National Center for Traditional Arts

สวัสดีค่ะ สถานที่อาร์ทๆ ที่มีชื่อเสียงในเมืองอี๋หลาน (Yilan) นั้นก็คงไม่แคล้วที่นี่นะคะ

Place : National Center for Traditional Arts / 国立传统艺术中心 (國立傳統藝術中心)
Website : http://en.ncfta.gov.tw/
Admission Fee : 150NTD
Open hours : 09:00 – 17:00 Monday through Friday (closed on weekends and national holidays)
Transportation : take bus no. 260 from Luodong and get off at 国立传统艺术中心 bus stop (terminal bus stop)

ก่อนหน้าที่เคโกะจะไปไม่กี่สัปดาห์ ก็มีเพื่อนคนนึงไปมาก่อนค่ะ แล้วก็มาที่นี่เหมือนกัน ก็ได้บอกว่า “ไม่น่าสนใจ เดินแป๊บเดียวก็ทั่วแล้ว” และแนะนำว่า “ไม่ควรมา” ค่ะ แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเคโกะได้แพลนไว้แล้วว่าจะไปที่เมืองอี๋หลาน และอยู่เที่ยวสองวัน ซึ่งรวมที่นี่ด้วย ก็ไม่ได้เปลี่ยนแผนค่ะ ยังคงตั้งใจมาตามแผนเดิม แล้วก็ค้นพบว่า ที่นี่ก็น่าสนใจดีนะคะ น่ามาเดินเที่ยวเลยแหละ 🙂

จริง ๆ แล้วตามแผนดั้งเดิมของเคโกะ จะมาที่นี่ในวันสุดท้ายก่อนย้ายเมืองไปเมืองอื่นต่อ และมีเวลาเดินประมาณ 2 – 2 ชั่วโมงเศษค่ะ แต่โฮสต์ที่พักแนะนำว่าเดินที่นี่ที่เดียวก็ใช้เวลาครึ่งวันแล้ว มีอะไรน่าสนใจเยอะมากกกก แล้วก็ถือวิสาสะวางแผนให้ใหม่ ย้ายมาซะวันแรก ไปเป็นที่แรกเลยค่ะ เวลาเหลือค่อยไปที่อื่นต่อ แล้วเคโกะก็โอเค ตามแผนเค้า ก็เลยรู้สึกขอบคุณเค้ามากจริง ๆ เพราะถ้ายังคงแผนเดิมที่เคโกะคิดไว้ คงเสียดายแน่ ๆ ค่ะ

ที่นี่มีอะไรน่าสนใจพอสมควรเลยทีเดียว ในความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว “คุ้มค่ากับการมาเดินและคุ้มกับค่าตั๋วที่จ่ายไปค่ะ”

** แต่ก็แนะนำว่า ควรจะมีแบ็คกราวด์ความรู้ ความสนใจในเชิงศิลปะ ประวัติความเป็นมา หรืออะไรที่จีน ๆ สักหน่อยอะนะคะ แล้วจะอินมากกกก

ตามมาดูกันเลยค่ะ

เคโกะนั่งรถบัสสาย 260 จากด้านหลังตลาดกลางคืนหลัวตง (Luodong) ค่ะ เป็นป้ายที่อยู่ใกล้ ๆ ที่พัก ซึ่งโฮสต์เดินมาส่งด้วยตัวเองเลยทีเดียว นั่งไปเพลิน ๆ นานพอสมควรค่ะ ก็มาถึงจนได้ ซึ่งเป็นป้ายสุดท้ายเลย รถบัสจะเลี้ยวเข้ามาจอดด้านใน ตรงข้ามกับลานจอดรถค่ะ ลงรถแล้วก็เดินต่อไปอีกนิดหน่อย ก็จะถึงบริเวณทางเข้าด้านหน้า

รถบัสที่นั่งมาจะมีหน้าตาแบบในรูป คันหลังนะคะ

DSC_3241

มาถึงด้านหน้าแล้ว ตอนแรกก็แอบลังเลนิดหน่อยว่าจะซื้อตั๋วดีมั้ย เพราะถ้าไม่ซื้อตั๋วเข้า ก็จะได้แค่ด้านหน้า กับบริเวณด้านข้างที่เป็นร้านขายของที่ระลึกอะไรนิดหน่อยค่ะ แล้วก็ตัดสินใจ ไหน ๆ ก็มาแล้วนี่นา กำเงิน 150NTD เข้าไปซื้อตั๋วที่ช่องขายตั๋วเลยค่ะ

DSC_3242

ตั๋วที่ได้มา จะมีสูจิบัตรมาให้ด้วย 1 แผ่น ซึ่งมีแผนที่ในนั้นด้วย ก็กางออกมาดูด้วยนะคะ จะได้เดินกันให้ทั่ว ๆ เนอะ

IMG_0080

ได้ตั๋วมาแล้วก็เดินไปทางขวามือเลยค่ะ จะมีพนง.ต้อนรับคอยเช็คตั๋วอยู่

DSC_3244

เข้ามาด้านในแล้ว ก็จะเป็นอาคารเตี้ย ๆ ทรงจีนโบราณร่วมสมัยหน่อย ๆ ซึ่งก็เป็นร้านค้าทั้งหมดค่ะ อาจจะเป็นร้านที่แสดงผลงานศิลปะไรงี้ด้วยนะคะ ซึ่งเคโกะก็เดินผ่าน ๆ อะค่ะ ไม่ได้เข้าไปดูใกล้ ๆ (แอบเสียดายก็ตรงนี้แหละ – -” )

DSC_3245

เดินไปได้สักหน่อยก็กางแผนที่ออกมาดู จะมีจุดแสดงด้วยค่ะ ซึ่งใกล้ ๆ เลยก็จะเป็นบริเวณวัดเหวินวู่ที่ดังมากแต่เป็นแบบจำลองมาค่ะ ซึ่งบริเวณหน้าวัด (จำลอง) จะมีเวทีการแสดงอยู่ และก็กำลังโชว์อยู่ด้วยค่ะ เป็นงิ้วที่คนจีนในประเทศไทยรุ่นแรก ๆ น่าจะคุ้นเคยกันดี (เคโกะเป็น Gen 3 ค่ะ เลยจะคุ้นเคยดีทีเดียวแหละ)

DSC_3247

มีพนง.คอยต้อนรับและเชื้อเชิญให้นั่งชมงิ้วอยู่ใกล้ ๆ ด้วย เคโกะก็เลยไปนั่งดูงิ้วอยู่พักใหญ่เลยค่ะ ถ้าจำไม่ผิด จะพูดภาษาจีนกลางนะคะ ที่เก๋และเจ๋งมากคือ มีซับขึ้นบนจอทีวีหน้าเวทีให้ด้วย ได้อารมณ์ดูทีวีแล้วอ่านซับอะค่ะ

DSC_3251

ดูได้พักใหญ่ ๆ ก็เดินต่อค่ะ ตลอดสองข้างทางก็จะเป็นตึกทรงโบราณ ๆ ประดับโคมจีน ๆ เหมาะกับการเดินถ่ายรูปมากมาย

DSC_3253

ร้านขายของกินเล่นก็มีอยู่ทั่วไปค่ะ หาง่าย หิวก็พักซื้อทานได้เลยค่ะ

DSC_3261

เดินไปเรื่อย ๆ จนถึงอาคารแสดงนิทรรศการ (น่าจะ) ข้าวของเครื่องใช้ในยุคโบราณซึ่งเข้าไปเดินดูได้ แต่ด้านในห้ามถ่ายรูปค่ะ (นี่ไง เหตุผลที่เคโกะจำไม่ได้อ่ะว่านิทรรศการเกี่ยวกับอะไรค่ะ แหะๆ) ซึ่งที่นี่สามารถเอาพาสปอร์ตไปแลกเครื่องฟังคำอธิบายภาษาอังกฤษถึงประวัติความเป็นมาของสิ่งจัดแสดงแต่ละจุดได้ค่ะ รวมทั้งบางจุดก็จะมีกิจกรรมการเรียนรู้ให้ทดลองเล่นกันด้วย เคโกะได้ไปเล่นมาด้วยนะ ซึ่งไปในจังหวะที่ไม่มีคนพอดีค่ะ พนง.เห็นว่าพูดจีนได้เลยชวนให้เล่นด้วยกัน ซึ่งจริง ๆ แล้วจะให้เด็กประถมที่มาทัศนศึกษาได้ทำกิจกรรมนี้น่ะค่ะ แหะๆ

พอออกมาจากอาคารนิทรรศการก็เจอการแสดงที่กำลังเริ่มโชว์พอดี เลยรีบวิ่งไปดูเลยค่ะ ตรงนี้ก็จะแนว ๆ กายกรรมผาดโผนอะนะ

DSC_3269

โชว์ชุดนี้ก็จะมีเด็ก ๆ มาดูกับผู้ปกครองและให้ความสนใจกันเยอะทีเดียวค่ะ อาจจะเป็นเพราะโชว์น่าดึงดูดใจและดูน่าสนุกไรงี้ล่ะค่ะ

DSC_3278

หลังโชว์จบ นักแสดงก็จะอยู่บริเวณด้านหน้าให้ถ่ายรูปด้วยได้ด้วยค่ะ เท่าที่เห็นก็มีคนต่อคิวรอถ่ายรูปด้วยเยอะทีเดียวค่ะ

เดินไปอีกหน่อยก็จะเป็นโซนป่าหมอก ซึ่งไม่ได้เปิดตลอดนะคะ เปิดเป็นช่วงเวลาค่ะ ไปได้จังหวะดีอีกแล้ว ^^

DSC_3292

บริเวณนี้ก็จะอยู่ติด ๆ กับริมแม่น้ำค่ะ มองไปฝั่งตรงข้ามซึ่งก็คือพื้นที่ของที่นี่แหละค่ะ ก็ดูน่าถ่ายรูปต่อไปอีก 55 แต่ข้ามไปแล้วจะรู้สึกวังเวงมากค่ะ เงียบมากกก ไม่มีใครเดินเลยอะ

DSC_3295

เดินต่อไปอีกห้องจัดแสดงนึง ซึ่งเค้าอธิบายถึงลำดับที่นั่งของสมาชิกในครอบครัวใหญ่ค่ะ ว่าต้องนั่งตรงไหนยังไง และมีภาพกราฟฟิคฉายให้ดูบนโต๊ะจริง ๆ ที่เราสามารถไป interact กับภาพกราฟฟิคนั้นได้ด้วย เจ๋งมั้ยล่ะ

DSC_3297

ส่วนป้ายนี้เป็นคำอธิบายตำแหน่งที่นั่งที่เคโกะว่าไว้นะคะ ก็จะมีปู่ย่า พ่อแม่ ลุงอา เด็ก ๆ 4 คน ประมาณนี้ค่ะ

IMG_0084

เดินไปอีกก็ยังเป็นมุมคล้าย ๆ เดิมกันนะคะ แต่คนเริ่มเดินเยอะขึ้นละ

DSC_3300

เดินต่อไปจนเจออีกหนึ่งเวทีการแสดงค่ะ ซึ่งเวทีนี้จะสอนท่าเล่นงิ้วแบบง่าย ๆ ให้ เช่น ท่าของคำว่าฉัน, เธอ, รัก อะไรงี้อะค่ะ แล้วก็ให้ผู้ชมมีส่วนร่วมด้วยการออกมาแสดงด้วยกันบนเวที และได้รับของที่ระลึกเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปค่ะ

DSC_3302

แล้วก็ลองไปเดินบนสะพานข้ามฝั่งไปอีกฝั่งแม่น้ำบ้าง

DSC_3308

อีกฝั่งนึงนั้นเงียบมากกกกกกกกกกกกกกกก มีเรือให้นั่งล่องเรือเล่นด้วย แต่ตอนที่ไป มีคนใช้บริการน้อยค่ะ ไม่กี่ลำเอง

DSC_3310

อีกฝั่งนึงจะมีบ้านเรือนแบบคนจีนสมัยก่อนเป๊ะที่เรียกว่า 四合院 (Siheyuan) ค่ะ ถ้าเคยดูหนังจีนโบราณก็น่าจะพอคุ้นตาบ้างนะคะ คือพอเข้าไปในบ้านเรือนเนี่ย จะเป็นลานกว้างตรงกลาง แล้วตัวบ้านคือด้านข้างทั้ง 4 ด้านค่ะ

DSC_3314

เคโกะไปเดินวน ๆ รอบหนึ่ง แล้วก็กลับมาทางเดิม ก็น่าจะครบถ้วนแล้วล่ะค่ะ ก็เลยเดินไปตามทางออก ก็เลยเดินผ่านร้านทำธูป .. ไม่แน่ใจว่ามีให้ทดลองทำด้วยหรือเปล่า ถ้ามีก็น่าเสียดายอยู่ เพราะไม่ได้ลองทำบ้างค่ะ 55

DSC_3319

เดินตามป้ายทางออกไปเรื่อย ๆ ก็จะเจออะไรสูง ๆ เนี่ยล่ะค่ะ (เอาซะเรียกไม่ถูกเลยว่าคืออะไรกันแน่ 555) ก็จะเป็นทางออกแล้วค่ะ

DSC_3320

ทางออกที่นี่คือออกแล้วออกเลย จะกลับเข้าไปอีกไม่ได้แล้วนะคะ

พอออกมาแล้วก็จะเจอกับร้านค้าขายของที่ระลึก ที่เคโกะบอกไปแต่แรกว่าถ้าไม่ซื้อตั๋วก็เดินได้ คือตรงนี้ล่ะค่ะ

DSC_3321

เสร็จสรรพเรียบร้อย ก็เดินกลับไปนั่งรอรถบัสที่ป้ายเดิมกับที่เราลงรถมาค่ะ ก็จะเป็นป้ายต้นสายเนอะ ก็นั่งรถบัสสาย 260 เหมือนเดิมกลับไปยัง Luodong ค่ะ

 

สรุปอีกครั้งกับ National Center for Traditional Arts ที่นี่นะคะ เคโกะว่าน่าสนใจทีเดียวค่ะ ถ้าชอบถ่ายรูปเก๋ ๆ ดูโบราณนิด ๆ ไรงี้อะค่ะ ก็โอเคอยู่ ในส่วนของนิทรรศการหรือการจัดแสดงนั้น ถ้ามีความรู้พื้นฐานด้านศิลปะจีน ๆ ไปด้วยก็จะอินได้ไม่ยากค่ะ ยิ่งถ้าสายอาร์ตด้วยแล้ว น่าจะเข้าถึงได้ง่ายเลยนะคะ

ส่วนตัวแล้ว ชอบที่นี่ค่ะ ใช้เวลาไปครึ่งค่อนวันอย่างที่โฮสต์บอกจริง ๆ ด้วยล่ะค่ะ ^^

Odaiba

สวัสดีค่ะ หลังจากโพสต์ที่แล้วที่พาไปคาวะโกะเอะมา ก็มีช่วงเวลาอีกครึ่งบ่ายจนถึงเย็นที่ยังว่างอยู่ก็เลยเลือกที่จะไปโอไดบะ (Odaiba) ค่ะ และไปอำลาหุ่นกันดั้มที่กำลังจะโดนยกออกในวันที่ 5 มีนาคม 2017 นี้ด้วย (มาโพสต์เอาตอนนี้ เหลืออีกไม่กี่วันเองอ่ะนะ – -” )

Place : โอไดบะ / Odaiba
Location : Tokyo
Direction : by Rinkai Line / Yurikamome, by boat or walk
Visited date : 10 Jan 2017
Pass : no

วันนั้นเคโกะนั่งรถกระดึ๊บ ๆ ไปเรื่อย ๆ จาก Kawagoe มาจนถึง Shin-Kiba แล้วก็มาต่อรถไฟสาย Rinkai line ไปลงที่สถานี Tokyo Teleport (270Y) เดินออกจากสถานีก็จะเจอกับตึก Diver City ใหญ่บิ๊กบึ้มตรงหน้าเลยค่ะ

dsc_1940

ฝั่งตรงข้ามก็คือ Fuji Television เป็นจุดหมายที่เราจะไปกันก่อนเป็นอันดับแรกเลย เพราะที่นี่เค้ามีเวลาปิด-เปิดอยู่ เกรงว่าจะไม่ทันเวลาปิดค่ะ

dsc_1941

ก็เดินข้ามสะพานลอยยาว ๆ ไปอ่ะเนอะ ลงจากสะพานลอยแล้วก็เดินเข้าตึกไปเลยค่ะ ง่ายและสะดวกมาก ๆ

ด้านล่างก็จะเป็นลักษณะห้องโถงใหญ่ พร้อมโต๊ะเก้าอี้นั่งพักผ่อนจำนวนนึง และมีการ์ตูนมาเป็นตัวเรียกแขก ซึ่งการ์ตูนเรื่องนี้เคโกะไม่รู้จักอะ – -”

dsc_1943

ด้านข้างก็มีโมเดลจำลองฉากในการ์ตูนเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากไม่ได้ดูก็เลยไม่มีคำอธิบายค่ะ แหะๆ – -”

dsc_1945

เดินเลยเข้าไปข้างในอีกหน่อยก็มีมารูโกะคาเฟ่ด้วย ตรงนี้เป็นบริเวณด้านหน้าร้านค่ะ ไปเอาช่วงร้านใกล้ปิดเต็มที – -”

dsc_1947

กับป้ายร้านเต็ม ๆ บ้าง ซึ่งคาเฟ่นี้ค่ะ

dsc_1948

จากนั้นก็เดินวนไปมาหาลิฟท์เพื่อขึ้นไปด้านบน ชมส่วนอื่น ๆ บ้าง แต่ปรากฏว่าหาลิฟท์ไม่เจอซะงั้น -*- เลยนั่งพักแป๊บนึงแล้วค่อยเดินวนรอบ ๆ ใหม่อีกรอบก็เจอลิฟท์ค่ะ แต่ก็ปรากฏว่าส่วนชมวิวอื่น ๆ ที่เข้าได้ก็ปิดหมดแล้ว เหลือแต่ชั้น 7 ที่ยังเปิดอยู่ค่ะ แต่ก็มีแต่ FujiTV Shop เท่านั้นเองค่ะที่ไปเดินเล่นดูของได้

ด้านหน้าเป็นโมเดลวันพีซอยู่

dsc_1950

บริเวณด้านนอกก็โล่ง ๆ มืด ๆ หน่อยเพราะปิดกันไปหมดละ แอบดูน่ากลัวนิดนึง ><

dsc_1952

จากนั้นก็กลับออกมาค่ะ เดินต่อไปยัง Divercity เพื่อไปหาพี่กันดั้มสุดหล่อนั่นเอง

เดินตามป้ายในห้างไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็หาไม่เจอค่ะ – -” แต่ก็มาเจอด้วยความบังเอิญบริเวณฟู้ดคอร์ทที่สังเกตเห็นคนเยอะ ๆ เค้าเดินไปทางเดียวกันหมด ก็เลยลองเดินตามเค้าไปดู ถึงได้รู้ว่ากันดั้มอยู่ด้านนอกประตูตรงฟู้ดคอร์ทนี้เองค่ะ

dsc_1967

แบบเต็มตัวบ้าง

dsc_1973

ใกล้ ๆ กันก็มีกันดั้มคาเฟ่ด้วย แต่ก็ดูแล้วไม่ได้เน้นขายอาหารเครื่องดื่มเท่าไหร่อะค่ะ มีของที่ระลึกกันดั้มซะเยอะมากกว่า

dsc_1974

ถ่ายรูปจนสะใจแล้ว เดินกลับเข้ามาในตัวห้างถึงได้สังเกตเห็นป้ายนี้ค่ะ ก็คือบอกว่ามีเครื่องอธิบายเมนูเป็นภาษาต่าง ๆ รวมถึงภาษาไทยให้ใช้บริการด้วย ถือว่าเอาใจนทท.ต่างชาติได้ดีทีเดียวค่ะ

dsc_1984

นั่งพักในบริเวณนี้พักใหญ่ ก็เดินต่อไปที่ Aqua City ค่ะ ตรงนี้ก็ให้กูเกิ้ลแม็พนำทางไปแล้วค่ะ เพราะแอบมึนงงกับเส้นทางเล็กน้อย ฮาาาา…

เดินมาถึงก็เห็นบันไดเป็นสีรุ้ง ๆ สวยดีค่ะ

dsc_1985

เป้าหมายหลักที่ Aqua City ก็คือหุ่นเทพีเสริภาพกับสะพาน Rainbow Bridge นี้นั่นเองค่ะ เป็นมุมบังคับเนอะ ใคร ๆ มาก็ต้องมาถ่ายรูปค่ะ เคโกะว่าถ่ายรูปตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบนะคะ

dsc_2000

ปิดท้ายกับ Odaiba กันตรงบริเวณนี้เองค่ะ ตรงที่เคโกะมายืนถ่ายรูปเทพีเสรีภาพกับ Rainbow bridge นั้นเป็นทางเดินเหมือนสะพานไม้ยาว ๆ (เดาว่าน่าจะเดินลงไปเลียบหาดด้านล่างได้ — ซึ่งเคโกะไม่ได้ลงไปเดินค่ะ เพราะดึกมากแล้ว) ก็เป็นมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ได้อยู่นะคะ

dsc_2017

 

นอกจากมุมถ่ายรูปมากมายแล้ว บริเวณ Odaiba ยังเป็นย่านช้อปปิ้งใหญ่อีกย่านนึงเลยแหละ ถ้ามาตอนกลางวันน่าจะช้อปปิ้งกันสนุกสนานทีเดียวค่ะ แต่เคโกะมาตอนค่ำค่อนไปทางดึก ก็เลยไม่ได้เดินสำรวจร้านค้าอะไรเลยนะคะ แต่ก็เป็นอีกย่านนึงที่น่าสนใจมากในโตเกียวค่ะ

แล้วเจอกันใหม่ในโพสต์หน้าค่ะ ^^