สวัสดีค่ะ แรกทีเดียวจะมารีวิวที่พักบนเกาะเสม็ด แต่รูปน้อยก็จัง ^^” ก็เลยแถมภาพวิว บรรยากาศรอบ ๆ เสม็ดไปด้วยเลยแล้วกันค่ะ มามะ ไปด้วยกันนะคะ
ทริปนี้เคโกะไปกับเพื่อนค่ะ เพื่อนก็แสนน่ารัก เคโกะแค่บอกว่าไปเสม็ดกัน เพื่อนก็โอเคตามนั้น แถมยังขับรถพาไปอย่างรู้ทางอีก เคโกะได้แต่นั่งเงียบ ๆ ในรถไปตลอดทางค่ะ 555 >> ออกตัวไว้แต่ตรงนี้ เพราะข้อมูลในเรื่องเส้นทางสถานที่ตำแหน่งก็จะไม่ค่อยละเอียดนักนะคะ แหะๆ
กระโดดวาร์ปมาที่ท่าเรือข้ามไปเสม็ดเลยแล้วกัน เรามากันแต่เช้าค่ะ ที่ท่าเรือมีที่รับฝากรถและมีร้านอาหารด้วย ก็เลยกินข้าวรอเรือออกไปพลาง ๆ พอใกล้ ๆ เวลาเรือออกก็จะมีรถสองแถวมาบริการรับไปส่งที่ท่าเรือค่ะ จะได้ไม่ต้องเดินไปเอง .. ไกล๊ไกลอ่ะ
ทริปนี้เราต่างก็ชิลล์ทั้งคู่ ไม่รู้ว่าเพื่อนไปอ่านรีวิวไหนมา บอกว่าไม่จำเป็นต้องจองที่พักไว้ก่อนก็ได้ ไม่ใช่ช่วงเทศกาล ที่พักไม่เต็มหรอก เคโกะก็ชิลล์ตามค่ะ ไม่จองก็ได้ เดี๋ยวเราไปหาเอาหน้างานกัน
ถึงท่าเรือเสม็ดแล้วก็จ่ายค่าผ่านทางอีกคนละ 20 บาท (ถ้าจำไม่ผิดนะ) แล้วก็นั่งสองแถวไปลงหาดทรายแก้ว เสียค่าผ่านทางของอุทยานแห่งชาติอีกคนละ 40 บาทค่ะ
ตั๋วที่ได้มาควรเก็บรักษาไว้ให้ดี เพราะถ้าผ่านเข้าออกบริเวณที่ทำการอุทยานฯก็จะต้องแสดงบัตรผ่านด้วยค่ะ ไม่งั้นก็เสียค่าผ่านทางใหม่ ซึ่งบนบัตรเค้าก็เขียนไว้ชัดเจนอยู่
รวมถึงถ้าไปดำน้ำที่เกาะทะลุและเกาะกุฎีด้วยค่ะ เพราะบนเกาะมีจนท.ตรวจตั๋วด้วยค่ะ
พอเดินมาที่ชายหาด เราก็เลี้ยวขวาค่ะ ไปสอบถามที่พักที่เราเสิร์ชหากันมาทางเน็ตและสนใจก่อน แต่ปรากฏว่าห้องพักไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เลยเดินไปอีกนิดก็เจอกับ “จิรวรรณ โฮเต็ล” ซึ่งตอนที่ไปกำลังก่อสร้าง ปรับปรุงสถานที่กันอยู่ ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เราก็ขอเข้าไปดูห้องพัก และตกลงพักที่นั่นในราคาคืนละ 1200 บาท (ไม่รวมอาหารเช้า)
Hotel name : จิรวรรณ โฮเต็ล / Jirawan Hotel
Website : http://jirawanhotel.com/th/
Location : หาดทรายแก้ว เกาะเสม็ด
Room rate : 1,200BHT/room/night (breakfast not include)
Booking via : walk-in
No night(s) : 1 night (26 – 27 Aug 2017)
มาดูรอบ ๆ ห้องกันค่ะ สภาพห้องค่อนข้างเก่า เฟอร์นิเจอร์เป็นเรือนไม้หนัก ๆ ดูไม่ค่อยเข้ากับทะเลเท่าไหร่ เข้าใจว่ากำลังปรับปรุงที่พักใหม่อยู่ หวังว่าพอปรับปรุงเสร็จแล้วน่าจะดีกว่านี้ค่ะ
เตียงนอนเป็นเตียงเดี่ยวสองเตียงชนมาติดกันเป็นดับเบิ้ล มีผ้าขนหนูให้วางไว้บนเตียง (ผืนสีม่วง ๆ นั่นแหละ) แต่ค่อนข้างบางมากกกกก
อีกฝั่งตรงข้ามปลายเตียงเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง, โต๊ะวางทีวีและตู้เย็นค่ะ
จริง ๆ แล้วข้างขวาของโต๊ะเครื่องแป้งมีเก้าอี้วางแอบ ๆ ไว้ 2 ตัว ดูทรงแล้วไม่น่าจะเข้าไปนั่งได้เลย ออกแนวให้วางของอย่างเดียว – -” และก็ไม่สามารถยกออกมานั่งได้ด้วย เพราะอย่างที่บอกไป เป็นเฟอร์ไม้หนัก ๆ ค่ะ
ที่โต๊ะวางทีวี ใต้โต๊ะมีตู้เซฟเล็ก ๆ ให้เก็บของได้นิดหน่อย
ต่อกันที่ห้องน้ำ มีการแบ่งส่วนเปียกและส่วนแห้งอย่างชัดเจน และไม่กระเซ็นถึงกันแน่นอนเพราะเป็นที่กั้นแบบปูนกระเบื้องเลยทีเดียวค่ะ
ในส่วนเปียก มีชั้นวางของให้ ซึ่งก็วางของได้เยอะดี สิ่งที่ไม่โอเคเท่าไหร่คือให้สบู่เป็นก้อนเล็ก ๆ มา ถ้าเอามาใช้และวางบนชั้นนี้ ก็จะติดอยู่บนชั้น หยิบออกมาไม่ได้ ติดหนึบไปกับชั้นเลยค่ะ – -”
ในส่วนของที่พักก็พอแต่เพียงเท่านี้ค่ะ สรุปกันไว ๆ เลยเพราะเดี๋ยวมีเล่าเรื่องทริปนี้อีกหน่อยเนาะ
- ที่พักมีไวไฟให้ด้วย
- ตอนที่ไปมีการซ่อมแซม ปรับปรุงสถานที่หรืออะไรบางอย่างอยู่ ทำให้ดูไม่ค่อยน่าเข้าพักเท่าไหร่
- ห้องพักค่อนข้างเก่า แลดูทรุดโทรมไปหน่อย รวมทั้งบรรยากาศในห้องดูทึม ๆ ครึม ๆ ด้วยค่ะ รวมไปถึงทางเดินไปห้องด้วย ดูมืด ทึบ ถ้าไปคนเดียวคงไม่กล้าพักอะค่ะ
- ไม่มีราวตากผ้าให้นะคะ มีไม้แขวนเสื้อให้ ซึ่งแขวนอยู่บนราวเหนือตู้เย็น แต่ไม่สามารถแขวนตากผ้าเปียกจากการเล่นน้ำทะเลได้อะค่ะ
- ประตูห้องไขยาก ดูฝืด ๆ คล้ายกับสนิมเกาะเยอะเกินไปไรงี้
- ราคาวอล์คอินไม่รวมอาหารเช้าค่ะ
- ผ้าเช็ดตัวมีบริการแต่ผ้าบางมากกกกกกกกกกกกกก เป็นผ้าแบบที่พอเอามาเช็ดตัวแล้วถ้าไม่ตากดี ๆ จะมีกลิ่นอับ ๆ อะค่ะ ><“
- สิ่งที่ดีอีกอย่างคือ ติดทะเล ออกจากรีสอร์ทวิ่งลงทะเลได้เลยค่ะ
โดยรวม ๆ แล้ว .. เอาไว้เก็บของ และซุกหัวนอนพอค่ะ ><”
หลังจากที่เก็บของในห้อง เปลี่ยนเสื้อพร้อมเล่นน้ำแล้ว เราก็ลงมาเตรียมตัวรอไปดำน้ำที่ได้คุยไว้ก่อนล่วงหน้าค่ะ เป็นดำน้ำ 7 จุดมั้งนะ ถ้าจำไม่ผิดค่ะ
ระหว่างทริปดำน้ำ เราก็เจอกับฝนห่าใหญ่ เลยติดแหง่กกันอยู่บนเกาะ รอจนฝนซาถึงจะออกเรือไปกันต่อได้ และก็ฟ้ามัวซัวตลอดทริปค่ะ
ไฮไลท์ก็จะมีเกาะกุฎี ซึ่งเป็นจุดพักทานข้าวเที่ยงด้วย และก็มีจนท.ตรวจบัตรผ่านอุทยานฯด้วย
ฟ้ามืด ๆ รับฝนกันไป ชุ่มฉ่ำถ้วนหน้าค่ะ
แล้วก็เกาะทะลุ รูปนี้เป็นด้านหน้าเกาะค่ะ สิ่งที่ทำให้เรียกว่าเกาะทะลุจะอยู่ด้านหลังของเกาะ ซึ่งลักษณะจะเป็นโขดหินที่เป็นรู ๆ ตรงกลาง เลยเรียกว่าเกาะทะลุอะนะคะ
นอกนั้นก็เล่นน้งเล่นน้ำ ดำน้ำดูปลาบ้าง ดูปะการังบ้างไปเรื่อยเปื่อยค่ะ (รูปน้อยไปอีก แหะๆ) แล้วก็กลับมาฝั่งในตอนเย็น
อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปกินข้าวที่ร้านพลอยทะเล ร้านสุดฮิตบนหาดทรายแก้วนี้ค่ะ คนเยอะมากมาย ซึ่งจริง ๆ ตั้งใจว่าจะกินข้าวรอดูการแสดงควงตะบองไฟ แต่กินเร็ว อิ่มก่อนการแสดงจะเริ่ม + คนรอคิว รอโต๊ะเยอะ ก็เลยออกไปเดินเล่นชายหาดกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยวนกลับมายืนดูการแสดงใหม่ค่ะ
การแสดงก็จะแสดงอยู่บริเวณระเบียงร้านก่อน แล้วค่อยย้ายมาแสดงบนหาดค่ะ ตรงนี้ก็จะอลังการกว่า ตื่นตาตื่นใจกว่าเยอะ ก็จะประมาณนี้
แล้วก็เดินกลับห้อง นอนพักผ่อนค่ะ
เช้าวันต่อมา ต้องกลับเข้าฝั่งและกลับกทม.แล้ว ไม่รู้ทำไม เช้าวันกลับหลังจากเจอฝนทีไร ฟ้ามักจะแจ่มใสเสมอ -“-
บรรยากาศยามเช้า .. เอิ่ม.. ก็ไม่เช้าเท่าไหร่นะ ที่ชายหาด บริเวณหน้าที่พักค่ะ มีนักท่องเที่ยวออกมาเดินเล่น เล่นน้ำกันพอสมควรแล้ว
ขากลับ เราเดินกลับไปที่ท่าเรือค่ะ จริง ๆ มันก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่เลยอะค่ะ ^^”
บ๊ายบายนะ เกาะเสม็ด ..
นั่งเรือกลับเข้าฝั่ง พยายามเก็บภาพเรือกับท้องทะเลให้ดูเวิ้งว้าง ๆ .. พยายามตั้งแต่ขาไปละ มาได้ขากลับ ได้แค่นี้ล่ะค่ะ 555
ก็ลากันไปกับทริปสั้น ๆ ใช้เวลาแค่เสาร์อาทิตย์เองกันตรงภาพนี้เลยก็แล้วกันเนอะ
เจอกันใหม่ในโพสต์ถัดไปค่ะ ยังคงวนเวียนกันอยู่ในไทยนี่แหละ ^^”