส่วนใหญ่กลับค่อนข้างไปทางลบ ไปในแนวที่ก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรขนาดนั้น แค่พอทานได้ เหมาะกับราคาที่ถูก อะไรงี้อ่ะค่ะ บางคนก็เขียนรีวิวแรง แบบไม่คุ้มกับการไปทานเลย ซึ่งรีวิวเรทอยู่ที่ประมาณ 3 ดาวกว่า ๆ (จาก 5) ด้วยซ้ำ ดูแล้วก็ไม่ค่อยน่าไปเท่าไหร่นะ แต่ก็จะไปค่ะ ดูซิว่าลิ้นเคโกะจะอยู่ในกลุ่มไหน กลุ่มบล็อกเกอร์ไทยหรือนักรีวิวในกูเกิ้ลค่ะ ><~

Shop name : Yamane Sushi / 山根壽司 / 山根寿司
Google maps : https://goo.gl/maps/jKcuwRfRvas
Transportation : bus no.77, near Chi Kan Lou (Fort Provintia)
Opening hours : 12.00-15.30PM, 17.00PM-12.00AM
Visited date : 27 Dec 2018

ตอนที่เดินไป ก็เปิดกูเกิ้ลแม็พไปด้วยค่ะ กลัวเดินผิดทางจัด ทั้ง ๆ ที่ก็อยู่แถว ๆ นั้นแหละ ซึ่งก็ถือว่าตัวเองตัดสินใจถูกที่เปิดกูเกิ้ลแม็พไว้ เพราะหน้าร้านไม่มีป้ายชื่อร้านบอกค่ะ เคโกะหยุดตรงหมุดที่ปักพอดี แล้วเทียบหน้าร้านเอากับบล็อกที่เคยดูไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว

ร้านนี้เป็นร้านข้างทางนะคะ มีโต๊ะในร้านไม่กี่โต๊ะ และมีโต๊ะตั้งบนฟุตบาทหลายโต๊ะอยู่ (เหมือนไทยเล้ยยย 555)

เดินเข้าไปอย่างมั่นใจ แล้วจะมีพนง.คอยถามว่าจะซื้อกลับหรือทานที่ร้าน ถ้าทานที่ร้านก็จะจัดโต๊ะให้นั่ง แล้วเอาเมนูให้ติ๊ก ๆ เลือก ๆ ในตะกร้าแดงจากรูปด้านบนค่ะ

เมนูภาษาอังกฤษก็มีนะ แต่ต้องขอเค้าค่ะ เคโกะขอมาดูเทียบกันนะคะ ซึ่งบางเมนูไม่ตรงกันไปอีก >< ซะงั้นนนนน

ใบเมนูอังกฤษเค้าจะไม่ได้ให้เขียนลงไปค่ะ ลักษณะเป็นใบหุ้มพลาสติกแบบใช้ถาวรเลยอะ ก็เขียนจำนวนลงในใบภาษาจีนค่ะ หรือไม่ เคโกะว่าเรียกเค้ามาจิ้ม ๆ ภาษาอังกฤษเพื่อสั่งอาหารก็น่าจะได้นะคะ

ขออภัยในความเบลอนี้ค่ะ น่าจะหิวจนตาลายยยย 555

เคโกะสั่งไป 3 จาน เพราะคิดว่าไม่น่าจะใหญ่มากนัก และทานคนเดียวคงหมดค่ะ มาดูกัน

จานแรกเป็นซุชิหน้ารวม เหมือนจะเลือกได้ว่าเอาแซลมอนหรือปลาอย่างอื่น แต่เคโกะเลือกแซลมอนค่ะ

เสิร์ฟมาพร้อมขิงดองในจานที่รสดี ไม่เผ็ดแบบขิงๆ แล้ว ส่วนซุชิเองก็ปั้นมาพอดีคำค่ะ พร้อมทั้งทาซอสบนชิ้นปลา และมีวาซาบิใส่มาให้แล้วด้วย (เค้าจะถามก่อนด้วยว่าเอาวาซาบิใส่มาเลยมั้ย กินเผ็ดมั้ย ไรงี้ค่ะ) เราก็แค่คีบเข้าปากค่ะ ไม่ต้องจิ้มอะไรแล้วค่ะ

ในเรื่องของรสชาติ เคโกะว่าปลาสดดีค่ะ ข้าวก็เหนียวนุ่มหนึบดีแล้ว ก็ได้อารมณ์ซุชิญี่ปุ่นเลยแหละ ไม่ได้เลวร้ายค่ะ

จานที่สองเป็นแซลมอนซาชิมิค่ะ เสิร์ฟมาบนไชเท้าขูดฝอย และมีก้อนวาซาบิวางมาให้ 1 ก้อน ซึ่งก็ต้องเทโชยุที่มีบริการให้บนโต๊ะพร้อมถ้วยน้ำจิ้มเองค่ะ

แซลมอนหั่นมาชิ้นหนาพอดีคำ ไม่หนาไปและไม่บางไป เนื้อสัมผัสเด้งและสดมากค่ะ

ส่วนจานสุดท้าย กินปลาพอแล้ว มากินของโปรดบ้างนะ

เป็นเต้าหู้ทอดในซุปค่ะ ถ้าจำไม่ผิด เค้าจะใช้ชื่อเมนูประมาณว่าเทมปุระเต้าหู้ค่ะ

เคโกะว่าตัวนี้ดูแปลก ๆ ไปหน่อย เพราะเต้าหู้ก้อนล่าง ๆ จะถูกแช่อยู่ในน้ำซุปไปแล้ว ทำให้เต้าหู้ที่ทอดกรอบมานั้นนิ่มลงค่ะ ในชามดูเหมือนเล็กนะ แต่จริง ๆ แล้วในชามมีเต้าหู้ทอดมาหลายก้อนเลยค่ะ ซุปก็จะแนว ๆ น้ำจิ้มของเทมปุระ และด้านบนเต้าหู้ทอดมีไชเท้าบดละเอียดเอาไว้ทานตัดเลี่ยนกับน้ำซุป สไตล์เทมปุระเด๊ะ ๆ เลยค่ะ

ตัวนี้ถ้าตัดเรื่องเต้าหู้ก้อนล่างถูกแช่ในน้ำซุปจนนิ่มนะ ที่เหลือเคโกะโอเคมาก ๆ ค่ะ ทอดมาได้กรอบนอก นุ่มใน อร่อยมากค่ะ

สนนราคาทั้งหมด มื้อนี้ล้มละลายไป 365NTD ค่ะ อิ่มมาก ๆ เลยล่ะค่ะ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วก็คิดว่าออกจะแพงไปเล็กน้อย เทียบกับปริมาณ คุณภาพอาหาร และลักษณะร้าน ที่ตั้ง ทำเลไรงี้อะค่ะ ถ้าผ่านมาก็แวะชิมได้ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าถึงกับต้องดั้นด้นมาทานให้ได้ไรงี้อะนะคะ ^^”

เอาไว้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ผ่านมาแถว ๆ นี้ละกันเนอะ ^^

https://www.facebook.com/thisiskeigo/
(เริ่มมาจบแบบดื้อ ๆ ไม่มีคำลงท้ายแล้วนะนี่ ฮาาาาาา)

[Tainan] Old Man Captain Hostel

สวัสดีค่ะ เริ่มเคาะโหลดองอีกโหลแล้วนะคะ เริ่มด้วยที่พักเช่นเคยค่ะ

Hostel name : Old Man Captain / 老曼船长青年旅馆
Booking via : booking.com
Location : Tainan, Taiwan
Google Maps : https://goo.gl/maps/Ef1gyisCFKm
Facebook page : https://www.facebook.com/oldmancaptain/
Check-in date : 26-29 Dec 2018, 3 nights
Room type : Female Dormiory bed
No of person(s) : 1
Room rate : 1,431NTD (for 3 nights)

มาถึงเมืองไถหนานก็ดึกมากแล้วค่ะ เลยโบกแท็กซี่มาจนถึงสถานีรถไฟไถหนานเลย เพราะรู้แค่ว่าโฮสเทลอยู่แถว ๆ นี้ แล้วค่อยเดินหา เดินหารอบ ๆ ก็ไม่เจอ เลยต้องเปิดเมลที่เค้าส่งมาให้ แล้วเริ่มจากสถานีรถไฟเลยค่ะ ถึงได้รู้ว่าโฮสเทลอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟมาก ๆ .. จริง ๆ เรียกว่าติดเลยก็ได้แหละ

เริ่มจากสถานีรถไฟ ออกมาด้านหน้ายังไม่ต้องเดินไปไหนค่ะ มองด้านซ้ายจะมีร้านชา ร้านเช่ารถไรงี้อยู่ แล้วจะมีตรอกเล็ก ๆ พร้อมป้ายชี้ไปว่าโฮสเทลอยู่นี่จ้าาาา .. ก็เดินตามป้ายโลดเลยค่ะ ทางเข้าจะอยู่ด้านหลังของร้านเช่ารถ หรืออู่รถนี่แหละ

ล็อบบี้จะอยู่ชั้น 2 ก็แบกกระเป๋าขึ้นไปค่ะ

พนง.ก็จะอธิบายกติกาของที่พัก ชำระเงินทั้งหมดเรียบร้อย แล้วก็ให้กุญแจห้องมาค่ะ

แล้วก็เข้าห้อง ซึ่งห้องที่ได้ก็อยู่ชั้นเดียวกัน เป็นห้องหญิงล้วนแบบ 6 เตียง เคโกะได้เตียงที่อยู่หน้าห้องเลยค่ะ

ตรงปลายเตียงคือชี้ออกไประเบียงห้องค่ะ

ส่วนบริเวณหัวเตียงก็จะประมาณนี้ มีปลั๊กไฟให้ 2 ช่อง, ไฟหัวเตียงส่วนตัว และที่วางของนิดหน่อยค่ะ

แอบส่องภายในห้องนิดนึง มาตอนที่ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยพอดีค่ะ

ห้องน้ำก็จะอยู่ใกล้ ๆ มี 2 ห้องค่ะ ซึ่งก็จะมีป้ายแปะบอกว่า ถ้าไม่พอใช้ ก็สามารถขึ้นไปใช้ชั้นบนได้อีก ภายในห้องน้ำก็ปรับน้ำอุ่นได้ มีแชมพู สบู่เหลวให้ใช้ด้วย

ติด ๆ กันก็จะเป็นอ่างล้างหน้าแบบรวม แบบอ่างยาว ๆ แล้วมีก๊อกแยก ๆ อะค่ะ ในห้องซักผ้าที่มีเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญบริการ หน้าห้องน้ำก็เป็นกระจกพร้อมไดร์เป่าผมค่ะ

อาหารเช้ามีบริการให้ที่บริเวณล็อบบี้รวม เค้าจะวางแยมหรือสเปรดต่าง ๆ ไว้ให้ค่ะ

ส่วนขนมปังอยู่ในตู้เย็น วันแรกเคโกะก็งง ๆ หาไม่เจอ ป้ายเค้ามีแปะบอกอยู่บนตู้เย็นด้วยนะ แต่ก็ไม่อ่านค่ะ ก็เลยอดกินเลย ><“

เวลาอาหารเช้าที่เค้าเตรียมให้ก็คือ 7.30-9.30 ค่ะ

นอกจากนี้โฮสเทลก็จะมีกิจกรรมให้คนมาพักมีส่วนร่วมด้วย อย่างช่วงที่เคโกะไปก็จะมีกิจกรรมผสมค็อกเทลวันนึงค่ะ อีกวันก็ลืมแล้ว 555 แต่เคโกะก็ไม่ได้ไปร่วมเลยสักวันนะ อยากพักผ่อนสบาย ๆ ในห้องมากกว่าค่ะ ^^”

แล้วก็ตามสไตล์โฮสเทลทั่ว ๆ ไปนะ จะมีป้ายแปะโฆษณาแหล่งท่องเที่ยวของเมืองตัวเอง ซึ่งที่นี่ดีอีกตรงที่มีตารางสรุปเขียนบนกระดานดำในส่วนกลางให้เลยค่ะว่าวันไหนตลาดกลางคืนเปิดบ้าง เพราะเมืองนี้มีตลาดกลางคืนดัง ๆ อยู่ 3 แห่งค่ะ และไม่ได้เปิดขายทุกวันด้วย พอมีอย่างนี้ก็เลยรู้สึกเลยว่ามันดีมากจริง ๆ สะดวกกับนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ค่ะ จะได้ไม่ต้องไปเก้อ

สิ่งนึงที่โฮสเทลนี้อาจจะทำให้กังวลได้ก็คือระเบียงห้องค่ะ เคโกะรู้สึกเหมือนโรงเรียนประถมเลยอะ ><” คือชั้น 2 ก็จะซอยเป็นห้อง ๆ ตามที่บอกไปแล้วนะคะ ตรงระเบียงทางเดินเนี่ยก็จะมีที่กั้นระเบียงอยู่ แต่ค่อนข้างต่ำมากค่ะ มองลงไปเห็นอู่รถ หรือคิวรถแท็กซี่นี่แหละที่ด้านล่างได้อย่างชัดเจน ในทางกลับกัน คนที่อยู่ด้านล่างก็มองขึ้นมาเห็นคนบนตึกได้เหมือนกัน

เคโกะเองก็แอบกังวล รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกันนะ คือก็รู้แหละว่าเค้าไม่บ้าปีนขึ้นมาหรอก แต่ก็อดกังวลนิดนึงไม่ได้ค่ะ แล้วไหนจะยังบรรดาชุดชั้นในที่เราถือไปเข้าห้องอาบน้ำอีก ก็ต้องพยายามม้วนให้มิดชิด ซุกในกระเป๋ากันน้ำที่ถือไปห้องน้ำด้วยค่ะ

ถ้าไม่คิดอะไรในประเด็นนี้ เคโกะว่าที่นี่คือดีเลยนะ

มาสรุปกันค่ะ

ข้อดี

  • ใกล้แบบที่เรียกว่าติดกับสถานีรถไฟไถหนานเลยก็ว่าได้ ทำให้สะดวกทั้งรถเมล์และรถไฟค่ะ
  • ที่พักมีไวไฟบริการ มีส่วนกลางให้ใช้ สามารถซื้ออาหารด้านนอกเข้ามาปรุงเองก็ได้ หรือนั่งทานชิลล์ ๆ ก็ได้ แล้วก็มีอาหารเช้า (ขนมปัง+สเปรด) ไว้บริการด้วย
  • สามารถฝากกระเป๋าไว้ได้ ซึ่งใกล้กับสถานีขนาดนี้ เคโกะว่าดีกว่าเอาไปฝากที่ล็อคเกอร์ที่สถานีรถไฟค่ะ ประหยัดไปอีก
  • พนง.น่ารักมาก อัธยาศัยดี ทักทายตลอดทุกวันที่กลับมาจากข้างนอกค่ะ และพูดอังกฤษได้ดีมากเลย
  • ห้องน้ำกว้างขวางกว่าโฮสเทลที่เคยพักมา มีน้ำอุ่น มีแชมพู สบู่ไว้ให้ใช้ มีที่วางของเยอะพอควร

ข้อเสีย

  • ระเบียงเตี้ย อาจจะทำให้รู้สึกไม่ค่อยส่วนตัวเท่าไหร่
  • ห้องน้ำมีม่านบังสายตาอยู่จากด้านนอกตรงหน้าต่าง แต่ก็ไม่ค่อยมิดชิดค่ะ
  • ด้วยความที่ด้านล่างที่เป็นอู่หรือคิวรถแท็กซี่นี่แหละ ก็จะทำให้มีเสียงดังจากที่คนขับแท็กซี่คุยกัน รบกวนเราได้ค่ะ
  • เตียงที่เคโกะได้ ถ้าดูในรูปจะเห็นว่าปลายเตียงมีการปิดกระดาษตรงกระจกห้องไว้ กันแสงรบกวนในตอนเช้า แต่ปิดไม่หมดค่ะ เช้าวันแรกเคโกะตื่นเพราะแสงลอดเข้ามาแยงตาเลยแหละ
  • ภายในห้องพักค่อนข้างคับแคบไปหน่อย อาจจะต้องระวังคนเดินไปเดินมานิดนึงค่ะ หากต้องการเปิดกระเป๋าเดินทางมาหยิบของหรือจัดของใด ๆ

แต่โดยรวมแล้ว เคโกะชอบที่นี่มากเลยค่ะ ตอบโจทย์เรื่องการเดินทางมากจริง ๆ แนะนำเลยค่ะ ^^

แปะเพจปิดท้ายเช่นเคย
https://www.facebook.com/thisiskeigo/