สวัสดีค่ะ ต่อจากโพสต์ที่แล้วนะคะ ซึ่งที่ถัดไปที่จะไปเนี่ย ก็เป็นที่ที่ไม่ได้ตั้งใจไปแต่แรก เลยไม่มีเส้นทางในหัวอยู่เลย ก็เลยต้องพึ่งกูเกิ้ลแม็พตลอดเลยล่ะค่ะ
Spot name : Eternal Golden Castle / 億載金城
Google maps : https://goo.gl/maps/ghrTL7SjLzv
Transportation : Bus no.88
Entrance fee : 150NTD (combo ticket : Anping Tree House, Anping Old Fort, Chi Kan Lou, Eternal Golden Castle). For individual ticket is 50NTD
Opening hours : Mon – Sun 8.30-17.30
Visited date : 27 Dec 2018
ไปทั้ง ๆ ที่ไม่มีข้อมูลอะไรในหัวเลยนะคะ ไปศึกษา ทำความรู้จักกันหน้างานสด ๆ เลย .. งานร้อนขั้นสุดค่ะ 5555
ไปถึงด้านหน้าทางเข้าจะเป็นที่จอดรถ ก็เดินผ่านลานจอดรถเข้าไป จะมีห้องขายตั๋วอยู่ แต่ถ้ามีตั๋วคอมโบ้อย่างเคโกะอยู่แล้ว ก็ให้เค้าเจาะตั๋วแล้วเดินผ่านได้เลยนะคะ วันที่ไปก็มีคนไปบางตามากค่ะ
ด้านหน้าดูเหมือนป้อมปราการอะไรสักสิ่งอะนะ
ตรงสะพานทางเดินลอดอุโมงค์กำแพงเข้าไป สองข้างทางจะเป็นคลองที่ขุดรอบ ๆ ไว้ค่ะ
ฝั่งนึงมีเรือให้นั่งเล่นด้วยนะ แต่ก็ว่างเปล่า ไร้ผู้คนเลยค่ะ
ดูใกล้ ๆ กำแพงสักนิดนึง
เทียบมุมกับกล้องมือถือแล้ว กล้องมือถือกากกว่าเยอะเลย (ก็ไม่รู้จะลงรูปให้เปรียบเทียบทำไม – -“)
ด้านในเข้าไปแล้ว รู้สึกเหวอมาก เพราะความรู้สึกแรกคือ เหมือนเป็นทุ่งหญ้าที่เวิ้งว้างมากค่ะ ความรู้สึกแบบ เห้ยยย ชั้นต้องมาดูอะไรเหรอออ ประมาณนั้นเลยค่ะ – -“
ตั้งสติ ดูแผนที่แป๊บนะคะ
ก็จะเห็นว่า สิ่งที่เราควรไปเดินดูก็คือบริเวณที่อยู่รอบ ๆ ทุ่งนาที่ดูเวิ้งว้างนั้นค่ะ ^^”
เริ่มต้นออกเดินวนรอบ ๆ ก็เจอม้านั่งรูปแมว ทาสแมวอย่างเคโกะก็กรี๊ดดดไป น่าร้ากกกกก~
โดยรวมเลยละกัน รอบ ๆ ก็จะเป็นปืนใหญ่ตั้งแต่ยุคเก่าก่อนนู้นเลยอะค่ะ ซึ่งเค้ามีการอนุรักษ์ไว้ค่ะ แต่เดิมเป็นที่ฝึกซ้อมทางการทหาร ถ้ามองจากมุมสูงลงมาแล้ว หรือดูจากแผนที่ก็ได้ค่ะ ก็จะเห็นว่าพื้นที่เค้าเป็นรูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบไปด้วยคูน้ำและปืนใหญ่ค่ะ
อ่านข้อมูลมา (ในตอนหลังจากที่ไปมาแล้ว) เค้าบอกว่าในวันหยุดจะมีการแสดงสมมติบทบาทเป็นทหารในยุคก่อนนั้นด้วยล่ะค่ะ และเป็นบริเวณที่มีต้น Golden Trumpet (ขออภัยค่ะ เคโกะโง่เรื่องต้นไม้มาก ๆ เลย ไม่ทราบจริง ๆ ว่าภาษาไทยเค้าใช้ชื่อต้นไม้นี้ว่าอะไร ดูรูปแล้วก็ไม่รู้ค่ะ T.T) ออกดอกบานสะพรั่งในเดือนมีนาคม – เมษายนล่ะค่ะ
น่าจะเป็นเหตุผลที่เคโกะไปแล้วเวิ้งว้าง ผู้คนบางตามากถึงมากที่สุดล่ะค่ะ T.T
แล้วก็ยังมีซากปรักหักพังให้ศึกษาอยู่ด้านนึงด้วยค่ะ (จากประตูทางเข้า จะอยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ)
จากนั้นก็นั่งรถเมล์ไปต่ออีกที่นึงในบัตรคอมโบ้ที่ซื้อมานะคะ
Spot name : Chihkan Tower / Chi-Kan-Lou / 赤嵌樓 / Fort Provintia
Google maps : https://goo.gl/maps/XiiNAVWih1p
Transportation : Bus no.88, 99
Entrance fee : 150NTD (combo ticket : Anping Tree House, Anping Old Fort, Chi Kan Lou, Eternal Golden Castle). For individual ticket is 50NTD
Opening hours : Mon – Sun 8.30-21.30
Visited date : 27 Dec 2018
ที่ Chikanlou นี่มีนักท่องเที่ยวเยอะมากกกกกค่ะ แต่พอเดินเข้าไปก็แอบใจแป้วนิดนึง เพราะเห็นมีล้อมเขตก่อสร้างอยู่ด้วย แต่ก็ยังสามารถเข้าชมได้ปกตินะคะ น่าจะซ่อมแซมสถานที่ล่ะค่ะ
เดินมาใกล้ ๆ ตัวอาคารอีกซักนิดนึงนะ
เห็นบันไดทางขึ้น ก็โอเคล่ะ ขึ้นไปชมด้านในได้ค่ะ .. คือถ้าแค่มาให้ดูรอบ ๆ ภายนอก คงแอบเฟลอะ 555
มี 2 อาคารนะคะที่สามารถขึ้นได้ (ก็มีแค่ 2 อาคารนี้แหละนะ) เคโกะจะขึ้นไปดูด้านในอาคารฝั่งขวามือก่อนค่ะ แล้วค่อยไปฝั่งซ้าย ซึ่งทั้ง 2 ตึกนี้มีทางเชื่อมอยู่คือชั้นล่าง หรือเรียกว่าไม่มีทางเชื่อมตัวตึกก็ได้นะ ><” และแต่ละอาคารก็จะมี 2 ชั้นค่ะ
ด้านในจัดนิทรรศการแสดงความเป็นมาค่ะ ด้วยความที่ตัวอาคารเป็นของเก่าที่เค้าอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยม แต่เนื่องจากความเก่าของตัวโครงสร้างและอาคาร เลยทำให้จำกัดจำนวนคนขึ้นชมชั้น 2 เพียงประมาณ 12-15 คนค่ะ (เคโกะจำตัวเลขเป๊ะ ๆ ไม่ได้อ่า) ซึ่งเค้าจะมีเซนเซอร์ติดและหน้าจอแสดงจำนวนคนที่อยู่ชั้น 2 ด้วยล่ะค่ะ .. เจ๋งเนอะ
ซึ่งคนที่อยู่ชั้นล่าง ก่อนขึ้นก็จะต้องเช็คก่อนว่าชั้น 2 นั้นมีคนอยู่เยอะเกินจำนวนที่เค้าจำกัดไว้หรือไม่ แล้วค่อยขึ้นไปค่ะ .. ซึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำการตรงนี้อยู่อย่างจริงจังนะคะ อาศัยจิตสำนึกการเคารพกฎกติกากันล้วน ๆ ค่ะ (เจ้าหน้าที่มีนะ แต่เค้าก็จะเดินหรือประจำอยู่จุดอื่น ๆ ค่ะ ไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แบบเช็คจำนวนคนจริงจังอะไรงี้อะค่ะ)
มีโมเดลจำลองของ Chikanlou ด้วย
เดินขั้นมาชั้น 2 แล้วค่ะ
ยิ่งอยู่ชั้น 2 แล้วแหงนมองดูโครงสร้างอาคารก็จะเห็นได้ชัดเลยนะคะว่าเป็นงานโบราณจริง ๆ ยอมใจทางการเลยอะ ที่อนุรักษ์ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมแบบนี้ค่ะ
บนชั้น 2 นี้มีกิมมิคเล็ก ๆ ให้เล่นกันด้วย สำหรับคนที่อยากมาขอพรในเรื่องการศึกษาค่ะ ตรงนี้จะมีเทพที่ให้พรด้านการศึกษาอยู่ จะเป็นลักษณะคล้าย ๆ กรับไม้ 2 อันแบบที่เสี่ยงทายในวัดจีนทั่วไปอะค่ะอยู่ ก็ขอพรแล้วโยนไม้ 2 อันนั้น หากออกมาแบบรูปซ้ายมือ ในป้ายอธิบายที่ตั้งอยู่ ก็คือโอเคค่ะ หยิบดินสอไปได้เลย (หย่อนเงินใส่กล่องก่อนด้วยนะคะ ><“)
เคโกะไม่ได้ลองทำนายดูนะคะ ไม่ได้เป็นนักเรียน นักศึกษาแล้วอะ ><” ก็เลยได้แต่ยืนดูคนอื่นเล่นค่ะ
ด้านหลังของอาคารทั้ง 2 หลังจะมีซากปรักหักพังอยู่นิดหน่อยค่ะ
เพิ่มข้อมูลสำหรับสถานที่แห่งนี้ปิดท้ายไว้นิดนึง (แล้วทำไมต้องมาเล่าปิดท้ายเนี่ย ฮาาาา)
จริง ๆ แล้วไม่ได้มีแค่ 2 อาคารหรอกค่ะ เค้าแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ส่วนด้วยกัน แต่เดิมเนี่ยเค้าใช้เป็นสถานที่คล้าย ๆ กับที่ว่าการเมืองไถหนานค่ะ มีวัด, โรงเรียน และสวนหย่อมพักผ่อนในที่เดียวกัน
ถ้าย้อนกลับขึ้นไปดูรูปชั้น 2 ที่เคโกะลง นั่นคือวัดค่ะ ชื่อ Haishen Temple (海神庙 – ไห่เฉินเมี่ยว) ส่วนที่ขอพรด้านการศึกษาก็คือ เคยเป็นโรงเรียนให้การศึกษามาก่อน รวมทั้งเข้าใจว่าเจ้าของเดิมเองก็มีประวัติเด่นในเรื่องการศึกษาด้วยค่ะ ซึ่งตัวโรงเรียนนั้นก็คือตัวตึกที่เป็นขนาดเล็กกว่า ที่อยู่ด้านซ้ายในรูปบนที่มี 2 ตึกนะคะ
จากข้อมูลที่อ่านมา (หลังจากไปมาแล้วอีกเช่นเคย – -“) เค้าบอกว่าในตอนกลางคืนมีการเปิดไฟให้ตัวอาคารด้วยนะคะ เพิ่มความน่าสนใจของนักท่องเที่ยวค่ะ (ก็ว่าทำไมปิดดึก ฮาาา)
ไปต่อกันอีกที่เลยค่ะ
Spot name : Hayashi Department Store / 林百貨
Google maps : https://goo.gl/maps/LWsTkbcv4ok
Transportation : Bus no.88
Entrance fee : Free
Opening hours : Mon – Sun 10.30-21.30
Visited date : 27 Dec 2018
เคโกะดูใน google maps แล้วเห็นว่าใกล้ ๆ กันกับ Chikanlou เลยเดินไปนะคะ แต่ใส่สายรถเมล์ไว้ให้ด้วยค่ะ
ห้าง Hayashi เป็นห้างที่เก่าแก่ของไถหนานเลยค่ะ ตัวโครงสร้างตึก การตกแต่งภายในก็ยังคงความโบราณไว้อย่างนั้นด้วยล่ะค่ะ
แผนผังของห้างนะคะ
ห้างนี้เป็นห้างขนาดเล็ก มีเพียง 5 ชั้นเท่านั้น ส่วนชั้น 6 ที่เห็นใน Floor guide นั้นคือเป็นบันไดเดินขึ้นไปเองเป็นจุดชมวิวเมืองไถหนานในมุมสูง (สูง 6 ชั้นนี่แหละ – -“) และมีร้านอาหารอยู่ด้วยค่ะ
ลิฟท์เองก็ยังเป็นลิฟท์แบบโบราณอยู่ จำกัดจำนวนคนขึ้น-ลงได้ไม่กี่คนค่ะ และจอดเพียงชั้น 1 และชั้น 5 เท่านั้น เคโกะก็เลยขอลองขึ้นไปชั้น 5 แล้วค่อย ๆ เดินไล่ลงมาดูทีละชั้น ตามประสา windows shopping นะคะ แฮร่~
ขึ้นมาถึงชั้น 5 แล้วก็จะมีทางเดินไปขึ้นบันไดไปอีกชั้นนึงค่ะ แล้วก็จะเจอกับโซน outdoor เลย
มีร้านขายของที่ระลึกของห้าง Hayashi นี้ด้วย น่ารัก เก๋ ๆ อยู่เยอะเลยค่ะ
ชะโงกดูวิวข้างล่างหน่อยนะ อยู่หัวมุมสี่แยกพอดีค่ะ
ถ้าพอรู้ภาษาจีน/ญี่ปุ่นอยู่บ้าง หรือช่างสังเกตสักนิดก็จะเอะใจค่ะว่าทำไมห้างในเมืองไถหนาน ในไต้หวันที่ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาราชการนั้นถึงได้มีชื่อห้างเป็นภาษาญี่ปุ่นแบบนี้
สาเหตุก็คือเจ้าของเดิมคนแรกของตึกนี้ก็คือคนญี่ปุ่นที่เข้ามาในช่วงที่ญี่ปุ่นมีบทบาทบนเกาะไต้หวันค่ะ นี่คือเหตุผลที่ทำให้เคโกะคิดว่าในอดีตมีชาวญี่ปุ่นมาอาศัยอยู่ในเมืองไถหนานอย่างหนาแน่นพอสมควรเลยล่ะค่ะ
ชื่อห้างนี้คือ 林 ในภาษาญี่ปุ่น อ่านออกเสียงว่า ฮายาชิ (Hayashi) ซึ่งภาษาจีนเองก็มีคำนี้เช่นกัน แต่ออกเสียงว่า หลิน ค่ะ (คนไทยจะคุ้นกับการออกเสียงว่า ลิ้ม ซึ่งเป็นสำเนียงของจีนแต้จิ๋ว และเป็นแซ่ของคนจีนในไทยที่มีมากที่สุดในไทยด้วยค่ะ)
ช่วงสาระผ่านไปนะคะ มาดูกันต่อเนอะ
ชั้นบนนอกจากจะมีร้านขายของที่ระลึกแล้ว ยังมีศาลเจ้าแบบญี่ปุ่นเล็ก ๆ อยู่ด้วยค่ะ
ใกล้ ๆ กันมีห้องอะไรสักอย่าง เข้าใจว่าเป็นห้องนิทรรศการนะ แต่วันที่ไป เค้าปิด ไม่ให้เข้าชมค่ะ ก็เลยอดเลย
ในห้างนี้ก็จะขายของที่ค่อนข้างจะเป็นแนวอาร์ต ๆ ค่ะ หลาย ๆ แบรนด์สินค้าจะเป็นสินค้าแฮนด์เมด ในความรู้สึกของเคโกะเอง รู้สึกว่าราคาค่อนข้างสูงค่ะ ก็เลยได้แต่เดินดูเฉย ๆ ><“
จริง ๆ เคโกะมาห้างนี้เพราะอยากได้รองเท้าแบรนด์ Hoqin ไปลองนะ เพราะมีบล็อกเกอร์คนนึงพูดถึงรองเท้าแบรนด์นี้ว่าเป็นแฮนด์เมดและใส่สบาย ใส่ดีมาก เดินสบายมาก ๆ ค่ะ อะไรงี้ แต่พอเห็นราคาแล้วก็แบบ .. สู้ไม่ไหวค่ะ ก็เลยได้แต่ด้อม ๆ มอง ๆ T.T
(โดยส่วนตัวเคโกะ เป็นคนใช้รองเท้าราคาไม่แพงมากอะค่ะ แบรนด์ก็จะเป็นแบรนด์ทั่วไปบ้าง ไม่มีแบรนด์บ้าง ของจีนบ้าง ราคาก็จะประมาณ 400 – 1000 นิด ๆ ค่ะ ไม่เกิน 2000 เลย ยกเว้นรองเท้าแบรนด์ Adidas ที่เคโกะหลงรักแบรนด์นี้อยู่แล้ว ซึ่งก็จะราคาเกิน 2000 อยู่แล้วล่ะค่ะ — เล่าเพราะอยากให้พอมองเห็นภาพที่เคโกะว่าแพงนะ เพราะถูกแพงของแต่ละคน ไม่เหมือนกันค่ะ)
นอกจากร้านค้าต่าง ๆ ในห้างแล้ว ยังมีการนำเอาชิ้นส่วนของห้างที่เป็นของเก่าจริง ๆ มาโชว์ให้ดูด้วยล่ะค่ะ
อย่างอันนี้เป็นประตูลิฟท์เก่าค่ะ
สำหรับตัวห้าง Hayashi เคโกะว่าโอเคนะ ถ้าชอบงานอาร์ต ๆ หน่อย หรือชอบช้อปปิ้งก็มาเดินเล่นได้ค่ะ บางแบรนด์มีขายเฉพาะที่นี่ที่เดียว (อย่าง Hoqin เป็นต้น)
แต่สำหรับที่อื่น ๆ ในเมืองไถหนานนั้น ที่ที่เคโกะว่ามาแล้วก็ไปดูซักครั้งก็ Anping tree house และ Chikanlou อะค่ะ ส่วนที่อื่น ๆ (Anping Old Fort, Eternal Golden Castle) นั้นเคโกะว่าไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ และถ้าหากไปแค่ 2 ที่ใน 4 ที่ ก็ไม่ได้จำเป็นต้องซื้อตั๋วคอมโบ้นะคะ เพราะจุดคุ้มทุนอยู่ที่ 3 ที่ค่ะ คล้าย ๆ กับไป 3 ฟรี 1 นะ แต่ถ้าว่าง ๆ ก็ไปให้ครบทั้ง 4 ที่ก็ได้ค่ะ หากจัดเวลาดี ๆ ก็สามารถไปได้ครบในวันเดียวเลยค่ะ
แต่สุดท้ายแล้ว โดยความคิดเห็นส่วนตัว ใน 4 ที่ที่ไปมา (ไม่รวมห้าง Hayashi นะคะ) ก็ไม่ได้รู้สึกว้าวววว แบบต้องไปนะ อะไรงี้ค่ะ แล้วพอไปมา ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรเท่าไหร่ ยังไม่ค่อยอิน ณ จุดนี้ค่ะ ^^”
แปะเพจปิดท้ายเช่นเคยค่ะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/