Taitung @ Taiwan #1

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้พราวลี่นำเสนอมาก ๆ เพราะไปแล้วรู้สึกดี รู้สึกชอบมากกกกกกเลยค่ะ แต่ไม่ได้เจาะจงแยกเป็นโพสต์ละสถานที่ไปนะคะ เพราะตั้งใจเอามารวม ๆ กันไว้ ให้พอเห็นเส้นทางการเที่ยวเนอะ เผื่อใครสนใจก็ตามรอยกันไปได้ง่าย ๆ เลยค่ะ ซึ่งเคโกะว่ามันก็เป็นเส้นทางที่ไล่เรียงกันไปตามทางดีแล้วค่ะ

Location : Taitung / 台东 / ไถตง
Direction : TRA to Taitung TRA Station
Transportation : Recommend to drive by yourself or taxi — เรื่องนี้จากปากคนท้องถิ่นเลยค่ะ ไม่แนะนำนั่งรถบัสจริง ๆ นะคะ

โพสต์นี้เราจะมาพูดถึงเมือง Taitung นั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันออกของเกาะไต้หวัน ติดกับเมือง Hualien ไปทางทิศใต้ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่นิยมไปแค่ Hualien ในฟากเกาะฝั่งนี้ค่ะ แต่เหตุผลหลักเลยที่เคโกะเลือกมาเมืองนี้ เพราะมีเพื่อนอยู่ที่เมืองนี้

ตอนที่บอกเพื่อนก็ไม่ได้นัดแนะอะไร เพราะคิดว่าจะเที่ยวด้วยตัวเอง ก็เห็นมีรถบัสนำเที่ยวอะค่ะ (好行巴士) แต่พอเอาไปบอกเพื่อน เพื่อนก็ตกใจใหญ่เลย แล้วก็บังเอิญว่าเป็นวันที่เพื่อนได้หยุดพอดี ก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะขับรถพาเที่ยวเอง ^^ ซึ่งก็ได้บอกเค้าไปแล้วนะคะว่า มีรถบัสนี่ เดี๋ยวนั่งบัสก็ได้นะ แต่เค้าก็ไม่แนะนำอย่างแรงเลยค่ะ ซึ่งพอได้ไปที่นั่นแล้วจริง ๆ ก็รู้สึกขอบคุณเค้าเป็นอย่างมากเลยค่ะ

那时间当我导游 非常感谢你啦!真的辛苦你了!你们台东真的感动我了 挺喜欢的。
(ขออนุญาตขอบคุณเค้าเป็นภาษาจีนนิดนึงนะคะ เผื่อมาเห็น แหะๆ)

เริ่มต้นที่สถานีรถไฟกันเลยทีเดียว เคโกะปุเลง ๆ ไปจาก Yilan ผ่าน Hualien ไป (เพราะเคยไปมาแล้ว) นะคะ จนมาถึง TRA Taitung จนได้ ก็เจอเพื่อนยืนรอรับอยู่ที่หน้าสถานีพอดีค่ะ เค้าก็พาไปส่งที่โฮสเทล เช็คอิน เก็บของอะไรให้เรียบร้อย แล้วก็เริ่มออกเดินทาง

จุดแรกที่พาไปก็คือ Duo Liang Tourist Station (多良观车站) ซึ่งแต่เดิมเป็นสถานีรถไฟที่รถไฟจอดจริง ๆ แต่ภายหลังก็ได้ยกเลิกไปค่ะ เป็นเพียงสถานีผ่านเฉย ๆ แต่ความพิเศษของสถานีนี้ก็คือ เป็นสถานีที่อยู่ริมชายหาด สามารถเห็นชายหาดที่ทอดยาวและสวยงามมาก ๆ ค่ะ แล้วก็กลายเป็นจุดชมวิว จุดถ่ายรูปขณะที่รถไฟกำลังวิ่งผ่านสถานีไปค่ะ

DSC_3370

แต่เราไม่ได้ลงไปดูวิวกันที่สถานีหรอกนะคะ จะมีจุดชมวิวอยู่บนเขาอะค่ะ เดิน ๆ ขึ้นไปกันนิดนึง ซึ่งจะมีร้านค้าเล็ก ๆ สองสามร้านตั้งอยู่ใกล้ ๆ ด้วย แต่ถ้าเดินขึ้นไปอีกก็ได้ค่ะ ทางเดินดีมากทีเดียว แต่จะค่อนข้างชันเล็กน้อย

DSC_3380

วิวมุมสูงนั้นทำเอาเคโกะถึงกับร้อง “ว้าววววว” ออกมาเลยค่ะ คือ มันสวยมากจริง ๆ ทะเลเป็นสีฟ้าใสเลย ชอบมากจริง ๆ ค่ะ แค่วันแรกเองก็ตกหลุมรักเมืองเงียบ ๆ อย่างเมืองไถตงนี้เข้าไปซะเต็มเปาแล้ว ^^

DSC_3383

จากนั้นเพื่อนก็พาลงไปรอยังจุดถ่ายรูป + จุดชมวิวค่ะ เพราะใกล้เวลาที่รถไฟจะผ่านสถานีแล้ว (มีป้ายเวลาแปะอยู่ด้านหลังจุดถ่ายรูปนี้ด้วยค่ะ — ภาษาจีนล้วน ๆ นะคะ ^^” )

รถไฟที่นี่ตรงเวลามากกกกกก มีเวลาให้ประมาณ 2-3 วินาทีเท่านั้นค่ะ พลาดแล้วพลาดเลย ต้องรอรถไฟขบวนหน้าเลยนะคะ เพราะฉะนั้น เซ็ทกล้องให้พร้อมรอแต่เนิ่น ๆ ได้เลยค่ะ

DSC_3401

จากนั้นก็กลับเข้าเมืองค่ะ เดี๋ยวเค้าจะพาไปกินข้าว แล้วก็เดินเล่นกัน

ร้านข้าวที่เค้าพาไปนั้น เคโกะก็อธิบายไม่ถูกละ >< น่าจะอยู่ใกล้ ๆ กับสวนสาธารณะในเมืองที่มีตลาดนัดขายของทำมืออะค่ะ (ตรงนี้ก็ลืมอีก 555) เป็นร้านอาหารเจค่ะ เค้าบอกว่าเป็นร้านของญาติเค้าเอง และรสชาติอร่อยมากกกกกกก

ลงให้ดูพอเป็นตัวอย่างนะคะ

จานแรกเป็นคล้าย ๆ ออเดิร์ฟ ดูธรรมดามาก แต่อร่อยค่ะ

IMG_0153

อีกจานเป็นเกี๊ยวซ่าเจ ทอดมาได้กรอบ เป็นแพกลมสวยงามเลย ไม่อมน้ำมัน และอร่อยมากกกก

IMG_0156

ค่าเสียหายมื้อนั้น … เพื่อนเลี้ยงค่ะ ^^” 谢谢那顿饭 很好吃~

จากนั้นก็เดินไปสวนที่ว่าค่ะ มีงานอาร์ต ๆ มาตั้งโต๊ะขายเหมือนกัน รวมไปถึงมีร้านค้ามาเปิดบูธขายด้วย และก็มีลานเบียร์ขนาดย่อมด้วย ก็เสพงานศิลป์ไปจิบเครื่องดื่มไปด้วย ดูเพลิดเพลินดีนะคะ ^^”

DSC_3404

จากนั้นก็ไปต่อกันที่ตลาดกลางคืนค่ะ Taitung Night Market ซึ่งก็เป็นตลาดเล็ก ๆ แหละ ไม่ค่อยมีร้านค้าเยอะอย่างที่อื่น ๆ เค้า ก็เดินดูบรรยากาศ ชิมขนมอีกนิดหน่อยไรงี้อะค่ะ

ชิมขนมคล้าย ๆ ชูครีม แต่ลูกเล็กกว่าเยอะค่ะ ราคาน่าคบมาก 10-20NTD เท่านั้นเอง เคโกะเลือกช็อคโกแลตมาชิม 1 ลูก 15NTD ค่ะ

IMG_0162

ซึ่งที่นี่เพื่อนก็ดีนะคะ เค้าก็บอกว่า อยากชิมอะไรก็ชิมเลย แต่ถ้าให้เค้าแนะนำ เค้าก็ไม่รู้จะแนะนำอะไร ส่วนตัวเค้าเองก็มากินบ่อยแล้ว ให้เลือกที่เคโกะอยากชิมดีกว่า

เดินผ่านร้านผลไม้ มีน้อยหน่าด้วย ซึ่งน้อยหน่าบ้านเค้าจะลูกใหญ่ยักษ์มากค่ะ เค้าบอกว่ามีแต่ในเมืองไถตงที่เดียวนะ (พอไปเจอที่ไทเป เค้าก็บอกว่ามันไม่เหมือนกัน .. อ่าวววว) ก็เลยซื้อมาชิม ทั้ง ๆ ที่ในไทยเองเคโกะก็ไม่ได้กินนานมากแล้วค่ะ แต่โดยสรุปก็คือ น้อยหน่าบ้านเค้าลูกใหญ่ เนื้อแน่นและหวานกว่ามากค่ะ กล่องละ 50NTD กินคนเดียวไม่หมดค่ะเพราะกินข้าวอิ่มมาแล้ว เลยต้องให้เพื่อนช่วยกินด้วย ^^”

IMG_0163

ปิดท้ายตลาดกลางคืนด้วยขนมหน้าตาแบบนี้ เค้าเรียกว่า 车轮饼 (เชอหลุนปิ่ง) ค่ะ รสชาติเฉย ๆ มากกกกก ไม่อร่อยจริง แต่คนมุงหน้าร้านเยอะค่ะ วิธีสั่งก็คือ เขียนลงในใบรายการ แล้วเอาไปยื่นให้เค้า จ่ายเงินแล้วรอคิวค่ะ เค้าจะขานเบอร์คิวเรา เลือกมาแบบเพลน ๆ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะไส้ถั่วแดง เลยราคาถูกค่ะ 12NTD เอง

IMG_0164

จากนั้นเพื่อนก็ขับรถกลับไปส่งที่โฮสเทล และนัดหมายเวลาในวันรุ่งขึ้น ซึ่งในวันถัดไป เค้าจะมีเพื่อนมาอีกคน มาร่วมทริปด้วยกัน (ก็บังเอิญเป็นวันหยุดของเพื่อนเค้าอีกนั่นแหละ)

เช้าวันถัดมา เพื่อนก็มารับตรงเวลาค่ะ (คนไต้หวันเป็นคนตรงต่อเวลาจริง ๆ นะ ><) แล้วก็ขับรถเข้าไปร้านอาหารเช้าค่ะ เป็นอาหารเช้าสไตล์ไต้หวันล่ะนะ ร้านนี้อยากแนะนำมากนะ แต่บอกพิกัดไม่ถูกคร้าาาา T.T เพื่อนบอกว่า พามาร้านนี้เพราะอร่อยและราคาย่อมเยาค่ะ

เคโกะไม่ได้สั่งอะไรเลยนะ ให้เพื่อนสั่งให้โลดค่ะ (มากับเจ้าถิ่นก็งี้แหละ ฮ่าๆ — เอาจริง ๆ คือ ขี้เกียจคิดเมนูค่ะ และเคโกะบอกกับเพื่อนไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า เคโกะอ่อนแอเรื่องการอ่านเมนูอาหารมากนะ ศัพท์น้อยค่ะ แหะๆ)

ก็ลงเป็นตัวอย่างอีกเช่นเคย เพราะเพื่อนสั่งมาเยอะมากจริง ๆ

IMG_0170

จานนี้เป็นขนมผักกาดผัดไข่ ซึ่งเคโกะหากินไม่ค่อยได้แล้วในกทม. และมาเจอที่นี่ แบบน้ำตาจะไหลอ่ะ มันอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ นอกจากแม่ทำให้ทานแล้ว ก็นี่แหละ อร่อยสูสีกันเลย

IMG_0171

เกี๊ยวทอดอีกละ แต่ไม่เจแล้วค่ะ อร่อยอีกเช่นกัน .. คือเรียกได้ว่าอร่อยทุกอย่างอะ 555

IMG_0172

นั่งกินกันไป คุยและทำความรู้จักเพื่อนใหม่อีกคนไปจนอิ่ม ก็ได้เวลาออกเดินทางค่ะ เพื่อนใหม่อีกคนนั้นพูดอังกฤษพอได้บ้าง แต่ด้วยความที่เค้าเป็นคนพูดเก่ง สามารถหาหัวข้อสนทนาได้เรื่อย ๆ เลยทำให้เปิด Google translate กันสนุกมือเลยค่ะ 555

จุดหมายแรกในวันนี้ก็คือ Xiao Yeliu / 小野柳 / เสี่ยวเหย๋หลิ่ว (ที่คนไทยออกเสียงเพี้ยนไปว่า เย่หลิว นั่นล่ะค่ะ)

คือเอาจริง ๆ นะ ตอนที่ไปเหย๋หลิ่ว เคโกะก็ไม่ได้อินอะไรขนาดนั้นนะ ก็แค่หิน ๆ ป่ะ (555) แต่ก็แค่อยากรู้ค่ะว่าทำไมที่นี่เรียกเป็นเสี่ยวเหย๋หลิ่ว (หมายถึง เหย๋หลิ่วน้อย ประมาณนั้น) ก็เลยให้เพื่อนพามาดูหน่อย

ขับรถมาไม่เสียค่าเข้า แต่เสียค่าจอดรถ 50NTD ค่ะ (ราคา weekday ถ้าเป็นวันหยุดจะอีกเรทนึง)

จอดรถแล้วก็เดิน ๆ ไป อืมมม … ก็เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติน้ำเซาะหน้าผาจนเป็นรูปทรงแปลก ๆ มั้ยอ่ะ

DSC_3411

เดินไปจนสุดก็จะเป็นเหมือนชายหาดหินพอดี ไม่เหมือนกับที่เหย๋หลิ่วที่จะมีเชือกกั้นไม่ให้คนพลัดตกลงไป และเดินมาจนสุดแตะน้ำทะเลอย่างนี้ไม่ได้ค่ะ

DSC_3418

เช้าวันนั้นก็มีผู้คนไปเดินเที่ยวบ้างอยู่เหมือนกัน

DSC_3427

แล้วก็เดินกลับมาพักเหนื่อยในศาลาจุดชมวิวระยะไกล ก็ได้ภาพกว้าง ๆ มาอยู่นะ ก็จะประมาณนี้ล่ะค่ะ

DSC_3433

เดินเที่ยวกันพอประมาณ แล้วก็ไปต่อค่ะ

ต่อกันที่ Jialulan / 加路兰 ตรงนี้แต่เดิมไม่ได้มีอะไรเลย แล้วก็มีคนไปทำให้กลายเป็น spot tourist ขึ้นมา สังเกตง่าย ๆ ว่ามีกรุ๊ปทัวร์ไปลงเยอะค่ะ เดินถ่ายรูปกันสนุกไป แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเดินเล่น ชมวิวและถ่ายรูปค่ะ

DSC_3435

วิวหน้าผาตรงนี้ก็สวยดีเหมือนกัน แอบมองฟ้าไกล ๆ ก็หวั่นใจ กลัวจะเจอฝน ทั้ง ๆ ที่ก่อนมาก็ทำใจไว้แล้วว่าพยากรณ์อากาศว่าฝนตกทั้งวันค่ะ แต่มาเจอแดดตอนเช้าก็ดีใจ ภาวนาให้แดดออกทั้งวันอ่ะนะคะ

DSC_3439

spot tourist อีกซักรูปค่ะ มีคนเอาไอ้นี่มาตั้งไว้นี่แหละ กลายเป็นจุดท่องเที่ยวไปเลย 55

DSC_3444

ตรงนี้ เคโกะยืนถ่ายรูป ๆ อยู่ดี ๆ ก็เจอเจ้คนจีนจากไหนก็ไม่ทราบค่ะ มากวักมือเรียกให้ถ่ายรูปให้เจ้หน่อย แล้วก็โพสต์ท่าอย่างเมามันมาก ถามย้ำตลอดว่าท่าไหนดี ท่านี้ดีหรือยัง ไรงี้อะค่ะ จนกระทั่งเจ้พอใจ เคโกะก็สงสัยอยากถามเจ้เหมือนกันนะคะว่าเจ้จะรู้ตัวไหมว่าคุยกับคนที่ไม่ใช่คนจีนอะค่าาาา ><”

นั่งเล่นชมวิวเรื่อยเปื่อย พูดคุยกันอีกพักนึง แล้วก็ไปต่อค่ะ

จุดต่อไป เคโกะจำชื่อไม่ได้แล้วอะ แต่เพื่อนบอกว่า เดิมเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ค่ะ แต่ว่าไม่มีคนมาพักแล้ว ก็เลยปล่อยให้ร้างไว้อย่างนั้น เป็นโรงแรมที่ติดหาด และหาดมีทรายสวย นิ่ม เดินเล่นได้สบายมากค่ะ

ไปเดินบีชชชชเล่นซักแป๊บนึงนะ

DSC_3447

แล้วก็กลับมาขึ้นรถ เดินทางต่อไปพักที่กินข้าวเที่ยงค่ะ

ขออนุญาตตัดตอนตรงนี้ ยกไว้โพสต์หน้ากับอีกตอนนึงของเมืองน่ารัก ๆ ทะเลสวย ๆ อย่าง Taitung นะคะ ติดตามกันด้วยน้าาาาา ^^

Kuo Yuan Ye: DIY Pineapple cake

สวัสดีค่ะ กลับมาวนเวียนอยู่ไต้หวันกันต่อเลยนะคะ สำหรับโพสต์นี้เป็นอะไรที่อยากไปลองเล่นมานานแล้ว แต่ยังหาจังหวะ และเวลาเหมาะ ๆ ยังไม่ได้ก็เลยผลัดไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้ไปในที่สุดค่ะ

Place : Kuo Yuan Ye Foods / 郭元益 / 郭元益粉絲團 Shilin branch
Class : Pineapple cake DIY
Date & Time : 1 Apr 2017, 9:00AM
Direction : MRT Shilin Station Exit 1, across the road, walk straight and turn left to Qian St. Turn right, KYY is at the corner on WenLin road
Website : http://www.kuos.com/index.php
Facebook : https://www.facebook.com/KuoYuanYefoods
Fee : 350NTD (with 50NTD discount for purchase in store)
Register link (Chinese) : http://www.kuos.com/museum/order_a.html

ตอนที่เคโกะรีจิสเตอร์ไปในเว็บมีให้เลือก 2 รอบค่ะ คือเช้ากับบ่าย ซึ่งเคโกะเลือกรอบบ่ายไป แต่หลังจากนั้นทางร้านก็เมลกลับมาว่ารอบบ่ายไม่เปิด มีแต่รอบเช้า ถ้าเราโอเค เค้าก็จะจองที่ให้เลย ซึ่งเคโกะก็โอเคค่ะ เปลี่ยนเวลาก็ได้ จากนั้นก็จะมีเมลคอนเฟิร์มอีกครั้งนึง ตรงนี้เราไม่ต้องจ่ายเงินค่าจองอะไรทั้งนั้นนะคะ ไปจ่ายเอาหน้างานทีเดียวเลย

การเดินทางก็ไปตามที่เคโกะว่าไว้ด้านบนค่ะ คือ นั่ง MRT ไปลงที่สถานี Shilin แล้วก็เดินออกมาที่ถนนใหญ่ ข้ามถนน เดินเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ เลียบทางรถไฟฟ้าจนสุดถนนจะเห็นลานจอดรถซ้ายมือ ก็เดินเลี้ยวซ้ายไปตามทางเลยค่ะ แป๊บนึงก็จะเห็นร้านแล้วอยู่ขวามือ ซึ่งอยู่หัวมุมถนนพอดี เห็นง่ายค่ะ

พอเข้าไปในตึก (เข้าทางที่มีป้ายชี้ค่ะว่ามาเรียนคอร์ส DIY ให้ไปทางตัวออฟฟิศ) จะมีรปภ.ต้อนรับอยู่และให้เราขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 4 เลย (ถ้าจำไม่ผิดอะนะ) ก็จะถึงพอดีค่ะ ซึ่งเคโกะแนะนำว่า ควรตรงต่อเวลาด้วยนะคะ ^^

DSC_3473

แล้วก็มีเจ้าหน้าที่มาต้อนรับเราค่ะ ให้ไปซื้อตั๋วก่อน ราคา 350 NTD ซึ่งจะมีคูปองส่วนลด 50NTD สำหรับซื้อของในร้านให้ด้วยค่ะ

IMG_0236

แล้วก็จะพาไปนั่งที่โต๊ะค่ะ ซึ่งเค้าจะจัดเป็นกลุ่ม ๆ  ย่อยไว้ให้แล้ว

ในวันนั้นที่เคโกะไป มีทั้งหมด 3 กรุ๊ปค่ะ คือ กรุ๊ปอเมริกัน, ญี่ปุ่นและเกาหลี แต่ก็ไม่รู้ทำไม จับเคโกะไปลงกรุ๊ปญี่ปุ่นเฉยเลย .. จริง ๆ น่าจะลงกรุ๊ปอเมริกันมากกว่านะคะ เพราะถ้าไม่ใช่คนญี่ปุ่นและเกาหลีก็ควรจะเป็นภาษาอังกฤษล่ะเนอะ ว่าไหม?

แต่ก็นั่นแหละค่ะ ลงกรุ๊ปญี่ปุ่นก็ได้ (ฟะ) ไม่ว่ากันค่ะ

เสร็จสรรพเรียบร้อย เค้าก็จะวางอุปกรณ์สำหรับทำขนมให้เราค่ะ

IMG_0237

แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าเราจะต้องดำน้ำทำเองเหรอ ไม่เลยค่ะ จะมีอาจารย์สอนหน้าชั้นเรียน และมีสตาฟคอยช่วยเหลือกรุ๊ปละ 1 คนค่ะ ซึ่งสตาฟก็จะพูดได้หลายภาษา (เว้นภาษาไทยไปนะ ^^” ) ก็ถ้าสงสัยตรงไหนก็ถามได้ตลอดเลยค่ะ รวมถึงอาจารย์ผู้สอนเองก็พูดอังกฤษได้ด้วย

IMG_0238

คุณผู้หญิงเป็นสตาฟของกรุ๊ปญี่ปุ่นค่ะ พูดคล่องเชียว ส่วนบนโต๊ะก็คืออุปกรณ์ที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ให้

สิ่งที่ชอบก็คือ มีกระจกส่องให้เห็นภาพในภาชนะที่อาจารย์สอนด้วยล่ะค่ะ (คือ เคโกะไม่เคยไปเทคคอร์สแบบนี้อะนะคะ เลยไม่ทราบว่าปกติก็มีกระจกอยู่แล้วมั้ยค่ะ)

พอนักเรียนทุกคนพร้อม สตาฟพร้อม อาจารย์พร้อม ก็ลงมือกันเลยค่ะ ซึ่งอาจารย์จะคอยแนะนำทุก ๆ ขั้นตอน และจะคอยเดินตรวจดูผลงานให้ออกมาถูกต้องที่สุดด้วยค่ะ

ขั้นตอนแรกก็ตีเนยกับน้ำตาลให้ขึ้นฟูค่ะ แต่ในรูป น่าจะแค่ตีเนยนะ ยังไม่ได้ใส่น้ำตาลค่ะ

IMG_0244

แล้วก็ใส่ส่วนผสมที่อาจารย์บอกทีละขั้นตอนจนถึงขั้นตอนสุดท้ายคือใส่แป้งค่ะ

IMG_0245

แล้วก็ตีส่วนผสมให้เข้ากันจนกระทั่งเป็นเนื้อเดียวกันและร่อนออกจากกะละมังค่ะ เป็นอันใช้ได้

IMG_0246

ต่อไปก็เป็นขั้นตอนการปั้นและขึ้นรูปพายสับปะรดค่ะ ซึ่งเค้าก็จะเตรียมบล็อกขนมและตัวไส้ไว้ให้ด้วย เสร็จแล้วก็วางเรียงไว้ในถาด รอการอบค่ะ ซึ่งเราก็ต้องทำลวดลายเองให้รู้ว่าเป็นของเราเองด้วยนะคะ

DSC_3472IMG_0248

ซึ่งเคโกะก็เลือกทำลายง่าย ๆ ค่ะ ใส่ชื่อตัวเองซะเลย 555

รวม ๆ กันของทั้งกรุ๊ปค่ะ

IMG_0249

จากนั้นก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ เค้าก็จะเอาขนมของเราไปอบให้ และระหว่างรอ ก็จะพาเราไปเดินชมพิพิธภัณฑ์ของทางร้าน ซึ่งอยู่ชั้นบนค่ะ

ใน museum ก็จะจัดแสดงวิถีชีวิตของคนไต้หวัน ความเชื่อ ความเป็นมาตั้งแต่เกิดจนเป็นผู้ใหญ่ค่ะ รวมถึงมีกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ร่วมสนุกกันด้วย ก็เพลิดเพลินและเป็นการเรียนรู้วิถีชีวิตได้ดีทีเดียวค่ะ

เริ่มจากความเชื่อของคนจีนเมื่อเด็กแรกเกิด ก็จะให้ขนมหน้าตาแบบนี้เป็นนัยให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ (ถ้าจำไม่ผิดนะ)

DSC_3476

แล้วก็มีโมเดลแสดงถึงการแห่เกี้ยวในขบวนแต่งงานค่ะ

DSC_3479

และก็พิธีการแต่งงานในสมัยโบราณ

DSC_3486

รวมไปถึงมีชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ได้ลองใส่กันด้วยค่ะ เคโกะไปคนเดียวแล้วก็แอบเขิน ๆ เลยไม่ได้ลองนะคะ แต่คนอื่นที่ร่วมกรุ๊ปกันก็ไปลองกันสนุกสนานเลยล่ะค่ะ

DSC_3489

แล้วก็น่าจะเป็นอาหารส่งตัวเจ้าสาว ถ้าใครที่เคยผ่านพิธีแต่งงานแบบ traditional จีน ๆ มาน่าจะเข้าใจได้ไม่ยากค่ะ ฮาๆ

DSC_3494

แล้วก็เป็นแพกเกจจิ้งของทางร้านตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันค่ะ แต่ในรูปมีแค่ในอดีตเท่านั้นค่ะ

DSC_3496

พอเดินชมพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้ว พอลงมาที่ห้องทำขนมอีกครั้ง เค้าก็จะพาเราไปนั่งที่โต๊ะด้านหลังห้องก่อน เพื่อรับประทานของว่างที่เค้าได้จัดเตรียมไว้ให้ค่ะ ถ้าชอบใจขนมว่างที่จัดไว้ให้ก็สามารถแวะซื้อจากร้านติดไม้ติดมือกลับไปได้เช่นกันค่ะ

DSC_3498

ขนมสีชมพูอร่อยดีค่ะ ชอบที่สุดในจานนี้เลย น่าจะเป็นเปี๊ยะสตรอเบอรี่ค่ะ

DSC_3501

จากนั้นก็มาดูผลงานที่เราทำกันไว้ได้แล้วค่ะ เค้าก็จะเทออกจากบล็อคมารวม ๆ กันแบบนี้เลย ก็มาแยกหาเอาเองกันค่ะ

IMG_0251

เจอแล้วค่ะ เรียงอย่างสวยงาม หน้าตาดูดีมั้ยคะ ^^

DSC_3515

จากนั้นเค้าก็จะเตรียมกล่องและกระดาษห่อให้เราทำเองทุกขั้นตอนค่ะ

ท๊าด่าาาาาา.. เสร็จแล้วค่ะ

DSC_3516

พร้อมด้วยถุงกระดาษโลโก้ของทางร้าน เป็นอันจบคอร์สสนุก ๆ ในครึ่งวันกับร้าน Kuo Yuan Ye แล้วค่ะ เพลิดเพลินและสนุกมากมาย

DSC_3520

เรียบร้อยแล้วก็ไปเดินช้อปปิ้งต่อ หรือจะกลับเลยก็ได้ค่ะ

โดยรวมกับคอร์ส Pineapple cake DIY ครึ่งวันนะคะ

  • สตาฟใส่ใจตลอดเวลาค่ะ ดูแลดีมาก ๆ
  • ได้ความรู้ในการทำขนมดีค่ะ เคโกะเองมีพื้นฐานอยู่แล้ว ก็เลยง่ายและไปไวค่ะ
  • ราคานี้อาจจะดูแพงไปนิด แต่ก็คิดว่าได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ดีค่ะ

ถ้าใครสนใจก็แนะนำเลยนะคะ สนุกดีค่ะ ^^

My Foodies in Japan Trip 2017

สวัสดีค่ะ ตั้งใจว่าโพสต์นี้จะลงรูปของกินที่ได้ตะลุยกินมาตลอดทริปญี่ปุ่นเมื่อต้นปี .. ตอนนั้นอากาศหนาว ฤดูหนาว แต่กว่าจะได้โพสต์ก็ปาเข้าไปหน้าร้อนซะงั้น ^^”

เอาล่ะ จะไม่อารัมภบทเยอะค่ะ เพราะรูปเยอะมากกกกกกกกกกกกกก จริง ๆ แล้วของญี่ปุ่นคิดเป็นเงินบาทแล้วไม่ถูกเลยนะ แต่ถ้าคิดเป็นเงินเยนแล้วรู้สึกถูกค่ะ เลยกินซะไม่หยุดคิดอะไรเลย แหะๆ

*** ถ้ารูปไหนเคโกะจำสถานที่กับราคาได้ ก็จะลงให้นะคะ ^^” ***

เริ่มด้วยของกินบนเครื่องบิน AirAsia X ขาไปค่ะ เป็นสปาเก็ตตี้อะไรสักสิ่ง สั่งแบบพรีบุ๊คจะได้น้ำ 1 ขวดมาด้วย เริ่ดดด ..

IMG_9048

ตัดฉับไปไว ๆ ต่อที่ลงเครื่อง ลากกระเป๋าปุเลง ๆ เข้าโตเกียวแล้ว ลงจากรถบัสปุ๊บก็หาข้าวกินกันก่อน ซึ่งรอบ ๆ ป้ายรถเมล์นั้นก็มีร้านสปาเก็ตตี้ค่ะ ที่ยังเปิดอยู่ ที่สำคัญ ฝนตกด้วยค่ะ วินาทีนั้นก็ไม่เลือกอะไรแล้ว ขอหม่ำก่อนล่ะ ^^”

พิกัด ใกล้ ๆ ป้ายรถเมล์ที่รถบัสจากนาริตะมาจอดค่ะ 2 จานนี้ 2592 เยน รสชาติก็อร่อยดีค่ะ เส้นไม่แข็ง ไม่นุ่มเกินไป ให้หอยมาตัวใหญ่ด้วย

page01

ตากฝนเข้าที่พักมาได้ ก็ยังไม่หยุดกินค่ะ ไป 7-11 ใกล้ ๆ ที่พัก กินโยเกิร์ตต่ออีก ถามว่าทำไมถึงหยิบยี่ห้อนี้มากิน .. คำตอบก็คือ หยิบแบบสุ่มค่ะ ไม่ได้เจาะจงอะไรเลยยยย แต่รสชาติก็เฉย ๆ นะคะ ไม่ว้าวเท่าไหร่

IMG_9057

ต่อไปที่มื้อเช้าวันถัดไป ซื้อข้าวกล่องเข้ามาทิ้งไว้ตั้งแต่คืนวาน แล้วโยนเข้าเวฟก่อนกิน (ที่พักมีไมโครเวฟให้ค่ะ) เป็นทงคัดสึธรรมดาใน 7-11 นะคะ

IMG_9058

กินคู่กับน้ำผลไม้รวมที่ซื้อมาด้วยกันนั่นแหละ อร่อยดีค่ะ ไม่หวานจนเกินไป ให้ความรู้สึกสดชื่นดี

IMG_9059

ตัดฉับไปที่มื้อเที่ยง แถว ๆ กินซ่ามั้งนะ เป็นร้านที่มีเมนูหน้าร้านแบบกดตู้อะค่ะ ร้านนี้อยู่ในตรอก ๆ ซอก ๆ หน่อย แต่ไม่เปลี่ยว ไม่น่ากลัวนะ ราคาน่าคบด้วย ก็จัดไปค่ะ

1 เซ็ท + 1 ชามนี้ราคา 700+420 เยนค่ะ รสชาติก็เฉย ๆ นะ ตามประสาร้านอุด้ง-โซบะทั่วไปค่ะ

page02

ต่อไปที่น้ำมะนาวโซดา ตัวนี้ดูไม่ละเอียด เพราะเคโกะไม่กินโซดาค่ะ กลัวกัดกระเพาะอะนะ กดตู้ขายน้ำหยอดเหรียญอัตโนมัติมาค่ะแถว ๆ นาคาโนะ (โตเกียว) 130 เยน

IMG_9069

ต่อด้วยมื้อเย็นวันนั้น เป็นร้านอาหารออกแนวตามสั่ง (มีเมนู) อะค่ะ ออกจีน ๆ หน่อยนะ แถว ๆ อุเอโนะมั้งคะ ไม่ค่อยแน่ใจ พอวันหลังจะมากินอีกก็วนหาไม่เจอแล้ว T.T (ความจำสั้นได้อีก 555)

2 เซ็ทนี้ราคา 1530 เยนค่ะ ร้านนี้มีเมนูอังกฤษให้ด้วยยย

page03

ต่อท้ายด้วยโกโก้นมจากตู้กดน้ำอัตโนมัติหน้าสถานีอุเอโนะค่ะ ลองคนละยี่ห้อกัน เคโกะค่อนข้างชอบโกโก้ที่นี่นะ คือ มันไม่หวานเว่อร์อะค่ะ ราคาก็ตามตู้กดน้ำทั่ว ๆ ไปเนาะ 2 กระป๋อง 260 เยนค่ะ

IMG_9076

กินข้าวเย็นกันไปชุดใหญ่ แต่ก็อย่าคิดว่าจะหยุดกินนะคะ ยังสรรหาขนมกินต่อได้อีก T^T

โดนัทแถว ๆ สถานีอาคิฮะบาระค่ะ 2 ชิ้น 334 เยน ตัวมัทฉะไม่ค่อยโอเค แต่อีกอันเป็นรสช็อคโกแลต ก็อร่อยดีค่ะ .. แต่กินแล้วก็คิดถึงพอนเดอริงนะ เคโกะชอบเนื้อแบบนั้นมากกว่าค่ะ แหะๆ

page04

มื้อเช้าวันที่ 3 ของทริป ไปกินที่ร้านแฟรนไชส์ ที่จำชื่อไม่ได้ค่ะ ><~ แต่สาขานี้ที่กินอยู่หน้าสถานีอิเคะบุคุโระ ถ้าจำไม่ผิด จะเป็นร้านเดียวกันกับที่ทานเมื่อวานเย็น แต่คนละสาขากันค่ะ

เป็นร้านที่เปิดเช้ามากกกก (เอ๊ะ เปิด 24 ชม.มั้งนะ ไม่แน่ใจค่ะ) ก็เป็นที่พึ่งของนักท่องเที่ยวรอบเช้าได้ดีค่ะ 3 จานนี้ทั้งหมด 1210 เยน เคโกะว่าติดเค็มไปหน่อย ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่

page05

กระโดดข้ามมาไว ๆ อยู่ที่โอไดบะค่ะ ระหว่างนั่งพักเหนื่อยก็ไปสอยน้ำมะนาวอย่างที่อยากชิมจริง ๆ ที่ไม่มีโซดามาจากมินิมาร์ทใต้ตึกฟูจิเทเลบินั่นแหละ

IMG_9115

แล้วก็มานั่งหม่ำ ๆ ในฟู้ดคอร์ทที่ห้าง Diver City ค่ะ เคโกะจัดทาโกะยากิไป 550 เยน รสชาติอร่อยกว่าที่ไทยเยอะเลย ลูกใหญ่ ไส้ปลาหมึกเต็ม ๆ คำค่ะ ชอบมากกกกก

IMG_9130

ต่อด้วยเครปช็อคโกแลตกล้วย ราคา 411 เยน สั่งตามเมนูเลย ไม่ได้ customize อะไร รสชาติเฉย ๆ ค่ะ ธรรมดา ๆ ไม่ได้ว้าวอะไรค่ะ

IMG_9131

กลับมาที่พัก ก็แวะ 7-11 กินขนมต่ออีก – -”

Jagabee ตัวนี้จำรสชาติไม่ได้แล้วค่ะ แหะๆ น่าจะเป็นรสกุ้งเผามั้งคะ ไม่ชัวร์ ถ้าจำไม่ผิด รสจะคล้าย ๆ ข้าวเกรียบกุ้งอะค่ะ

IMG_9136

ต่อไปที่ไอศกรีม Haagen-Dazs รสแปลก ๆ คือ ไม่รู้จักขนมชนิดนี้เลยค่ะ แต่ก็ซื้อมาลองชิมดู รู้สึกไม่โอเค ไม่ถูกจริตค่ะ ออกแนวรสถั่ว ๆ ด้านบน ผสมวานิลลาด้านล่าง ตัวนี้ไม่ชอบค่ะ

IMG_9137

มาต่อที่มื้อเช้าวันที่ 4 ค่ะ ไปกินข้าวในสถานีโตเกียวค่ะ ก็เลือก ๆ ร้านเข้าไป เป็นเซ็ทอาหารเช้าให้เลือก ก็เลือก ๆ กันคนละเซ็ทล่ะค่ะ โดยรวม ๆ ก็โอเคนะคะ ราคารวม 1641 เยนค่ะ

page06

กินเสร็จออกมากดน้ำที่ตู้น้ำอัตโนมัติแถว ๆ นั้นแหละอีกขวดค่ะ เป็นชาโฮจิฉะ รู้สึกว่าไม่หวานเลย ชอบค่ะ

IMG_9164

ต่อที่มื้อเย็นวันนั้น ไปจัดซุชิสายพานแถวสถานีอุเอโนะค่ะ ตามลายแทงในพันทิปไป เห็นว่าเป็นซุชิหน้าล้น หน้าทะลัก ไรงี้ เป็นร้านที่คิวยาวมากกกกกก เคโกะไปนั่งหนาวอยู่หน้าร้านอยู่พักใหญ่ถึงจะได้คิวเข้าร้านค่ะ ร้านไม่มีเมนูอังกฤษให้ แต่บนสายพานก็พอโอเคอยู่นะคะ หรือไม่ก็เปิดเมนูแล้วจิ้ม ๆ ก็ได้ค่ะ ในเรื่องรสชาติ เคโกะว่าโอเคเลยนะ กินกันถล่มทลายมาก จำไม่ได้ว่ากี่จานค่ะ แต่สองคนกินกันอิ่มปลิ้นเลย หมดไป 5270 เยนค่ะ

page07

ซุชิหน้าล้น ๆ อร่อยทุกอย่างค่ะ ชอบแซลมอน 3 อย่าง (ซ้ายล่าง) กับขวาล่างเป็นพิเศษค่ะ

มาจบท้ายที่ 7-11 ใกล้ที่พักอีกเช่นเคย ไปหยิบไอศกรีมแท่ง Godiva มาชิมค่ะ อันนี้อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แท่งละ 350 เยนเท่านั้นนนนน แนะนำค่ะ อร่อยมากจริง ๆ

IMG_9201

ยังไม่หยุดกินค่ะ 55 เหมือนเมื่อกี้ไม่ได้กินซุชิมาเลยนะนี่

อันนี้เป็นคัพเค้กช็อคโกแลต ซื้อในสถานีรถไฟอุเอโนะมั้งคะ ไม่แน่ใจ เห็นป้ายลดราคาอยู่ก็เลยหน้ามืด เข้าไปหยิบ ๆ มากินซะงั้น – -” แต่รสชาติเฉย ๆ นะ ไม่ว้าวค่ะ ซื้อมา 2 ชิ้น 2 แบบ 303 เยน หลังหักส่วนลดแล้วค่ะ

IMG_9203

กินอิ่มไป ก็ล้างปาก แก้เลี่ยนด้วยชามะนาวค่ะ อันนี้ก็อร่อย ชอบมากกกกกกกกกอีกเช่นกัน ซื้อได้ตาม 7-11 ค่ะ

IMG_9204

ต่อไปที่มื้อเช้าวันที่ 5 เริ่มด้วยขนมอีกชิ้นที่เหลือที่ซื้อมาพร้อมกับกับคัพเค้กช็อคโกแลตอะค่ะ

ตัวนี้เฉย ๆ อีกแล้ว ดีที่ไม่หวานเกินไปค่ะ

IMG_9207

ส่วนมื้อเช้าจริงจังนั้น เราไปนั่งกินกันในร้าน Lawson ใกล้ ๆ ที่พักค่ะ ซึ่งในร้านมีที่ให้นั่งกินด้วย สบายเลย

IMG_9208

รสชาติเฉย ๆ เหมือนโอนิงิริในร้านสะดวกซื้อทั่ว ๆ ไปเลยค่ะ

เห็นมีชานมไข่มุกแบบสำเร็จขายด้วย แปลกดีก็เลยซื้อมากินคู่กันค่ะ

IMG_9210

ตัวนี้เคโกะว่าไม่อร่อยค่ะ ไข่มุกไม่หนึบหนับเลย

ส่วนมื้อเที่ยง ไปเดินเสาะหาจนได้ร้านใกล้ ๆ สถานี Noborito หลังกลับจาก Fujiko F Fujio Museum ค่ะ เลือกไว ๆ เลยเอาเป็นทงคัตสึด้งอีกเช่นเคย ^^” รสชาติทั่ว ๆ ไปค่ะ ไม่เด่น ไม่ว้าวอะไรพิเศษนัก น่าจะราคา 580 เยนค่ะ

IMG_9257

แล้วก็เป็นของกินเล่นในย่านไชน่าทาวน์ที่โยโกฮามะ นะคะ

เริ่มด้วยเสี่ยวหลงเปา …แบบประยุกต์ค่ะ – -” แต่ก็อร่อยใช้ได้ทีเดียว เค้าเอาไปจี่ในกะทะ เลยได้ texture กรุบ ๆ นิด ๆ แปลกแต่อร่อยดีค่ะ จานนี้น่าจะ 620 เยนมั้งคะ

page08

แล้วก็ขนมหน้าตาเหมือนในไทย เค้าเรียกอะไรนะคะ ขนมไข่หงส์หรือเปล่า เคโกะกินเป็นอย่างเดียวอ้ะ ~><~  ลูกละ 100 เยนค่ะ ถ้าซื้อเยอะจะได้ถูกกว่านี้ แต่เอามาแค่ชิมพอค่ะ แล้วก็รู้ว่าในไทยอร่อยกว่านะ

IMG_9262

ต่อด้วยซาลาเปาหมูลูกยักษ์ค่ะ 500 เยน ก็เหมือนซาละเปาทั่ว ๆ ไปนะ ต่างแค่อันนี้เป็นลูกใหญ่มากกกกค่ะ กินแล้วอิ่มเลยทีเดียว

IMG_9263

เสร็จแล้วก็เข้าห้าง … จำชื่อไม่ได้อีก เอาเป็นว่าอยู่ตรงสถานีใหญ่ ๆ ที่โยโกฮามะน่ะค่ะ ข้างบนขึ้นไปดูวิวที่สูงได้อะค่ะ ><” น่าจะเป็น Landmark Tower นะ

เลี้ยวเข้าร้านราเม็ง น่าจะชั้นล่างของห้างค่ะ 2 ชาม 2210 เยน รสชาติก็ราเม็งอะค่ะ แอบรู้สึกมันเยอะไปนิดนึง โดยรวม ๆ แล้วก็โอเคอยู่

page09

ต่อด้วยของหวานอย่างดาร์คช็อคโกแลตปั่น ณ Godiva ในห้างเดียวกันค่ะ 590 เยน บอกได้คำเดียวว่า มันอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก

IMG_9279

จากนั้นกลับเข้าโตเกียว ไปลงที่อุเอโนะ แล้วกดน้ำจากตู้ขายอัตโนมัติมาอีกแล้ว เป็นน้ำส้มยูซุเลมอนค่ะ กลิ่นหอมมากกกกก อร่อยด้วย เป็นเครื่องดื่มร้อนนะคะ แต่อร่อยทีเดียว

IMG_9283

ต่อด้วย Jagariko รสสุกี้ยากี้ … เออ เอาเข้าไป รสแปลก ๆ แต่ก็กินค่ะ อร่อย ชอบ ๆ

IMG_9284

ปิดท้ายวันนั้นด้วยไอศกรีม Haagen-Dazs ค่ะ แต่เปลี่ยนเป็นรสชาเขียวบ้าง ก็หอมชาเขียว รสชาเขียวเข้มข้น อร่อยดีค่ะ สมราคาเนาะ

IMG_9285

กระโดดข้ามไปมื้อเที่ยงวันที่ 6 … แอบงงอยู่เหมือนกันว่ามื้อเช้าหายไปไหน ?

ไปกินข้าวในห้างบนสถานีชิบูยะมั้งคะ ไม่แน่ใจอย่างแรงเลย เป็นร้านแนว ๆ สลัดนะ แปลก ๆ ดีค่ะ แต่ก็อร่อยดี ร้านนี้น่าจะฮิตนะคะ คิวยาวพอสมควรเลย ราคา 2 เซ็ทอยู่ที่ 2460 เยนค่ะ

page10

กระโดดข้ามไปมื้อเย็นเลย เป็นร้านตู้กดเมนูหยอดเหรียญอะค่ะ แถว ๆ อุเอโนะ ได้มาเป็นข้าวหน้าเนื้อ กับแกงกะหรี่ค่ะ รวม 1220 เยน ถูกและอร่อยค่ะ ^^

page11

มื้อเช้าวันที่ 7 วันสุดท้าย ก็ซื้อข้าวกล่องมาเวฟกินกันค่ะ เอาเร็วเข้าว่าเนาะ ของเคโกะเป็นข้าวหน้าเต้าหู้ค่ะ หยิบมาด้วยความคิดถึงไต้หวันอย่างแรงงิ ^^”

IMG_9338

ข้ามไปที่สนามบินเลยค่ะ ซื้อชามะนาวขวดนี้ที่ร้านค้าแถว ๆ เกทนั่นแหละ อร่อยค่ะ ชอบอีกแล้ว คือ มันไม่หวานแหลม และหอมมะนาวดีอะค่ะ

IMG_9349

ส่วนอาหารบนเครื่องขากลับนั้น เลือกเป็นผัดไทยค่ะ เคโกะว่าอร่อยเกินความคาดหมายอยู่นะ แต่ไม่ถึงกับอร่อยเวอร์วัง แนะนำไรงี้นะคะ

IMG_9350

ปิดท้ายของกินด้วยช็อคโกแลตเหล้า แอลกอฮอล์ 3.7% ค่ะ ผสมลูกเกดด้วย ไปได้มาจากดองกี้ค่ะ อร่อย ได้รสชาติเหล้าพอกรึ่ม ๆ ค่ะ ใครชอบแนวนี้ จัดได้เลยค่ะ

IMG_9375

ก็เป็นอันจบทริปญี่ปุ่น 2017 ไปอย่างสมบูรณ์แล้วนะคะ แหะๆ ลากข้ามมาหลายเดือนเลยทีเดียว ^^”

แล้วเจอกันใหม่ในโพสต์ถัดไปค่ะ

Tim Ho Wan @ Hong Kong

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้ก็ยังวนเวียนอยู่ในฮ่องกงอยู่นะคะ ขอสลับอารมณ์มาเป็นของกินบ้างเนอะ ตอนที่วางแผนก็คิดเรื่องหาร้านชิมติ่มซำในฮ่องกงล่ะค่ะ แต่ก็อยากได้ราคาที่ย่อมเยาสักหน่อย ดูไปมาก็เลยตกลงใจเป็นร้านนี้ค่ะ

Store name : Tim Ho Wan
Store location : Sham Shui Po
Store address : G/F, 9-11 Fuk Wing Street, Sham Shui Po
Person : 1
Cost : 92 HKD
Official Website : http://www.timhowan.com/

จริง ๆ แล้ว ร้าน Tim Ho Wan นี้มีหลายสาขาค่ะ สะดวกสาขาไหนก็สามารถเลือกดูเส้นทางและไปชิมกันได้เลย แต่สำหรับเคโกะเองเลือกสาขาที่ Sham Shui Po เพราะสะดวกสุด เหตุผลเดียวเลยค่ะ ^^”

สำหรับการเดินทางไปสาขานี้ เคโกะใช้ MTR ค่ะ สามารถเลือกลงได้ 2 สถานีคือ Sham Shui Po หรือ Shek Kip Mei ก็ได้ ตอนนั้นเคโกะเลือกลงที่สถานี Shek Kip Mei ทางออก A นะคะ แล้วก็เปิด Google Map เดินตามค่ะ ก็เดินประมาณ 10 นาทีได้ก็จะถึงหน้าร้านค่ะ

สำหรับสาขาในฮ่องกงอื่น ๆ ว่ามีสาขาที่ไหนบ้าง สามารถดูรายชื่อแต่ละสาขาได้จากตรงนี้เลยค่ะ

และสาขาอื่น ๆ ในประเทศต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ฮ่องกง ก็ตามลิ้งค์นี้ค่ะ http://www.timhowan.com/country/singapore/

พอเข้าไปในร้านจะมีพนักงานต้อนรับอยู่ ก็บอกจำนวนคนไปว่ามากี่คน จากนั้นพนง.ก็จะจัดโต๊ะให้เรานั่ง แล้วเอาเมนูมาให้เราเลือกรายการอาหารที่ต้องการสั่งค่ะ โดยดีฟอลท์จะให้ภาษาจีนมา ซึ่งเราบอกได้ว่าขอเมนูอังกฤษค่ะ ก็จะได้มาแบบนี้เลย (ที่มีเลข 1 ใส่อยู่คือรายการที่เคโกะเลือกแล้วค่ะ)

img_8309

แล้วก็ยื่นรายการกลับไปให้พนักงาน ซักพักเค้าก็จะเอาบิลมาวางให้ที่โต๊ะค่ะ ค่าเสียหายของเคโกะวันนั้น สั่งไปทั้งหมด 4 จาน (ชาร์จค่าชา 2 เหรียญ ไม่สามารถยกเลิกได้นะคะ) ก็คือ 92 HKD (เรทแลกเปลี่ยนคือ 1 HKD = 4.55 BHT ค่ะ)

img_8310

แล้วอาหารที่สั่งก็จะทะยอย ๆ มาเสิร์ฟค่ะ

จานแรกเลย คือซาละเปาหมูบาร์บีคิว คนไทยจะเรียกว่าซาละเปาหมูแดงค่ะ มา 3 ลูกเลย จานนี้ใคร ๆ ก็แนะนำว่าต้องสั่ง เคโกะก็เลยสั่งตามมาลองบ้าง ก็ปรากฏว่าอร่อยดีค่ะ แนะนำเช่นกัน ^^

img_8311

ให้ดูไส้ข้างในค่ะ เนื้อหมูเต็ม ๆ คำ รสชาติกลมกล่อมกำลังดีเลยค่ะ กินเพลิน ๆ 3 ลูกก็หมดค่ะ อร่อยมากจริง ๆ

img_8312

จานต่อไป น่าจะเป็นฮะเก๋ากุ้งมั้งคะ แอบลืม แหะๆ อร่อยดีค่ะ

img_8313

ต่อไปเป็นลูกชิ้นเนื้อค่ะ หน้าตาจะดูคล้ายเนื้อสับบนฟองเต้าหู้มากกว่า รสแปลก ๆ แต่ก็โอเคอยู่ค่ะ

img_8314

สุดท้ายคือขนมจีบกุ้ง กุ้งเด้งดึ๋ง ๆ เลยค่ะ อร่อยมากเช่นกัน

img_8315

โดยสรุป สำหรับร้านนี้และสาขานี้ โดยส่วนตัวก็ถือว่าอร่อยค่ะ โดยเฉพาะซาละเปาหมูบาร์บีคิว (หรือซาละเปาหมูแดงที่คนไทยเรียก ๆ กัน) อร่อยมากจริง ๆ ค่ะ กินไปหมด 4 จานที่สั่งก็อิ่มแปร้เลยล่ะค่ะ ^^

ก็แนะนำนะคะ สำหรับใครที่มองหาร้านติ่มซำรสชาติโอเคในราคาย่อมเยาหน่อยในฮ่องกงค่ะ ก็เป็นอีกทางเลือกนึงค่ะ

แล้วเจอกันในโพสต์ถัดไปนะคะ ^^