สวัสดีค่ะ ข้ามมาน่านกันบ้างน้าาาา ทริปนี้เป็นทริปที่เคโกะไปมาก่อนที่ไทยจะล็อคดาวน์ทั้งประเทศค่ะ แต่ก็เป็นช่วงที่โควิดเริ่มระบาดแล้ว เคโกะเอา mask ไปใส่นะ แต่คนที่น่านไม่ใส่ไง รู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาดมากเลยค่ะ ที่ใส่ mask เดินไปมาอยู่คนเดียว ><“
เคโกะบินตุ๊บไปลงที่สนามบินน่านนคร แล้วเช่ารถขับนะคะ เลือกเช่ารถคันเล็กสุด ได้ Swift มาขับค่ะ ก็ไปได้สบายมาก รวมถึงเส้นทางปัว – บ่อเกลือ ด้วยนะคะ (ซึ่งอยู่ในโพสต์ถัดไปค่ะ) จริง ๆ ทางเส้นนี้ไม่โหดนะ แค่โค้งเยอะมากเอ๊งงงง 555
เอาล่ะ โพสต์นี้มาว่ากันด้วยตัวเมืองน่านล้วน ๆ ค่ะ
ลงเครื่องปุ๊บ เคโกะก็ไปที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านเป็นที่แรกเลยค่ะ
จริง ๆ ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่ ไม่อินกับมิวเซียมในไทยอะ เคโกะว่านำเสนอได้จืดชืดไป ดูไม่น่าสนใจ เหมือนแปะบอร์ดในโรงเรียนอะค่ะ T.T
แต่ก็เลือกไปอยู่ดี เพราะเห็นใคร ๆ เค้าก็ไปกันทั้งนั้น แถมยังเป็นที่แนะนำว่าต้องไปเสียด้วยซ้ำ ก็เลย อ้ะ ๆ ไปก็ได้ค่ะ แหะๆ
ตัวเรือนอาคารเป็นแบบ 2 ชั้นค่ะ เป็นเรือนไม้ที่มีการบูรณะและดูแลไว้ดีทีเดียวเลยค่ะ
เข้าไปซื้อตั๋วเข้าชมด้านในค่ะ คนไทยคิด 20 บาทเท่านั้นเอง
อ้อ ถอดรองเท้าทิ้งไว้ด้านหน้าตึกก่อนด้วยนะคะ
ด้านล่างก็บอกเล่าเรื่องวัดประจำวันเกิด ของสะสม ของโบราณนิดหน่อยค่ะ แนวแปะบอร์ด วางของโชว์เลยค่ะ ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ ฮาาาาา
ทีเด็ดอยู่ที่ชั้น 2 ค่ะ พอดีไปเจอกับกรุ๊ปทัวร์เข้า ซึ่งเค้าก็ดิ่งไปที่ชั้น 2 กันหมดเลย อ้าว … ไม่มีใครแวะชมสถานที่ชั้น 1 เลยสินะคะเนี่ย ^^”
เมื่อขึ้นไปชั้น 2 แล้วก็จะเป็นโถงใหญ่เลยค่ะ เค้าอนุรักษ์โครงสร้างของตึกเดิมไว้ได้ดีทีเดียวเลยค่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นหอคำของเจ้าเมืองน่านนครคนสุดท้ายนะคะ
ของคู่บ้านคู่เมืองเมืองน่านก็คืองาช้าดำชิ้นนี้ค่ะ ถือเป็นของล้ำค่าที่ยังอยู่อย่างสมบูรณ์มาถึงจนปัจจุบันค่ะ
นอกจากนั้นแล้ว ทางด้านหน้าของอาคารจัดแสดง ก็มีวัดที่เล็กที่สุดในไทยด้วยค่ะ
มองจากด้านหน้าตึกออกไปค่ะ ฝั่งตรงข้ามก็มีอีกวัดนึง ด้านข้างก็มีอีกวัดนึง เป็นเมืองที่มีวัดเยอะมาก ๆ เลยค่ะ
ด้านหน้าสุดจะเป็นซุ้มดอกลีลาวดีค่ะ แต่วันที่ไปนั้นบานแบบนับดอกได้เลยค่ะ ฮาาาา
ถ้าดอกไม้บานเต็มต้น น่าจะสวยค่ะ
แต่ถึงอย่างนั้น เคโกะก็เห็นมีคนมาถ่ายรูปซุ้มนี้กันเยอะอยู่เหมือนกันนะ
ข้าง ๆ เป็นวัดหัวข่วงค่ะ ก็เลยข้ามไปไหว้พระนิดนึง
จากนั้นก็ไปต่อที่วัดภูมินทร์ค่ะ
เคโกะไปถึงช่วงบ่าย ๆ แล้ว ก็จะรู้สึกกดดันนึงนึง เพราะวันที่ไปนั้นมีถนนคนเดินบริเวณนี้พอดีค่ะ จะต้องเอารถออกจากบริเวณนี้ก่อน 4 โมงไรงี้อะนะคะ เพื่อให้เค้าเตรียมพื้นที่สำหรับถนนคนเดินค่ะ
เคโกะก็มาเดินนะ อยู่ใกล้ ๆ ที่พักด้วยค่ะ เดี๋ยวแปะรูปไล่เรียงตามไทม์ไลน์ไปนะคะ
วัดนี้มีชื่อเสียงเพราะภาพฝาผนังของปู่ม่าน-ย่าม่าน กับภาพกระซิบรักบันลือโลกค่ะ
ภาพจริงนั้นอยู่ด้านในฝาผนังของอุโบสถค่ะ นอกจากเข้าไปไหว้พระแล้วก็ยังมีน้อง ๆ นักเรียนมาช่วยไกด์ อธิบายความเป็นมาให้ฟังด้วยนะคะ เอ็นดู~
เสร็จแล้วไปต่อที่วัดพระธาตุเขาน้อยค่ะ
ที่นี่ก็จะได้ชมวิวเมืองน่าน และเบื้องหลังพระพุทธรูปปางประทานพรค่ะ
เดินอ้อมไปด้านหน้าพระพุทธรูป ก็จะได้วิวเมืองแบบนี้ค่ะ
ด้านหน้าพระพุทธรูปบ้างค่ะ พระอาทิตย์อยู่เหนือเศียรพระพอดี เหมือนทรงกลดเลยเนอะ
เดินวนกลับ มาทิศเดิมค่ะ
ปิดท้ายที่วัดนี้ด้วยโคมยี่เป็งที่แขวนอยู่บริเวณศาลาพักผ่อน ด้านหน้าอุโบสถวัดค่ะ นั่งชมวิวเพลิน ๆ จากบริเวณนี้ก็ได้เหมือนกันนะคะ
จากนั้นเคโกะก็เข้าที่พัก แล้วเย็น ๆ ค่อยออกไปเดินถนนคนเดินนะคะ
ถนนคนเดินอยู่ใกล้ ๆ วัดภูมินทร์นั่นแหละ
ก็เดินซื้อของกินถือสุม ๆ ไว้ในมือ แล้วค่อยไปหาที่นั่งทานนะคะ
สิ่งแรกที่ได้มาคือพิซซ่าเวียดนาม เป็นเมนูที่เพิ่งเคยเห็นอะค่ะ ก็เลยลองซื้อมาชิมดู
แป้งเค้าใช้ใบเมี่ยงญวนแทนแป้งโดว์พิซซ่า ใส่ไข่และวางเครื่องต่าง ๆ ลงไป ราดซอสก็เสร็จแล้วค่ะ
เคโกะซื้อเป็นสิ่งแรกเลย กว่าจะได้ทานก็เย็นแล้วค่ะ เลยจะเหนียวไปอะ ทานตอนร้อน ๆ น่าจะกรอบอร่อยกว่าค่ะ
ต่อด้วยยำเมือง ชื่อแนว ๆ นี้นะคะ แต่โดยรวมแล้วก็ยำขนมจีนอะ – -“
คุณป้าคนขายน่ารักดีค่ะ เค้าจะถามว่าอยากทานรสไหน ปรุงแล้วก็ให้ชิมด้วยว่าพอใจมั้ย ก่อนจะส่งให้เราค่ะ
สิ่งสุดท้ายก็คือไข่ป่าม เป็นไข่เจียวในกระทงใบตองแล้วเอาไปย่างจนไข่สุกค่ะ นี่ก็เพิ่งเคยได้ทานแหละ
บริเวณถนนคนเดินนี้มีลานให้นั่งทานด้วยค่ะ ดีงามเลย
เคโกะเดินมาที่ลานนี้ค่ะ มีดนตรีสดด้วย ส่วนที่นั่งเป็นแบบขันโตก นั่งพื้นค่ะ มีเสื่อปูให้
เสื่อไม่ได้ปูเต็มพื้นที่ จะเว้นระยะห่างกันพอสมควรค่ะ
วงที่มาเล่นดนตรีสดในวันนั้นคือดีงามมากกกกกกก เล่นเพลงสากลยุคเก่า ๆ ยุค 60’s, 70’s ไรงี้เลยอะค่ะ ใหม่สุดของเค้าก็ยัง 90’s อะ
เคโกะเกิดไม่ทันนะ แค่ชอบฟังเพลงเก่า ๆ เฉย ๆ เอ๊งงงง ><~
เช้าวันถัดมา เดินไปทานต้มเลือดหมูเลิศรสค่ะ อยู่ห่างจากที่พักไปราว ๆ 850เมตรเท่านั้นเอ๊งงงงง
อ่านรีวิวมา เค้าว่าดีงามมม ก็เลยเดินไปชิมดูค่ะ
สั่งเป็นเกาเหลาต้มเลือดหมู และข้าวเปล่า ราคารวม 45 บาทค่ะ
ถามว่าอร่อยมั้ย ก็อร่อยค่ะ แต่ก็ไม่ได้ว้าวอะไรเบอร์นั้นค่ะ
ปิดท้ายด้วยกำแพงเมืองเก่าน่านที่อยู่หัวถนน ใกล้ ๆ กับที่พักค่ะ ขับรถผ่านตลอด จอดถ่ายรูปสวย ๆ ไม่ได้ เลยอาศัยที่เดินไปทานต้มเลือดเลยแวะหยุดถ่ายรูปนิดนึงค่ะ
พอกลับมากรุงเทพแล้ว เพิ่งจะเจอที่น่าแวะไปเที่ยวอีกหลายที่เลยล่ะค่ะ สงสัยต้องหาเวลาไปอีกรอบซะแล้ว ^^”
เม้าท์มอยกันได้ที่เพจค่ะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo