[Kawasaki] Fujiko F Fujio Museum

สวัสดีค่ะ ใครที่ติดตามโพสต์ของเคโกะมาตลอดครบถ้วนทุกตอนคงจะแปลกใจไม่ใช่น้อยที่เอาเรื่องนี้มาพูดอีกแล้ว … ไม่นะคะ ไม่ได้เอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่น้าาา เค้าแค่ไปอีกรอบเท่านั้นเอ๊งงงงงง ><~

โพสต์เดิมค่ะ >> https://thisiskeigo.wordpress.com/2017/03/13/fujiko-f-fujio-museum/

Spot name : Fujiko F Fujio Museum / 藤子・F・不二雄 ミュージアム
Google maps : https://goo.gl/maps/WAViLqzzGWnz8jkz9
Transportation : Shuttle bus from Noborito Station or walk about 20-30 minutes
Entrance fee : 1000Y (advanced ticket only)
Opening hours : 10.00-18.00 (closed on Tuesday, year-end and new year holidays)
Visited date : 17 Feb 2019
Website : http://fujiko-museum.com/english/

เนื่องจากตั๋วที่จะเข้ามิวเซียมนี้จำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าผ่านตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ Loppi ใน Lawson เท่านั้น วันแรกที่เราไปถึงจึงต้องมองหา Lawson และพุ่งเข้าไปซื้อตั๋วก่อนเลยค่ะ

เวลาเข้าชมให้เลือก 4 ช่วงเวลาด้วยกันคือ 10.00, 12.00, 14.00 และ 16.00 ค่ะ จริง ๆ พวกเราอยากไปตั้งแต่เช้า แต่วันที่จะไปนั้นรอบเช้าเต็มไปแล้ว ก็เลยจำเป็นต้องเลือกรอบบ่าย 2 แทนค่ะ

ด้วยภาษาง่อนแง่นของเคโกะและความช่างสังเกตของเพื่อน จึงทำให้พวกเราสามารถกดซื้อตั๋วเองผ่านตู้อัตโนมัติได้เป็นที่สำเร็จเรียบร้อย เย้~

และด้วยความเกร็งจัดในการกดตั๋วผ่านตู้ เลยทำให้ไม่ได้ถ่ายรูปหน้าจอมาให้ดูกันนะคะ แหะๆ .. แต่ถ้าใครอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ก็สามารถแจ้งพนง.ลอว์สันให้ช่วยกดให้ได้ค่ะ (ที่ตู้มีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้นน้าาา)

การเดินทาง มาได้ทั้ง JR และ Odakyu เลยนะคะ เลือกตามสะดวกเนาะ แล้วมาลงที่สถานี Noborito จากนั้นออกมาจากสถานี ก่อนที่จะเดินไปป้ายรถเมล์ เราก็สังเกตเห็นโดรามี่จังยืนตัวเล็กตัวน้อยอยู่ค่ะ

แล้วเราก็เลี้ยวซ้ายไปที่ป้ายรถเมล์ ก็จะมีป้ายรถเมล์เฉพาะสายของมิวเซียมอยู่ค่ะ ตอนที่เราไปถึง รถเมล์ก็จอดรออยู่แล้วพอดี

แต่ด้วยความที่อ่านรีวิวเจอว่า เค้าจะมีโมเดลโดราเอมอนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในเมืองระหว่างทางที่เดินไปมิวเซียมค่ะ เราก็เลยตกลงกันว่า “เดินไป”

เดินไปตามกูเกิ้ลแม็พตามเคย แต่ระหว่างทางนั้น ถามว่าเจอพี่ม่อนมั้ย .. เจอก็เหมือนไม่เจอค่ะ ออกจะเป็นรูปม่อนเบา ๆ ที่ประดับอยู่ตามราวสะพานข้ามแม่น้ำ ตรงขอบทางไรงี้ซะมากกว่า – -“

ระหว่างทางที่เดินไป ฟ้าใส อากาศดี ก็น่าเดินอยู่นะคะ T.T

เดินไปราว ๆ 5 ท้อใจ ในที่สุดพวกเราก็เดินมาถึงจนได้ค่ะ

แม้ว่าพวกเราจะมาถึงก่อนเวลาเข้าชม แต่ก็ยังเข้าไม่ได้นะคะ เค้าจะให้เข้าเป็นรอบ ๆ ตามเวลาที่กำหนดเท่านั้นค่ะ แล้วก่อนเวลาประมาณ 10-15 นาที เค้าก็จะให้ต่อแถวรอ เพราะจะปล่อยให้เข้าเป็นกลุ่ม ๆ ค่ะ เพื่ออธิบายกฎกติกาการเข้าชม และแลกเครื่องแฮนดี้ที่เอาไว้อธิบายจุดต่าง ๆ ที่จัดแสดงในมิวเซียมค่ะ

ระหว่างที่ยืนรอเวลาเข้าชม ก็มีรถบัสอีกคันมาจอดตรงหน้าพอดี ก็เลยรู้ว่ารถบัสมีหลายลายอยู่นะคะ

ด้านหน้าที่ต่อคิวเข้ามิวเซียม ก็มีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กรี๊ดกร๊าดตามประสาที่ด้านหน้าก่อนทางเข้าด้วยค่ะ

ด้านในจะเป็นมิวเซียม เป็นห้องนิทรรศการจัดแสดงผลงานทั้งหมดของอาจารย์ Fujiko F Fujio ค่ะ เคโกะเองก็ทั้งอ่านและดูการ์ตูนเป็นประจำอยู่แล้วในวัยเยาว์ ก็เลยจะรู้จักผลงานของอาจารย์เป็นส่วนใหญ่เลยค่ะ ก็จะค่อนข้างอินและชอบมากทีเดียว

ซึ่งนิทรรศการที่จัดแสดงนั้น ส่วนของชั้นล่างนั้นเหมือนเดิมกับที่มาครั้งที่แล้วค่ะ แต่ที่เปลี่ยนไปคือในส่วนของชั้น 2 (ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ เพราะมีส่วนที่ถ่ายได้และห้ามถ่ายรูปค่ะ ก็เลยไม่ถ่ายซะเลย)

แต่ในส่วนที่เคโกะว่าเจ๋งก็คือ ลานด้านนอกห้องนิทรรศการที่ชั้น 2 ค่ะ แต่เดิมเป็นลานโล่ง ๆ ไม่มีอะไร คราวนี้เค้าเอาบ้านจำลองของโนบิตะมาตั้งไว้ให้ชมกัน รวมถึงมีวางแท็บเบลตให้ส่อง AR ด้วย แล้วเราก็จะเห็นตัวละครมีชีวิต ขยับเคลื่อนไหวไปมาสั้น ๆ เหมือนมาอยู่ตรงหน้าเราเลยค่ะ กรี๊ดหนักมากกกกก

บ้านของโนบิตะค่ะ เด็กที่อยู่ด้านหน้ากำลังส่องห้องนอนโนบิตะอยู่นะคะ
ห้องดูทีวีของพ่อกับแม่โนบิตะค่ะ พอเห็นเป็นไอเดียเนาะว่าส่องแล้วจะมีภาพเคลื่อนไหวขึ้นมาให้เราดูค่ะ

จากนั้นเราก็ไปชมภาพยนตร์สั้นกันค่ะ ซึ่งคราวนี้เปลี่ยนเรื่องใหม่แล้ว ไม่ใช่เรื่องเดิมที่เคยดูเมื่อครั้งที่แล้วค่ะ

คราวนี้ตัวเอกเป็นโคโรสึเกะ จากเรื่อง “คิเตเรสึ เจ้าหนูนักประดิษฐ์” ค่ะ

พอได้เวลาก็ต่อแถวเข้าห้องชมภาพยนตร์กัน ส่วนใหญ่ก็จะมากันเป็นครอบครัวอะนะคะ ><“

ในภาพยนตร์สั้นที่ฉายให้ดูนั้น ไตเติ้ลเรื่องก็จะขนเอาตัวละครหลัก 5 ตัวของแต่ละเรื่องที่เป็นผลงานของอาจารย์มาให้ดูด้วยค่ะ ซึ่งดู ๆ ไปแล้ว เป็นแพทเทิร์นสำเร็จรูปมากเลยอะ 555

อีกสิ่งนึงที่เปลี่ยนไปก็คือ คราวนี้มีซับอังกฤษขึ้นให้อ่านแล้วค่ะ จากเดิมที่ไม่มีเลยนะ ต้องอาศัยดูรูปเอาหรือไม่ก็พอจะฟังภาษาญี่ปุ่นได้บ้างค่ะ

ส่วนเอาท์ดอร์ที่มีโมเดลจากการ์ตูนเรื่องต่าง ๆ ก็ยังคงมีเหมือนเดิมนะคะ

ตรงพี่ม่อนเนี่ย เป็นอะไรที่ฮอตฮิตมาก ๆ ไม่เคยเว้นจากผู้คนที่มาถ่ายด้วยเลย 555

ส่วนตู้กาชาปองก็ยังมีอยู่เหมือนเดิมนะคะ มาหยอดที่นี่คือดีสุด ไม่ต้องไปสอดส่องหาตามจุดต่าง ๆ ในญี่ปุ่นให้เมื่อยตาค่ะ หายากมากกกกกอะ

แล้วเราก็เข้าคาเฟ่กัน ซึ่งก็บ่ายมากแล้วค่ะ คิวยาวมากกกกกกก

ด้านหน้ามีเมนูให้เรายืนส่อง ยืนเลือกตามอัธยาศัย

พอถึงคิว ได้โต๊ะก็สั่งอาหารกันค่ะ

จานแรกมาก่อนใครเพื่อนคือเฟรนช์ฟราย ตัวนี้มาในเซ็ทอะค่ะ คู่กับน้ำสีฟ้า (ไอ้เราก็ลืมชื่อไปอี๊กกก 555)

ตามมาด้วยสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ บอกเลยว่าแต่ละเมนูที่เลือกมานี่ ให้คนรักม่อนเค้ากรี๊ดอย่างเดียวเลยค่ะ ไม่ได้สั่งเพราะอยากกินเล้ยยย 555

มาพร้อมกับโคร็อกเกต หรือคร็อกเก้ ปั๊มลายโดราเอม่อนค่ะ

ช็อคโกแลตร้อน วาดลายโดราเอม่อนมา ตอนที่สั่งก็ถามคุณพนง.ว่าเลือกลายเองได้มั้ย เค้าบอกว่าไม่ได้ค่ะ แล้วแต่เชฟทำให้ แต่เราก็ได้ม่อนมา มีแต้มบุญกะเค้าสินะ กรี๊ดดดดด

อีกแก้วน่าจะเป็นกาแฟร้อนของเพื่อนค่ะ วาดลายม่อนแบบ 3D มา น่ารักไปอีกแบบ กรี๊ดดดดดด

ปิดท้ายที่น้ำสีฟ้า (ที่ลืมชื่อนั่นแหละ) มีแก้วพร้อมพร็อพเก๋ ๆ ใส่หลอดมาให้ เวลาเราดูดก็จะมีหน้าแมว (แบบหนวดม่อนอะค่ะ) อยู่ตรงหน้าเราพอดี เกร๋ๆ~

ค่าความเสียหายมื้อนี้ทั้งหมดก็ 3400Y ค่ะ ส่วนเรื่องรสชาติ เคโกะว่าอาหารอะเฉย ๆ นะ ช็อคโกแลตร้อนคือดีค่ะ ไม่หวานไป ส่วนน้ำสีฟ้านั้น ไม่มีแอลกอฮอล์นะคะ เด็ก ๆ ทานได้ค่ะ ^^

แต่ถามว่าพอมั้ย ตอบเลยว่าไม่ค่ะ

เดินไปซื้อขนมลายพี่ม่อนมากินอีก 2 ชิ้น เป็นไทยากิ กับโดรายากิ ค่ะ

2 ชิ้นนี้ จะขายอยู่ที่ร้านที่อยู่ด้านหลังคาเฟ่ ติด ๆ กับลานเอาท์ดอร์ที่มีพี่ม่อนยืนอยู่ค่ะ สนนราคารวม 360 บาท ส่วนรสชาติก็มาตรฐานขนมญี่ปุนนะ หอม หวาน แป้งนิ่ม ชอบหวานก็จัดได้ค่ะ

ส่วนขากลับ เรากลับรถบัสกันนะคะ ไม่เดินแล้วววววว 5555 ค่ารถบัสต่อเที่ยวต่อคนอยู่ที่ 210Y ค่ะ ขึ้นรถที่หน้ามิวเซียมได้เลยค่ะ รถก็จะมาส่งที่สถานี Noborito ที่ป้ายรถเมล์หน้าสถานีเลยค่ะ

ถ้าไม่ใช่แฟนผลงานของอาจารย์ Fujiko F Fujio แต่รักโดราเอมอน เคโกะว่าก็คุ้มค่ากับการมาเยี่ยมชมค่ะ แต่ถ้ารู้จักการ์ตูนที่เป็นผลงานของอาจารย์หลายเรื่อง ก็จะอินหน่อยนะ ^^

https://www.facebook.com/thisiskeigo/