สวัสดีค่ะ มาอีกสถานที่นึงที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วค่ะ ^^”
Spot name : Hakone / 箱根
Google maps : https://goo.gl/maps/WrNgdw8gjc2JKHhH8
Transportation : Hakone free pass from Shinjuku
Entrance fee : Hakone freepass 5140Y (not include romance car upgrading)
Opening hours : N/A
Visited date : 19 Feb 2019
More information : https://www.japan-guide.com/e/e5200.html
https://www.odakyu.jp/english/passes/hakone/
จริง ๆ เคโกะเคยไปมาก่อนแล้วหน้านี้เมื่อหลายปีมาแล้วค่ะ ยังเขียนอยู่ในบล็อกเดิมอยู่เลยอะ อ่านได้ ที่นี่ ค่ะ
วันนั้นที่เราไปกันก็ดูพยากรณ์อากาศกันล่วงหน้าแล้วค่ะว่าอากาศน่าจะแจ่มใสดี เพราะเพื่อนอยากมาดูฟูจิซังค่ะ
แต่พอมาถึงหน้างานจริง ๆ แล้ว นอกจากท้องฟ้าจะไม่แจ่มใส่แล้ว ฝนก็ยังตกด้วยค่ะ T.T
บางช่วงบางตอนก็เลยจะไม่มีรูปนะคะ ขอใช้การบอกเล่าแทนนะคะ ^^”
เรานั่งรถไฟสาย Odakyu มาจนถึง Hakone-Yumoto แล้วก็ต่อรถไฟไปที่ Gora เพื่อนั่ง Cable car ไปยัง Owakudani ที่เป็นหุบเขาที่เป็นปล่องภูเขาไฟที่มอดไปแล้ว และเต็มไปด้วยกำมะถันค่ะ
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/img_9697.jpg)
พอไปถึงสถานีปลายทาง ฝนตกปรอย ๆ และลมแรงทีเดียว
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/dsc_9865.jpg)
เราแวะเดินเล่น + ทำใจกับสภาพอากาศกันตรงนี้ก่อนอยู่ครู่หนึ่งค่ะ ตรงนี้ก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึก ซึ่งบางอย่างก็จะเป็นสินค้าที่มีขายเฉพาะที่นี่เท่านั้น และไข่ดำอันเลื่องชื่อ ซึ่งเดี๋ยวนี้เค้ามีจุดรับประทานไข่ดำพร้อมถังขยะทิ้งเปลือกไข่ให้พร้อมเลยล่ะค่ะ สมัยก่อนยังไม่มีนะนี่
เจอที่นั่งรูปไข่ดำด้วย น่ารักมากค่ะ
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/dsc_9866.jpg)
แล้วก็ฝ่าฝนออกไปเดินถ่ายรูปที่หุบเขาที่ว่าค่ะ ก็จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวอาคารที่เป็นร้านขายของที่ระลึก ไม่ไกลจากตัวสถานีที่เป็น ropeway ค่ะ
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/dsc_9867.jpg)
ดูแบบพาโนรามาบ้าง
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/img_9699.jpg)
ในคู่มือนำเที่ยวบนเว็บ Odakyu ที่แนะนำการท่องเที่ยวใน Hakone นี้ก็ได้พูดถึงของกินที่ขึ้นชื่ออยู่สองสามอย่าง เคโกะก็เลยชวนเพื่อน ๆ แวะชิมกันก่อนไปต่อค่ะ
อย่างแรกเป็นขนมปังไส้แกงกะหรี่ในร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ที่ติดกับร้านขายของที่ระลึกค่ะ แต่เราก็สั่งอย่างอื่นมาทานกันด้วย ดูจริงจังมากอะ
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/img_9703.jpg)
ทั้งหมดนี่สนนราคา 2540Y ค่ะ
ส่วนรสชาตินั้น เคโกะว่าเฉย ๆ ค่ะ มีความเป็นแกงกะหรี่อยู่ แต่ก็ไม่ได้จัดจ้านอะไรค่ะ
แล้วเราก็ตบท้ายด้วยไข่ดำตามสูตรอะนะ 5 ฟองนี้ 500Y ค่ะ มีถุงเกลือแถมมาให้ในถุงไข่ดำด้วย
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/img_9705.jpg)
ถ้ากินไข่ดำแบบไม่โรยเกลือ มันก็จะเหมือนไข่ต้มธรรมดา ๆ อะค่ะ แต่โรยเกลือลงไปก็เพิ่มรสชาติขึ้น
เติมของกินลงท้องกันไปแล้ว เราก็ฝ่าฝนไปขึ้น ropeway กันค่ะ
ปกติแล้ว ถ้าอากาศแจ่มใส เราจะสามารถมองเห็นฟูจิซังได้เลยจาก ropeway นี่เลยค่ะ (จริง ๆ ก็จะเห็นได้ตั้งแต่ที่อยู่บริเวณร้านค้าตรงหุบเขากำมะถันแล้วล่ะค่ะ)
แต่สำหรับวันนั้นแล้ว …. //หมดคำพูด ปาดน้ำตาเบาๆ
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/img_9714.jpg)
ข้ามฝั่งไปแล้ว เราก็เดินต่อเพื่อจะไปลงเรือล่องทะเลสาบ Ashi ซึ่งตรงสถานีปลายทางนี่ก็จะมีร้านอาหารที่มีข้าวห่อไข่ที่ขึ้นชื่อ (ตามลายแทงเดียวกันกับขนมปังไส้แกงกะหรี่ค่ะ) อีกที่นึง แต่พอหันไปซาวด์เสียงเพื่อน ๆ ต่างก็อิ่มกันหมดแล้ว เลยสั่งมาแค่ 1 จานค่ะ
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/img_9716.jpg)
ถ้าใช้ Hakone freepass จะสามารถลดได้อีกประมาณ 5% ด้วยค่ะ ถ้าจำไม่ผิดล่ะนะ จะเหลือแค่ 1140Y เท่านั้น มีสลัดผักจานเล็กให้ด้วย
ส่วนรสชาติ เคโกะว่ามันคือข้าวแกงกะหรี่ที่ข้าวเป็นข้าวห่อไข่อะค่ะ จานใหญ่มากกกกก สัมผัสได้ถึงความอ้วนล้วน ๆ เลย T.T แต่รสชาติก็โอเคอยู่นะคะ เป็นการผสมกันอะระหว่างข้าวแกงกะหรี่และข้าวห่อไข่ค่ะ
โดยส่วนตัวแล้ว ทานครั้งเดียวพอค่ะ ไม่ได้ชอบแกงกะหรี่เป็นการส่วนตัวด้วยประการนึงค่ะ
แล้วเราก็เดินไปต่อคิวรอขึ้นเรือกันค่ะ
หมอกลงจัดหนักมาก แทบมองไม่เห็นทัศนียภาพใด ๆ นอกไปจากเรือลำใหญ่เลย
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/img_9719.jpg)
บนเรือนั้น มีทั้งแบบ indoor และ outdoor ค่ะ แต่เพราะว่าฝนตก นักท่องเที่ยวก็เลยหลบอยู่แต่ในห้องโดยสารที่เป็น indoor กันหมดค่ะ
ระหว่างทาง เจอเรืออีกลำอยู่ไกล ๆ ดูแล้วเห็นแค่น้ำและเรือเลยค่ะ ไกลกว่านั้นไม่เห็นอะไรเลย เฮ้ออ…
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/dsc_9886.jpg)
พอใกล้ ๆ ถึงท่าเรือปลายทางแล้ว ก็เริ่มมีผู้คนออกมาถ่ายรูปด้านนอกกันบ้าง เคโกะก็เดินออกมาบ้างค่ะ เห็นเสาโทริอิสีแดงเด่นตระหง่านอยู่ด้วยค่ะ
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/dsc_9893.jpg)
ในที่สุด เราก็มาถึงปลายทางท่าเรือจนได้ แล้วก็เดินไปขึ้นรถบัสเพื่อกลับไป Hakone-Yumoto เช่นขามาค่ะ การเดินทางก็จะวนเป็นวงกลมอะนะคะ
มาถึงสถานี Hakone-Yumoto แล้ว เพื่อนก็เสนอว่าไปอัพเกรดตั๋วเป็น romance car กันดีกว่า จะได้กลับถึงโตเกียวไว ๆ ค่ะ แม้จะเป็นเดือนกุมภาพันธ์แล้ว แต่พอฝนตกแล้วก็อากาศก็หนาวลงมากทีเดียวค่ะ
ในการอัพเกรดตั๋วเป็น romance car นั้น เราต้องเพิ่มเงินอีก 1090Y ต่อคนค่ะ เค้าก็จะออกตั๋วที่นั่งมาให้อีกใบนึง แต่ตอนที่เราผ่านเกทเข้าสถานีไปก็ยังต้องใช้บัตรใบเดิมนะคะ
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/img_9733.jpg)
หน้าตารถไฟ Romance car ค่ะ ก็จะใช้เวลาน้อยกว่ารถไฟปกติ และที่นั่งเป็นแบบระบุที่นั่งค่ะ
![](https://thisiskeigo.wordpress.com/wp-content/uploads/2019/05/img_9732.jpg)
โดยคร่าว ๆ ก็จะประมาณนี้ค่ะ เหมาะกับคนที่มาญี่ปุ่นครั้งแรกๆ และอยากดูฟูจิซังแบบเดินทางง่าย ๆ และสะดวกค่ะ ที่นี่ก็เป็นอีกช้อยส์นึงให้เลือกล่ะค่ะ
สงสัยตรงไหนสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เพจนะคะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/