[Nantou] Sun Moon Lake

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้จะยาวนิดนึงนะคะ เตือนแต่เนิ่น ๆ เลย ^^”

ที่ Sun Moon Lake (บางทีก็จะย่อเป็น SML ค่ะ) เนี่ยจริง ๆ เคโกะเคยไปมาแล้วรอบนึง แต่ตอนนั้นรู้สึกว่ามีเวลากระชั้นไปหน่อย ยังเที่ยวได้ไม่ครบ ก็เลยตั้งใจมาเก็บตกที่พลาด ๆ ไปเมื่อคราวก่อน เพราะงั้นถ้าใครหลงมาดูรีวิวเรื่องราวของเคโกะในรอบนี้ อาจจะรู้สึกว่าแปลกประหลาดได้ค่ะ 55555

Spot name : Sun Moon Lake / ทะเลสาบสุริยันจันทรา / 日月潭
Location : Nantou, Taiwan
Google maps : https://goo.gl/maps/CXuXGUkL2VEihWJV9
Entrance fee : N/A
Opening hours : N/A
Visited date : 9 Dec 2019
Website : https://www.sunmoonlake.gov.tw/en/

ขอแนะนำการมั่ว ๆ งง ๆ หลง ๆ ตามประสาเคโกะในครั้งแรกที่บล็อกบ้านเดิมค่ะ มี 2 ตอน
ตอนที่ 1: https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=keigo&month=01-2015&date=24&group=6&gblog=115
ตอนที่ 2: https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=keigo&month=01-2015&date=29&group=6&gblog=116

ที่ Sun Moon Lake นี้เป็นอะไรที่ผิดแผนสุด ๆ ในทริปนี้ของเคโกะแล้วค่ะ เพราะพาสไม่มี ซื้อก็ไม่ได้ เพราะที่ Tourist Information center ที่ Sun Moon Lake จะมีขายพาสเฉพาะตัวเล็กสุดที่ใช้ได้ใน area นี้เท่านั้น ซึ่งเคโกะอยากได้ตั๋วรถบัสไปผู่ลี่ (Puli) เพื่อต่อรถไปที่อื่นต่อด้วย

แต่แล้วพนง.ขายตั๋วสารพัดสิ่ง (จะอยู่ด้านหลังของ Tourist information center ค่ะ เป็นเคาน์เตอร์เดียวกับที่ขายตั๋วรถบัส) ก็กรุณาใจดีนั่งคำนวณทุกสิ่งอย่างที่เคโกะอยากได้ แล้วก็บอกว่า “ซื้อแยกไปสิ ถูกกว่าอีก เรามีขายตั๋วทุกอย่างที่คุณอยากได้นะ” .. แทบกรี๊ดเลยค่ะ

สุดท้าย เคโกะก็ซื้อตั๋วรถบัสรอบทะเลสาบ+ตั๋วเข้าธีมพาร์ควัฒนธรรม 9 ชนเผ่า (หมู่บ้านวัฒนธรรม 9 ชนเผ่า) มาในราคา 80+650 = 730NTD ค่ะ ตอนแรกอยากได้ตั๋วเรือด้วย แต่ก็ตัดทิ้งเพราะประหยัดงบ 5555 … จริง ๆ เคยนั่งไปในครั้งก่อนแล้วค่ะ ก็เลยไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่ เพราะอย่างไร รถบัสก็ครอบคลุมเส้นทางทั้งหมดที่อยากจะไปอยู่แล้ว

ส่วนตั๋วรถบัสนั้น พนง.บอกว่า ใช้ Easycard ใช่มั้ย ใช้ไปเลย เพราะถูกกว่าซื้อตั๋วราคาเต็มอยู่แล้ว (เป็นสิทธิพิเศษของการใช้บัตรอยู่แล้วค่ะ ซึ่งจะมีส่วนลดให้ ถูกกว่าซื้อตั๋วเที่ยวเดียว)

เริ่มจากแปะแผนที่ทะเลสาบก่อนนะคะ

จากแผนที่ด้านบน จะเห็นว่าทางเรือนั้น มีจอดแค่ 3 ท่าเท่านั้นค่ะ และท่าเรือใหญ่ก็จะมี 2 ท่าคือ Shuishe และ Ita Thao แต่เคโกะแนะนำที่พักบริเวณ Shuishe มากกว่านะคะ เพราะเป็นท่ารถด้วย จะไปไหนมาไหน ก็เริ่มที่นี่ค่ะ สะดวกกว่าอีกฝั่งนึงนะคะ

เอาล่ะ มาดูแผนที่รถบัสรอบทะเลสาบบ้าง เคโกะเอามาจากเว็บรถบัสหนานโถวเวอร์ชั่นภาษาจีน (http://www.ntbus.com.tw/s03.html) ค่ะ ถึงมีแผนที่ตัวนี้ เลยเอามาใส่ชื่อภาษาอังกฤษกำกับให้ จะได้เข้าใจนะคะ

ตรงที่ใส่คำอังกฤษกำกับให้นั้นคือจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะแวะลงไปเที่ยวกันค่ะ แต่ในคราวนี้ เคโกะแพลนไว้ว่าจะแวะที่ Xuanguang Temple, Ci’en Pagoda, Ita Shao Pier และ SML Ropeway (เพื่อขึ้นกระเช้าไปธีมพาร์ค) เท่านั้นนะคะ ส่วนวัดเหวินวู่ (Wenwu Temple) ที่คนไทยนิยมไปกันนั้น เคโกะจะขอผ่านค่ะ เพราะเคยไปมาแล้ว

หลังจากซื้อตั๋วเสร็จสรรพ ก็มายืนรอรถบัสนะคะ ตั๋วที่ได้มาก็หน้าตาดูบอบบางแบบนี้ ต้องเก็บไว้ให้ดีค่ะ เพราะจะใช้ทั้งวันเลย

แต่เนื่องจากยังมีเวลาอีกพอสมควรเลยกว่ารถจะมา ก็เลยไปที่ Longfeng Temple กันก่อนค่ะ ได้ยินมาว่าที่นี่มีเทพความรักที่ให้ด้ายแดงที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ ด้วย อยู่ไม่ไกลจากท่ารถ Shuishe ค่ะ ก็เดินไปราว ๆ 10 นาทีได้ก็ถึงแล้ว

หลังจากที่เคโกะเก้ ๆ กัง ๆ อยู่คนเดียว ก็เลยขอแนะนำเลยก็แล้วกันค่ะ จะได้ไม่งง ๆ เอ๋อ ๆ เหมือนเคโกะกัน 5555

ไปถึงปุ๊บ ให้เดินไปที่โถงกลางค่ะ จะมีห้องเล็ก ๆ ทางซ้ายมือติดกับโถงกลาง เพื่อซื้อชุดไหว้ ราคา 100NTD จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแนะนำการไหว้ให้ รวมถึงมีคู่มือภาษาไทยในการไหว้เทพความรักมาให้ด้วย ซึ่งก็จะจุดธูปไหว้ที่โถงกลางก่อนให้เรียบร้อย จากนั้นถึงค่อยไปไหว้ที่เทพความรัก ซึ่งอยู่โถงทางขวามือของวัดค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่ยืนรอต้อนรับเพื่อแนะนำวิธีการกราบไหว้ให้

เจ้าหน้าที่เดาถูกกว่าเคโกะเป็นคนไทย เลยเปิด Google Translate รออยู่แล้วเพื่อถามว่า “เคยแต่งงานแล้วหรือยัง” ค่ะ เคโกะตอบเป็นภาษาจีนไป เจ้าหน้าที่ก็ตกใจว่าเราพูดจีนได้ พอพูดยาวไปอีกนิดหน่อย เห็นว่าเคโกะเข้าใจเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยขอเก็บคู่มือภาษาไทยไปเลยค่ะ แล้วบอกว่า ฟังเค้าอธิบายแล้วกัน ไม่ต้องอ่าน 55555 แต่เค้าก็ดีนะคะ คอยถามย้ำเป็นช่วง ๆ ว่าเข้าใจที่เค้าพูดใช่มั้ย ไรงี้ค่ะ

วิธีการก็ไม่มีอะไรมาก อธิษฐานต่อเทพความรัก (เจ้าหน้าที่เน้นย้ำว่าให้บอกเทพเลยนะ ว่าเรามาไกลมากเลยเพื่อมาขอคู่ดี ๆ สักคน มาจากตั้งไทยแน่ะ … แอบขำปนเอ็นดูค่ะ 5555) แล้วโยนกรับเสี่ยงทาย ให้ผลออกเป็นหงายและคว่ำอย่างละอันถึงจะเอาด้ายแดงไปได้ แต่ถ้าไม่ได้ ก็ให้โอกาส 3 ครั้ง สำเร็จ 1 ใน 3 ก็ถือว่าผ่าน และหยิบด้ายแดงได้ค่ะ ซึ่งเคโกะโยนได้ในครั้งแรกเลย ว้าวววว…

จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เราเลือกด้ายแดงเองจากที่ห้อยอยู่กับท่านเทพ แล้วเอาใส่ซองให้ วนรอบควันธูป 3 รอบ ก่อนย้ำให้เราพกไว้กับตัวในที่ที่เราพกติดตัวเป็นประจำ เช่น กระเป๋าสตางค์ หรือมือถือค่ะ พอสำเร็จ ได้คู่แล้วจึงค่อยพามากราบไหว้เทพด้วยกันและคืนด้ายแดงไป

เคโกะเลือกที่จะพกไว้กับโทรศัพท์มือถือนะคะ เพราะพกติดตัวมากกว่ากระเป๋าสตางค์ค่ะ ฮาาา

เสร็จแล้วเคโกะก็เดินกลับไปที่ท่ารถค่ะ ซึ่งหน้าวัดเนี่ย จะเป็นวิวทะเลสาบพอดีเลย สวยมากค่ะ หยุดพักชมวิวให้หายเหนื่อยก่อนก็ได้นะคะ

แล้วเคโกะก็เดินกลับทางเดิมไปยังท่ารถ แล้วก็นั่งรถบัสไปที่ Xuanguang Temple ค่ะ ซึ่งเป็นป้ายสุดท้ายเลย

ที่วัด Xuanguang แห่งนี้ เดินทางมาด้วยเรือก็ได้ค่ะ และถ้าขึ้นไปชมวิวจากที่สูง จะเป็นจุดที่มองเห็นเกาะ Lalu ได้ชัดที่สุดด้วยค่ะ (เกาะ Lalu คือเกาะที่ใหญ่ที่สุดใน SML นี้ แต่เป็นเกาะที่ขึ้นไปไม่ได้ค่ะ)

วัด Xuanguang แห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าวัดพระถังซำจั๋งด้วย เนื่องจากเคยเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุของพระถังในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นได้นำพระธาตุมาไว้ที่นี่ แต่ภายหลังได้ย้ายไปที่อีกวัดนึง คือวัด XuanZang ซึ่งอยู่ไม่ได้ไกลกันนักค่ะ

ตรงนี้จะมีแท่นหินที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันมาก มีการต่อคิวยาวเชียวค่ะ

มองออกไปเห็นเกาะ Lalu ได้ใกล้และชัดที่สุดด้วยค่ะ

และบริเวณท่าเรือ หรือด้านหน้าทางขึ้นวัดเองก็จะมีไข่ต้มใบชาจำหน่ายอยู่ ซึ่งขึ้นชื่อมาก ๆ ค่ะ ใครไปใครมาก็ต้องมาชิมกัน เคโกะก็เลยขอมาชิมบ้าง ใบละ 13NTD ค่ะ

ก็ได้กลิ่นใบชาเบา ๆ นะ เปลือกไข่แกะง่ายมากค่ะ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนไข่พะโล้เบา ๆ และก็คือไข่ต้มธรรมดาเท่านั้นเองค่ะ 55555 แต่ก็สมควรมาลองกันดูค่ะ

จากนั้น เคโกะก็เดินกลับไปที่ป้ายรถบัส เพื่อไปต่อที่อื่น แต่ว่าเคโกะเดินหลงทาง -*- ก็เลยทำให้พลาดรถบัสไปอย่างน่าเจ็บใจค่ะ คือมาช้าไปราว ๆ 2-3 นาทีเท่านั้นเอง

ระหว่างที่ยืนลังเลอยู่ว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดี เพราะถ้าเคโกะเดินไปที่จุดหมายต่อไปคือ Ci’en Pagoda ก็ห่างออกไปราว ๆ 2 กิโลเมตรค่ะ ถามว่าเดินได้ไหม คือ อากาศเย็น ๆ แบบนี้ ก็เดินได้แหละ แต่เคโกะมีเวลาจำกัดมาก ๆ ค่ะ ต้องไปให้ครบทุกที่และทันทั้งรถ ทั้งเคเบิ้ลคาร์ทุกสิ่งด้วย

สุดท้าย ก็เลือกเดินไปค่ะ คิดว่าน่าจะเร็วกว่ารอรถบัสคันต่อไปที่จะมาในอีก 1 ชม.

ตรงด้านหลังวัดเป็นทางเริ่มเทรลที่ชื่อว่า QingLong mountain trail ซึ่งเป็นเส้นทางที่เคโกะจะเดินไปค่ะ (ป้ายจะบอกระยะทางแค่ 850 เมตร แต่แค่เทรลเส้นนี้ค่ะ ยังไม่ถึงเจดีย์ที่จะไปซะทีเดียว ต้องเดินต่อไปอีก รวมแล้วก็เลยประมาณ 2 กิโลเมตรค่ะ)

เคโกะชอบเทรลที่ไต้หวันอย่างนึง คือเค้าทำทางไว้ดีมาก เดินสบายค่ะ ซึ่งที่นี่ก็เช่นกัน เป็นเทรลที่เดินได้เรื่อย ๆ (ถ้าไม่เหนื่อยซะก่อน ฮาาา)

เดินไปราว ๆ 10 ท้อใจ โดยไม่ได้สนใจวิวข้างทางเท่าไหร่ เพราะต้นไม้บังอยู่เป็นระยะ ๆ ค่ะ ทั้ง ๆ ก็มีจุดชมวิวให้ดูตลอดทาง แต่ก็ไม่ได้เห็นวิวอะไรสวยอะ 555 และในที่สุดก็มาจนถึงทางออกจนได้ค่ะ จะมาโผล่ที่ริมถนนตรงนี้เลย

อันที่จริง ตรงข้ามจุดนี้ก็คือวัด Xuan Zang ที่เคโกะเพิ่งพูดถึงไป แต่เราจะติดไว้ก่อนค่ะ จะไปที่ไกลกว่า และใช้ความถึกของขาต่อไปด้วยการไปที่ Ci’en Pagoda ก่อนค่ะ

เดินไปนิดหน่อย ก็จะเจอปากทางเข้า Ci’en Pagoda แล้ว แต่นั่นแค่ปากทางค่ะ ยังต้องเดินเข้าไปราว 700 เมตร จนถึงทางบันไดขึ้นไปยังเจดีย์ ซึ่งมีระยะทางอีกราว ๆ 7-800 เมตร … ไงล่ะ เบ็ดเสร็จก็ราว ๆ 2 กม.นั่นแหละ T.T

ถึงอย่างไรก็ดี เดินมาถึงจนได้ค่ะ (แนะนำถ้าจะถึกขนานนี้ ควรฟิตร่างกายมาให้พร้อมค่ะ นี่ก็ฟิตร่างกายมาทั้งปีเพื่อการนี้แหละ T.T)

ลานด้านหน้าเจดีย์คือ ลานหินกรวดขาวละเอียด และท้องฟ้าก็เป็นใจ ใสกิ๊งเชียวค่ะ

เจดีย์มีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นจะมีทางออกไปเดินรอบระเบียงชมวิวภายนอกได้แบบ 360 องศา ซึ่งถ้าถึก (อีกแล้ววว) แนะนำให้ขึ้นไปชั้นบนสุดค่ะ

ถามเคโกะว่า เดินมาแล้ว 2 กม. จะเดินอีกไหวมั้ย … ค่ะ มาถึงจุดนี้แล้วค่ะ ไม่ไหวก็ต้องไหวอะนะ ถึกกว่านี้ไม่มีอีกแล้วค่ะ T.T

พอขึ้นมาชั้นบนสุด วิวจะมีอยู่ 2 แบบค่ะ คือวิวทะเลสาบ และวิวภูเขาที่อยู่ด้านตรงข้ามกับทะเลสาบ ก็สวยไปทั้งสองแบบนะ

เอาวิวภูเขาไปก่อนค่ะ ด้านล่างของรูปคือด้านหน้าของเจดีย์ที่เดินเข้ามาถึงค่ะ

ต่อด้วยวิวทะเลสาบค่ะ

มีแบบพาโนรามาให้ด้วย สวยสุดอะไรสุด รู้สึกหายเหนื่อย (แปบนึง) เลยค่ะ

มีวิดีโอที่เคโกะถ่ายไว้ให้ดูถึงบรรยากาศรอบ ๆ เจดีย์ด้วยค่ะ มีติดผู้คน ติดเสียงคนแถว ๆ นั้นไปนิดนึงนะคะ พยายามหลบแล้ว แต่ไม่พ้นจริง ๆ T.T

ภายในเจดีย์นี้มีเวลาปิดทางขึ้นลงด้วยนะคะ ตามรูปนี้เลย

แล้วก็เดินกลับออกมาทางเดิม เดินกลับไปที่วัด XuanZang ค่ะ ซึ่งก็มีป้ายรถบัสอยู่ที่หน้าวัดนี้ด้วย

ด้านหน้าวัดค่ะ จะเก็บภาพให้หมดแบบนี้ ต้องไปยืนถ่ายที่ฝั่งตรงข้ามค่ะ

บอกตามตรงว่าเหนื่อยมาก ๆ กับการเดินทาง เลยไม่ค่อยอยากจะเข้าวัดนี้เท่าไหร่ แต่ว่าดูตารางเวลารถแล้ว ยังมีอยู่พอสมควร ก็เลยเข้าวัดเดินเล่นอีกซักนิดแล้วกัน T.T

ด้านหน้าวัด หันเข้าหาทะเลสาบ ก็จะมีวิวทะเลสาบมาอีกค่ะ

พอก้าวพ้นประตูวัดไปแล้ว จะมีเทพทั้งสองท่านนี้ยืนประจำซ้ายและขวาของด้านหลังประตูวัดนะคะ

เข้าไปไหว้พระกันค่ะ พระประธานของที่นี่คือพระถังซำจั๋ง อย่างที่บอกไปแล้วในตอนต้นว่า พระธาตุของพระถังได้ถูกย้ายมาประดิษฐานไว้ที่นี่ค่ะ

เพราะมีเวลาจำกัดจำเขี่ย เลยทำให้เยี่ยมชมไม่ทั่วเท่าไหร่ ซึ่งบริเวณวัดยังมีสวนรอบ ๆ ให้เดินชมอีกนะคะ

แต่เคโกะต้องไปต่อแล้ว ><~

นั่งรถบัสไปลงที่สถานีเคเบิ้ลคาร์ หรือ Ropeway ค่ะ แล้วรีบพุ่งไปขึ้นกระเช้าเพื่อที่จะไปธีมพาร์ควัฒนธรรม 9 ชนเผ่า

แต่ถ้าเคโกะจะรวบเอาเรื่องราวในธีมพาร์ควัฒนธรรม 9 ชนเผ่ามาไว้ในโพสต์นี้ด้วย จะยาวมากกกกกกกกกกกกกกค่ะ เลยขออนุญาตตัดไปอีกโพสต์นึงนะคะ

ตัดฉับมาที่ภาพกลับมาจากธีมพาร์คค่ะ

มืดแล้วววว .. รู้เลยว่าอยู่กันจนวินาทีสุดท้ายจริง ๆ T.T ถ้าไปอ่านต่อในโพสต์หน้าจะรู้ค่ะว่าเหนื่อยมากจริง ๆ T.T

ถามว่าวันนี้จบแล้วหรือยัง .. ยังค่ะ ยังไม่หมดวัน ><~

นั่งรถบัสกันต่อค่ะ ไปยังท่าเรือ Ita Shao มาเดินหาขนมทานเล่นก่อนค่ะ

บรรยากาศก็จะคล้าย ๆ กับตลาดกลางคืนทั่วไป แต่ผิดที่คนน้อยกว่า ก็แอบแปลกใจเหมือนกันว่าคนบางตาไปเยอะเลย เข้าใจว่าเป็นเพราะเป็นวันธรรมดาอะค่ะ คนเลยน้อยกว่าที่เคยมา

เอาล่ะ เริ่มตามล่าตะลุยหาของทานกันเลยค่ะ

สิ่งแรกที่ทานก็คือเจ้านี่ค่ะ คล้ายแฮมเบอร์เกอร์หรือแซนด์วิช แต่เปลี่ยนจากขนมปังเป็นเต้าหู้ค่ะ ตรงกลางเป็นไส้ต่าง ๆ แล้วแต่เราจะเลือกไส้ใส่ (มีเมนูภาษาจีนให้ดูและอ่าน) สนนราคาที่ 50NTD ค่ะ

ถ้าชอบทานเต้าหู้ แนะนำว่าไม่ควรพลาดเลยค่ะ มันอร่อยมากจริง ๆ และถ้าทานเผ็ดได้ บอกเค้าใส่พริกมาด้วย จะเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้นค่ะ

ต่อไปที่แป้งม้วนเนื้อค่ะ ลักษณะคล้ายโรตี แต่ไส้จะเป็นเนื้อค่ะ มีให้เลือกแบบใส่เนื้อกับไม่ใส่เนื้อ สนนราคา 60NTD ค่ะ

เอ็นดูคนขายมาก เห็นภาษาจีนกระท่อนกระแท่นของเคโกะเวลาสั่ง เลยเดาว่าเป็นคนญี่ปุ่น เพราะตอบกลับมาเป็นญี่ปุ่นเฉยเลยค่ะ 5555

แป้งม้วนห่อเนื้อนี้ อร่อยที่เนื้อค่ะ เนื้อผัดมากำลังดีเลย เนื้อนุ่ม ไม่เหนียวเลยค่ะ แป้งก็จี่มากรอบพอดี ทานแล้วอร่อยเลยค่ะ

ต่อกันที่ร้านชาบ้าง ร้าน Tea18 นี้มีที่นั่งด้วยค่ะ สั่งหน้าร้านถ้าเกิน 40 NTD (มั้งนะคะ) ก็สามารถนั่งทานในร้านได้เลย

เดินมาทั้งวันอย่างเหนื่อย นั่งเอาท์ดอร์ท่ามกลางอากาศเย็น ๆ ได้ค่ะ ไม่รู้สึกหนาวแล้ว ณ จุดนั้น ><~

ส่วนชาที่สั่ง สั่งชาที่เป็นเมนูแนะนำของร้านมา (ไม่ทราบจะดื่มอะไรดีก็ให้พนักงานแนะนำให้ได้ค่ะ) สนนราคา 55NTD เป็นชาไม่ใส่นม และไม่ใส่น้ำตาล (0% sugar) ด้วยค่ะ นั่งทานพร้อมกับแป้งม้วนห่อเนื้อด้านบน เพลินเชียวค่ะ ^^

ปิดท้ายโพสต์นี้ที่วิวบริเวณท่าเรือ Ita Shao ยามเย็นค่ะ ค่อนข้างไร้ผู้คนเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะช่วงเย็น เรืองดวิ่งแล้วค่ะ ก็เลยดูเงียบ ๆ เหงา ๆ ไป

แล้วกลับมาติดตามกันต่อโพสต์หน้านะคะ

ทวงรีวิวเรื่องราวได้ที่เพจตามเคยค่ะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/