[Suzhou+Shanghai] Foodies #1

สวัสดีค่ะ แล้วก็มาถึงโพสต์สุดท้ายของทริปจีนแบบงง ๆ ไม่ทันตั้งตัวซะทีนะคะ เพราะไม่ได้มีแผนจะไปเที่ยวค่ะ ตั้งใจจะไปอีเวนต์งานนึงที่เซี่ยงไฮ้ แต่ผู้จัดงานเกิดมีปัญหาเทคนิค เลยต้องยกเลิกการจัดงานไป ซึ่งก็อดเสียดายค่าตั๋วไม่ได้ ก็เลยไปค่ะ แล้วก็ยังเป็นการก้าวข้ามคอมฟอร์ทโซนของตัวเองด้วย เพราะไม่เคยไปจีนมาก่อนเลยในชีวิต ทั้ง ๆ ที่ก็อยากไปมากเลยนะคะ

เอาล่ะ เดี๋ยวจะนอกเรื่อง (ฮาาาา) มาดูบรรดาของกินที่ได้ชิม ๆ กิน ๆ ไปในทริปนี้กันค่ะ

เริ่มจากชานมบนรถไฟความเร็วสูงที่แวะซื้อที่ร้านในสถานีที่เมืองเซี่ยงไฮ้ก่อนเลยค่ะ แก้วนี้ราคา 12RMB รสชาติก็คือเฉยๆ ค่ะ ไม่ได้ว้าวอะไรนัก

ต่อมาเป็นผัดเต้าหู้ในร้านอาหารร้านนึงในเมืองซูโจวค่ะ เลือกเพราะชอบทานเต้าหู้ล้วน ๆ เลย ซึ่งคือเค้าทำมาดีมากกกกค่ะ อร่อยเลยแหละ ไม่เค็ม ไม่จืดเกินไป

อีกจานนึงในร้านเดียวกันก็คือเผือกทอดผัดขลุกขลิก อันนี้เคโกะโก๊ะเอง ถามเค้าแล้วว่ามันคืออะไร (ดูรูปในเมนูแล้วดูน่าทานค่ะ) เค้าก็พยายามอธิบายมา เป็นศัพท์ที่ก็รู้จักนะ แต่ตอนนั้นคือฟังไม่เข้าใจค่ะ ใจอ่ะอยากได้เนื้อสัตว์สักจาน เพราะสั่งเต้าหู้ไปแล้ว แต่สิ่งที่ได้มากลายเป็นเผือก ผิดหวังไปหน่อย แต่รสชาติก็ไม่ได้เลวร้าย ทำมาได้ดีเช่นกันค่ะ

สนนราคา กับข้าว 2 อย่าง ข้าว 1 ถ้วย ทั้งหมด 80RMB ค่ะ อิ่มพุงกางมาก ๆ เลย

ต่อไปที่มื้อเช้า หากินเอาง่าย ๆ เร็ว ๆ ครั้นจะห่วงแต่เที่ยว จนไม่ทานก็ไม่ได้อีก เพราะมียาหลังอาหารเช้าคอยอยู่ค่ะ T.T ก็เลยเลี้ยวเข้า Family Mart ที่อยู่ใกล้ ๆ ป้ายรถเมล์นั่นแหละ คว้าแซนด์วิชกับโอวัลตินมาได้ คู่นี้ 12RMB ค่ะ รสชาติแซนด์วิชทั่วไป แต่เค้าอุ่นร้อนมาให้ด้วย โอวัลตินก็หวานไปสำหรับเคโกะ แต่เทียบกับไทยแล้ว หวานน้อยกว่าค่ะ

ต่อมาเป็นร้านเกี๊ยวที่อยู่ใกล้ ๆ โฮสเทลที่ซูโจว อยากทานเพราะหน้าร้านมีคนเขียนภาษาไทยไว้ด้วย แต่พอชี้ให้พนง.ร้านดู พนง.ร้านกลับงงซะงั้น แล้วเฮ้ยยย ใครเขียนให้อ่ะ?!! งงในงงค่ะ

สุดท้ายก็เลยไม่ได้กินบุฟเฟ่ต์แบบที่เค้าเขียนบนหน้าร้าน T.T แล้วพอให้พนง.ร้านแนะนำให้หน่อยว่าเกี๊ยวไส้อะไรดี เค้าก็ไม่ยอมแนะนำ สุดท้ายก็ต้องบังคับเค้าให้แนะนำมา 1 เมนู เพราะเคโกะไม่เข้าใจเมนูจริง ๆ ค่ะ (คือจุดอ่อนเคโกะเลย อ่านเมนูไม่ได้จริง ๆ ค่ะ T.T)

แต่ถึงกระนั้น พนง.ร้านก็ดูเทคแคร์ดี เพราะรู้ว่าเป็นคนต่างชาติที่พูดจีนได้ แต่สั่งอาหารไม่เป็น (ฮาาาา) ก็มาคอยเมียงมองดูว่าเราใช้ตะเกียบเป็นมั้ย หยิบน้ำจิ้มถูกมั้ย กินเป็นมั้ย ถูกปากมั้ยไรงี้อะค่ะ น่ารักกกก

เคโกะนั่งอยู่ด้านในร้าน เลยมองเห็นในครัวว่าเค้าปั้นมือจริง ๆ อะ เห้ยยย คือดีย์~ ใครผ่านมาอย่าลืมแวะมาชิมนะคะ อร่อยเลยแหละ ^^

สนนราคาเกี๊ยว 1 จาน 18RMB ค่ะ

ถัดไปที่ร้านบะหมี่แถว ๆ Nanjing Road วิธีสั่งก็คือ เดินไปสั่งที่เคาน์เตอร์ จ่ายเงิน รับตัวเรียกมา หาที่นั่ง พออาหารเสร็จแล้วเครื่องก็จะร้องบอก ให้เราไปรับมาทานที่โต๊ะค่ะ

จานนี้ก็อร่อยดี ราคา 18RMB ค่ะ มีกรุ๊ปทัวร์มาลงบ้างประปราย มักจะเป็นกรุ๊ปเล็ก ๆ ค่ะ เพราะร้านเองก็ไม่ได้ใหญ่ด้วย

ชิ้นเล็ก ๆ คือหมูแบบหมูในพะโล้ มีผักดอง ส่วนแผ่น ๆ กลม ๆ ซ้ายมือ คล้ายๆ หมี่กึงรูปแฮมเจที่อยู่ในอาหารเจค่ะ

ต่อที่ไม้เสียบ ๆ หมาล่า อันนี้คือความโก๊ะของเคโกะอีกเช่นกัน .. เค้ากินกันยังไงอะคะ เค้าใส่ให้ในถ้วยมาแบบนี้แล้วไงต่ออะ ><“

คิดราคาเป็นไม้ ๆ นะ แต่ละอย่างราคาแตกต่างกัน ทั้งถ้วยนี้ของเคโกะราคา 32RMB ค่ะ

มื้อเช้าในวันถัดไป ก็พึ่ง Family Mart แถว ๆ โฮสเทลค่ะ เพราะเป็นวันฝนตก ขี้เกียจหาร้านทานข้าวแล้ว + หลบฝนรอฝนหยุดด้วยแหละ

เป็นอาหารร้อนที่อยู่ในตู้ ๆ หน้าเคาน์เตอร์ค่ะ จิ้มมา 2 อัน ซึ่งลืมแล้วว่าคืออะไร แต่ 2 ชิ้นนี้ 16RMB ค่ะ รสชาติก็เฉยมาก ๆ ไม่ว้าวค่ะ กินแก้ขัด แก้หิวพอได้เฉย ๆ นะ

ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นซาลาเปาทอดไส้เนื้อค่ะ //แอบแม่กิน ><~
อันนี้น่าจะเป็นโคร็อกเกะ –เอ่อ เมนูฝรั่งเรียก คร็อกเก้ มั้งคะ ^^”

ต่อด้วยชานมเฉาก๊วยแบบเย็น (คนขายถามย้ำด้วยว่าเย็นนะ — คงงง ๆ ว่าอากาศก็เย็น กินเย็นทำไมอีก 555) อยู่ที่ด้านหน้าทางเข้า Zhujiajiao ค่ะ แก้วนี้ 11RMB รู้สึกจะสั่งแบบไม่หวานเลย คือดีงาม เฉาก๊วยเหนียวหนึบนุ่มอร่อยค่ะ

ใกล้ ๆ กับร้านชานมด้านบน มีร้านขายบะจ่างอยู่ คือในถนนคนเดินที่ Zhujiajiao ก็มีนะ เยอะด้วย แต่คนเยอะค่ะ เข้าไม่ถึง มาเจอร้านนี้พอดีกับมีลูกค้ากลุ่มก่อนหน้าสั่งอยู่ และสั่งแบบแกะแล้วได้ด้วย เห้ย คือดีงามมม ก็เลยพุ่งเข้าไปสั่งบ้าง ทั้ง ๆ ที่มือนึงก็ถือชานมเฉาก๊วยอยู่ ดู enjoy eating สุด ๆ อะ ><“

บะจ่างลูกนี้คือให้เค้าแกะให้นะคะ หน้าร้านถ่ายมาแต่เบลอมาก ลงให้ดูไม่ได้เลย ><~

ลูกนี้ราคา 4.5RMB รสชาติค่อนข้างต่างกับในไทยค่ะ ข้าวเค้านุ่มแต่ไม่แฉะอะ เครื่องเคราที่ใส่มาในบะจ่างก็ไม่ได้เยอะแบบไทยค่ะ โดยรวม ๆ ก็โอเคนะ ก็น่าลองดูค่ะ

ต่อกันที่บะหมี่เกี๊ยวแถว ๆ Nanjing Road เช่นเคย (คือ โฮสเทลอยู่ใกล้ไง เลยมาบ่อยได้ค่ะ แหะๆ) เป็นบะหมี่เกี๊ยวของร้าน Yang’s Dumpling ซึ่งอ่านรีวิวมาเค้าว่าดีค่ะ

ชามนี้ราคา 9RMB แต่รสชาตินั้นเฉย ๆ ค่ะ ไม่ได้รู้สึกว้าวอะไรเลย

หนีจากรีวิวญี่ปุ่น, ไต้หวันมาอ่านรีวิวจีนก็ยังไม่พ้นความไม่อร่อย ไม่ถูกปากตัวเองอย่างที่รีวิวว่าอีกหรือเนี่ย T.T (แต่เคโกะว่าตามจริงหมดนะ ไม่อวยค่ะ ^^)

ปิดท้ายโพสต์นี้ด้วยมันฝรั่งแนวเลย์ ที่ซื้อในมินิมาร์ทที่สนามบินค่ะ ราคา 6RMB ซื้อมากินแก้ง่วง เพราะเป็นคืนที่ต้องนอนสนามบิน เลยหาอะไรกินไปงั้นเอง … ซึ่งสุดท้าย ก็หลับค่ะ กินขนมก็ไม่ช่วยอะไร ฮาาาาาา

ส่วนรสชาติ แย่มากค่ะ ไม่ต้องไปกินตามน้าาาา ><~

บอกไม่ถูกเลยอะ คือ ออกหวานบวกกลิ่นหมูย่างไรงี้อะค่ะ ค่อนข้างจะ contrast เยอะไป เลยรู้สึกว่ามันแย่ค่ะ

ก็ประมาณนี้ล่ะนะคะ ซึ่งในโพสต์นี้ก็จะไม่รวมกับที่ต่อเนื่องกับแต่ละสถานที่ที่มีของกินด้วยนะคะ

ฝากเพจด้วยน้าาาาา
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Shanghai] ZhuJiaJiao Water Town

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้น่าจะเป็นไฮไลต์ของทริปนี้เลยนะคะ ^^”

คือ ต้องเล่าก่อนว่า ตอนที่หาข้อมูลมาเซี่ยงไฮ้นี้ ส่วนใหญ่ก็จะแนะนำให้มานั่งเรือล่องไปตามแม่น้ำ ซึ่งที่ใกล้และเดินทางสะดวกในเซี่ยงไฮ้ก็คือที่นี่ค่ะ ที่ Zhujiajiao (ถอดเสียงภาษาไทยได้ว่า จูเจียเจี่ยว นะคะ) ซึ่งจริง ๆ อย่างที่เคโกะโพสต์ไปแล้วว่าในเมืองซูโจวก็มี แต่ที่นี่ก็ดูจะเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมไรงี้ เคโกะก็เลยขอมาลองนั่งเรือที่นี่ที่เดียวพอ เพราะงั้นตลอดทั้งทริปที่อยู่ในเมืองซูโจว ก็เลยจะไม่นั่งเรือนะคะ เดี๋ยวมันจะยิ่งซ้ำซ้อนไปอีกอะ (แค่นี้ก็ซ้ำซากมากพอแล้ว ฮาาาา)

ที่นี่ก็จะไกลจากตัวเมืองนิดนึงนะคะ แต่เคโกะว่าคุ้มที่ถ่อมาอะ

Spot name : ZhuJiaJiao / Zhujiajiao Water Town / 朱家角 / 朱家角古镇
Google maps : https://goo.gl/maps/aF95hBsPsP52
Transportation : Metro line 17 to Zhujiajiao Station, exit 1 and walk around 15 min
Entrance fee : free
Opening hours : 8.30-16.30
Visited date : 12 Nov 2018
More information : https://www.travelchinaguide.com/attraction/shanghai/zhujiajiao.htm

อย่างที่บอกค่ะ ว่าค่อนข้างไกล ค่าเมโทร 8RMB นะคะ มาถึงแล้วก็ออก exit 1 แล้วเดินไปตามทางที่มีป้ายบอกค่ะ เดินมาจนถึงปากทางเข้าก็จะมีป้ายต้อนรับแบบนี้อยู่ ถ้าจำไม่ผิดจะมีรถถีบสามล้อรออยู่อีกฝั่งถนนนึงที่ต้องเดินไปด้วยนะ ถ้าไม่อยากเดินก็เรียกรถให้ถีบไปส่งได้ค่ะ

จากป้ายด้านบนนี้ ปากทางคือฝั่งตรงข้าม ต้องข้ามถนนไปอีกฝั่งนึงแล้วเดินตรงไปยาว ๆ ได้เลยค่ะ ระยะทางก็ประมาณซัก 3 ท้อใจเอ๊งงงง…

เดินมาเรื่อย ๆ แล้วก็ถึงในที่สุดค่ะ

ด้วยความที่ข้อมูลที่ได้มาก็คือ ปิดค่อนข้างเร็ว ก็เลยมาแต่เช้า เลยทำให้ดูเงียบเหงาไปหน่อยค่ะ เดินเก้ ๆ กัง ๆ หาที่ขายตั๋วอยู่พักนึงเหมือนกันกว่าจะเจอ ก็จะมีป้ายคล้ายขายทัวร์อะค่ะ อยู่ด้านหน้า ก็เดินเข้าไปถามพนง.ด้านในได้เลย

จริง ๆ แล้วที่นี่เดินเที่ยวได้ฟรีเลย แต่บางสถานที่ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มค่ะ อย่างเช่นสถานที่ที่เค้าว่าเป็น scenic spot หรือเรือล่องแม่น้ำก็ตามค่ะ วิธีเที่ยวอย่างประหยัดและคุ้มค่าหน่อยก็จะเป็น 1-day pass ราคา 80RMB ที่เคโกะซื้อมาค่ะ

สิ่งที่ได้มาก็จะมีคูปอง ซึ่งด้านข้างจะมีตั๋วฉีกออกได้ 9 ใบสำหรับแต่ละสถานที่ค่ะ และมีแผนที่ให้แผ่นนึง

เดี๋ยวเคโกะมาสรุปตอนท้ายให้นะว่าพาสตัวนี้คุ้มมั้ย

เริ่มต้นด้วยการกางแผนที่ออกมาอย่างงง ๆ แต่ก็เดิน ๆ ไปก่อนด้วย จริง ๆ แล้วจากแผนที่ เราสามารถเดินให้เป็นวงกลมได้ค่ะ ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา ก็ดูสะดวกดีนะ

เส้นทางก็จะเป็นถนนคนเดินที่สองข้างทางขายของกิน ของที่ระลึก ของใช้ต่าง ๆ รายเรียงไปตลอดทางค่ะ และจุดที่ต้องใช้คูปองต่าง ๆ หรือจุดท่องเที่ยวทั้ง 8+1 นั้น ก็จะอยู่ตามเส้นทางที่เดินไปเป็นวงกลมนั่นแหละค่ะ อาจจะมีออกนอกเส้นทางนิดนึง แต่ก็ไม่ได้ไกลอะไรนัก

เคโกะพยายามถ่ายรูปให้ครบทั้ง 8 จุดมา (อีก 1 คือตั๋วล่องเรือนะคะ) แต่บางที่ก็ไม่รู้จะถ่ายอะไรให้น่าสนใจจริง ๆ อะ ><“

เริ่มกันเลยค่ะ เริ่มจากถนนคนเดินก่อนนะ

มีร้านขายของกินของใช้สลับเรียงกันไปเรื่อย ๆ ค่ะ

แล้วก็เดินมาหยุดอยู่กลางสะพานค่ะ ตรงนี้จะเป็นช่วงกว้างของแม่น้ำ มีเรือจอดเทียบท่ารอรับนักท่องเที่ยวอยู่ ดูแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้อะ

zoom out นิดนึงนะ

เดินต่อไปตามถนนแคบ ๆ ที่เลียบคลองค่ะ

จุดแรกที่แวะชมก็คือ Kezhi Garden (ไม่พ้นเดินสวนอีกแล้ว T.T)

เคโกะว่าลักษณะเป็นบ้านสมัยก่อนมากกว่าอะค่ะ มีเรือนบ้านแล้วก็สวนกว้าง ๆ รอบบริเวณตัวบ้านอะ

ห้องต่าง ๆ ในบ้านก็จัดแสดงแต่ละเรื่องราวไปต่าง ๆ กันค่ะ ซึ่งแสดงวิถีชีวิตของคนสมัยก่อน อย่างห้องนี้ก็คือจำลองเป็นห้องเรียน มีกระดาษ พู่กัน ที่ฝนหมึกแบบที่เคยเห็นในละครย้อนยุคเลยแหละ

พ้นจากตัวเรือน ก็จะเป็นสวนค่ะ

บ้านสมัยก่อนของคนจีน มักจะมีสระน้ำอยู่ในบริเวณบ้านเสมอเลยนะคะ

ออกมาจาก Keshi Garden แล้วก็จะมี Art Gallery ที่อยู่ใกล้ ๆ สามารถเข้าชมได้โดยใช้พาสหรือคูปองที่เราซื้อมาค่ะ ภายในไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะเป็นการจัดแสดงภาพเขียน ไม่แน่ใจว่าถ่ายรูปได้มั้ย เลยไม่ถ่ายมานะคะ

แล้วก็เดินต่อไปค่ะ จุดต่อไปก็คือท่าเรือซึ่งก็อยู่ใกล้ ๆ กันนี่แหละ แต่จะเป็นท่าเรือเฉพาะของคนที่ซื้อพาสตัวนี้มาค่ะ จะมีสัญลักษณ์บอกอยู่ตรงท่าเรือนะคะ

ด้วยความที่มาคนเดียว ก็จะเหวอ ๆ หน่อย ๆ เพราะคนอื่นเค้าก็มากันเป็นกลุ่ม พนง.ท่าเรือถึงกับบอกให้รอซัก 20 นาทีเลยค่ะ (คงกะว่าถ้าไม่มีคนมาจอยเรือด้วย ก็ให้ถอดใจไม่นั่งเรือไปซะเองมั้งนะ 555)

แต่สุดท้ายก็มีกรุ๊ปทัวร์ต่างชาติกรุ๊ปนึงมาพอดี เลยได้ยัดลงไปในเรือลำเดียวกะพวกเค้าด้วย ^^”

ก็จะมีคนพายเรือให้ ล่องไปตามลำคลอง ออกแม่น้ำและไปสิ้นสุดที่ท่าน้ำอีกท่านึง ใกล้ ๆ กันค่ะ (มีระบุให้บนแผนที่ ดูควบคู่ไปด้วยได้ ไม่หลงออกนอกเส้นทางแน่ค่ะ)

ระหว่างทางก็จะผ่านอะไรต่าง ๆ ซึ่งคนพายเรือไม่มีบรรยายให้นะคะว่าอะไรคืออะไร – -“

ก็ดูวิวไปละกันเนอะ ^^”

รูปสุดท้ายก็จะเป็นบริเวณท่าเรือที่ขึ้นเรือมาค่ะ เดินออกจากท่าเรือแล้วก็จะเป็นตรอกคนเดินที่มีร้านค้ามากมายเช่นเคย

เดินผ่านร้านขายผลไม้เคลือบน้ำตาลเสียบไม้ขายอยู่ ดูมีหลายอย่างน่าทาน ประกอบกับฝังใจจากหนังสือเรียนมา จะพูดถึงเจ้าขนมนี่บ่อยมาก ถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นคนไม่กินหวานเลย ก็ยังอดใจซื้อมาชิมดูไม่ได้ค่ะ

เจ้านี่เรียกว่า ถางหูลู่ (糖葫芦) ไม้นี้ 15RMB ค่ะ

ส่วนรสชาตินั้น … มันก็คือผลไม้เคลือบน้ำตาลที่ค่อนข้างหนาอ่ะค่ะ แล้วน้ำตาลก็จะแข็งตัวหน่อย กัดลงไปก็จะแข็ง ๆ แต่มีความกรอบของน้ำตาลที่เคลือบไว้ ส่วนผลไม้ด้านในก็คือผลไม้สดเลย รสก็จะเป็นผลไม้สดอะค่ะ เคี้ยวไม่ดี น้ำตาลก็หล่นกระจายค่ะ (พลาดมาแล้ว แหะๆ)

ก็ชิมเอาความสบายใจ และเคลียร์ความคาใจจากหนังสือเรียนไปอะค่ะ ถ้าให้กินอีกก็ไม่แล้ว ไม่ชอบกินของหวาน ๆ ค่ะ ><~

จากนั้นก็เดินตามคูปองจุดท่องเที่ยวที่เหลือที่มาในพาสนะคะ ตรงนี้ไม่ขอไล่เรียงละกันเนอะ (เอาตรง ๆ ก็คือ รูปไม่ครบ และลืมแล้ว ฮาาาาา)

ตรงนี้น่าจะเป็น City God Temple ค่ะ ถ้าไม่ซื้อพาส ก็มีค่าเข้าวัดเช่นเคย แต่ด้านในดูค่อนข้างรกร้าง แทบไม่มีคนมากราบไหว้ขอพรอะไรเลยค่ะ ดูไม่มีอะไรน่าสนใจเลยด้วย

ส่วนตรงนี้เป็น Qing Dynasty Post Office ค่ะ เห็นว่าเป็นที่ทำการไปรษณีย์ตั้งแต่ดั้งเดิมยุคเก่า (เดาว่ายุคชิง ตามชื่อนะ) นู้นเลยค่ะ ด้านในจัดแสดงประวัติความเป็นมาของไปรษณีย์ และโชว์แสตมป์และโปสการ์ดเก่า ๆ ให้ดูค่ะ

ด้านหน้าก็ดูเก่าจริงนะ ^^”

ด้านในค่อนข้างมืด เลยเก็บภาพโปสการ์ดที่เค้าโชว์ไว้มาให้ดูรูปนึงค่ะ ^^”

มีร้านขายยาโบราณร้านนึงที่ก็น่าสนใจค่ะ ยังจัดแสดงร้านขายยาตามแบบฉบับโบราณอยู่ได้อย่างครบถ้วนทีเดียวค่ะ

มีอีก 2-3 ที่ที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ซึ่งจะมีแกลอรีอาร์ทอีกที่นึงค่ะ แต่จะจัดแสดงศิลปะที่ดูเป็นแนว abstract ค่ะ ค่อนข้างเข้าใจยากทีเดียว แล้วก็มีร้านแสดงผลงานแฮนด์เมดด้วย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเป็นอะไรที่ชอบแนว diy มากเลยนะ แต่น่าเสียดายค่ะ ผลงานที่โชว์ทำไว้ดี แต่กลับไม่น่าสนใจเท่าที่ควร และสินค้าที่ขายก็ไม่ได้น่าสนใจด้วยเช่นกัน

ระหว่างทางที่ไปไปรษณีย์นั้น จะมีร้านให้เช่าชุดจีนย้อนยุคและบริการถ่ายรูปด้วย ตรงนี้จะเป็นบริเวณที่มีร้านหลายร้าน และดูคึกคักมากเลยค่ะ

แอบถ่ายมา ^^”

ปิดท้ายด้วยไส้กรอกไม้แถว ๆ นั้นละกันค่ะ เห็นเด็ก ๆ นักเรียนที่มาทัศนศึกษาถือกันเยอะ เลยหลอนตาม ไปซื้อมาชิมบ้าง

มันก็เป็นไส้กรอกธรรมดา แบบบ้านเราล่ะนะ แต่เค้าจะยาวกว่าและบากออกเยอะ พอทอดแล้วก็จะบาน ๆ ออก ดูน่าสนใจขึ้น และโรยด้วยผงปรุงรสค่ะ ไม้ละ 13 RMB

สรุปกับ Zhujiajiao นะคะ

  • เริ่มที่ตัวพาส 80RMB ก่อนเลยค่ะ โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ เพราะจุดท่องเที่ยว 8 จุดนั้น ไม่ได้น่าสนใจซะทีเดียว และเรือที่ได้นั่งล่องแม่น้ำนั้นก็ค่อนข้างสั้นไปหน่อยค่ะ สู้ไปจ่ายค่าเรืออย่างเดียวเลยน่าจะดีกว่า อาจจะนั่งเรือได้เพลิน ๆ กว่านี้ค่ะ
  • เป็นจุดท่องเที่ยวแนวอนุรักษ์นิยมจุดเดียวในทริปนี้ที่มีความเป็นตะวันตกเข้ามาแทรกอยู่เยอะ ที่นี่จะพบเห็นร้านกาแฟสไตล์ตะวันตก หรือคาเฟ่ได้ทั่วไปเลยค่ะ
  • มีการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ทั่วไป น่าจะสะดวกกับคนต่างชาติทีเดียวค่ะ
  • เดินทางง่าย สะดวก

โดยรวมก็มาเดินเล่น ช้อป ชิม ชิลล์ และนั่งเรือได้ค่ะ (ก็ยังคงเชียร์ให้นั่งเรืออยู่ดี ฮาาาา) ถึงแม้จะไกลจากตัวเมืองไปหน่อย แต่คุ้มค่ากับการมาค่ะ

พยายามขยันเคลียร์โหลดองอยู่นะคะ ตามไปทวงเรื่องเล่ากันได้นะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

Shanghai World Financial Center

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้อาจจะรูปไม่เยอะนัก แต่อยากโพสต์ไว้เผื่อเป็นแนวทางการเดินทางไรงี้ให้กับคนที่บังเอิญผ่านมาเจอก็แล้วกันนะคะ ^^”

Spot name : Shanghai World Financial Center / 上海环球金融中心
Google maps : https://goo.gl/maps/gV98vkFwpYG2
Transportation : Metro line 2 to Lujiazui, exit 1 and walk around 10 min
Entrance fee : 120/180/220 RMB
Opening hours : 8.00-23.00
Visited date : 11 Nov 2018

ตอนที่เดินไปจากสถานีก็แอบหวั่นใจแล้วค่ะ เพราะเป็นวันที่เมฆมากเหลือเกิน ทั้งหวั่นใจที่จะขึ้นไปชมวิวไม่ได้ และก็ยังหวั่นว่าฝนจะตกอีกด้วย

แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปค่ะ หวังว่าอากาศจะดีขึ้น

นั่งเมโทรไปจนถึงสถานี Lujiazui แล้วออกมาก็เจออาคารทรงนี้ ออกแนวยุโรปค่ะ คนถ่ายรูปเพียบเลย

มองไปก็จะเห็นหอไข่มุกอยู่ใกล้ ๆ ค่ะ สามารถเดินไปถ่ายรูปเล่นกันก่อนได้ด้วยนะ

มองไปทางตึก World Financial Center ที่จะขึ้นไปชมวิว ก็กลัวใจอากาศที่สุดค่ะ หมอกจัดมาก

รี ๆ รอ ๆ จนเย็นค่ำ (แถวนั้นมีห้างให้เดินเล่นอยู่ค่ะ) หมอกก็ยังไม่จางลงซะที T.T

แต่ก็ตัดสินใจไปค่ะ ไม่มีเวลาแก้ตัวแล้ว เพราะโปรแกรมวันถัดไปก็แน่นแล้วค่ะ

แล้วก็เดินมาถึงจนได้ ด้านล่างจะมีป้ายบอกราคาและรายละเอียดต่าง ๆ อยู่ทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษเลยค่ะ (นาน ๆ จะมีซักที่เนอะที่มีคำบรรยายเป็นอังกฤษด้วยค่ะ)

เคโกะตั้งใจซื้อแบบ 180RMB นะ ได้ชมวิวชั้นที่ 100-97 ค่ะ ก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะนะ

ก็ตัดสินใจเดินไปซื้อตั๋วค่ะ จะมีพนง.คอยต้อนรับอยู่ตั้งแต่ทางลงด้านล่างเลย (เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วจะอยู่ชั้นล่างลงไปอีกค่ะ มีบันไดเลื่อนให้ ทางลงก็จะอยู่ด้านหลังป้ายด้านบนนี่แหละ)

พอลงมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ปุ๊บ คนน้อยกว่าที่คิด ก็เริ่มหวั่น ๆ ละ น่าจะชมวิวไม่ได้แน่เลย แต่ก็เห็นเค้าขายตั๋วให้ ก็แอบมีความหวังว่าน่าจะพอชมวิวอะไรได้บ้างค่ะ

แต่สุดท้าย พนง.ก็แจ้งว่า สภาพอากาศไม่ดี แนะนำให้ดูมิวเซียมที่อีกชั้นนึงแทนอะไรประมาณนี้ล่ะค่ะ ก็ชั่งใจอยู่นาน สุดท้ายก็เลยไม่เอา เพราะวัตถุประสงค์คือมาชมวิวมุมสูงค่ะ

พอเดินกลับไปที่สถานี ไฟบนหอไข่มุกก็เปิดพอดี เลยหยุดดูไฟอีกหน่อยนึงค่ะ ตรงนี้ก็เป็นจุดชมไฟบนหอไข่มุกที่นิยมมาก ๆ อีกที่นึงค่ะ และจะเห็นในระยะใกล้มาก ๆ แบบนี้อีกด้วยนะคะ

ก็แปะไว้ให้พอเป็นไอเดียก็แล้วกันเนอะ ^^”

ไว้มีโอกาสไปอีกครั้งหน้า แล้วจะมาเล่าสู่กันฟังเพิ่มเติมค่ะ

ช่วงนี้พยายามเคลียร์บล็อกดอง ๆ ของตัวเองให้หมดไว ๆ เพราะเกรงว่าถ้าทำเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ กว่าจะหมดน่าจะปีหน้าแน่เลยค่ะ 55555

ช้าไปก็ตามไปทวงได้ที่เพจนะคะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Shanghai] XinTianDi

สวัสดีค่ะ มีอะไรให้แหวกแนวสำหรับทริปนี้แล้วนะคะ นั่นก็คืออออ ไปเดินช้อปปิ้งกันค่ะ ^^”

Spot name : Xintiandi / 新天地 / 上海新天地
Google maps : https://goo.gl/maps/1oTxAzRKFFQ2
Transportation : Metro line 10 to Xintiandi station, exit 6
Entrance fee : free
Opening hours : 11.00-22.00
Visited date : 11 Nov 2018

ที่ Xintiandi นั้น เป็นคล้าย ๆ Community malls ค่ะ ก็มีห้างด้วย มีร้านค้าในโซน outdoor ด้วย ทั้งร้านอาหารและร้านค้าทั่วไปเลย เคโกะไปช่วงกลางวันนะ ก็จะเจอกับผู้คนมากมายกระจุกตัวในร้านอาหารต่าง ๆ ค่ะ

ให้ดูบรรยากาศราว ๆ ของห้างก่อนละกันเนอะ

ส่วนของเอาท์ดอร์ก็จะมีน้ำพุด้วย ก็มีคนยืนถ่ายรูปกันเยอะอยู่ เหมือนจะมีกิมมิค สตอรี่อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ตรงนี้ด้วยนะคะ เคโกะไม่ได้สนใจอะ แหะๆ

มีร้านอาหารไทยด้วยนะ คนแน่นทีเดียวเลยแหละ

ลักษณะร้านค้า หรือตึกด้านนอกส่วนที่เป็นห้างนั้น เค้าทำออกมาเป็นแนวโบราณหน่อย ๆ ค่ะ ดูคลาสสิค น่าไปเดินถ่ายรูปดีนะ

ตามตรอกซอกซอยก็มีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ อยู่เช่นกันค่ะ จะได้ฟีลแบบย้อนยุคหน่อย ๆ นะคะ

จริง ๆ แล้วก็สังเกตเห็นมีคนมาถ่ายรูปกับตึกทรงโบราณเบา ๆ แบบนี้อยู่บ้างเหมือนกันนะคะ

เดินมาจนเมื่อยแล้ว ก็เลยขอนั่งพักเบา ๆ ที่ Godiva ค่ะ ^^”

สั่งช็อคโกแลตปั่น ซึ่งเคโกะเองชอบรสชาติของ Godiva อยู่แล้วล่ะค่ะ สำหรับสาขาที่นี่ก็ยังอร่อยเช่นสาขาอื่นที่เคยชิมมา รสช็อคโกแลตเค้าจะเข้มข้น ๆ ดีค่ะ

แล้วก็สั่งเค้กเวลเว็ทมาทานคู่กัน .. อยากจะบอกว่า ตัวเองสั่งขนมกับน้ำมากินทั้ง ๆ ที่มีแพลนจะไป Line Cafe ต่อ T.T ช่างมีความโก๊ะที่ไม่สร่างซาเลยจริงๆ – -“

ส่วนเค้กเวลเว็ทนั้น เนื้อเค้าจะค่อนข้างแน่นนิดหน่อย โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบเค้กเนื้อเบาค่ะ แต่รสชาติโดยรวมนั้นก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว ไม่หวานเวอร์วังจนเกินไป

นอกจากนี้แล้วพนง.ก็คอยบริการเติมน้ำเปล่าให้ตลอดด้วยค่ะ น่ารักมาก ๆ ตอนที่เรียกเช็คบิล พนง.จะถือเครื่องรูดบัตรมาหาเราเลย ไม่ต้องเดินไปเดินมาหลายรอบค่ะ เคโกะว่าก็สะดวกและรวดเร็วดีนะคะ

สนนราคาน้ำ 1 แก้วและขนม 1 ชิ้นนั้นอยู่ที่ 85RMB ค่ะ

ส่วน Line Cafe ที่บอกว่ามีแพลนจะไป ก็ไปจริงนะคะ แต่ไม่ได้นั่งทานอะไร ไปเดินเล่นแล้วก็กลับค่ะ ลงใน instagram ส่วนตัวไปแล้ว อยากให้ลงพิกัดหรือการเดินทางยังไงเพิ่มเติมก็บอกกันได้ค่ะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Shanghai] Jing’An Temple

สวัสดีค่ะ นอกจากสวนแล้ว ก็เดินชมวัด .. เห้ยยยย เพิ่งรู้สึกตัวว่าทริปจีนครั้งนี้มีแต่สวนกับวัดเนี่ยนะ? (><“)

วัดนี้เค้าว่าเป็นวัดดังของเซี่ยงไฮ้ค่ะ มาดูกันนะ

Spot name : Jing’an Temple / 静安寺
Google maps : https://goo.gl/maps/uLZrfXYYqqy
Transportation : Metro line 2,7 to Jing’an Temple station, exit 1
Entrance fee : 50 RMB
Opening hours : 7.30 – 17.00
Visited date : 11 Nov 2018

เป็นวัดที่แอบโหดซักเล็กน้อย คือมาไหว้พระ เข้าวัดก็ต้องมีค่าเข้าวัดด้วยเรอะ?!! แต่ก็จ่ายไปค่ะ 50 RMB T.T นอกจากนี้ก็ยังมีค่าธูปต่างหากด้วยนะ น่าจะประมาณ 5 RMB ค่ะ

อ้าว ลืมหน้าวัดค่ะ แหะๆ

ออกจากรถไฟฟ้ามาทางออก 1 แล้วก็จะเจอวัดเลยค่ะ เคโกะออกผิด exit แล้วก็วนหาอยู่พักใหญ่เลยแหละ 555

หน้าวัดก็จะหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

จากนั้นก็เข้าไปด้านใน ซื้อธูป แล้วก็ไหว้ตรงนั้นแหละค่ะ ตรงด้านหน้ากระถางธูปใหญ่ ๆ ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า กลางลานวัดเล้ย

ไหว้พระเสร็จแล้วก็เอาธูปของเราไปวางไว้บนขอบที่เค้าจัดให้วางตามนี้ค่ะ จะมีกระถางวางธูปอยู่ 2 จุด ด้านซ้ายและขวา วางตรงไหนก็ได้นะคะ

ระหว่างนั้นก็สังเกตเห็นผู้หญิง 2 คนกำลังโยนเหรียญเข้าไปในกระถางใหญ่ตรงกลางอย่างเอาเป็นเอาตายมาก ๆ เคโกะก็เลยควานหาเหรียญ ไปขอพรแล้วโยนบ้างค่ะ

หลายรอบมากกว่าจะโยนเข้า T.T จากหนาว ๆ ก็ร้อนเลยอะ กระโดดเหนื่อย T.T

นอกจากนี้เรายังสามารถเดินขึ้นไปชั้น 2 ของวัดเพื่อเดินชมรอบ ๆ ได้ค่ะ

พอขึ้นมาด้านบนจากบันไดที่อยู่ด้านหลังกระถางธูปใหญ่แล้ว ก็จะเจอพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ ก็เข้าไปกราบไหว้สักหน่อยค่ะ

มองจากด้านบนลงมา

เดินวนรอบ ๆ บนชั้น 2 เล่นเรื่อยเปื่อยค่ะ

หลังคาก็จะเป็นสีทองซะหมด จั่วหลังคาก็จะมีรูปทรงที่แปลกตาด้วยล่ะค่ะ

จากนั้นก็เดินลงมา ผ่านซุ้มที่ขายเรื่องรางอะไรงี้อยู่ มีป้ายอธิบายประกอบทั้งจีนและอังกฤษ เลยหยุดดูค่ะ

บนป้ายจะเป็นสร้อยข้อมือเครื่องรางค่ะ ก็จะมีลักษณะของปมเชือกที่ต่างออกไป ให้ความหมายที่แตกต่างกันค่ะ แต่ที่ซุ้มที่ขายอยู่ไม่ได้มีแค่แบบเดียวนะคะ มีหลากหลายแบบให้เลือกเลย ซึ่งนอกจากตรงนี้แล้ว ด้านหน้าวัดก็จะมีร้านขายอยู่เป็นกิจจะลักษณะด้วย

ตอนที่เคโกะไปเตร่ ๆ ดูอยู่ ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 คนกำลังสอบถามกับจนท.วัดที่พูดอังกฤษได้คล่องอยู่ ซึ่งคุณจนท.ก็อธิบายความหมายของแต่ละปมเชือกอยู่ เคโกะก็เลยฉวยโอกาสฟังแล้วก็ถามไปด้วยค่ะ

โดยจริตส่วนตัวแล้ว ชอบสร้อยข้อมืออะไรแบบนี้มาก ๆ อยู่แล้ว ก็เลยเลือกมา 1 เส้นค่ะ เคโกะเลือกตัว 觉 มา ซึ่งคำอธิบายภาษาอังกฤษให้ผลไปในเรื่องของความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างตัวเราค่ะ (ณ ช่วงเวลานั้น เคโกะรู้สึกว่าความสัมพันธ์กับคนที่ทำงานเป็นไปอย่างไม่ค่อยดีนักค่ะ ก็เลยเลือกคำนี้มาใส่)

น่าร้ากกกกเนอะ

พนง.ที่วัดใส่ให้ค่ะ เค้าบอกว่าต้องใส่ข้างซ้ายเท่านั้นด้วยล่ะ

สนนราคาเส้นนี้ที่เคโกะใส่ก็ 80 RMB ค่ะ (แพง แต่สวย + อยากได้อะค่ะ T.T)

ซึ่งแต่ละแบบนอกจากมีความหมายที่แตกต่างกันแล้ว ก็ยังมีราคาที่ไม่เหมือนกันด้วยค่ะ ตัวท็อป (ที่มีความหมายครอบคลุมหลายเรื่อง) ก็จะราคาแพงสุดค่ะ

มีเครื่องรางแบบตามปีนักษัตรเกิดด้วยนะ อยากได้มากเช่นกันค่ะ T^T

เอาล่ะ ตัดอารมณ์จบโพสต์นี้ลงตรงนี้ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะเวิ่นเว้อไปกันใหญ่ ^^”

วัดนี้ก็เป็นวัดดังที่เดินทางสะดวก ภายในวัดเองก็เงียบสงบดีค่ะ รอบ ๆ มีร้านค้ามากมายอีกเช่นกัน แต่เคโกะไปช่วงเที่ยง ๆ นะ ยังแอบเงียบ ๆ อยู่หน่อยค่ะ น่าจะต้องบ่าย ๆ ไปอะค่ะ คงจะคึกคักขึ้นบ้าง

อ้อ ในวัด ตอนที่เดิน ๆ เล่นอยู่บนชั้น 2 เจอแก๊งค์ขอทานด้วยนะคะ ระวังตัวกันด้วยค่ะ

https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Shanghai] Yuyuan

สวัสดีค่ะ อย่าคิดว่าพ้นจากซูโจวมาเซี่ยงไฮ้แล้วก็จะไม่มีสวนให้เดินนะคะ มาค่ะ เราก็จะยังคงเดินชมสวนกันต่ออย่างสนุกสนาน (><“)

Spot name : Yuyuan Garden / Yu Garden / 豫园
Google maps : https://goo.gl/maps/mpnB8hCWUmk
Transportation : Metro line no10 to Yuyuan Garden exit 1 and walk follow the direction about 600m
Entrance fee : 40RMB
Opening hours : 8.30 – 17.15 (ticket close at 16.45)
Visited date : 11 Nov 2018

คำว่า “Yuan (园)” มีความหมายในเชิงว่า “สวน” อยู่แล้วนะคะ เพราะฉะนั้นบางทีก็จะเห็นเค้าใช้คำว่า Yu Garden ค่ะ

พอออกจากรถไฟฟ้าแล้ว จะมีป้ายบอกทางอยู่ ก็เดินไปตามป้ายเลยค่ะ ระหว่างทางก็จะมีร้านค้าต่าง ๆ ให้เดินชมพอเพลิน ๆ ได้อยู่ ซึ่งย่านนี้เค้าว่ากันว่าเคยเป็นย่านธุรกิจของเซี่ยงไฮ้ค่ะ มีร้านทอง เพชรพลอย เครื่องประดับต่าง ๆ นานาอยู่มากทีเดียว

ไปช่วงเช้า คนก็ยังไม่ค่อยหนาตาเท่าไหร่ค่ะ

ก่อนถึงทางเข้าสวน ก็จะเป็นร้านค้าต่าง ๆ ที่กระจุกรวมอยู่ตรงนั้นคล้าย ๆ คอมมูนิตี้มอลล์ในบ้านเราอะค่ะ

มีแผนที่บอกทางด้วยนะ

มีแผ่นพับภาษาอังกฤษ ไปขอได้ค่ะ ที่เค้าแปะบนกำแพงนี้เป็นจีนล้วนเลย ^^”

ลักษณะ Yuyuan Garden Malls ก็จะประมาณนี้

มีสตาร์บัคส์ด้วยนะ

ด้วยความที่ยังไม่ได้ทานข้าวเช้ามาค่ะ ก็เลยหาอะไรทานแถว ๆ นี้ก่อน ซึ่งจริง ๆ มีร้านเสี่ยวหลงเปาเจ้าดังอย่าง Nanxiang Xiaolongbao ด้วยนะ แต่ไม่ได้ต่อแถวไปชิมค่ะ แถวยาวไป๊ (555) ก็เลยแวะร้านอื่นแทน

ก็ร้านแถว ๆ นั้นล่ะค่ะ ติดกับสระน้ำด้านหน้าสวน สามารถนั่งทานไป ชมวิวไปได้ค่ะ

การสั่งอาหารก็คือ เค้าจะให้เมนูมาให้เราเลือกสั่งก่อน แล้วชำระเงินที่เคาน์เตอร์ จากนั้นพนง.ถึงจะเอาอาหารที่เราสั่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะค่ะ

เคโกะจิ้มสั่งไป 3 จานนะคะ เพราะคิดว่าแต่ละจานไม่น่าจะใหญ่โตอะไรนัก

จานแรกเป็นข้าวปั้นม้วน ๆ แบบข้าวปั้นมากิของญี่ปุ่นค่ะ

จานที่สองเป็นเสี่ยวหลงเปา แป้งหนาไปนิดนึง ยังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ค่ะ

สุดท้ายคือปอเปี๊ยะทอด 1 เสิร์ฟมา 3 ชิ้นแบบนี้ล่ะค่ะ ทอดมาร้อน ๆ กรอบอร่อยดีค่ะ

สนนราคารวมมื้อนี้ 68RMB ค่ะ แอบแรงไปพอตัวเหมือนกันนะนี่ ><“

อิ่มแล้วก็ไปซื้อบัตรเข้าชมสวนได้ค่ะ ราคา 40 RMB

ด้านหน้าทางเข้า จะเป็นสระน้ำที่มีน้ำพุ มีปลาว่ายน้ำเล่น ก็พอเรียกเสียงชัตเตอร์กล้องมือถือของนักท่องเที่ยวได้ดีทีเดียวค่ะ

เคโกะมาตอนเช้าแต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่เยอะหนาตามาก ๆ เช่นกันค่ะ ถ่ายรูปหลบ ๆ มุมก็จะได้มุมแปลก ๆ สักหน่อยนะ ><

เข้าไปชมสวนด้านในกันดีกว่าค่ะ

ด้านในก็จะเป็นทางเดินชมสวนรอบ ๆ แหละนะ เข้าใจว่าก็คืออาณาบริเวณบ้านของคนจีนสมัยก่อนค่ะ พอนึกภาพออกเนอะ เค้าก็จะมีบ้านแล้วก็ทางเดินชมสวนรอบ ๆ ค่ะ ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือสระน้ำกลางบ้าน เอาไว้ดูเล่น (?) พักผ่อนหย่อนใจ

การจัดสวนที่มีหินเป็นองค์ประกอบของเค้า มักจะเป็นสไตล์นี้ แอบเข้าใจยาก ๆ หน่อย ๆ …

เดี๊ยวววว แค่จัดสวน ต้องเข้าใจอะไร๊ (//เขย่าตัวเองเรียกสติ)

จริง ๆ แล้วก็แค่หามุมถ่ายรูปที่หลบผู้คนที่ล้นหลามค่ะ ตรงนี้เป็นบริเวณที่คนถ่ายรูปเยอะมากกกกก

เดิน ๆ ผ่านเข้าไปชั้นในของเรือนบ้าน เห็นคนส่องกล้องขึ้นสูง ๆ เลยหันไปส่องตาม .. อ้ออออ ถ่ายมังกรนี่เอง

หลังคา (?) เค้าก็ทำสวยดีนะคะ มังกรเค้าทำออกมาได้ดูสง่าและอ่อนช้อยไปด้วยในตัวเลยอะ

ชมสวน ชมสระน้ำกันต่อไปค่ะ

ชอบตรงทางเดินยาว ๆ แบบนี้ อยากได้นางแบบมาถ่ายรูปมาก ๆ 555

ทางเดินก็ดูเหมือนจะเป็นทางเดินวันเวย์ล่ะค่ะ แต่บางจุดก็มีวก ๆ วน ๆ บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น ทางเข้าและทางออกก็จะเป็นคนละทางกัน

เดินออกมาก็จะเจอกับ Yuyuan Garden Malls ที่เราเดินอยู่ตั้งแต่ต้นนั่นแหละค่ะ แต่ก็จะเป็นคนละทางกับตอนเข้านะ

เดินไปเดินมา เอ้า เห็นชานมไข่มุก ก็ลองชิมดูบ้างค่ะ

สนนราคาแก้วนี้ 15 RMB เป็นชานมไข่มุกแบบร้อน .. เห้ยยยยยย ถามจริ๊งงงงงง..?

เคโกะกินแต่ชานมไข่มุกแบบใส่น้ำแข็ง แบบเย็นมาตลอดเลยค่ะ นี่เจอที่นี่เป็นครั้งแรกแหละที่กินแบบร้อน ถามว่าอร่อยมั้ย ถ้าตัดเรื่องความร้อนของเครื่องดื่มออกไปแล้ว คืออร่อยมากค่ะ ไข่มุกเนื้อนิ่ม อร่อย ไม่แข็งกระด้าง ไม่หนึบเกินไป ส่วนชาก็ไม่หวานเวอร์ รสกลมกล่อม หอมชากำลังดีค่ะ

เอาจริง ๆ นะ ด้วยอากาศเย็น ๆ แบบที่เคโกะไปแล้ว ชาร้อนก็ทานได้ค่ะ ก็เพิ่มความอุ่นให้กับร่างกายดีนะ ฮาาาาา

สำหรับสวน Yuyuan นี้ เคโกะว่ามาเดินตลาด เอ้ยย ร้านค้าเล่น ช้อป ชิม ชิลล์ ก็เพลิน ๆ ดีค่ะ ถ้าชอบถ่ายรูป ชอบเดินสวน ก็จ่ายเงินซื้อตั๋วเข้าด้านในโลดดดด เคโกะว่าที่นี่คือดีนะ ไม่ควรพลาดค่ะ ^^

แปะเพจปิดท้ายเช่นเคย ไปคุยกันบนเพจสะดวกกว่าคอมเมนท์ทิ้งไว้นะคะ อิอิ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Shanghai] The Bund – Waitan

สวัสดีค่ะ ต่อเนื่องจากโพสต์ที่แล้วที่ค้างอยู่เมืองซูโจว ก็ได้เวลากลับมาที่เซี่ยงไฮ้กันซะทีนะคะ ซึ่งก็ขอเล่าถึงสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองเซี่ยงไฮ้ก่อนเลยแล้วกันค่ะ

Spot name : The Bund / Waitan / 外滩
Google maps : https://goo.gl/maps/XT6iqeokU692
Transportation : Metro line no. 2, 10 to East Nanjing Road station, 600m walk
Entrance fee : free
Opening hours : always open (light show time starts from 6-7PM)
Visited date : 10, 12 Nov 2018

เห็นว่าไปซ้ำกัน 2 วันนะคะ เหตุเป็นเพราะวันสุดท้ายนั้น เคโกะไปเดินเล่น เก็บตกบางจุดที่เดินหาไม่เจอในวันแรกค่ะ เพราะวันแรกตั้งใจไปดูวิว ดูไฟบนหอไข่มุกอย่างเดียวเลย และวันสุดท้ายคือจะเดินได้ชิลล์มาก จนถึงรถไฟขบวนสุดท้าย เพราะต้องนั่งรถไฟไปค้างที่สนามบินค่ะ ^^”

จากโฮสเทลที่เคโกะพักนั้น เดินไป The bund ได้สะดวกมากเลย เดินนิดเดียวก็ถึงค่ะ แล้วก็มาถึงเย็นไปหน่อย ไปเที่ยวที่อื่นก่อนก็ไม่ทันแล้ว เลยดิ่งมาที่นี่เลยค่ะ

มาถึงช่วงเย็น ๆ ไฟยังไม่เปิดอะไรทั้งนั้น แต่ก็มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นมากค่ะ เคโกะเดินไปมาหามุมจับจองอยู่ซักพักเลยแหละ

เคโกะติดใจกับหอไข่มุกนี้เพราะอิทธิพลจากซีรี่ย์จีนหลาย ๆ เรื่องเลยค่ะ มักจะมีฉากนี้อยู่ในซีรี่ย์เยอะ เลยฝังใจว่าต้องมาให้ได้ (ฮาาาาา)

ด้วยความที่ก็ไม่รู้เวลาแน่นอนว่าไฟจะเปิดกี่โมงนะคะ ก็เลยยืนจับจองที่ไปยาว ๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นและลมพัดแรงพอดู ยิ่งหนาวค่ะ ^^”

พอฟ้าเริ่มมืดลง ตึกสูงหลายตึกก็เริ่มทะยอยเปิดไฟกันเรื่อย ๆ มีป้ายโฆษณาด้วย

เคโกะจำไม่ได้ว่าประมาณกี่โมงนะคะ ถ้าจำไม่ผิดและข้อมูลไม่พลาด น่าจะราว ๆ 6 โมงค่ะ ก็จะเปิดไฟเต็มที่ (ในหน้าร้อน น่าจะประมาณ 1 ทุ่มค่ะ)

พอไฟเริ่มเปิด เริ่มมีการเล่นไฟ แสงสีกัน คนก็เริ่มฮือฮาเลยค่ะ แล้วผู้คนก็แน่นไปหมดเลยด้วย ดีนะที่ยังไม่ขยับไปไหน ทนหนาว ๆ ไปจนได้ค่ะ ฮาาาา

ไฟบนหอคอยไข่มุกจะมีการสลับสีไปมานะคะ วันแรกที่มาก็ดูอยู่จากฝั่ง Waitan ไปก่อน ในแพลนมีวางไว้ว่าจะขึ้นไปบนตึกด้วยค่ะ แล้วมาติดตามกันต่อนะว่าจะเป็นยังไงบ้าง

นอกจากไฟที่เปิดสลับไปมาดูน่าตื่นเต้น (ประมาณนึง) แล้ว รอบ ๆ บริเวณ Waitan ที่ยืนอยู่นั้น ข้างใต้มีน้ำพุ ก็มีการเล่นไฟ เล่นสีสันด้วยเช่นกันค่ะ

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดไฟเล่นเป็นจังหวะบนตึกทรงยุโรปสวยงามที่อยู่ด้านหลังด้วย

เปลี่ยนมุมบ้าง (จริง ๆ คือถ่ายมาคนละวัน ฮาาา)


อีกรูปค่ะ ตึก ๆ แถวนั้นเป็นทรงยุโรปทั้งนั้นเลย สวยมากจริง ๆ

ยืนชื่นชมไฟอยู่ครู่ใหญ่ทีเดียวค่ะ กว่าจะค่อย ๆ กระดึ๊บ ๆ เดินไปเรื่อย ๆ ต่อได้ เดินไปเรื่อย ๆ จนสุดปลายด้านหนึ่งก็จะเจอกับอนุสาวรีย์สีแดงเด่นตระหง่านอยู่ค่ะ ซึ่งก็คือ Monument to the People’s Heroes (上海市人民英雄纪念塔) ที่สร้างไว้เพื่อรำลึกถึงผู้เสียสละจากการต่อสู้กับภัยธรรมชาติค่ะ (แปลจากวิกิฯนะคะ T^T)

ใกล้ ๆ กันก็มีสะพาน Waibaidu กับตึกที่อยู่เป็นฉากหลัง สะท้อนกับแม่น้ำที่ค่อนข้างนิ่งแล้วสวยมาก ๆ เลยค่ะ

แต่ถ้าหากเดินมาอีกฝั่งนึง (พอเห็นภาพมั้ยคะ คือ ถ้าหันหน้าเข้าหาหอไข่มุก แล้วไปทางซ้ายจะเจอกับรูปด้านบนค่ะ แต่ตอนนี้เราจะไปทางขวาของหอไข่มุกนะ) เดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอกับธนาคารกรุงเทพที่มีสาขาอยู่ตรงนี้ ตึกทรงยุโรปแบบนี้ค่ะ

ดูใกล้ ๆ ระยะประชิดสักหน่อย

ถอนเงินบาทต่างสาขาไม่เสียค่าธรรมเนียมมั้ยคะเนี่ย ฮาาาาาาา

ซึ่งหากข้ามกลับไปฝั่งตรงข้าม ก็จะมีรูปปั้นกระทิงด้วยค่ะ

ตึกต่าง ๆ ที่เรียงรายด้านหลังนั้นจะประกอบไปด้วยธนาคารสำคัญ ๆ ต่าง ๆ อยู่อย่างครบครันทีเดียวค่ะ และยังมีโรงแรมห้าดาวชื่อดังด้วยนะ ที่ชอบก็คือ ต่างก็ยังคงอนุรักษ์ตึกอาคารทรงยุโรปเช่นนั้นไว้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ สวยมาก ๆ เลยล่ะ

ปิดท้ายด้วยถนนคนเดิน Nanjing Road ค่ะ เป็นถนนที่มีห้างร้านต่าง ๆ อย่างครบถ้วน มีร้านแบรนด์เนมต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนมของทานเล่นต่าง ๆ ค่ะ

ถนนเส้นนี้อยู่ใกล้ ๆ กับ The bund หรือ Waitan นะคะ เดิน ๆ นิดหน่อยก็ถึงค่ะ

ช่วงค่ำ ๆ หรือมืด ๆ หน่อยก็จะเป็นช่วงที่คนคึกคักมากทีเดียวค่ะ

อีกซักมุมนะคะ

ดูตึก ๆ บ้างเป็นการปิดท้ายโพสต์นี้ค่ะ

ก็เป็นสถานที่ที่ใครไปเซี่ยงไฮ้ก็ต้องไปแหละนะคะ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ และถนนช้อปปิ้งเองก็เป็นถนนสายสำคัญที่รวมเอาแบรนด์ต่าง ๆ ไว้อย่างมากมายเลยค่ะ

แปะเพจทิ้งท้ายไว้ให้นะคะ แวะไปทักทายพูดคุย ทวงรีวิว เรื่องเล่าได้ค่ะ ^^”
https://www.facebook.com/thisiskeigo/