[Changhua] Lugang line

ดึงกลับมาที่ไต้หวันหน่อยนะคะ ^^” ในระหว่างที่มีเรื่องเล่าดองไว้เยอะแบบนี้ ก็จะสลับไปสลับมาหน่อยเนอะ แหะๆ

ในโพสต์นี้เป็นการไปเที่ยวที่เมือง Changhua (จางฮว่า) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ติดกับ Taichung หรือไถจง แบบ 1-day trip ค่ะ โดยใช้การเดินทางคือรถบัสเป็นหลัก

รถบัสที่เคโกะพูดถึงก็คือ รถบัส 好行 ค่ะ ซึ่งเป็นรถบัสผ่านตามจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ในแต่ละเส้นทาง ซึ่งมีหลายเส้นทางทั่วทั้งไต้หวันเลย ก็สะดวกดีสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ค่ะ

ในเมือง Changhua นี้ มีที่ท่องเที่ยวเด่นมาก ๆ 1 ในนั้นคือถนนโบราณสายลู่ก่าง (Lugang) ค่ะ เคโกะก็เลยปักหมุดไปที่นี่แหละ แล้วก็มาดูว่าเส้นทางของรถบัสนั้นผ่านอะไรบ้างและมีอะไรน่าสนใจเพิ่มอีก

วันนั้นเป็นวันที่ลมแรงมาก ๆ ค่ะ หิ้วกล้องไปแต่ก็ไม่ได้ใช้เลย เพราะงั้นรูปทั้งหมดในโพสต์นี้มาจากมือถือหมดเลยนะคะ ^^”

เคโกะเริ่มต้นที่สถานีรถไฟ Changhua เพราะทิ้งกระเป๋าไว้ที่นั่นค่ะ (ย้ายเมืองที่จะพักจากไถหนาน ไปพักที่ไถจง แต่จะแวะจางฮว่าในวันนี้ก่อน ค่อยไปไถจงเข้าที่พักในตอนเย็นค่ะ)

รถบัสสายนี้ถ้าจำไม่ผิด ไม่มีตั๋วแบบ 1-day pass นะคะ (คือไม่ได้จดไว้อะ เลยคิดว่าไม่มีค่ะ) แค่เริ่มต้นก็สนุกสนานแล้วค่ะ เพราะป้ายแรกที่เคโกะลงนั้น ไม่มีใครลงด้วยเลยยยยยยย แถมคนขับก็ถามย้ำด้วยนะ ว่าลงตรงนี้เหรอ T.T

ดูกันออกมั้ยคะว่าคือที่ไหน

ที่นี่ก็คือ Brand’s Health Museum ค่ะ แบรนด์ที่ว่านี้ก็คือเครื่องดื่มซุปไก่สกัดแบรนด์ รังนกแบรนด์อะไรนั่นแหละค่ะ ^^”

ด้านในเค้าไม่ให้ถ่ายรูป ก็เลยไม่มีรูปมาฝากนะคะ ขอเล่าคร่าว ๆ แล้วกันเนาะ

  • เป็นพิพิธภัณฑ์ของแบรนด์ที่เล่าถึงประวัติความเป็นมา มีพาเดินชมไลน์การผลิตประมาณ 3-4 จุดด้วย
  • มีตัวอย่างให้ทดลองชิม และสามารถซื้อกลับไปได้ (ไม่ทราบเรื่องราคาค่ะว่าถูกกว่าซื้อข้างนอกมั้ยนะ)
  • มีกิจกรรมให้เล่น ให้ร่วมสนุกเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเด็ก ๆ ที่เล่นกัน
  • ประมาณ 90% จะไปกันเป็นครอบครัวค่ะ พ่อแม่ หรือปู่ย่าตายาย จูงมือลูกหลานตัวเล็ก ๆ มาดู มาชมกัน คนวัยหนุ่มสาวน้อยมาก ยิ่งคนต่างชาติด้วยแล้ว ไม่มีเลยค่ะ เคโกะหลงมาคนเดียวเลย T.T
  • ก่อนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ก็ต้องลงทะเบียนด้านหน้าก่อน ซึ่งฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
  • ในช่วงที่เค้าพรีเซนต์ผลิตภัณฑ์ของเค้า เค้าเน้นย้ำว่ารังนกที่ผลิตนั้นเป็นสินค้านำเข้า โดยเก็บรังนกมาจากประเทศไทยทั้งหมดเลย (นี่อยากยืดตัวมาก ประเทศเก๊าเองงงง ><“) — แต่ก็แอบสงสัยอยู่ดีว่ามีมากพอส่งออกไปให้ทั่วโลกขนาดนั้นเลยเหรอคะเนี่ย?
  • การบรรยาย เกม และกิจกรรมทุกอย่างในมิวเซียมนี้เป็นภาษาจีนทั้งหมดค่ะ

เดินดูอยู่พักนึง ก็ไปต่อค่ะ ตอนแรกตั้งใจจะนั่งรถบัสไป แต่ลมแรงมากกกกกก ทำให้อากาศหนาวขึ้นแม้ว่าแดดจะแรงก็ตาม ประกอบกับเปิดกูเกิ้ลแม็พดูแล้วเห็นว่าไม่ไกล ก็เลยเดินไปค่ะ ><~ (เอะใจจากตารางเวลารถบัสก่อนนะว่าใช้เวลา 1-2 นาทีเองเหรอ น่าจะใกล้นะ อะไรงี้ค่ะ)

ที่ที่สองที่มาดูก็คือโรงงานริบบิ้นค่ะ มี Ribbon Museum ให้ดู เค้าเคลมว่าเป็นที่แรกในเอเชียด้วย ก็เลยแบบ มาดูหน่อยก็ได้ฟะ

ตรงทางเข้า จะมีคุณลุงคอยโบกรถและแจกริบบิ้นให้ 2 เส้น/คนค่ะ ส่วนเคโกะเดินมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ คุณลุงก็โบกแล้วแจกริบบิ้นให้มา 2 เส้นด้วยเช่นกัน

ทางเข้าทำได้น่ารัก น่าถ่ายรูปเล่นดีค่ะ

เดิน ๆ ไปหาทางเข้ามิวเซียม

เข้ามาถึงหน้าประตู เป็นที่เดียวที่มีภาษาอังกฤษด้วย และโปรโมทว่าเป็นที่แรกในเอเชีย อย่างที่บอกไปค่ะ

พอมาถึงเคาน์เตอร์ต้อนรับ พนง.ก็จะให้ทุกคนใช้ริบบิ้นสีแดงที่ได้รับแจกมาจากหน้าประตู มาทำเป็นดอกไม้ริบบิ้นแบบง่ายสุด ๆ ก่อนเข้าด้านในค่ะ

ก็เป็นกิมมิคน่ารัก ๆ ดี (ไม่มีรูปให้ดูค่ะ เพราะทักษะงานฝีมือของเคโกะห่วยมากเลย T.T)

ด้านในก็จะมีผลิตภัณฑ์ริบบิ้นทุกแบบทุกลายทุกสีให้เลือกละลานตามากกกกกกกกกกค่ะ ใครที่ชอบงานฝีมือ ชอบงานริบบิ้น ต้องกรี๊ดแน่ ๆ ค่ะ

ไปช่วงปีใหม่ ก็จะมีลายแนวคริสมาสต์-ปีใหม่เยอะหน่อยค่ะ

ด้านใน มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกเช่นเคย ซึ่งก็เช่นเดียวกันว่าจะเป็นเด็ก ๆ ซะส่วนมากค่ะที่ไปเล่นร่วมสนุกกัน

ก็อยากเล่นด้วยนะ แต่อายเด็ก อายภาษาตัวเองอีก ง่อนแง่นมาก T.T

ตบท้ายก่อนออกจากมิวเซียมด้วยการทำโบว์จากริบบิ้น DIY ค่ะ เค้าจะมีวิธีทำให้ดู พร้อมทั้งอุปกรณ์ และถังสีที่เราสามารถจุ่มเพื่อทำลวดลายบนริบบิ้นสีขาวที่ได้รับแจกมาตอนต้นอีกเส้นได้ตามใจชอบเลย

ริบบิ้นนี้ของเคโกะแหละ ทักษะงานฝีมือมีแค่เท่านี้จริง ๆ T.T

ต่อไปที่โรงงานสุดท้ายแล้ว คือโรงงานแก้วและกระจกที่มีมิวเซียมด้านใน และเป็นป้ายรถบัสสุดท้ายของรถบัสสายนี้ค่ะ แต่เคโกะเดินไปนะ เพราะก็ไม่ได้ไกลจากโรงงานเมื่อกี้นี้ค่ะ

เดินเด๋อ ๆ เข้ามา เจอวัดใหญ่ ๆ ก่อน ก็งงนิดนึงว่า เอ๊~ ลายแทงชั้นเป็นโรงงานนะ ไม่ใช่วัด

แต่ก็เข้าไปวนซะ 1 รอบค่ะ ><“

แล้วก็เดินเข้ามาในตัวโรงงาน ก็โชว์สินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์จากแก้วหลากหลายชนิดมากค่ะ เลือกซื้อเลือกหาได้ตามใจชอบเลย

ที่นี่จะมี 3 กิจกรรมที่น่าสนใจค่ะ

สิ่งแรกคือ ห้องเป่าแก้ว แบบ DIY (ราคาแตกต่างกันตามรูปแบบที่เลือก) จริง ๆ เคโกะสนใจเป่าแก้วนะ แต่คิดถึงแผนเที่ยวของตัวเอง ก็วิตกว่าจะทำแตกขึ้นมาค่ะ เลยขอผ่านดีกว่า T.T

สิ่งที่ 2 ก็คือ ห้องกระจก 360 องศา มีค่าเข้า 100NTD ค่ะ เค้าจะมีถุงมือ ถุงเท้าให้ อันนี้เคโกะก็สนใจ แต่มาคนเดียวไง มันต้องไปกันหลาย ๆ คนมั้ยอะถึงจะสนุก .. ก็อดไปอีกค่ะ T.T

มีตัวอย่างภายในให้ดูบนทีวีด้านนอกนะคะ

สิ่งสุดท้ายก็คือมิวเซียม (อีกแล้ว 555) ค่ะ ซึ่งจริง ๆ ก็คือประวัติความเป็นมาของโรงงานผลิตแก้วแห่งนี้แหละ แต่ก็จะเล่าถึงกระบวนการ วิธีการผลิตแก้วแบบต่าง ๆ ลงลึงไปถึงระดับเทคนิคด้วยค่ะ คือ ถ้าคนเรียนมาสายนี้ ควรมาดูนะ เคโกะว่าน่าจะได้ความรู้กลับไปบ้างค่ะ ^^”

ตัวมิวเซียมอยู่ชั้น 2 จะมีพนง.เช็คอยู่ก่อนทางขึ้น (เช็คนี่คือ เช็คว่าไม่มีอาหารและเครื่องดื่มถือขึ้นไปค่ะ)

ตัวนิทรรศการต่าง ๆ เคโกะไม่ได้ถ่ายรูปมานะ เพราะไม่ค่อยมีความรู้ในเชิงเทคนิคของแก้วและสายการผลิตค่ะ T.T

ทางเดินช่วงนึงเป็นพื้นกระจกด้วย เข้าใจว่าอธิบายถึงลักษณะของทรายที่นำทาผลิตเป็นแก้ว/กระจกนะ

จากนั้นก็เดินไปรอรถบัส นั่งรถย้อนกลับมาลงที่จุดไฮไลท์ของเส้นทางสายลู่ก่างค่ะ ซึ่งก็คือถนนสายโบราณลู่ก่างนั่นเองงงงงง

ป้ายรถเมล์ที่ลง จะเป็นจุดท่ารถด้วย และถนนสายลู่ก่าง ก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้ค่ะ ต้องเดินไปอีกประมาณ 10-15 นาที มีแผนที่แปะให้ดูที่ป้ายรถเมล์ด้วยนะ

เดินมาถึงแล้วก็คราคร่ำไปด้วยผู้คนค่ะ แม้จะบ่ายแล้วก็ตาม เดินไหลตามผู้คนโลดเลยค่ะ

ตลอดถนนเส้นทางนี้ก็จะมีวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบเก่าดูขลังให้เข้าไปกราบไหว้ด้วย (เคโกะผ่านค่ะ แหะๆ)

แล้วก็ตึกรามบ้านช่องสไตล์โบราณเลย ถ้าคนน้อยก็น่าจะถ่ายรูปกันได้เพลิน ๆ ค่ะ

บนถนนเส้นนี้ซึ่งจริง ๆ แล้วยาว มีหลายแยกไปอีก ก็จะมีร้านค้าหลากหลายประเภทค่ะ ทั้งของอุปโภค บริโภค มีเกมเหมือนเกมงานวัดด้วยนะ มีงานฝีมือแบบแฮนด์เมดด้วย ถ้าชอบอะไรแนวนี้ก็น่าสนใจทีเดียวค่ะ

ของกินก็เยอะค่ะ ทั้งแบบร้านเข้าไปนั่งทาน กับแบบของกินเล่นที่เดินไปกินไปด้วยได้

สิ่งแรกที่โดนเลยคือเห็ดออรินจิทอด ดูธรรมดา แต่อร่อยมากกกกกอะ สนนราคา 50 NTD ค่ะ

สิ่งที่โดนถัดไปก็คือขนม???? (คนไทยเรียกว่าอะไรคะ ก่อนหน้านี้ที่ไปกับเพื่อน เพื่อนก็ถามเหมือนกันว่าคนไทยเรียกว่าอะไร เคโกะก็นึกอยู่นานก็นึกไม่ออกอะ 5555) คนจีนเรียกว่า 车轮饼 (แปลตรงตัวก็คือ ขนมล้อรถค่ะ) เคโกะซื้อมา 2 ไส้ ช็อคโกแลตกับข้าวโพด 20NTD อร่อยมากค่ะ ไส้ข้าวโพดนะ เหมือนซุปข้าวโพดเลยค่ะ ข้าวโพดเยอะมากและไม่หวานเกินไป

ปิดท้ายที่ขนมแบบขนมโตเกียวบ้านเรา แต่เค้าใช้วิธีพับเป็นเครปเลย รสชาติคือขนมโตเกียวบ้านเราเลยค่ะ แต่ทำแป้งนิ่มกว่าเยอะ ไม่ได้จดราคามา แต่ไม่ประทับใจเท่าไหร่ค่ะ

ปิดท้ายแบบจริงจังด้วยน้ำชาเขียวมะนาว 45NTD ที่ร้านนี้ค่ะ คนต่อคิวหน้าร้านเยอะมากกกกกกกกกกกก และร้านมีกิมมิคด้วย ให้เสี่ยงเซียมซีไรงี้ค่ะ

วิธีสั่ง ก็เหมือนร้านชานมทั่วไปค่ะ สั่งแล้วจ่ายเงิน เค้าจะให้บิลมา ในบิลจะมีหมายเลขคิวอยู่ ก็รอฟังเสียงขานเบอร์แล้วไปรับชาที่เราสั่งไว้

ช่างเป็นชามะนาวจริง ๆ ค่ะ ฝานมะนาวใส่ให้มาด้วย ><~ ส่วนเรื่องรสชาติ ก็เฉย ๆ นะคะ เหมือนชามะนาวทั่วไป

โดยสรุปกับ 1-day trip ที่เมือง Changhua ค่ะ

  • ในตัวโรงงานต่าง ๆ ที่ไปดูมา พอได้เดินไปจากโรงงานแรกไปโรงงานที่สองแล้ว ก็สัมผัสได้ว่านั่นคือเขตโรงงานค่ะ เดินทางด้วยรถส่วนตัวจะสะดวกกว่า จึงไม่น่าแปลกใจที่ไม่มีคนต่างชาติไปเลย และส่วนใหญ่ก็จะไปกันเป็นครอบครัว พาเด็กไปเรียนรู้โรงงานต่าง ๆ ค่ะ
  • ทั้ง 3 โรงงานนั้น โดยส่วนตัวแล้วก็คิดว่าก็เฉย ๆ ค่ะ ไม่ได้ว้าว ไม่ได้น่าประทับใจเท่าไหร่
  • ถนนโบราณสายลู่ก่างคือดีงาม ของกินเยอะ คนเยอะ ตึกรามบ้านช่องคือเก่าจริง น่าถ่ายรูปเล่น เคโกะว่าน่าสนใจค่ะ ก็แวะมาเดินเล่นได้ ถ้าไม่ติดว่าไกลไปจากเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ๆ สักหน่อยก็นะ

ในเมือง Changhua นั้นมีอีกที่นึงที่น่าสนใจที่เคโกะลิสต์ไว้ว่าจะไปในครั้งนั้นนะคือ 八卦山 (BaGuaShan ปา-กว้า-ชาน) ค่ะ เป็นวัดที่มีพระองค์ประธานองค์ใหญ่ ๆ ประดิษฐานอยู่ แต่มันพลาดตรงที่เคโกะไม่ได้จองตั๋วรถไฟล่วงหน้า และไปขึ้นรถไฟ ไถหนาน-จางฮว่า ขบวนด่วนตอนเช้าไม่ทันค่ะ เลยต้องนั่งรถไฟขบวนธรรมดา (แถมหลายต่อด้วย) เลยทำให้มาช้าไปกว่าที่กำหนดไว้ ก็เลยจำเป็นต้องตัดออกค่ะ

ก็ลองดูละกันเนอะ สำหรับใครที่มีเวลาว่างและบังเอิญไปเมือง Changhua ค่ะ

— เพื่อนมารู้ทีหลังว่าไปจางฮว่ามา ไปเดินลู่ก่างมาก็ตบอกตกใจใหญ่เลย เพราะก็ไม่คิดว่าจะไป คือเมืองนี้มันไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวอะค่ะ ^^”

ยังมีอะไร amazing อีก ติดตามกันให้ดีนะคะ ^^”
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

Taiwan Indigenous Peoples Cultural Park

สวัสดีค่าาาา เพื่อน ๆ ที่อยู่ในเมืองผิงตง (Pingtung) นั้นมักจะชอบพูดว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่น่าเบื่อ ไม่มีอะไรเลยยยยย ซึ่งเคโกะว่าก็จริงครึ่งหนึ่งนะ (555) เพราะบางสถานที่เที่ยวบางที่อะ ไม่มีรถประจำทางไปค่ะ เลยทำให้รู้สึกว่าไม่มีที่เที่ยวไหนเลย เฉพาะในเมืองนี้นะคะ

แต่ก็นะ ก็ยังไม่วายหาที่ไปจนได้ค่ะ ซึ่งที่นี่นั้น ไปง่าย มีรถประจำทางไป มีรอบเวลารถบัสเป๊ะ ๆ เลย แต่ว่าก็ยังคิดอยู่ว่าควรจะมีความเข้าใจในความเป็นมาของไต้หวันสักนิดหน่อยก็จะดีค่ะ หรือไม่ก็ชอบแนวพิพิธภัณฑ์ หรือชอบแนว ๆ วัฒนธรรมพื้นเมืองไรงี้อยู่เป็นทุนเดิมซักหน่อยล่ะค่ะ น่าจะเข้าถึงและอินได้มากขึ้นนะคะ

Spot name : Taiwan Indigenous Peoples Cultural Park / 台湾原住民族文化园区
Websitehttps://www.tacp.gov.tw/tacpeng/home02_2.aspx?ID=4
Facebookhttps://www.facebook.com/tacp.tw/
Opening hours : 8.30-17.30 (closed on Monday)
Entrance Fee : 150NTD
Access : Taiwan 好行 bus no.508 from Pingtung Station (120NTD for 1-day ticket)
Visited date : 10 March 2018

เคโกะเริ่มต้นการเดินทางที่สถานีรถไฟผิงตงนะคะ เดินไปขึ้นที่ท่ารถบัสเหมือนโพสต์ก่อนหน้าที่ไปเกาะเสี่ยวหลิวฉิวค่ะ ซึ่งท่ารถจะอยู่ทางด้านซ้ายมือของสถานีรถไฟ ติดกับ 7-11 ค่ะ แล้วก็ไปที่บูธขายตั๋วเพื่อซื้อตั๋วแบบ 1-day pass มา (ราคา 120NTD) ซึ่งจริง ๆ จะไม่ซื้อก็ได้ จะแตะบัตร Easycard ก็ได้ค่ะ เพียงแต่ว่าซื้อแบบ 1-day pass ก็จะคุ้มกว่าและถูกกว่าจ่ายเป็นเที่ยว ๆ ไปค่ะ

IMG_4967

จุดที่ขึ้นรถบัสก็จะมีสัญลักษณ์ของรถบัส Taiwan 好行 อยู่ค่ะ

IMG_4968

นั่งรถไปจนสุดสายเลยค่ะ รถบัสก็จะมาจอดที่ด้านหน้าของ Cultural Park แห่งนี้

DSC_6623

แล้วก็เดินไปซื้อตั๋วเข้ากันค่ะ ราคา 150NTD ค่ะ

IMG_4974

พอเข้ามาด้านในแล้ว จะมี tourist information counter อยู่ ก็เดินเข้าไปขอแผนที่หรือขอคำแนะนำเส้นทางก็ได้ค่ะ

ในสถานที่นี้จะมีการแสดงโชว์พื้นเมืองตามจุดต่าง ๆ ด้วย แต่น่าเสียดายที่เคโกะไปผิดจังหวะไปหมดเลย ไม่ได้ดูโชว์อะไรสักอย่างเลยค่ะ T.T

ตอนที่ไป พนง.แนะนำให้ดูนิทรรศการความเป็นมาของชนเผ่าพื้นเมืองต่าง ๆ ของไต้หวันก่อน ซึ่งก็อยู่ติดกับ tourist information นั่นแหละค่ะ

ภายในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะคะ

ตัวอาคารที่จัดแสดงจะมี 2 ชั้น ทางเดินจะเป็นทางเดียว วน ๆ ขึ้นไปชั้นสอง จะออกมาที่ทางออกได้ค่ะ ก็จะเจอสะพานเก๋ ๆ แบบนี้

DSC_6627

ที่ cultural park แห่งนี้มีอาณาบริเวณที่ใหญ่มาก ๆ ค่ะ แบ่งออกเป็นประมาณ 5 โซนด้วยกัน ซึ่งมีรถชัทเทิลบัสบริการฟรีค่ะ

จุดแรกที่ขึ้นรถชัทเทิลบัสก็จะหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

DSC_6626

** สิ่งที่ต้องระวังก็คือการขึ้นรถชัทเทิลบัสค่ะ ต้องสังเกตป้ายรอรถด้วยว่าไปไหน อย่างจุดข้างบน จุดทางเข้าที่เคโกะขึ้นจากด้านหน้าเลยเนี่ย ก็จะบอกว่าไปโซนไหน ซึ่งเค้าจะไปส่งให้ 2 โซนค่ะ คือ Naluwan กับ Fuguwan ส่วนโซนตรงกลางคือ Tamaluwan ไม่มีรถไปส่งค่ะ ต้องเดินไปเอง .. ถามว่าไกลมั้ย ก็นิดนึงค่ะ พอสมควรอยู่

ด้วยความโก๊ะ ๆ ของเคโกะเอง ก็จะนั่งรถวนไปวนมาสองสามรอบอยู่ กว่าจะครบค่ะ เพราะงั้นก็เลยจะออกตัวไว้ตรงนี้ว่า ถ้าแปะรูปสลับโซนกันก็ขออภัยด้วยค่ะ ><~

เริ่มที่โซนแรกคือ Naluwan ซึ่งจะอยู่ด้านในลึกเกือบสุดค่ะ โซนนี้มีโชว์ที่น่าสนใจอยู่ด้วย แต่เวลาไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องขอผ่านล่ะค่ะ T.T

การแสดงที่เคโกะว่าก็จะจัดในเธียเตอร์หน้าตาประมาณนี้ค่ะ

DSC_6656

มีป้ายตั้งอยู่ด้านหน้าว่ารอบต่อไปกี่โมง และโชว์ของชนพื้นเมืองกลุ่มใด ใจเคโกะอยากดูของชนเผ่าอาเหม่ยค่ะ แต่เป็นช่วงเช้า เคโกะโผล่ไปตอนบ่ายแล้วอะ และถ้าดูก็จะกลับเย็นเกินไปค่ะ ซึ่งก็นัดเพื่อนไว้ด้วย >< อดเลยยยย~

DSC_6657

ใกล้ ๆ ก็มีโซนอาหารจำหน่ายอยู่ พร้อมที่นั่งรับประทานเรียบร้อยค่ะ ราคาก็แรงนิดนึงตามประสาสถานที่ท่องเที่ยวนะคะ

DSC_6655

นอกจากนี้ก็จะมีอาคารจัดแสดงนิทรรศการด้วยค่ะ แสดงวิถีชีวิตพื้นบ้านของชนเผ่าค่ะ

มีป้ายห้ามถ่ายรูป แต่ก็แอบถ่ายมานิดหน่อย แหะๆ

IMG_4978

เอาจริง ๆ เคโกะว่าหุ่นที่เค้าจัดแสดงแอบหลอนอะ ><

ก็เหมือนจริงไป๊~

IMG_4979

ต่อกันที่โซนถัดไปดีกว่าค่ะ ^^”

โซนถัดไปจะอยู่ด้านในลึกสุดของ Cultural Park แห่งนี้เลย ซึ่งก็คือโซน Fuguwan ค่ะ การจัดแสดงของเค้าจะอยู่ในบ้านทรงโบราณแบบพื้นเมืองอะค่ะ ในบ้านแต่ละหลังก็จะมีการแสดงวิถีชีวิตของคนพื้นเมืองที่แตกต่างกันไป

ป้ายแสดงโซนก็จะเป็นประมาณนี้นะคะ

DSC_6639

บ้านในพื้นที่จัดแสดงก็แอบมีอะไรกุ๊กกิ๊กน่ารัก ๆ อยู่เหมือนกัน

DSC_6642

บ้านบางหลังก็จะมีการแสดงด้วยค่ะ … ซึ่งงงงง ไม่ได้ดูเช่นเดิม มาผิดจังหวะตล๊อดดดด T.T

DSC_6643

กำลังจะเดินออกจากโซนนี้อยู่แล้ว ก็เหลือบไปเห็นป้ายหรืออ่านในแผ่นพับที่ได้มาสักอย่างอะค่ะว่ามีงานหัตถกรรมด้วย ก็เลยโฉบเข้าไปสักหน่อย

มีคุณพี่เจ้าของบ้านนั่งเป่าแก้วทำเป็นเครื่องประดับลวดลายต่าง ๆ ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นวิถีของชนเผ่าอาเหม่ยค่ะ

DSC_6646

แล้วเคโกะก็แพ้ทางเครื่องประดับ accessories ต่างๆ อะ เลยยืน ๆ เลือก ๆ อยู่นาน สุดท้ายก็เลือกมาได้อันนึงค่ะ แล้วคุณพี่ก็อธิบายว่า แต่ละลวดลายที่อยู่บนสร้อย หรือบนเครื่องประดับนั้นจะมีความหมายไม่เหมือนกัน คล้าย ๆ เป็นการอวยพรไรงี้อะค่ะ ลวดลายแต่ละแบบก็จะมีความหมายต่างกัน แล้วเส้นที่เคโกะหยิบมานั้น เป็นการขอให้คลอดบุตรง่าย … เอิ่มมมมม… T^T

ชะงักไปสามวินาที ก่อนจะให้คุณพี่ช่วยแนะนำให้ ซึ่งภาษาจีนของคุณพี่เค้าก็ฟังไม่ค่อยถนัด (น่าจะติดสำเนียงท้องถิ่นมาค่ะ เลยทำให้ฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่) แล้วผสมกับความกากในภาษาจีนของตัวเองอีก งานยากเลยแหละ T.T

สุดท้ายก็ได้มา 1 เส้น เป็นสร้อยข้อมือค่ะ สนนราคา 150NTD เค้าอธิบายประมาณว่าเส้นนี้ ลวดลายนี้จะเป็นการขอให้ปลอดภัยค่ะ เข้าทางเคโกะนะ ปีชงค่ะ อะไรพอยึดเหนี่ยวได้ก็จัดไว้ก่อน ^^”

IMG_4980

สายที่เค้าทำไว้ค่อนข้างยาวประมาณนึงเลย แต่เค้าเห็นว่าเคโกะใส่เองและใส่เลย เค้าก็ตัดสายให้สั้นลง ให้ใส่ได้กระชับขึ้นค่ะ น่ารักทีเดียว

จากนั้นก็ออกจากโซนนั้นค่ะ กลับมาที่โซนด้านหน้า แล้วก็รีบเดินไปโซนที่อยู่ตรงกลาง ที่ไม่มีรถชัทเทิลบัสไปส่งค่ะ ก็คือโซน Tamaluwan นั่นเอง

โซนนี้จะไม่มีการจัดแสดงหรือโชว์อะไรเลย เป็นเหมือนนิทรรศการถาวรตั้งไว้ให้ดู ให้ศึกษาเฉย ๆ ค่ะ ไม่ค่อยมีคนมาเดินด้วยซ้ำ (ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ไม่มีรถชัทเทิลบัสไปส่งล่ะนะ)

ส่วนใหญ่ก็จะประมาณแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนพื้นเมืองค่ะ เช่น บ้านมีกี่แบบ การศึกษา การดำรงชีวิต การเกษตร การละเล่นเป็นยังไงอะไรงี้ค่ะ

ที่ดึงดูดเคโกะให้เดินมาโซนนี้ก็คือสะพานเชือกค่ะ 555 แพ้ทางสะพานเชือกอีกอย่างนึง ><

DSC_6659

เจอของเล่นพื้นเมือง ที่ไร้ผู้คนมาก ๆ 55

DSC_6667

แล้วก็บ้านค่ะ

DSC_6668

ปิดท้ายด้วยอะไรสักสิ่ง แต่สีสันสะดุดตาไง 555

DSC_6673

จากนั้นก็เดินกลับมาโซนด้านหน้าตามเดิม ซึ่งจะมีร้านขายของที่ระลึกด้วยค่ะ แล้วก็มีร้านค้า ของกินเล่นอะไรนิดหน่อยนะ เคโกะเดินดูผ่าน ๆ แล้วก็กลับค่ะ

วิธีกลับก็ตรงข้ามกะวิธีมาค่ะ ก็นั่งรถบัสสายเดิมนั่นแหละ ซึ่งป้ายรถเค้าก็จะอยู่ด้านหน้า ตรงจุดที่เราลงรถบัสตอนขามาค่ะ แล้วก็นั่งไปจนป้ายสุดท้ายก็จะไปถึงที่สถานีรถไฟผิงตงค่ะ

ก่อนจบโพสต์แบบดื้อ ๆ ก็ฝากเพจเลยแล้วกัน 555
https://www.facebook.com/thisiskeigo/