[Tokyo] Yanaka Ginza + Sugamo Jizo-dori

สวัสดีค่ะ ยังอยู่กันที่ญี่ปุ่นอยู่น้าาาา และเพราะมาญี่ปุ่นหลายรอบมาก โดยเฉพาะโตเกียว เลยพยายามหาที่ที่ยังไม่เคยไป แล้วก็เลยมาเจอกับ walking street เข้า ซึ่งถูกจริตเคโกะที่ชอบเดินดูของและกินหนมไปด้วย ก็เลยต้องจัดค่ะ

จริง ๆ แล้วเป้าหมายนึงของเคโกะคือตลาดผ้าที่ Nippori หรือ Nippori Fabric Town นะ แต่ดูเหมือนว่าเคโกะจะมาผิดวันค่ะ ฮาาาาา

ไม่เป็นไร ก็จะลงรูปให้ดูเป็นแนวคร่าว ๆ เนาะ เผื่อใครสนใจก็ไปให้ถูกวันนะค้าาา 555

Spot name : Nippori Fabric Town/Nippori Textile Town
Location : Nippori, Tokyo
Google maps : https://goo.gl/maps/3q7jaVhA1mKMXnBE6
Entrance fee : free
Opening hours : 10.00-18.00 on Mon-Wed, Fri-Sat/8.00-18.00 on Thu/Closed on Sun
Visited date : 29 Dec 2019

ถ้าใครไปแอบดูปฏิทินดูก็จะเห็นว่าวันที่เคโกะไปน่ะเป็นวันอาทิตย์ 5555555 (หัวเราะเยาะตัวเองได้ นักเลงพอ 555)

จริง ๆ เคโกะมีเวลาหาข้อมูลน้อยค่ะ แล้วก็ไปเจอข้อมูลจากไหนมาไม่ทราบว่าวันอาทิตย์ก็เปิดนะ แต่เปิดน้อยไรงี้ ไอ้เราก็แบบ เออ ๆ ก็ว่างแค่วันอาทิตย์อ่ะ ก็ลองไปดูแล้วกันไรงี้ค่ะ

การเดินทาง นั่งรถไฟน่าจะสะดวกสุดค่ะไปลงที่สถานี Nippori แล้วออกตามป้ายบอกเลย คือ East exit ค่ะ แล้วเดินไปตามทาง มีป้ายบอกตลอดทางเลยค่ะ ไม่หลงแน่นอน

เดินใกล้ ๆ ถึงแล้วก็เอะใจละว่าดูเงียบผิดปกติ เพราะเท่าที่ดูรีวิวมา คือจะครึกครื้นเลยค่ะ มีของขายหน้าร้าน วางขายเยอะ ๆ คนเยอะ ๆ ไรงี้ แต่นี่คือเงียบกริบเลยอะ 5555

เดินได้นิดก็รู้แล้วค่ะ ร้านปิดวันอาทิตย์กัน ไม่ต้องมาวันอาทิตย์นะคะ

ว่างเปล่า โล่งสนิทเลยมั้ยล่ะ 555

คือร้านที่เปิดก็มีนะคะ แต่น้อยมากกกกกกกกกกค่ะ ไม่ควรมาวันอาทิตย์เป็นอย่างยิ่งค่ะ และบวกกับเคโกะไปช่วงใกล้ ๆ ปีใหม่อีก บางร้านก็ฉวยโอกาสหยุดยาวไปเลยค่ะ

5555 โอ๊ยยย ชั้นมาทำอะไรที่นี่~

ร้านนี้ชัดเจนค่ะว่าปิดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ป้ายบอกหน้าร้านเลย

เอาล่ะ พลาดไปแล้ว ก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายด่วน ๆ ค่ะ

ที่สถานี Nippori นี้ นอกจากจะมีตลาดผ้าแล้ว ก็ยังมีถนนช้อปปิ้งอีกด้วย ก็ย้อนกลับไปเดินเล่นกันดีกว่าค่ะ

Spot name : Yanaka Ginza
Location : Nippori, Tokyo
Google maps : https://goo.gl/maps/j9KMW7fe15XQpSLx7
Entrance fee : free
Opening hours : N/A (up to each store)
Visited date : 29 Dec 2019
Website : https://www.yanakaginza.com/

เดินย้อนกลับไปที่สถานี Nippori แล้วก็ไปทาง West exit ค่ะ เดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเลยก็จะเจอกับ Yanaka Ginza ซึ่งเป็นเหมือน Walking street ความยาวไม่ยาวมากนักค่ะ เค้าว่ากันว่าที่นี่น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของทาสแมว เพราะมีแมวเป็นกิมมิคค่ะ แล้วก็มีนุ้งแมวมาอวดโฉมให้ทาสแมวกรี๊ด ๆ ด้วยล่ะ แต่เคโกะเดินไม่เจอเลยซักตัวนะคะ

เดินมาเจองี้ก็ถูกทางแล้วค่ะ เดินตรงไปอีกนิด ก็จะเจอกับขั้นบันไดลงไปด้านล่าง

เริ่มมีความน่ารักมาให้กรี๊ดกร๊าดตามประสาทาสแมวแล้วค่ะ

ลักษณะก็จะเป็นตรอกเล็ก ๆ แคบ ๆ มีร้านค้าสองข้างทาง ซึ่งมีทั้งของทานเล่น ร้านอาหารและร้านค้าข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เสื้อผ้าไรงี้ค่ะ

แล้วเราก็มาตะลุยหาของกินกันค่ะ

เริ่มที่ร้านนี้ ขายของทอด ๆ คนแน่นมากกกกกค่ะ ถ้าจำไม่ผิดจะขายมีทั้งราคาเป็นชิ้นกับตามน้ำหนักค่ะ

เคโกะก็เลือก ๆ มาสองสามอย่างนะ อย่างละนิดละหน่อย รวม ๆ กัน 270Y ค่ะ

ถามว่าอร่อยมั้ย คือ … ถ้าทอดมาร้อน ๆ ก็อร่อยดีอยู่หรอกค่ะ แต่บางอย่างก็วางไว้ซักพักแล้ว และอากาศหนาวเนาะ อาหารก็เย็นเร็วค่ะ แล้วก็มาแต่ละอย่างคือไม่หั่นเลย ใช้ความสามารถตัวเองในการกัดเคี้ยวล้วน ๆ ถ้าฟันดี ๆ ก็โอเคค่ะ แต่เคโกะฟันบิ่นนะ ทำให้กัดแบ่งเป็นคำ ๆ ยากมากค่ะ ไม่โอเคตรงนี้ (สาเหตุฟันบิ่นไปหาอ่านตอนที่ไปสิงคโปร์เมื่อปีก่อนนู้นนะคะ ฮ่าๆ)

เดินไปจนเกือบสุดซอย สังเกตเห็นว่าเนื้อสับทอดเป็นอะไรที่ฮิตมาก ขายอยู่หลายร้าน ก็อย่างกระนั้นกระนี้เลยค่ะ ซื้อมาชิมซักอันซิ ราคา 250Y ค่ะ เป็นเนื้อสับนะ

ร้านที่ซื้อก็ตามแบ็คกราวน์ที่เบลอ ๆ นั่นแหละค่ะ ฮาาาาาา …

รสชาติคือเนื้อสับปั้นเป็นก้อนแล้วเอาไปทอด ร้านนี้ดีหน่อย ยังพอร้อน ๆ อยู่ ก็จะได้ความกรุบกรอบภายนอก และรสชาติเนื้อสับอร่อย ๆ ด้านในค่ะ เค้ามีขายหลายแบบนะคะ

ต่อมา ก็ไปจัดแพนเค้กนุ้งแมวมา เป็นแพนเค้กไส้ขาเขียว … เค้าเรียกขนมแบบนี้ว่าอะไรนะคะ เคโกะก็นึกไม่ออกอะ แง้~

คล้าย ๆ ไทยากิ แต่ไม่ใช่ค่ะ เนื้อสัมผัสแป้งคือแพนเค้กเลย แต่เป็นแพนเค้กที่มีไส้ T.T

หมดความสามารถอธิบายให้เห็นภาพแต่เพียงเท่านี้ T.T

คือถ้าเคยไปไต้หวันและรู้จักขนมแนวนี้บ้าง มันคือ 车轮饼 (เชอหลุนปิ่ง) อะค่ะ –ก็ยังมีความพยายามจะอธิบายอยู่ T.T

ราคาค่าตัวนุ้งแมวไส้ชาเขียวนี้ 200Y ค่ะ กินแรก ๆ ก็อร่อยดี แต่กินให้หมดแล้วจะรู้สึกแอบเลี่ยนหน่อย ๆ รสชาเขียวคือดีเลยนะคะ ชาเขียวเจ้มจ้นมาก นอกจากนี้มีไส้อื่น ๆ ด้วยค่ะ อยากชิมไส้อื่นอีก แต่คิดว่าไม่ไหว เลยอันเดียวพอค่ะ

ต่อมา เรายังอยู่กับความกิมมิคแมว ๆ ก็ไปจัดโดนัทหางแมวมาอีกที่ร้านนี้ค่ะ เค้ามีป้ายให้ดูเลยว่าเมนูเค้ามีอะไรบ้าง แต่เป็นโดนัทหางแมว ทรงเดียวค่ะ

(ดูออกมั้ยว่าเคโกะกินของทอดต้นซอย แล้วเดินผ่านไปจนท้ายซอย แล้วไล่ของกินจากท้ายซอยขึ้นมาใหม่ค่ะ ร้านโดนัทหางแมวอยู่ติดกับร้านของทอดที่เคโกะกินเป็นร้านแรกสุดนั่นอะค่ะ ฮ่าๆ)

เคโกะเลือกตัวนี้มา เป็นช็อคโกแลตแบบทางม้าลาย ราคาน่ารัก 130Y ค่ะ รสชาตินั้น ช็อคโกแลตเข้มข้นดีมากค่ะ อร่อยเลยแหละ สายโดนัทและทาสแมวไม่ควรพลาดค่ะ

กินเยอะมากเลยเนอะ 555

อิ่มแล้วก็ขยับตัวไปที่อื่นต่อค่ะ

Spot name : Sugamo Jizo-dori/Sugamo Jizodori Shopping Street
Location : Sugamo, Tokyo
Google maps : https://goo.gl/maps/NVHRYUTf44HYM6YCA
Entrance fee : free
Opening hours : N/A (up to each store)
Visited date : 29 Dec 2019
Website : https://sugamo.or.jp/

เคโกะนั่งรถไฟต่อมาลงที่สถานี Sugamo นะคะ ออกจากสถานีมาแล้วก็ข้ามถนนเดินต่อไปอีกนิดนึงก็จะถึงถนนช้อปปิ้งเส้นนี้แล้วค่ะ

Sugamo Jizo-dori นี้ได้ชื่อว่าเป็นถนนสายฮาราจูกุของรุ่นคุณย่าคุณยายค่ะ คล้าย ๆ กับเป็นถนนสายแฟชั่นในอดีตไรงี้นะคะ

สิ่งนึงที่เด่นมากของถนนสายนี้ก็คือ ร้านชั้นในสีแดงค่ะ

เท่าที่ทราบข้อมูลมาก็คือ คนสมัยก่อนเค้ามีความเชื่อกันว่าถ้าใส่ชั้นในสีแดงก็จะทำให้โชคดีและอายุยืนค่ะ เท่าที่เคโกะไปตระเวณญี่ปุ่นมานะ ก็ไม่เคยเห็นร้านแบบนี้ที่ไหนนอกจากที่นี่เลยค่ะ ^^”

เข้าไปวน ๆ ในร้านมาเหมือนกันนะ มีหลายหลายไซส์มากค่ะ และพัฒนาไปถึงว่ามีเสื้อบังทรง เสื้อชั้นในแบบคุณยาย กางเกงในมีลายตามปีนักษัตรไรงี้ด้วยค่ะ .. มีปีเคโกะด้วยนะ ยืนลังเลอยู่ว่าจะเอาดีไหม แต่ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่ชอบสีแดงเป็นการส่วนตัวอะ ฮาาาาา

อีกอย่างนึงที่เด่นมากบนถนนสายนี้ก็คือน้องเป็ดค่ะ น้องเป็ดมีชื่อด้วยนะ ชื่อซูกะมง (Zugamon) เป็นกิมมิคน่ารัก ๆ ของถนนเส้นนี้ค่ะ เราจะเจอน้อลอยู่ทุกที่เลย เห็นเค้าว่ามีก้นเป็ดตัวใหญ่ให้จับด้วยนะ แต่เคโกะหาไม่เจอค่ะ

เดินบนนถนนสายนี้ จะเจอวัดนึงที่ชื่อว่า Koganji Temple ค่ะ เข้าไปไหว้พระกันค่ะ

เข้ามาด้านในแล้วจะเจอกระถางธูปใหญ่สะดุดตามากค่ะ

วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่ดังในด้านการขอพรให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ ด้วยการอาบน้ำให้พระพุทธรูปที่อยู่ด้านข้างของตัวอาคาร

มีชื่อเสียงมากขนาดที่มีคนมาต่อแถวยาวมากค่ะ

วิธีการก็คือ เราต้องเอาผ้าสะอาดไปด้วยค่ะ แล้วจะวักน้ำ (มีกระบวยตักน้ำให้) ไปรดองค์พระแล้วใช้ผ้าทำความสะอาด หรือจะชุบน้ำให้ผ้าเปียกแล้วเช็ดองค์พระก็ได้ค่ะ

ถ้าไม่มีผ้าก็ซื้อเอาค่ะ มีขายทุกร้านที่อยู่ในวัดเลย 5555 ราคา 100Y เท่านั้นค่ะ

ถามเคโกะว่าจะพลาดมั้ย เด็กขี้โรคอย่างเคโกะมีเหรอจะไม่พลาด … แหะๆ

เสร็จสรรพแล้วอย่าเพิ่งไปไหนค่ะ มาลองชิมดังโหงะข้าง ๆ ก่อน เป็นดังโหงะเกลือ ไม้ละ 100Y ค่ะ ยืนทานเสร็จแล้วหย่อยไม้ที่ใช้แล้วลงกล่องที่หน้าร้านได้เลย

เคโกะอยากได้ถุงเครื่องรางด้วยนะ แต่ภาษาญี่ปุ่นก็อ่อนแอเหลือเกิน .. ไว้หลอกเซนเซไปด้วยได้ก่อนนะ จะไม่พลาดค่ะ ฮาาาาา

นอกจากวัดนี้แล้ว หากเดินไปจนสุดถนนสายนี้ ตรงสี่แยกถนน เลี้ยวขวานิดหน่อย ก็จะเจอศาลเจ้าอีกแห่งนึงค่ะ ผู้คนนิยมไปกราบไหว้เช่นกัน

ศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือ Sugamo Sarutahiko Koshindo ค่ะ

สิ่งที่โดดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ก็อย่างที่เห็นในรูปด้านบนค่ะ เป็นรูปปั้นลิง และมีลิงปิดตา ปิดหู ปิดปาก ปิดการรับรู้สามอย่างที่เรา ๆ น่าจะคุ้นเคยกันดีค่ะ

จากนั้นเดินกลับมาทางเดิม ซึ่งต้นถนนสายนี้ ก็ยังมีวัดอีกแห่งนึงอีกนะคะ ชื่อว่า Shinshoji Temple ค่ะ

เคโกะก็เข้าไปไหว้พระนิดหน่อยก่อนกลับนะคะ

จริง ๆ แล้วเท่าที่ได้ข้อมูลมา บนถนนสายนี้ยังมีอย่างอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น ผักดองสไตล์ญี่ปุ่น ขนมเซมเบ้ ไรงี้ค่ะ ซึ่งเคโกะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เลยเดินผ่าน ๆ ไปนะคะ

ช่วงนี้ก็ดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ แล้วเจอกันในโพสต์หน้า ยังอยู่ที่ญี่ปุ่นอยู่ค่ะ แหะๆ
https://web.facebook.com/thisiskeigo

[Shanghai] XinTianDi

สวัสดีค่ะ มีอะไรให้แหวกแนวสำหรับทริปนี้แล้วนะคะ นั่นก็คืออออ ไปเดินช้อปปิ้งกันค่ะ ^^”

Spot name : Xintiandi / 新天地 / 上海新天地
Google maps : https://goo.gl/maps/1oTxAzRKFFQ2
Transportation : Metro line 10 to Xintiandi station, exit 6
Entrance fee : free
Opening hours : 11.00-22.00
Visited date : 11 Nov 2018

ที่ Xintiandi นั้น เป็นคล้าย ๆ Community malls ค่ะ ก็มีห้างด้วย มีร้านค้าในโซน outdoor ด้วย ทั้งร้านอาหารและร้านค้าทั่วไปเลย เคโกะไปช่วงกลางวันนะ ก็จะเจอกับผู้คนมากมายกระจุกตัวในร้านอาหารต่าง ๆ ค่ะ

ให้ดูบรรยากาศราว ๆ ของห้างก่อนละกันเนอะ

ส่วนของเอาท์ดอร์ก็จะมีน้ำพุด้วย ก็มีคนยืนถ่ายรูปกันเยอะอยู่ เหมือนจะมีกิมมิค สตอรี่อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ตรงนี้ด้วยนะคะ เคโกะไม่ได้สนใจอะ แหะๆ

มีร้านอาหารไทยด้วยนะ คนแน่นทีเดียวเลยแหละ

ลักษณะร้านค้า หรือตึกด้านนอกส่วนที่เป็นห้างนั้น เค้าทำออกมาเป็นแนวโบราณหน่อย ๆ ค่ะ ดูคลาสสิค น่าไปเดินถ่ายรูปดีนะ

ตามตรอกซอกซอยก็มีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ อยู่เช่นกันค่ะ จะได้ฟีลแบบย้อนยุคหน่อย ๆ นะคะ

จริง ๆ แล้วก็สังเกตเห็นมีคนมาถ่ายรูปกับตึกทรงโบราณเบา ๆ แบบนี้อยู่บ้างเหมือนกันนะคะ

เดินมาจนเมื่อยแล้ว ก็เลยขอนั่งพักเบา ๆ ที่ Godiva ค่ะ ^^”

สั่งช็อคโกแลตปั่น ซึ่งเคโกะเองชอบรสชาติของ Godiva อยู่แล้วล่ะค่ะ สำหรับสาขาที่นี่ก็ยังอร่อยเช่นสาขาอื่นที่เคยชิมมา รสช็อคโกแลตเค้าจะเข้มข้น ๆ ดีค่ะ

แล้วก็สั่งเค้กเวลเว็ทมาทานคู่กัน .. อยากจะบอกว่า ตัวเองสั่งขนมกับน้ำมากินทั้ง ๆ ที่มีแพลนจะไป Line Cafe ต่อ T.T ช่างมีความโก๊ะที่ไม่สร่างซาเลยจริงๆ – -“

ส่วนเค้กเวลเว็ทนั้น เนื้อเค้าจะค่อนข้างแน่นนิดหน่อย โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบเค้กเนื้อเบาค่ะ แต่รสชาติโดยรวมนั้นก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว ไม่หวานเวอร์วังจนเกินไป

นอกจากนี้แล้วพนง.ก็คอยบริการเติมน้ำเปล่าให้ตลอดด้วยค่ะ น่ารักมาก ๆ ตอนที่เรียกเช็คบิล พนง.จะถือเครื่องรูดบัตรมาหาเราเลย ไม่ต้องเดินไปเดินมาหลายรอบค่ะ เคโกะว่าก็สะดวกและรวดเร็วดีนะคะ

สนนราคาน้ำ 1 แก้วและขนม 1 ชิ้นนั้นอยู่ที่ 85RMB ค่ะ

ส่วน Line Cafe ที่บอกว่ามีแพลนจะไป ก็ไปจริงนะคะ แต่ไม่ได้นั่งทานอะไร ไปเดินเล่นแล้วก็กลับค่ะ ลงใน instagram ส่วนตัวไปแล้ว อยากให้ลงพิกัดหรือการเดินทางยังไงเพิ่มเติมก็บอกกันได้ค่ะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Shanghai] The Bund – Waitan

สวัสดีค่ะ ต่อเนื่องจากโพสต์ที่แล้วที่ค้างอยู่เมืองซูโจว ก็ได้เวลากลับมาที่เซี่ยงไฮ้กันซะทีนะคะ ซึ่งก็ขอเล่าถึงสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองเซี่ยงไฮ้ก่อนเลยแล้วกันค่ะ

Spot name : The Bund / Waitan / 外滩
Google maps : https://goo.gl/maps/XT6iqeokU692
Transportation : Metro line no. 2, 10 to East Nanjing Road station, 600m walk
Entrance fee : free
Opening hours : always open (light show time starts from 6-7PM)
Visited date : 10, 12 Nov 2018

เห็นว่าไปซ้ำกัน 2 วันนะคะ เหตุเป็นเพราะวันสุดท้ายนั้น เคโกะไปเดินเล่น เก็บตกบางจุดที่เดินหาไม่เจอในวันแรกค่ะ เพราะวันแรกตั้งใจไปดูวิว ดูไฟบนหอไข่มุกอย่างเดียวเลย และวันสุดท้ายคือจะเดินได้ชิลล์มาก จนถึงรถไฟขบวนสุดท้าย เพราะต้องนั่งรถไฟไปค้างที่สนามบินค่ะ ^^”

จากโฮสเทลที่เคโกะพักนั้น เดินไป The bund ได้สะดวกมากเลย เดินนิดเดียวก็ถึงค่ะ แล้วก็มาถึงเย็นไปหน่อย ไปเที่ยวที่อื่นก่อนก็ไม่ทันแล้ว เลยดิ่งมาที่นี่เลยค่ะ

มาถึงช่วงเย็น ๆ ไฟยังไม่เปิดอะไรทั้งนั้น แต่ก็มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นมากค่ะ เคโกะเดินไปมาหามุมจับจองอยู่ซักพักเลยแหละ

เคโกะติดใจกับหอไข่มุกนี้เพราะอิทธิพลจากซีรี่ย์จีนหลาย ๆ เรื่องเลยค่ะ มักจะมีฉากนี้อยู่ในซีรี่ย์เยอะ เลยฝังใจว่าต้องมาให้ได้ (ฮาาาาา)

ด้วยความที่ก็ไม่รู้เวลาแน่นอนว่าไฟจะเปิดกี่โมงนะคะ ก็เลยยืนจับจองที่ไปยาว ๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นและลมพัดแรงพอดู ยิ่งหนาวค่ะ ^^”

พอฟ้าเริ่มมืดลง ตึกสูงหลายตึกก็เริ่มทะยอยเปิดไฟกันเรื่อย ๆ มีป้ายโฆษณาด้วย

เคโกะจำไม่ได้ว่าประมาณกี่โมงนะคะ ถ้าจำไม่ผิดและข้อมูลไม่พลาด น่าจะราว ๆ 6 โมงค่ะ ก็จะเปิดไฟเต็มที่ (ในหน้าร้อน น่าจะประมาณ 1 ทุ่มค่ะ)

พอไฟเริ่มเปิด เริ่มมีการเล่นไฟ แสงสีกัน คนก็เริ่มฮือฮาเลยค่ะ แล้วผู้คนก็แน่นไปหมดเลยด้วย ดีนะที่ยังไม่ขยับไปไหน ทนหนาว ๆ ไปจนได้ค่ะ ฮาาาา

ไฟบนหอคอยไข่มุกจะมีการสลับสีไปมานะคะ วันแรกที่มาก็ดูอยู่จากฝั่ง Waitan ไปก่อน ในแพลนมีวางไว้ว่าจะขึ้นไปบนตึกด้วยค่ะ แล้วมาติดตามกันต่อนะว่าจะเป็นยังไงบ้าง

นอกจากไฟที่เปิดสลับไปมาดูน่าตื่นเต้น (ประมาณนึง) แล้ว รอบ ๆ บริเวณ Waitan ที่ยืนอยู่นั้น ข้างใต้มีน้ำพุ ก็มีการเล่นไฟ เล่นสีสันด้วยเช่นกันค่ะ

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดไฟเล่นเป็นจังหวะบนตึกทรงยุโรปสวยงามที่อยู่ด้านหลังด้วย

เปลี่ยนมุมบ้าง (จริง ๆ คือถ่ายมาคนละวัน ฮาาา)


อีกรูปค่ะ ตึก ๆ แถวนั้นเป็นทรงยุโรปทั้งนั้นเลย สวยมากจริง ๆ

ยืนชื่นชมไฟอยู่ครู่ใหญ่ทีเดียวค่ะ กว่าจะค่อย ๆ กระดึ๊บ ๆ เดินไปเรื่อย ๆ ต่อได้ เดินไปเรื่อย ๆ จนสุดปลายด้านหนึ่งก็จะเจอกับอนุสาวรีย์สีแดงเด่นตระหง่านอยู่ค่ะ ซึ่งก็คือ Monument to the People’s Heroes (上海市人民英雄纪念塔) ที่สร้างไว้เพื่อรำลึกถึงผู้เสียสละจากการต่อสู้กับภัยธรรมชาติค่ะ (แปลจากวิกิฯนะคะ T^T)

ใกล้ ๆ กันก็มีสะพาน Waibaidu กับตึกที่อยู่เป็นฉากหลัง สะท้อนกับแม่น้ำที่ค่อนข้างนิ่งแล้วสวยมาก ๆ เลยค่ะ

แต่ถ้าหากเดินมาอีกฝั่งนึง (พอเห็นภาพมั้ยคะ คือ ถ้าหันหน้าเข้าหาหอไข่มุก แล้วไปทางซ้ายจะเจอกับรูปด้านบนค่ะ แต่ตอนนี้เราจะไปทางขวาของหอไข่มุกนะ) เดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอกับธนาคารกรุงเทพที่มีสาขาอยู่ตรงนี้ ตึกทรงยุโรปแบบนี้ค่ะ

ดูใกล้ ๆ ระยะประชิดสักหน่อย

ถอนเงินบาทต่างสาขาไม่เสียค่าธรรมเนียมมั้ยคะเนี่ย ฮาาาาาาา

ซึ่งหากข้ามกลับไปฝั่งตรงข้าม ก็จะมีรูปปั้นกระทิงด้วยค่ะ

ตึกต่าง ๆ ที่เรียงรายด้านหลังนั้นจะประกอบไปด้วยธนาคารสำคัญ ๆ ต่าง ๆ อยู่อย่างครบครันทีเดียวค่ะ และยังมีโรงแรมห้าดาวชื่อดังด้วยนะ ที่ชอบก็คือ ต่างก็ยังคงอนุรักษ์ตึกอาคารทรงยุโรปเช่นนั้นไว้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ สวยมาก ๆ เลยล่ะ

ปิดท้ายด้วยถนนคนเดิน Nanjing Road ค่ะ เป็นถนนที่มีห้างร้านต่าง ๆ อย่างครบถ้วน มีร้านแบรนด์เนมต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนมของทานเล่นต่าง ๆ ค่ะ

ถนนเส้นนี้อยู่ใกล้ ๆ กับ The bund หรือ Waitan นะคะ เดิน ๆ นิดหน่อยก็ถึงค่ะ

ช่วงค่ำ ๆ หรือมืด ๆ หน่อยก็จะเป็นช่วงที่คนคึกคักมากทีเดียวค่ะ

อีกซักมุมนะคะ

ดูตึก ๆ บ้างเป็นการปิดท้ายโพสต์นี้ค่ะ

ก็เป็นสถานที่ที่ใครไปเซี่ยงไฮ้ก็ต้องไปแหละนะคะ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ และถนนช้อปปิ้งเองก็เป็นถนนสายสำคัญที่รวมเอาแบรนด์ต่าง ๆ ไว้อย่างมากมายเลยค่ะ

แปะเพจทิ้งท้ายไว้ให้นะคะ แวะไปทักทายพูดคุย ทวงรีวิว เรื่องเล่าได้ค่ะ ^^”
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

Odaiba

สวัสดีค่ะ หลังจากโพสต์ที่แล้วที่พาไปคาวะโกะเอะมา ก็มีช่วงเวลาอีกครึ่งบ่ายจนถึงเย็นที่ยังว่างอยู่ก็เลยเลือกที่จะไปโอไดบะ (Odaiba) ค่ะ และไปอำลาหุ่นกันดั้มที่กำลังจะโดนยกออกในวันที่ 5 มีนาคม 2017 นี้ด้วย (มาโพสต์เอาตอนนี้ เหลืออีกไม่กี่วันเองอ่ะนะ – -” )

Place : โอไดบะ / Odaiba
Location : Tokyo
Direction : by Rinkai Line / Yurikamome, by boat or walk
Visited date : 10 Jan 2017
Pass : no

วันนั้นเคโกะนั่งรถกระดึ๊บ ๆ ไปเรื่อย ๆ จาก Kawagoe มาจนถึง Shin-Kiba แล้วก็มาต่อรถไฟสาย Rinkai line ไปลงที่สถานี Tokyo Teleport (270Y) เดินออกจากสถานีก็จะเจอกับตึก Diver City ใหญ่บิ๊กบึ้มตรงหน้าเลยค่ะ

dsc_1940

ฝั่งตรงข้ามก็คือ Fuji Television เป็นจุดหมายที่เราจะไปกันก่อนเป็นอันดับแรกเลย เพราะที่นี่เค้ามีเวลาปิด-เปิดอยู่ เกรงว่าจะไม่ทันเวลาปิดค่ะ

dsc_1941

ก็เดินข้ามสะพานลอยยาว ๆ ไปอ่ะเนอะ ลงจากสะพานลอยแล้วก็เดินเข้าตึกไปเลยค่ะ ง่ายและสะดวกมาก ๆ

ด้านล่างก็จะเป็นลักษณะห้องโถงใหญ่ พร้อมโต๊ะเก้าอี้นั่งพักผ่อนจำนวนนึง และมีการ์ตูนมาเป็นตัวเรียกแขก ซึ่งการ์ตูนเรื่องนี้เคโกะไม่รู้จักอะ – -”

dsc_1943

ด้านข้างก็มีโมเดลจำลองฉากในการ์ตูนเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากไม่ได้ดูก็เลยไม่มีคำอธิบายค่ะ แหะๆ – -”

dsc_1945

เดินเลยเข้าไปข้างในอีกหน่อยก็มีมารูโกะคาเฟ่ด้วย ตรงนี้เป็นบริเวณด้านหน้าร้านค่ะ ไปเอาช่วงร้านใกล้ปิดเต็มที – -”

dsc_1947

กับป้ายร้านเต็ม ๆ บ้าง ซึ่งคาเฟ่นี้ค่ะ

dsc_1948

จากนั้นก็เดินวนไปมาหาลิฟท์เพื่อขึ้นไปด้านบน ชมส่วนอื่น ๆ บ้าง แต่ปรากฏว่าหาลิฟท์ไม่เจอซะงั้น -*- เลยนั่งพักแป๊บนึงแล้วค่อยเดินวนรอบ ๆ ใหม่อีกรอบก็เจอลิฟท์ค่ะ แต่ก็ปรากฏว่าส่วนชมวิวอื่น ๆ ที่เข้าได้ก็ปิดหมดแล้ว เหลือแต่ชั้น 7 ที่ยังเปิดอยู่ค่ะ แต่ก็มีแต่ FujiTV Shop เท่านั้นเองค่ะที่ไปเดินเล่นดูของได้

ด้านหน้าเป็นโมเดลวันพีซอยู่

dsc_1950

บริเวณด้านนอกก็โล่ง ๆ มืด ๆ หน่อยเพราะปิดกันไปหมดละ แอบดูน่ากลัวนิดนึง ><

dsc_1952

จากนั้นก็กลับออกมาค่ะ เดินต่อไปยัง Divercity เพื่อไปหาพี่กันดั้มสุดหล่อนั่นเอง

เดินตามป้ายในห้างไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็หาไม่เจอค่ะ – -” แต่ก็มาเจอด้วยความบังเอิญบริเวณฟู้ดคอร์ทที่สังเกตเห็นคนเยอะ ๆ เค้าเดินไปทางเดียวกันหมด ก็เลยลองเดินตามเค้าไปดู ถึงได้รู้ว่ากันดั้มอยู่ด้านนอกประตูตรงฟู้ดคอร์ทนี้เองค่ะ

dsc_1967

แบบเต็มตัวบ้าง

dsc_1973

ใกล้ ๆ กันก็มีกันดั้มคาเฟ่ด้วย แต่ก็ดูแล้วไม่ได้เน้นขายอาหารเครื่องดื่มเท่าไหร่อะค่ะ มีของที่ระลึกกันดั้มซะเยอะมากกว่า

dsc_1974

ถ่ายรูปจนสะใจแล้ว เดินกลับเข้ามาในตัวห้างถึงได้สังเกตเห็นป้ายนี้ค่ะ ก็คือบอกว่ามีเครื่องอธิบายเมนูเป็นภาษาต่าง ๆ รวมถึงภาษาไทยให้ใช้บริการด้วย ถือว่าเอาใจนทท.ต่างชาติได้ดีทีเดียวค่ะ

dsc_1984

นั่งพักในบริเวณนี้พักใหญ่ ก็เดินต่อไปที่ Aqua City ค่ะ ตรงนี้ก็ให้กูเกิ้ลแม็พนำทางไปแล้วค่ะ เพราะแอบมึนงงกับเส้นทางเล็กน้อย ฮาาาา…

เดินมาถึงก็เห็นบันไดเป็นสีรุ้ง ๆ สวยดีค่ะ

dsc_1985

เป้าหมายหลักที่ Aqua City ก็คือหุ่นเทพีเสริภาพกับสะพาน Rainbow Bridge นี้นั่นเองค่ะ เป็นมุมบังคับเนอะ ใคร ๆ มาก็ต้องมาถ่ายรูปค่ะ เคโกะว่าถ่ายรูปตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบนะคะ

dsc_2000

ปิดท้ายกับ Odaiba กันตรงบริเวณนี้เองค่ะ ตรงที่เคโกะมายืนถ่ายรูปเทพีเสรีภาพกับ Rainbow bridge นั้นเป็นทางเดินเหมือนสะพานไม้ยาว ๆ (เดาว่าน่าจะเดินลงไปเลียบหาดด้านล่างได้ — ซึ่งเคโกะไม่ได้ลงไปเดินค่ะ เพราะดึกมากแล้ว) ก็เป็นมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ได้อยู่นะคะ

dsc_2017

 

นอกจากมุมถ่ายรูปมากมายแล้ว บริเวณ Odaiba ยังเป็นย่านช้อปปิ้งใหญ่อีกย่านนึงเลยแหละ ถ้ามาตอนกลางวันน่าจะช้อปปิ้งกันสนุกสนานทีเดียวค่ะ แต่เคโกะมาตอนค่ำค่อนไปทางดึก ก็เลยไม่ได้เดินสำรวจร้านค้าอะไรเลยนะคะ แต่ก็เป็นอีกย่านนึงที่น่าสนใจมากในโตเกียวค่ะ

แล้วเจอกันใหม่ในโพสต์หน้าค่ะ ^^