[Nan] Nan Nakorn

สวัสดีค่ะ ข้ามมาน่านกันบ้างน้าาาา ทริปนี้เป็นทริปที่เคโกะไปมาก่อนที่ไทยจะล็อคดาวน์ทั้งประเทศค่ะ แต่ก็เป็นช่วงที่โควิดเริ่มระบาดแล้ว เคโกะเอา mask ไปใส่นะ แต่คนที่น่านไม่ใส่ไง รู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาดมากเลยค่ะ ที่ใส่ mask เดินไปมาอยู่คนเดียว ><“

เคโกะบินตุ๊บไปลงที่สนามบินน่านนคร แล้วเช่ารถขับนะคะ เลือกเช่ารถคันเล็กสุด ได้ Swift มาขับค่ะ ก็ไปได้สบายมาก รวมถึงเส้นทางปัว – บ่อเกลือ ด้วยนะคะ (ซึ่งอยู่ในโพสต์ถัดไปค่ะ) จริง ๆ ทางเส้นนี้ไม่โหดนะ แค่โค้งเยอะมากเอ๊งงงง 555

เอาล่ะ โพสต์นี้มาว่ากันด้วยตัวเมืองน่านล้วน ๆ ค่ะ

ลงเครื่องปุ๊บ เคโกะก็ไปที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านเป็นที่แรกเลยค่ะ

จริง ๆ ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่ ไม่อินกับมิวเซียมในไทยอะ เคโกะว่านำเสนอได้จืดชืดไป ดูไม่น่าสนใจ เหมือนแปะบอร์ดในโรงเรียนอะค่ะ T.T

แต่ก็เลือกไปอยู่ดี เพราะเห็นใคร ๆ เค้าก็ไปกันทั้งนั้น แถมยังเป็นที่แนะนำว่าต้องไปเสียด้วยซ้ำ ก็เลย อ้ะ ๆ ไปก็ได้ค่ะ แหะๆ

ตัวเรือนอาคารเป็นแบบ 2 ชั้นค่ะ เป็นเรือนไม้ที่มีการบูรณะและดูแลไว้ดีทีเดียวเลยค่ะ

เข้าไปซื้อตั๋วเข้าชมด้านในค่ะ คนไทยคิด 20 บาทเท่านั้นเอง

อ้อ ถอดรองเท้าทิ้งไว้ด้านหน้าตึกก่อนด้วยนะคะ

ด้านล่างก็บอกเล่าเรื่องวัดประจำวันเกิด ของสะสม ของโบราณนิดหน่อยค่ะ แนวแปะบอร์ด วางของโชว์เลยค่ะ ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ ฮาาาาา

ทีเด็ดอยู่ที่ชั้น 2 ค่ะ พอดีไปเจอกับกรุ๊ปทัวร์เข้า ซึ่งเค้าก็ดิ่งไปที่ชั้น 2 กันหมดเลย อ้าว … ไม่มีใครแวะชมสถานที่ชั้น 1 เลยสินะคะเนี่ย ^^”

เมื่อขึ้นไปชั้น 2 แล้วก็จะเป็นโถงใหญ่เลยค่ะ เค้าอนุรักษ์โครงสร้างของตึกเดิมไว้ได้ดีทีเดียวเลยค่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นหอคำของเจ้าเมืองน่านนครคนสุดท้ายนะคะ

ของคู่บ้านคู่เมืองเมืองน่านก็คืองาช้าดำชิ้นนี้ค่ะ ถือเป็นของล้ำค่าที่ยังอยู่อย่างสมบูรณ์มาถึงจนปัจจุบันค่ะ

นอกจากนั้นแล้ว ทางด้านหน้าของอาคารจัดแสดง ก็มีวัดที่เล็กที่สุดในไทยด้วยค่ะ

มองจากด้านหน้าตึกออกไปค่ะ ฝั่งตรงข้ามก็มีอีกวัดนึง ด้านข้างก็มีอีกวัดนึง เป็นเมืองที่มีวัดเยอะมาก ๆ เลยค่ะ

ด้านหน้าสุดจะเป็นซุ้มดอกลีลาวดีค่ะ แต่วันที่ไปนั้นบานแบบนับดอกได้เลยค่ะ ฮาาาา

ถ้าดอกไม้บานเต็มต้น น่าจะสวยค่ะ

แต่ถึงอย่างนั้น เคโกะก็เห็นมีคนมาถ่ายรูปซุ้มนี้กันเยอะอยู่เหมือนกันนะ

ข้าง ๆ เป็นวัดหัวข่วงค่ะ ก็เลยข้ามไปไหว้พระนิดนึง

จากนั้นก็ไปต่อที่วัดภูมินทร์ค่ะ

เคโกะไปถึงช่วงบ่าย ๆ แล้ว ก็จะรู้สึกกดดันนึงนึง เพราะวันที่ไปนั้นมีถนนคนเดินบริเวณนี้พอดีค่ะ จะต้องเอารถออกจากบริเวณนี้ก่อน 4 โมงไรงี้อะนะคะ เพื่อให้เค้าเตรียมพื้นที่สำหรับถนนคนเดินค่ะ

เคโกะก็มาเดินนะ อยู่ใกล้ ๆ ที่พักด้วยค่ะ เดี๋ยวแปะรูปไล่เรียงตามไทม์ไลน์ไปนะคะ

วัดนี้มีชื่อเสียงเพราะภาพฝาผนังของปู่ม่าน-ย่าม่าน กับภาพกระซิบรักบันลือโลกค่ะ

ภาพจริงนั้นอยู่ด้านในฝาผนังของอุโบสถค่ะ นอกจากเข้าไปไหว้พระแล้วก็ยังมีน้อง ๆ นักเรียนมาช่วยไกด์ อธิบายความเป็นมาให้ฟังด้วยนะคะ เอ็นดู~

เสร็จแล้วไปต่อที่วัดพระธาตุเขาน้อยค่ะ

ที่นี่ก็จะได้ชมวิวเมืองน่าน และเบื้องหลังพระพุทธรูปปางประทานพรค่ะ

เดินอ้อมไปด้านหน้าพระพุทธรูป ก็จะได้วิวเมืองแบบนี้ค่ะ

ด้านหน้าพระพุทธรูปบ้างค่ะ พระอาทิตย์อยู่เหนือเศียรพระพอดี เหมือนทรงกลดเลยเนอะ

เดินวนกลับ มาทิศเดิมค่ะ

ปิดท้ายที่วัดนี้ด้วยโคมยี่เป็งที่แขวนอยู่บริเวณศาลาพักผ่อน ด้านหน้าอุโบสถวัดค่ะ นั่งชมวิวเพลิน ๆ จากบริเวณนี้ก็ได้เหมือนกันนะคะ

จากนั้นเคโกะก็เข้าที่พัก แล้วเย็น ๆ ค่อยออกไปเดินถนนคนเดินนะคะ

ถนนคนเดินอยู่ใกล้ ๆ วัดภูมินทร์นั่นแหละ

ก็เดินซื้อของกินถือสุม ๆ ไว้ในมือ แล้วค่อยไปหาที่นั่งทานนะคะ

สิ่งแรกที่ได้มาคือพิซซ่าเวียดนาม เป็นเมนูที่เพิ่งเคยเห็นอะค่ะ ก็เลยลองซื้อมาชิมดู

แป้งเค้าใช้ใบเมี่ยงญวนแทนแป้งโดว์พิซซ่า ใส่ไข่และวางเครื่องต่าง ๆ ลงไป ราดซอสก็เสร็จแล้วค่ะ

เคโกะซื้อเป็นสิ่งแรกเลย กว่าจะได้ทานก็เย็นแล้วค่ะ เลยจะเหนียวไปอะ ทานตอนร้อน ๆ น่าจะกรอบอร่อยกว่าค่ะ

ต่อด้วยยำเมือง ชื่อแนว ๆ นี้นะคะ แต่โดยรวมแล้วก็ยำขนมจีนอะ – -“

คุณป้าคนขายน่ารักดีค่ะ เค้าจะถามว่าอยากทานรสไหน ปรุงแล้วก็ให้ชิมด้วยว่าพอใจมั้ย ก่อนจะส่งให้เราค่ะ

สิ่งสุดท้ายก็คือไข่ป่าม เป็นไข่เจียวในกระทงใบตองแล้วเอาไปย่างจนไข่สุกค่ะ นี่ก็เพิ่งเคยได้ทานแหละ

บริเวณถนนคนเดินนี้มีลานให้นั่งทานด้วยค่ะ ดีงามเลย

เคโกะเดินมาที่ลานนี้ค่ะ มีดนตรีสดด้วย ส่วนที่นั่งเป็นแบบขันโตก นั่งพื้นค่ะ มีเสื่อปูให้

เสื่อไม่ได้ปูเต็มพื้นที่ จะเว้นระยะห่างกันพอสมควรค่ะ

วงที่มาเล่นดนตรีสดในวันนั้นคือดีงามมากกกกกกก เล่นเพลงสากลยุคเก่า ๆ ยุค 60’s, 70’s ไรงี้เลยอะค่ะ ใหม่สุดของเค้าก็ยัง 90’s อะ

เคโกะเกิดไม่ทันนะ แค่ชอบฟังเพลงเก่า ๆ เฉย ๆ เอ๊งงงง ><~

เช้าวันถัดมา เดินไปทานต้มเลือดหมูเลิศรสค่ะ อยู่ห่างจากที่พักไปราว ๆ 850เมตรเท่านั้นเอ๊งงงงง

อ่านรีวิวมา เค้าว่าดีงามมม ก็เลยเดินไปชิมดูค่ะ

สั่งเป็นเกาเหลาต้มเลือดหมู และข้าวเปล่า ราคารวม 45 บาทค่ะ

ถามว่าอร่อยมั้ย ก็อร่อยค่ะ แต่ก็ไม่ได้ว้าวอะไรเบอร์นั้นค่ะ

ปิดท้ายด้วยกำแพงเมืองเก่าน่านที่อยู่หัวถนน ใกล้ ๆ กับที่พักค่ะ ขับรถผ่านตลอด จอดถ่ายรูปสวย ๆ ไม่ได้ เลยอาศัยที่เดินไปทานต้มเลือดเลยแวะหยุดถ่ายรูปนิดนึงค่ะ

พอกลับมากรุงเทพแล้ว เพิ่งจะเจอที่น่าแวะไปเที่ยวอีกหลายที่เลยล่ะค่ะ สงสัยต้องหาเวลาไปอีกรอบซะแล้ว ^^”

เม้าท์มอยกันได้ที่เพจค่ะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo

[Tokyo] Yanaka Ginza + Sugamo Jizo-dori

สวัสดีค่ะ ยังอยู่กันที่ญี่ปุ่นอยู่น้าาาา และเพราะมาญี่ปุ่นหลายรอบมาก โดยเฉพาะโตเกียว เลยพยายามหาที่ที่ยังไม่เคยไป แล้วก็เลยมาเจอกับ walking street เข้า ซึ่งถูกจริตเคโกะที่ชอบเดินดูของและกินหนมไปด้วย ก็เลยต้องจัดค่ะ

จริง ๆ แล้วเป้าหมายนึงของเคโกะคือตลาดผ้าที่ Nippori หรือ Nippori Fabric Town นะ แต่ดูเหมือนว่าเคโกะจะมาผิดวันค่ะ ฮาาาาา

ไม่เป็นไร ก็จะลงรูปให้ดูเป็นแนวคร่าว ๆ เนาะ เผื่อใครสนใจก็ไปให้ถูกวันนะค้าาา 555

Spot name : Nippori Fabric Town/Nippori Textile Town
Location : Nippori, Tokyo
Google maps : https://goo.gl/maps/3q7jaVhA1mKMXnBE6
Entrance fee : free
Opening hours : 10.00-18.00 on Mon-Wed, Fri-Sat/8.00-18.00 on Thu/Closed on Sun
Visited date : 29 Dec 2019

ถ้าใครไปแอบดูปฏิทินดูก็จะเห็นว่าวันที่เคโกะไปน่ะเป็นวันอาทิตย์ 5555555 (หัวเราะเยาะตัวเองได้ นักเลงพอ 555)

จริง ๆ เคโกะมีเวลาหาข้อมูลน้อยค่ะ แล้วก็ไปเจอข้อมูลจากไหนมาไม่ทราบว่าวันอาทิตย์ก็เปิดนะ แต่เปิดน้อยไรงี้ ไอ้เราก็แบบ เออ ๆ ก็ว่างแค่วันอาทิตย์อ่ะ ก็ลองไปดูแล้วกันไรงี้ค่ะ

การเดินทาง นั่งรถไฟน่าจะสะดวกสุดค่ะไปลงที่สถานี Nippori แล้วออกตามป้ายบอกเลย คือ East exit ค่ะ แล้วเดินไปตามทาง มีป้ายบอกตลอดทางเลยค่ะ ไม่หลงแน่นอน

เดินใกล้ ๆ ถึงแล้วก็เอะใจละว่าดูเงียบผิดปกติ เพราะเท่าที่ดูรีวิวมา คือจะครึกครื้นเลยค่ะ มีของขายหน้าร้าน วางขายเยอะ ๆ คนเยอะ ๆ ไรงี้ แต่นี่คือเงียบกริบเลยอะ 5555

เดินได้นิดก็รู้แล้วค่ะ ร้านปิดวันอาทิตย์กัน ไม่ต้องมาวันอาทิตย์นะคะ

ว่างเปล่า โล่งสนิทเลยมั้ยล่ะ 555

คือร้านที่เปิดก็มีนะคะ แต่น้อยมากกกกกกกกกกค่ะ ไม่ควรมาวันอาทิตย์เป็นอย่างยิ่งค่ะ และบวกกับเคโกะไปช่วงใกล้ ๆ ปีใหม่อีก บางร้านก็ฉวยโอกาสหยุดยาวไปเลยค่ะ

5555 โอ๊ยยย ชั้นมาทำอะไรที่นี่~

ร้านนี้ชัดเจนค่ะว่าปิดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ป้ายบอกหน้าร้านเลย

เอาล่ะ พลาดไปแล้ว ก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายด่วน ๆ ค่ะ

ที่สถานี Nippori นี้ นอกจากจะมีตลาดผ้าแล้ว ก็ยังมีถนนช้อปปิ้งอีกด้วย ก็ย้อนกลับไปเดินเล่นกันดีกว่าค่ะ

Spot name : Yanaka Ginza
Location : Nippori, Tokyo
Google maps : https://goo.gl/maps/j9KMW7fe15XQpSLx7
Entrance fee : free
Opening hours : N/A (up to each store)
Visited date : 29 Dec 2019
Website : https://www.yanakaginza.com/

เดินย้อนกลับไปที่สถานี Nippori แล้วก็ไปทาง West exit ค่ะ เดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเลยก็จะเจอกับ Yanaka Ginza ซึ่งเป็นเหมือน Walking street ความยาวไม่ยาวมากนักค่ะ เค้าว่ากันว่าที่นี่น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของทาสแมว เพราะมีแมวเป็นกิมมิคค่ะ แล้วก็มีนุ้งแมวมาอวดโฉมให้ทาสแมวกรี๊ด ๆ ด้วยล่ะ แต่เคโกะเดินไม่เจอเลยซักตัวนะคะ

เดินมาเจองี้ก็ถูกทางแล้วค่ะ เดินตรงไปอีกนิด ก็จะเจอกับขั้นบันไดลงไปด้านล่าง

เริ่มมีความน่ารักมาให้กรี๊ดกร๊าดตามประสาทาสแมวแล้วค่ะ

ลักษณะก็จะเป็นตรอกเล็ก ๆ แคบ ๆ มีร้านค้าสองข้างทาง ซึ่งมีทั้งของทานเล่น ร้านอาหารและร้านค้าข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เสื้อผ้าไรงี้ค่ะ

แล้วเราก็มาตะลุยหาของกินกันค่ะ

เริ่มที่ร้านนี้ ขายของทอด ๆ คนแน่นมากกกกกค่ะ ถ้าจำไม่ผิดจะขายมีทั้งราคาเป็นชิ้นกับตามน้ำหนักค่ะ

เคโกะก็เลือก ๆ มาสองสามอย่างนะ อย่างละนิดละหน่อย รวม ๆ กัน 270Y ค่ะ

ถามว่าอร่อยมั้ย คือ … ถ้าทอดมาร้อน ๆ ก็อร่อยดีอยู่หรอกค่ะ แต่บางอย่างก็วางไว้ซักพักแล้ว และอากาศหนาวเนาะ อาหารก็เย็นเร็วค่ะ แล้วก็มาแต่ละอย่างคือไม่หั่นเลย ใช้ความสามารถตัวเองในการกัดเคี้ยวล้วน ๆ ถ้าฟันดี ๆ ก็โอเคค่ะ แต่เคโกะฟันบิ่นนะ ทำให้กัดแบ่งเป็นคำ ๆ ยากมากค่ะ ไม่โอเคตรงนี้ (สาเหตุฟันบิ่นไปหาอ่านตอนที่ไปสิงคโปร์เมื่อปีก่อนนู้นนะคะ ฮ่าๆ)

เดินไปจนเกือบสุดซอย สังเกตเห็นว่าเนื้อสับทอดเป็นอะไรที่ฮิตมาก ขายอยู่หลายร้าน ก็อย่างกระนั้นกระนี้เลยค่ะ ซื้อมาชิมซักอันซิ ราคา 250Y ค่ะ เป็นเนื้อสับนะ

ร้านที่ซื้อก็ตามแบ็คกราวน์ที่เบลอ ๆ นั่นแหละค่ะ ฮาาาาาา …

รสชาติคือเนื้อสับปั้นเป็นก้อนแล้วเอาไปทอด ร้านนี้ดีหน่อย ยังพอร้อน ๆ อยู่ ก็จะได้ความกรุบกรอบภายนอก และรสชาติเนื้อสับอร่อย ๆ ด้านในค่ะ เค้ามีขายหลายแบบนะคะ

ต่อมา ก็ไปจัดแพนเค้กนุ้งแมวมา เป็นแพนเค้กไส้ขาเขียว … เค้าเรียกขนมแบบนี้ว่าอะไรนะคะ เคโกะก็นึกไม่ออกอะ แง้~

คล้าย ๆ ไทยากิ แต่ไม่ใช่ค่ะ เนื้อสัมผัสแป้งคือแพนเค้กเลย แต่เป็นแพนเค้กที่มีไส้ T.T

หมดความสามารถอธิบายให้เห็นภาพแต่เพียงเท่านี้ T.T

คือถ้าเคยไปไต้หวันและรู้จักขนมแนวนี้บ้าง มันคือ 车轮饼 (เชอหลุนปิ่ง) อะค่ะ –ก็ยังมีความพยายามจะอธิบายอยู่ T.T

ราคาค่าตัวนุ้งแมวไส้ชาเขียวนี้ 200Y ค่ะ กินแรก ๆ ก็อร่อยดี แต่กินให้หมดแล้วจะรู้สึกแอบเลี่ยนหน่อย ๆ รสชาเขียวคือดีเลยนะคะ ชาเขียวเจ้มจ้นมาก นอกจากนี้มีไส้อื่น ๆ ด้วยค่ะ อยากชิมไส้อื่นอีก แต่คิดว่าไม่ไหว เลยอันเดียวพอค่ะ

ต่อมา เรายังอยู่กับความกิมมิคแมว ๆ ก็ไปจัดโดนัทหางแมวมาอีกที่ร้านนี้ค่ะ เค้ามีป้ายให้ดูเลยว่าเมนูเค้ามีอะไรบ้าง แต่เป็นโดนัทหางแมว ทรงเดียวค่ะ

(ดูออกมั้ยว่าเคโกะกินของทอดต้นซอย แล้วเดินผ่านไปจนท้ายซอย แล้วไล่ของกินจากท้ายซอยขึ้นมาใหม่ค่ะ ร้านโดนัทหางแมวอยู่ติดกับร้านของทอดที่เคโกะกินเป็นร้านแรกสุดนั่นอะค่ะ ฮ่าๆ)

เคโกะเลือกตัวนี้มา เป็นช็อคโกแลตแบบทางม้าลาย ราคาน่ารัก 130Y ค่ะ รสชาตินั้น ช็อคโกแลตเข้มข้นดีมากค่ะ อร่อยเลยแหละ สายโดนัทและทาสแมวไม่ควรพลาดค่ะ

กินเยอะมากเลยเนอะ 555

อิ่มแล้วก็ขยับตัวไปที่อื่นต่อค่ะ

Spot name : Sugamo Jizo-dori/Sugamo Jizodori Shopping Street
Location : Sugamo, Tokyo
Google maps : https://goo.gl/maps/NVHRYUTf44HYM6YCA
Entrance fee : free
Opening hours : N/A (up to each store)
Visited date : 29 Dec 2019
Website : https://sugamo.or.jp/

เคโกะนั่งรถไฟต่อมาลงที่สถานี Sugamo นะคะ ออกจากสถานีมาแล้วก็ข้ามถนนเดินต่อไปอีกนิดนึงก็จะถึงถนนช้อปปิ้งเส้นนี้แล้วค่ะ

Sugamo Jizo-dori นี้ได้ชื่อว่าเป็นถนนสายฮาราจูกุของรุ่นคุณย่าคุณยายค่ะ คล้าย ๆ กับเป็นถนนสายแฟชั่นในอดีตไรงี้นะคะ

สิ่งนึงที่เด่นมากของถนนสายนี้ก็คือ ร้านชั้นในสีแดงค่ะ

เท่าที่ทราบข้อมูลมาก็คือ คนสมัยก่อนเค้ามีความเชื่อกันว่าถ้าใส่ชั้นในสีแดงก็จะทำให้โชคดีและอายุยืนค่ะ เท่าที่เคโกะไปตระเวณญี่ปุ่นมานะ ก็ไม่เคยเห็นร้านแบบนี้ที่ไหนนอกจากที่นี่เลยค่ะ ^^”

เข้าไปวน ๆ ในร้านมาเหมือนกันนะ มีหลายหลายไซส์มากค่ะ และพัฒนาไปถึงว่ามีเสื้อบังทรง เสื้อชั้นในแบบคุณยาย กางเกงในมีลายตามปีนักษัตรไรงี้ด้วยค่ะ .. มีปีเคโกะด้วยนะ ยืนลังเลอยู่ว่าจะเอาดีไหม แต่ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่ชอบสีแดงเป็นการส่วนตัวอะ ฮาาาาา

อีกอย่างนึงที่เด่นมากบนถนนสายนี้ก็คือน้องเป็ดค่ะ น้องเป็ดมีชื่อด้วยนะ ชื่อซูกะมง (Zugamon) เป็นกิมมิคน่ารัก ๆ ของถนนเส้นนี้ค่ะ เราจะเจอน้อลอยู่ทุกที่เลย เห็นเค้าว่ามีก้นเป็ดตัวใหญ่ให้จับด้วยนะ แต่เคโกะหาไม่เจอค่ะ

เดินบนนถนนสายนี้ จะเจอวัดนึงที่ชื่อว่า Koganji Temple ค่ะ เข้าไปไหว้พระกันค่ะ

เข้ามาด้านในแล้วจะเจอกระถางธูปใหญ่สะดุดตามากค่ะ

วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่ดังในด้านการขอพรให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ ด้วยการอาบน้ำให้พระพุทธรูปที่อยู่ด้านข้างของตัวอาคาร

มีชื่อเสียงมากขนาดที่มีคนมาต่อแถวยาวมากค่ะ

วิธีการก็คือ เราต้องเอาผ้าสะอาดไปด้วยค่ะ แล้วจะวักน้ำ (มีกระบวยตักน้ำให้) ไปรดองค์พระแล้วใช้ผ้าทำความสะอาด หรือจะชุบน้ำให้ผ้าเปียกแล้วเช็ดองค์พระก็ได้ค่ะ

ถ้าไม่มีผ้าก็ซื้อเอาค่ะ มีขายทุกร้านที่อยู่ในวัดเลย 5555 ราคา 100Y เท่านั้นค่ะ

ถามเคโกะว่าจะพลาดมั้ย เด็กขี้โรคอย่างเคโกะมีเหรอจะไม่พลาด … แหะๆ

เสร็จสรรพแล้วอย่าเพิ่งไปไหนค่ะ มาลองชิมดังโหงะข้าง ๆ ก่อน เป็นดังโหงะเกลือ ไม้ละ 100Y ค่ะ ยืนทานเสร็จแล้วหย่อยไม้ที่ใช้แล้วลงกล่องที่หน้าร้านได้เลย

เคโกะอยากได้ถุงเครื่องรางด้วยนะ แต่ภาษาญี่ปุ่นก็อ่อนแอเหลือเกิน .. ไว้หลอกเซนเซไปด้วยได้ก่อนนะ จะไม่พลาดค่ะ ฮาาาาา

นอกจากวัดนี้แล้ว หากเดินไปจนสุดถนนสายนี้ ตรงสี่แยกถนน เลี้ยวขวานิดหน่อย ก็จะเจอศาลเจ้าอีกแห่งนึงค่ะ ผู้คนนิยมไปกราบไหว้เช่นกัน

ศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือ Sugamo Sarutahiko Koshindo ค่ะ

สิ่งที่โดดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ก็อย่างที่เห็นในรูปด้านบนค่ะ เป็นรูปปั้นลิง และมีลิงปิดตา ปิดหู ปิดปาก ปิดการรับรู้สามอย่างที่เรา ๆ น่าจะคุ้นเคยกันดีค่ะ

จากนั้นเดินกลับมาทางเดิม ซึ่งต้นถนนสายนี้ ก็ยังมีวัดอีกแห่งนึงอีกนะคะ ชื่อว่า Shinshoji Temple ค่ะ

เคโกะก็เข้าไปไหว้พระนิดหน่อยก่อนกลับนะคะ

จริง ๆ แล้วเท่าที่ได้ข้อมูลมา บนถนนสายนี้ยังมีอย่างอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น ผักดองสไตล์ญี่ปุ่น ขนมเซมเบ้ ไรงี้ค่ะ ซึ่งเคโกะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เลยเดินผ่าน ๆ ไปนะคะ

ช่วงนี้ก็ดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ แล้วเจอกันในโพสต์หน้า ยังอยู่ที่ญี่ปุ่นอยู่ค่ะ แหะๆ
https://web.facebook.com/thisiskeigo

Sakon Nakorn

สวัสดีค่ะ มาอีกโพสต์นึงที่จะย้าวยาวแล้วนะคะ ^^

ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณไปรษณีย์ไทยสำหรับรางวัลผู้โชคดีในงานแสตมป์โลกที่สนับสนุนโดยแอร์เอเชีย เป็นตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ดอนเมือง-สกลนคร 2 ที่นั่งค่ะ ตอนแรกได้มาก็ดีใจมากเลยนะ แต่ก็อดหงุดหงิดเล็กน้อยไม่ได้กับความจุกจิกและล่าช้าจากแอร์เอเชียค่ะ ^^”

ขอบคุณเพื่อนน่ารักด้วยน้าาาาที่อุตส่าห์ไปด้วยกัน แถมยังวางทริปและจองโรงแรมต่าง ๆ ให้ด้วยค่ะ

มาเริ่มกันเลยเนอะ

Spot name : วัดถ้ำผาแด่น
Location : อ.เมือง สกลนคร
Google maps : https://goo.gl/maps/YzfYz6cTYam1L8Pw5
Entrance fee : Free
Opening hours : N/A
Visited date : 21 June 2019

ลงเครื่องปุ๊บ ก็พุ่งไปที่วัดถ้ำผาแด่นเลยค่ะ ขับรถตามกูเกิ้ลแม็พไปจนถึงลานจอดรถด้านล่างของวัด แล้วก็ต้องจอดไว้ตรงนี้ค่ะ ไม่สามารถขับขึ้นเขาไปยังวัดได้แล้ว และต้องใช้บริการรถสองแถวขึ้นลงค่ะ โดยมีค่าบริการ 20 บาทต่อ 1 รอบ (ขึ้นและลง)

เส้นทางขึ้นเขาก็เป็นถนนแคบ ๆ ขนาด 2 เลน รถสวนไปกลับได้ค่ะ แต่ค่อนข้างชันนิดหน่อย

ระหว่างทางก็มีพระพุทธรูปสีขาวตั้งตระหง่านอยู่สองข้างถนนด้วยค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นอาณาบริเวณวัดแล้วเลยตั้งไว้หรือเปล่านะคะ

แล้วรถสองแถวก็มาจอดอยู่หน้าวัดค่ะ ใครที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย เช่นนุ่งสั้น ทางวัดก็มีผ้าถุงบริการด้วยค่ะ

วัดแห่งนี้ก็จะมีการแกะสลักพระพุทธรูปบนหน้าผาที่สวยงามมาก ๆ ค่ะ

แล้วก็มีพระพุทธรูปปางนาคปรกที่งดงามมาก ๆ ด้วยค่ะ มองไปด้านหลังสามารถมองลงไปเห็นวิวที่สวยด้วย

แล้วก็มีบาตรให้โยนด้วย ออกแนวเสี่ยงทายค่ะ ถ้าโยนเหรียญเข้าบาตรได้ก็จะสมหวัง ไรงี้ แต่เคโกะโยนเข้าแค่บาตร 2 ใบค่ะ ส่วนเพื่อนเคโกะโยนเข้าทุกใบเลยอ่ะ

แล้วก็ไหว้พระหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดที่อยู่ใกล้ ๆ อีกนิดนึงก่อนที่จะกลับค่ะ

จากนั้นเราก็ไปต่อที่พญาเต่างอยค่ะ

Spot name : พญาเต่างอย
Location : เต่างอย สกลนคร
Google maps : https://goo.gl/maps/DqWT19ovFHQeSppH7
Entrance fee : Free
Opening hours : always open
Visited date : 21 June 2019

ตอนที่ไป เคโกะไม่มีข้อมูลอะไรเลยนะคะ ในหัวก็จินตนาการว่า น่าจะเป็นดอย เป็นเขา เป็นผาอะไรให้เดินดูชมวิวไรงี้อะค่ะ แต่พอไปถึง เพื่อนก็มาเฉลยว่าเป็นพญาเต่า ที่เค้ามาหาตัวเลขกัน ^^”

ก็มีเรื่องสารภาพอีกเรื่องเหมือนกันว่า ตอนแรกได้ยินคำว่า เต่างอย ในใจก็คิดว่าคือชื่อพันธุ์เต่าค่ะ (5555) แต่พอไปคุยกับพี่คนนึงที่เค้าเป็นคนอีสาน ถึงได้รู้ความจริงว่า งอยเป็นกริยานึง คล้าย ๆ กับการชะโงก การผงกหัวขึ้น ไรงี้ เป็นภาษาอีสานค่ะ 5555

จากนั้นเราก็ไปที่ฟาร์มฮักต่อค่ะ แวะทานอาหารเที่ยงด้วย แวะเลี้ยงแกะด้วย

Spot name : Farm Hug / ฟาร์มฮัก
Location : อ.เมือง สกลนคร
Google maps : https://goo.gl/maps/JNMtAJQnjR45r2ie8
Entrance fee : Free
Opening hours : restaurant 10.00 – 21.00, coffee shop 8.30-21.00, sheep farm 8.00-18.00
Visited date : 21 June 2019
Website : https://www.facebook.com/farmhug.snk/

ที่นี่ก็แบ่งออกเป็น 3 โซนค่ะ คือร้านอาหาร, ร้านกาแฟ และฟาร์มแกะค่ะ ซึ่งด้านหน้าก็จะเป็นส่วนของร้านอาหารและร้านกาแฟค่ะ

เราแวะทานอาหารกันก่อน ซึ่งเดี๋ยวจะยกยอดไปในอีกโพสต์นึงนะคะ

พอทานอาหารเสร็จ เราก็เดินดูแกะกันนิดนึง แต่ไม่มีพนง.ขายอาหารแกะเลย น้องแกะก็ร้องแบะๆ เรียกความสนใจจากพวกเรากันสุด ๆ แต่ไม่มีอาหารจะให้อ่าาา ><~

ที่นี่มีจุดถ่ายรูปเยอะพอสมควรเลยค่ะ เสียแต่ว่าวันที่พวกเราไปนั้น แดดร้อนมากจริง ๆ เงียบเหงามากเลย (อาจจะเพราะเป็นวันศุกร์ด้วยนะ) เดินดูน้องแกะ เดินเล่นรอบ ๆ นิดหน่อย แล้วเราก็กลับค่ะ

ไปต่อกันที่หมู่บ้านท่าแร่ ที่เป็นชุมชนและคงอนุรักษ์บ้านหลังเก่าไว้ได้เป็นอย่างดี

Spot name : คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ / ชุมชนท่าแร่ / หมู่บ้านท่าแร่ / บ้านโบราณ 100 ปี
Location : อ.เมือง สกลนคร
Google maps : https://goo.gl/maps/JSA9HHeCayiWvGxB9
Entrance fee : Free
Opening hours : 9.00-18.00
Visited date : 21 June 2019

นี่ก็เป็นอีกที่ค่ะที่ทำให้เซอร์ไพรส์ได้ประมาณนึงเลย เพราะได้ยินว่าเป็นชุมชนหรือหมู่บ้านโบราณ ในใจก็คิดถึงว่าจะมีบ้านโบราณอยู่หลาย ๆ หลัง เป็นชุมชนเลย แต่พอไปจริง ๆ ก็มีอยู่ไม่กี่หลังเท่านั้นเองค่ะ

แต่สวยดีนะ เดินถ่ายรูปกันสนุกเลยค่ะ

มีป้ายอธิบายประวัติความเป็นมาของบ้านหลังนี้อยู่นิดหน่อยค่ะ

ทำไว้ดูค่อนข้างงานเผาเลยนะคะเนี่ย แอบเสียดายเหมือนกัน

ตรงหน้าบ้านมุมนี้ก็เก๋ ๆ ดีน้าาา

คิดว่าที่นี่เหมาะกับการถ่ายรูปพอร์เทรตดีค่ะ รูปที่ได้จะออกมาดูเก๋ ๆ ชิค ๆ ดีนะคะ

ใกล้ ๆ มีร้านก๋วยเตี๋ยวขายอยู่ในบ้านโบราณอีกหลังนึง แต่เพราะเราอิ่มกันอยู่ เลยไม่ได้ชิมนะคะ

แล้วก็เลยแวะไปที่โบสถ์มิคาแอลกันค่ะ อยู่ใกล้ ๆ กันเลย

Spot name : โบสถ์มิคาแอล /St. Michael’s Cathedral
Location : อ.เมือง สกลนคร
Google maps : https://goo.gl/maps/pgaA7aAWVCsifAc4A
Entrance fee : Free
Opening hours : N/A
Visited date : 21 June 2019

ที่นี่เป็นโบสถ์ที่สวยเก๋ด้วยรูปทรงที่ดูแปลกตาของโบสถ์ค่ะ

ไปตอนช่วงบ่ายแก่ ๆ หน่อย แต่แดดยังแรงอยู่ ลอดช่องด้านข้างเข้ามาก็ทำให้ดูแปลกตาไปอีกนิดนึงค่ะ

ตึกนี้ก็สวยดี เค้าเรียกอะไรอะคะ ><”

คือถ้าเป็นวัดไทย ก็น่าจะเป็นหอระฆังล่ะนะ 5555

วันแรกของทริป (ห้ะ ทั้งหมดนี่แค่วันเดียว? ^^”) ก็จบลงที่บึงบัวค่ะ ก่อนที่เราจะไปเช็คอินที่โรงแรมได้ซะที

Spot name : อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ
Location : อ.เมือง สกลนคร
Google maps : https://goo.gl/maps/MdS6z1gcnWQtYa7D8
Entrance fee : Free
Opening hours : Always open
Visited date : 21 June 2019

ก็เป็นบึงบัวขนาดใหญ่ล่ะค่ะ มีทางเดินที่ไม่มีที่กั้นทางเดินให้เดินไปรอบ ๆ บึง มีศาลาพักผ่อนนิดหน่อย

ส่วนบัวก็ยังบานไม่ค่อยเต็มบึงเท่าไหร่ค่ะ เลยดูไม่ค่อยสวยเลย

ริมบึงด้านนึงมีอนุสาวรีย์พญานาคอยู่ค่ะ มีแท่นจุดธูปเทียนไหว้อยู่ด้วยนะ

ไปดูพญานาคเผือกใกล้ๆ ค่ะ

เข้าใจว่ามาผิดฤดูแหละค่ะ บัวยังบานไม่สะพรั่งทั้งบึงอย่างที่คิดภาพไว้ในหัวอะ ถ้าบัวบานเต็มบึงน่าจะสวยกว่านี้ค่ะ

ตัดไปที่อีกวันนึง วันก่อนกลับค่ะ เราบึ่งรถมาจากนครพนมก็เลยเลือกแวะไปดูวิวที่สันเขื่อนน้ำอูนกันค่ะ

Spot name : เขื่อนน้ำอูน / สันเขื่อนน้ำอูน
Location : อ.พังโคน สกลนคร
Google maps : https://goo.gl/maps/h8JGw7pdFLSg6F4V9
Entrance fee : Free
Opening hours : Always open
Visited date : 23 June 2019

ขับรถไป มีป้ายบอกทางเข้าตั้งแต่ริมถนนสายหลักเลยค่ะ แล้วก็ขับเข้าไปตามทางเรื่อย ๆ ก็จะมาโผล่ที่สันเขี่อนพอดีเลย วิวสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก นักท่องเที่ยวน้อยค่ะ เห็นแต่เด็ก ๆ ขี่มอเตอร์ไซค์มากันเป็นกลุ่ม ๆ เท่านั้นเอง

ที่นี่อากาศดีมากกกกกกกกก วิวสวยด้วย ดูธรรมชาติสุด ๆ เลยค่ะ เพลินมาก แทบไม่ค่อยอยากกลับเท่าไหร่เลย แต่เรามองเห็นฟ้าครื้ม ๆ กลัวจะฝนตกก็เลยกลับเข้าตัวเมืองดีกว่าค่ะ

กลับมาเข้าวัดเข้าวากันต่อ .. ^^”

Spot name : พระธาตุนารายณ์เจงเวง
Location : อ.เมือง สกลนคร
Google maps : https://goo.gl/maps/24BLEgtFacC8PVim8
Entrance fee : Free
Opening hours : N/A
Visited date : 23 June 2019

จริง ๆ เรามีหลายช้อยส์มากในการแวะวัดอีกสักวัดนึง แต่เราก็เลือกพระธาตุที่นี่กันค่ะ เพราะดูรูปแล้วดูแปลกตาดี ไม่เหมือนพระธาตุที่อื่น ๆ ที่เราไปกันมา

ดูมีความเก่าหลงเหลือให้เห็นค่ะ เป็นพระธาตุอิฐ ๆ ไรงี้อะนะคะ

ข้าง ๆ มีพญานาคอยู่ด้วย

จากนั้นเราก็จะไปพระธาตุเชิงชุมกันอีกที่นึง แต่ว่าถนนด้านหน้าวัดปิดแล้วค่ะ เพราะเป็นถนนคนเดินผ้าคราม ก็เลยต้องจอดรถไว้ใกล้ ๆ ถนนผ้าคราม แล้วเดินช้อปปิ้ง ดูงานผ้าครามซักแป๊บแล้วค่อยแวะวัดทีหลังก็แล้วกันนะ ^^”

Spot name : ถนนคนเดินสกลนคร / ถนนผ้าคราม / ถนนผ้าย้อมคราม
Location : อ.เมือง สกลนคร
Google maps : https://goo.gl/maps/Zd6c2MhCJRRY8D2U8
Entrance fee : Free
Opening hours : Sat-Sun 15.00-20.00
Visited date : 23 June 2019

ตอนที่ไปก็ผู้คนไม่เยอะมากค่ะ ลักษณะก็จะเป็นแผงตั้งขายสินค้าจากผ้าย้อมครามหรือผ้าครามนี่แหละค่ะ ตลอด 2 ข้างถนนเลย ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับต่าง ๆ อย่างเช่น เข็มขัด ที่คาดผม ต่างหูไรงี้ค่ะ แล้วก็ยังมีรองเท้า กระเป๋าด้วย

คนที่รักผ้าไทย ชอบแต่งตัว ไม่ควรพลาดค่ะ เคโกะกับเพื่อนโดนกันไปหลายชิ้นเลยแหละ ^^

ที่ชอบเป็นพิเศษคือรองเท้าค่ะ รองเท้าหนังแหละแต่เค้าบุผ้าครามไว้ด้านนอกค่ะ เก๋มากกกกกก แล้วก็ใส่สบาย ไม่กัดเท้าด้วยนะ ^^

ปิดท้ายทริปด้วยพระธาตุเชิงชุมค่ะ วัดที่มีชื่อเสียงของสกลนครค่ะ

Spot name : วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร
Location : อ.เมือง สกลนคร
Google maps : https://goo.gl/maps/XxTRPVLeUFNwyiQH9
Entrance fee : Free
Opening hours : N/A
Visited date : 23 June 2019

ตอนที่เราเข้าวัดไป ก็เริ่มเย็นโพล้เพล้แล้วค่ะ

ไหว้พระธาตุเสร็จ เค้าก็เปิดไฟประดับพระธาตุและรอบ ๆ วัดพอดีเลย

ข้าง ๆ เป็นวัดค่ะ ที่นี่กว้างใหญ่มาก ๆ เลย

รั้ววัดก็ไม่ใช่กำแพงธรรมดา ๆ หากแต่เป็นสิงห์ยาวตลอดแนวค่ะ

ก็จบทริปสกลนครลงอย่างประทับใจค่ะ ไม่คิดว่าเมืองเล็ก ๆ อย่างสกลนครก็มีอะไรที่น่าสนใจ และให้ไปเดินเที่ยวชมเยอะอยู่นะคะ … แม้จะสายบุญเข้าวัดซะเยอะก็ตาม ฮาาาาาา

เดี๋ยวโพสต์หน้าจะรวมของกินในทริปนี้ให้ค่ะ รอแป๊บน้าาาาาาาาา~

แวะไปเม้าท์มอยระหว่างรอโพสต์ใหม่ ๆ ได้ที่เพจนะคะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

[Suzhou] Pingjiang Rd + Shantang Rd

สวัสดีค่ะ พักเรื่องเดินสวนไว้ก่อนนะ มาเดินถนนคนเดินกันค่ะ ซึ่งเท่าที่หาข้อมูลมา จะมีอยู่ 2 สายที่นิยมกันค่ะ เคโกะก็เลยขอรวบไว้ในโพสต์เดียวกันเลยนะคะ

เริ่มจากที่แรกก่อนเลยนะคะกับ Pingjiang Road ค่ะ

Spot name : Pingjiang Road / 平江路
Google maps : https://goo.gl/maps/dVrDC5L1HVr
Transportation :
– Rail transit line 1 to Lindun Road station or Xiangmen station and walk about 300m
– Take bus Haoxing 5 to Pingjiang Road Scenic Zone bus stop
– Take bus no 2,9,32,40,60,89,112,146,178,200,261,307,900,980, Night 2, Tourist 5 to Xiangmen bus stop
– Take bus Haoxing 5, 301, 305, 9009 to Pingjiang Road bus stop
Entrance fee : Free
Opening hours : all day
Visited date : 9-10 Nov 2018 (* ใส่ไว้ 2 วันเพราะที่พักอยู่บนถนนเส้นนี้ค่ะ)

เนื่องจากว่าที่พักที่เคโกะพักนั้นอยู่บนถนน Pingjiang เส้นนี้ค่ะ เลยทำให้มีรูปไม่เยอะ (อ้าวววว) คือ แบบใกล้ตัวไปไง เลยมองข้ามค่ะ ฮาาาาา

ตอนกลางวันจะเป็นถนนที่เงียบมากกกกกกค่ะ ในคลองเองก็เงียบสนิท นาน ๆ ครั้งถึงจะมีเรือสักลำผ่านค่ะ

แล้วก็มีต้นหลิวอยู่ริมน้ำเป็นระยะ ๆ เลยค่ะ เคโกะว่ามันเข้ากันดีนะ ว่ามั้ย?

ถนนเส้นนี้จะเริ่มคึกคักเอาช่วงเย็น ๆ ค่ะ ตั้งแต่ 5-6 โมงเย็นเป็นต้นไป ก็จะมีผู้คนออกมาเดินเล่น กินขนม ซื้อของกัน สลับกับเสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์และจักรยานเป็นระยะ ๆ (ฮาาา)

พอดึก ๆ หน่อย ก็จะเปิดไฟประดับลำคลองให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น .. ของจริงสวยค่ะ แต่โทรศัพท์กากเอง (อย่างที่บอก เพราะอยู่ใกล้ตัว เลยไม่ได้พกกล้องไปถ่าย มีแต่มือถือที่ถ่ายได้ค่ะ T.T)

อย่ากระนั้นกระนี้เลย มาดูของกินที่ซื้อมากินดีกว่า

สิ่งแรก ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี ลักษณะก็จะเป็นแผ่นแป้งที่เอาไปจี่กับกะทะอะค่ะ ซึ่งจะใส่ไส้ไว้ พอเสิร์ฟให้ลูกค้าทานก็จะพับครึ่ง ก็จะเป็นแบบแซนด์วิชใส่ไส้ พอนึกภาพออกเนอะ ^^”

สนนราคา 8 หยวนเท่านั้นค่ะ อร่อยดีทีเดียว

ต่อกันที่ของกินสิ่งต่อไป ซึ่งเคโกะสังเกตเห็นคนเดินผ่านไปผ่านมาก็มักจะไปต่อคิวที่ร้านนี้ และถือถ้วยนี้ออกมากันเป็นแถวเลยค่ะ ก็เลยต้องขอชิมบ้าง

ก็จะเป็นแกงจืดลูกชิ้น (มีให้เลือกคือลูกชิ้นปลาและเนื้อค่ะ — ของเคโกะเป็นลูกชิ้นเนื้ออย่างเดียว //แม่ห้ามไม่ให้ทานเนื้อ แต่แอบแม่กินค่ะ จุ๊ๆ) และในน้ำซุปที่เค้าให้มา จะมีข้าวโพดมาให้ 1 ท่อนด้วย ซึ่งข้าวโพดนี้หวานอร่อยมากเลยค่ะ และเข้ากันกับซุปลูกชิ้นมาก ๆ

ส่วนลูกชิ้นเองเป็นลูกชิ้นเนื้อเพียว เนื้อแน่น อร่อยมากกกกกกกค่ะ

สนนราคา 20 หยวนค่ะ

Pingjiang road นี้เป็นถนนที่ค่อนข้างยาวอยู่ค่ะ มีทั้งร้านค้า ขายของที่ระลึก ของใช้ทั่วไปและของทานเล่น รวมไปถึงร้านอาหารสลับไปมาตลอดเส้นค่ะ

เคโกะเดินมาจนสุดถนน ถึงได้เจอป้ายชื่อถนนคนเดินนี้นะคะ 555

ป้ายภาษาจีนบอกว่า ถนนผิงเจียง เป็นถนนสายประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีนเชียวล่ะ ว้าววว..

เป็นถนนคนเดินที่ควรมาเดินค่ะ แนะนำ ๆ แต่มาเดินแล้วก็ระวังมอเตอร์ไซค์กับจักรยานด้วยนะคะ ^^”

มาต่อกันที่ถนนคนเดินสายที่ 2 เลยดีกว่าค่ะ

Spot name : Shantang Road / 山塘街
Google maps : https://goo.gl/maps/jujpsCtwkct
Transportation :
– Rail transit line 2 and get off at Shantang Street Station
– Take bus line 7, 34, 44, 64, 85, 161, 304, 315, 317, 318, 406, 415, 522, 921, 970 or 980, and get off at Shantang Street Station
Entrance fee : Free
Opening hours : all day
Visited date : 10 Nov 2018

ถนนเส้นนี้ เคโกะไปเดินช่วงกลางวันนะคะ ก็คึกคักมากเลยแหละ มีของกินของขายตลอดทางค่ะ แต่กลับไม่ได้ซื้ออะไรชิมเลย (อ้าวววว)

เคโกะนั่งรถเมล์มาลงใกล้ ๆ ค่ะ แล้วเดินลัดเลาะมา โผล่เอากลางสะพานแบบนี้เลย ดูคึกคักสมกับเป็นแหล่งท่องเที่ยวมาก ๆ ค่ะ

บนถนนเส้นนี้ เคโกะเจอคู่หนุ่มสาวมาถ่ายรูปพรีเว็ดดิ้งหลายคู่เลยค่ะ (ในรูปข้างบนก็ติดมาคู่นึงนะ ^^”)

เดินเล่นไปเรื่อย ก็เจอร้าน (น่าจะ) ไทยอยู่ร้านนึงค่ะ ตกแต่งให้ความรู้สึกไทยมากเลย

บรรยากาศผู้คนบนถนน Shantang บ้างค่ะ

เดินไปจนสุดทางแล้วก็เช่นเคย เจอกับป้ายชื่อถนนเส้นนี้ค่ะ

ป้ายถนนสายนี้มีชื่อเมืองกำกับอยู่ด้วย แต่ก็เขียนไว้เป็นความหมายเดียวกับผิงเจียงค่ะ

เดินไปจนสุดทางแล้วก็เดินย้อนกลับ แต่ขากลับก็เดินข้ามสะพานเพื่อไปเดินอีกฝั่งนึงของคลองบ้าง

ตอนที่อยู่กลางสะพานข้ามคลอง ก็จะเห็นชัดว่าคลองเส้นนี้มีเรือท่องเที่ยวเยอะกว่าผิงเจียงค่ะ แต่สิ่งที่เหมือน ๆ กันก็คือน้ำยังดูสะอาด ไม่สกปรกเลยค่ะ

มองจากอีกด้านนึงของคลอง ก็จะเห็นบรรยากาศของฝั่งตรงข้ามที่ดูจีน ๆ มากทีเดียว เห็นแล้วก็เข้าใจได้ถึงความนิยมในการมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งที่นี่ค่ะ ก็ว่าเก๋ ๆ ดีนะ ^^

ปิดท้ายที่แอบถ่ายรูปพรีเวดดิ้งของเค้ามาค่ะ แหะๆ ><

พรีเวดดิ้งจีนแท้ ๆ ก็ต้องชุดสีแดงแรงฤทธิ์แบบนี้ล่ะเนอะ เห็นเค้าถ่ายแล้วก็อยากถ่ายบ้างค่ะ ฮาาาาาา

โดยรวมแล้ว เคโกะว่าชานถางเนี่ยค่อนข้างจะเน้นในการท่องเที่ยวมากกว่าค่ะ มีจุดขึ้นลงเรือท่องเที่ยวที่คนเรือจะพายไปตามลำคลองเป็นกิจจะลักษณะมาก ๆ รวมไปถึงจำนวนเรือที่ดูเยอะกว่า มีป้ายบอกทางชัดเจน รวมไปถึงบรรยากาศที่ดูจีน ๆ ดูย้อนยุคหน่อย ๆ สมกับเป็นถนนโบราณเลยค่ะ

แล้วยิ่งถ้าเดินไปอีกด้านนึงนะ จะเป็นตลาดเลยค่ะ มีของขายเพียบ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมานะ ^^”

แปะเพจปิดท้ายไว้เช่นเคยค่ะ ^^”
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

Pranburi

สวัสดีค่ะ โพสต์ปิดท้ายปี 2017 ก็เป็นทริปสุดท้ายของปีเช่นกัน ซึ่งเป็นทริปที่ไป outing กับที่ออฟฟิศค่ะ รูปและสถานที่เที่ยวจะไม่ค่อยเยอะนัก ตามอายุเฉลี่ยของพนักงานในบริษัทค่ะ 555 ก็เอาไว้เป็นไอเดียสำหรับที่เที่ยวก็แล้วกันนะคะ

เริ่มต้นทริปด้วยร้านเกษร ร้านอาหารแถวบางตะบูน เป็นเส้นทางบายพาสเลี่ยงเมืองไปชะอำ-หัวหินค่ะ ร้านอาหารแถว ๆ นี้ก็จะเน้นปูไข่ และอาหารทะเลนะคะ ที่อยากแนะนำเลยก็คือเมนูใบชะครามค่ะ ใบชะครามจะมีลักษณะคล้าย ๆ ใบชะอม แต่กลิ่นไม่แรง นิยมนำมาทำยำเป็นยำใบชะครามค่ะ อร่อยมากกกก

DSC_4885

ด้วยความที่คนเยอะ อาหารเยอะ ถ่ายรูปได้แป๊บ ๆ ก็ต้องทานกันแล้วค่ะ ^^”

เริ่มที่ปูไข่ นั่งที่โต๊ะปุ๊บ คนในวงก็ร้องหาแต่ปูไข่กันถ้วนหน้าค่ะ

DSC_4886

แล้วก็หมึกแดดเดียว .. เมนูนี้โดยส่วนตัวแล้วไม่ถูกปากเท่าร้านโปรดของเคโกะค่ะ (ร้านโปรดของเคโกะในปราณบุรีคือ อุดมโภชนาค่ะ หมึกแดดเดียวเค้าแน่นอนมาก อร่อยมากจริง ๆ)

DSC_4890

วันต่อมา เริ่มต้นที่หาดเขากะโหลกค่ะ เคโกะเห็นมีทางเดินคล้ายทางเข้าถ้ำที่ออกแนวปีนเขาอ่ะ ก็เลยลองเดิน ๆ ไปกับน้องอีกคนนึงค่ะ

DSC_4994

เดินไปได้ซักครึ่งทาง เจอนกบินตกลงมาตายตรงหน้า เลยรู้สึกว่าไม่ควรไปต่อค่ะ ><” ก็เลยวนกลับลงมา .. ไปเดินเล่นชายหาดก็ได้

น้องคนนึงไปคุยกับคนแถวนั้นมาบอกว่า ถ้ามองจากทะเลเข้ามาที่หาด จะเห็นเป็นรูปกะโหลก จึงได้ชื่อว่าหาดเขากะโหลกค่ะ

DSC_4996

บริเวณหาดนี้จะมีเจ้าถิ่นแสนรู้อยู่ตัวหนึ่งค่ะ รู้จักวิ่งมาหา มาอ้อนขอขนมกินซะด้วยแน่ะ มีส่งไม้ส่งมือได้ด้วยนะ (แต่ถ่ายรูปไม่ทันค่ะ)

IMG_2950

จากนั้นก็ไปไหว้พระที่วัดเขากะโหลก หรือวัดสุมนาวาสค่ะ ซึ่งอยู่เลยหาดเขากะโหลกไปนิดเดียวเท่านั้นเอง

DSC_5000

ไหว้พระกันเสร็จแล้วเราก็ไปยัง สิรินาถราชินี ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนค่ะ เจ้านายซึ่งพาครอบครัวมาด้วยเป็นคนนำทางมา (จริง ๆ เค้าก็นำทางมาตลอดนั่นแหละ ฮาาาา) ก็มีเด็กด้วย เลยอยากให้มาเรียนรู้ระบบนิเวศกันค่ะ ^^”

DSC_5005

แผนที่จุดสำคัญต่าง ๆ ภายในวนอุทยาน

IMG_2957

แล้วก็เดินชมนกชมไม้ ไปท่าเรือเพื่อนั่งเรือชมป่าโกงกางหรือป่าชายเลนในพระราชดำริฯกันค่ะ

DSC_5008

เดินแบบสบาย ๆ ไม่รีบร้อนอะไร หยุดถ่ายรูปกันเป็นช่วง ๆ จนมาถึงท่าเรือ รอแป๊บเดียวเรือก็มารับค่ะ แหม เค้ากะเวลาเก่งจัง ^^

DSC_5023

ก็ล่องเรือออกไปแม่น้ำค่ะ ช่วงต้น ๆ ก็จะเป็นลักษณะนี้ ต้นไม้ทั้งสองข้างทางโน้มตัวเข้าหากันเหมือนอุโมงค์ต้นไม้เลยอะ

DSC_5031

ล่องเรือออกไปจนถึงแม่น้ำปราณ เรื่อยไปปากน้ำปราณค่ะ แล้วก็วนเรือกลับมาส่งที่เดิม

DSC_5059

แล้วก็เดินออกจากวนอุทยาน ซึ่งเส้นทางจะวนเป็นวงกลมพอดีค่ะ เดินเข้าทางหนึ่ง ออกอีกทางหนึ่ง

ในช่วงเย็นก่อนออกไปเดินถนนคนเดินกัน ก็จะมีเวลาว่างอยู่พอสมควร เคโกะก็เลยชวนน้อง ๆ เอาจักรยานของรีสอร์ทออกไปปั่นเล่นจนถึงแหลมเกด ปากน้ำปราณ ซึ่งจะอยู่ใกล้ ๆ กับโรงแรมเอวาซอนค่ะ

เลนสำหรับจักรยานหรือ bike lane นั้นมีแล้วแต่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ ^^”

IMG_2977

พอตกค่ำๆ เราก็แห่กันไปถนนคนเดินตรงริมทางรถไฟปราณบุรีค่ะ ดูเหมือนจะมีเฉพาะวันเสาร์นะคะ ซึ่งก็ดูคึกคัก คนเดินเยอะและก็มีร้านค้าเยอะมาก ๆ ค่ะ

DSC_5104

มีป้ายเก๋ ๆ จุดถ่ายรูปให้อยู่เยอะพอควรเลย

DSC_5107

ร้านอาหารบางร้านก็มีคาราโอเกะ มีนักร้องเพลงเก่า ๆ ด้วย ก็ให้อารมณ์ถนนคนเดินแนวย้อนยุคดีค่ะ

DSC_5106

ปิดท้ายทริป outing นี้ที่วัดห้วยมงคลค่ะ

DSC_5119

มีจุดลอดท้องช้างด้วย เห็นคนเดินลอดกันเยอะเลย

DSC_5121

ดูไม่ค่อยมีเรื่องการกินเท่าไหร่ แต่จริง ๆ แล้วกินกันหนักมากค่ะ ถ่ายรูปไม่ทันทุกทีเลย ฮาาาา

 

ช่วงวันหยุดปีใหม่นี้หากไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน ก็แวะเวียนไปทักทายกันที่เพจได้นะคะ https://www.facebook.com/thisiskeigo/