สวัสดีค่ะ แอบติดใจขนอมจากที่เคยไปมาแล้วเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ก็เลยจัดไปอีกรอบค่ะ ^^
แต่คราวนี้ไม่ได้อยู่แต่ในขนอมตลอดทั้ง 3 วัน 2 คืนนะ แล้วจะขอแบ่งทริปนี้ลงเป็น 3 โพสต์ค่ะ ^^
จุดแรกที่แวะในขนอมก็คือ บ่อน้ำผุดธรรมชาติค่ะ ไปเห็นจากทวิตเตอร์ของนุชด้วยกันนี่แหละ ก็เลยลองตามไปดูบ้าง
Spot name : น้ำบ่อผุดธรรมชาติ
Location : อ.ขนอม นครศรีธรรมราช
Google maps : https://goo.gl/maps/vPEMCfz8PWFEhJvE6
Entrance fee : Free
Opening hours : N/A
Visited date : 5 Oct 19
ทางเข้าเป็นทางดินธรรมดา ๆ ยังไม่มีลาดยางค่ะ ที่จอดรถก็จอดได้ตามสะดวกเลย ^^” ส่วนเคโกะจอดที่ลานจอดตรงข้ามกับทางเข้าบ่อน้ำผุด ซึ่งมีหลุมใหญ่อยู่ด้วย ต้องขับระวัง ๆ นิดนึงด้วยค่ะ
ทางเข้าบ่อน้ำผุดก็จะประมาณนี้
เดินเข้าไปไม่กี่ก้าวก็จะเจอบ่อน้ำผุดแล้วค่ะ ตอนที่เคโกะไปก็มีครอบครัวใหญ่ครอบครัวนึงเค้ามาอยู่ก่อนหน้าแล้ว มีเด็ก ๆ เล่นน้ำกันอยู่ 2 คน แล้วเค้าเห็นเคโกะมาคนเดียว ก็เลยชวนคุยนู่นนี่นั่นค่ะ
ลักษณะก็จะเป็นบ่อน้ำขนาดไม่ใหญ่มากแหละ เข้าใจว่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการผุดน้ำขึ้นจากพื้นดิน จนกลายเป็นบ่อน้ำค่ะ ซึ่งก็ยังพอจะมองเห็นจุดที่มีน้ำผุดขึ้นมาอยู่นะคะ น้อง ๆ ที่เล่นน้ำอยู่ ก็ยังชี้ให้ดูเลยค่ะว่าจะอยู่ตรงกลางบ่อ ซึ่งต้องลงน้ำไปดูอะ เคโกะขอผ่านค่ะ ไม่สะดวกน้อออ
แต่ก็ยังมีอีกจุดนึงที่สามารถดูจากบนฝั่งได้ค่ะ พ่อแม่ของเด็ก ๆ ชี้ให้ดูกัน ซึ่งก็เป็นตาน้ำผุดเล็ก ๆ มาก ๆ ค่ะ
สิ่งที่ดีงามเลยก็คือ น้ำใสมากกกกกกกกกกกกกก ใสจนมองเห็นพื้นดินที่อยู่ใต้น้ำเลยค่ะ
แต่ข้อเสียก็มีนะ เคโกะมองว่าค่อนข้างทรุดโทรมแล้วอะ ดูขาดความใส่ใจ และดูเหมือนมีร่องรอยความคึกคักของนักท่องเที่ยวหลงเหลืออยู่ ก่อนที่จะเงียบเหงาแบบนี้ค่ะ
จากนั้นก็ขับรถไปที่พักค่ะ ซึ่งเคโกะก็พักที่เดิมเลย คือที่ Leeloo Cabana Khanom ค่ะ ก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ซึ่งเคโกะจะอัพเดทไว้ในโพสต์อันเดิมนะคะ เพราะไม่ได้เปลี่ยนไปมากอะ ^^ ตั้งใจจองห้องหมายเลข 7 อันเป็นการตามรอยอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ทว่า พอไปถึง คุณเจ้าของ (คิดว่าใช่ค่ะ เพราะเป็นคนต่างชาติ ตรงกับข้อมูลที่ได้มาว่าเจ้าของเป็นคนต่างชาตินะ) ก็บอกว่าจองห้องเบอร์ 7 มาแต่ให้ไม่ได้นะ เพราะปลวกลงพอดีค่ะ ก็เลยได้ห้องเดิม ห้องเบอร์ 6 แทน T.T
คงไม่มาแก้มือแล้วนะคะ แหะๆ เว้นแต่มีคนลากมาด้วยอะค่ะ ..
มาดูวิวริมทะเลที่รีสอร์ทกันดีกว่า วิวดี เงียบสงบเหมือนเคย แต่เพิ่มเติมคือมีคนพลุกพล่านขึ้นเยอะจากรีสอร์ทข้าง ๆ ทั้งสองฝั่งค่ะ
เช้าวันต่อมา ตั้งใจออกเรือไปดูโลมาสีชมพู แต่เคโกะก็จำเวลาผิด ออกสายไปหน่อย.. ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ สายไปซักราว ๆ 2 ชม. เอ๊งงงง …
ช่วงเวลาที่เหมาะสมก็คือช่วงเช้า ๆ ประมาณ 7 โมงนะคะ อย่าสายเหมือนเคโกะนะ ><“
คราวนี้เคโกะมาที่ท่าเรือแหลมประทับค่ะ เป็นท่าเรือที่ยอดฮิตมากในการมาเช่าเรือเพื่อออกไปดูโลมาสีชมพูนะคะ
Spot name : ท่าเรือแหลมประทับ
Location : อ.ขนอม นครศรีธรรมราช
Google maps : https://goo.gl/maps/M7Fi5pr4PBMWpdgF6
Entrance fee : Free
Opening hours : เวลาที่เหมาะสมคือช่วงเช้าๆ ประมาณ 7 โมงค่ะ
Visited date : 6 Oct 19
มีที่จอดรถนิดหน่อยพอกรุบกริบ แต่จอดฟรีค่ะ แล้วเดินไปตามทางที่มีป้ายบอกชัดเจนว่าเป็นทางไปลงท่าเรือค่ะ แล้วพอถึงบริเวณท่าเรือก็จะเจอกับอนุสาวรีย์โลมาแบบนี้เลยค่ะ
เคโกะไปถึงก็สัมผัสได้ถึงความเงียบเหงา (อีกแล้ว 555) แล้วก็มีพนง.มาต้อนรับ ถามว่ากี่คน เคโกะก็ต้องตอบไปอย่างมั่นใจค่ะว่า “คนเดียวค่ะ” เพราะเค้าจะตะโกนต่อกันไปเพื่อให้คนเรือเค้าจัดเตรียมเรือค่ะ
ระหว่างรอคนเรือเค้าจัดเตรียมเรือ ก็เลยถ่ายรูปไปพลาง ๆ ทะเลดูค่อนข้างเงียบสงบดีค่ะ น้ำนิ่งเลยแหละ
เรือที่นี่มีเยอะเพียงพอบริการนักท่องเที่ยวค่ะ เป็นลักษณะให้เช่าเหมาลำ ลำละ 1000 บาทค่ะ เรือลำนึงก็จะบรรจุคนได้ประมาณ 6-7 คนค่ะ
แล้วเคโกะก็หันไปชวนคนเรือคุยบ้าง เค้าเล่าให้ฟังว่ามาช่วงนี้กำลังเหมาะเลย เพราะเพิ่งมีลูกโลมากำลังเล่นซนอยู่ 2 ตัวค่ะ เลยทำให้มีโอกาสเจอโลมาได้ง่ายขึ้น เพราะเค้าซนเนาะ พ่อแม่ก็ต้องคอยวิ่งไล่ประกบไรงี้ค่ะ ฮาาา
เค้าบอกด้วยว่ามีออกไปหลายลำแล้ว ก็เลยทำให้เคโกะเอะใจขึ้นมา แล้วถึงได้รู้สึกตัวว่า มาสายไปแล้วค่ะ 5555 (รู้สึกตัวช้าจริง ๆ – -“)
เอาล่ะ แต่เรือเคโกะมีแค่เคโกะคนเดียวไง น้ำหนักเบา ซิ่งง่าย ไปโลดค่าาา
เรือออกได้แป๊บเดียว ก็ตามเรือลำก่อนหน้าหลาย ๆ ลำที่เค้าวนหาโลมากันอยู่ก่อนแล้ว ก็วน ๆ กันอยู่ซักพัก เราก็ได้เจอกับโลมาค่ะ
เค้าก็พยายามวนเรือเข้าไปให้ใกล้ ๆ ให้เราได้เก็บภาพและได้เห็นอย่างเต็มที่อะนะคะ
อีกซักรูปเนอะ
มีถ่ายวิดีโอมาด้วยนะ ซึ่ง … ก็ยังไม่รู้ว่าจะว่างทำวิดีโอให้ดูกันเมื่อไหร่ค่ะ (ปีที่แล้วเคโกะก็พูดเงี้ยะ ผ่านไปปีนึง ก็ยังนอนแน่นิ่งในคอมอยู่เหมือนเดิมค่ะ ฮาาาาา)
เอาไว้ให้เคโกะว่างทำแล้วจะแปะบนเพจแจ้งให้ทราบกันนะคะ //ฝากติดตามเพจด้วยค่าาา แหะๆ
คนเรือวนให้ดูโลมาอยู่พักใหญ่ จนโลมาว่ายน้ำหนีหายไปจนไม่คิดว่าจะเจอแล้ว เค้าก็พาเคโกะไปที่เขาหินพับผ้าค่ะ
ลักษณะของหินพับผ้าก็คือ มีความเรียงเป็นชั้น ๆ คล้ายกับผ้าที่พับไว้เป็นตั้ง ๆ อะค่ะ
ก็เป็นลักษณะที่เกิดตามธรรมชาตินะคะ คราวนี้ต่างจากคราวที่แล้วที่คนเรือไม่ได้พาขึ้นไปเดินเล่นค่ะ ซึ่งคนเรือเมื่อปีที่แล้วเค้าก็เคยบอกไว้แล้วว่าปกติจะไม่มีใครพาไปเดินบนเขาพับผ้ากันค่ะ มีเค้าคนเดียว (ฮาาาา)
แล้วก็ผ่านกระชังเลี้ยงปลาที่อยู่กลางทะเล ซึ่งจากบริเวณนี้ ถ้าเรามองไปอีกฝั่งตรงข้าม (กระชังปลานี้อยู่ซ้ายมือ ก็มองไปทางขวามืออะค่ะ) ก็จะพอมองเห็นท่าเรือดอนสักที่ไปเกาะสมุย ซึ่งเป็นเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีค่ะ
แล้วเราก็จะมุ่งหน้าไปยังจุดถัดไปคือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเล เกาะนุ้ยค่ะ
คนเรือก็จะเทียบเรือให้เราลง ซึ่งก็ลงไปคนเดียวนะคะ เค้าไม่ได้ตามมาด้วยนะคะ
เดินขึ้นไปตามขั้นบันไดเพื่อกราบไหว้หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลได้ค่ะ มีธูปเทียนให้พร้อมเลย
ทางเดินด้านล่างจะเป็นบ่อน้ำจืดเล็ก ๆ ที่เค้าเล่ากันว่าหลวงปู่ทวดมาเหยียบแล้วเกิดเป็นบ่อน้ำจืดอย่างอัศจรรย์เมื่อหลวงปู่มาที่เกาะนี้แล้วไม่มีน้ำจืดให้ใช้ค่ะ
ตอนที่ไปน้ำขึ้นพอดี เข้าไม่ได้ค่ะ ก็ต้องผ่านไป แต่เคโกะไม่ซีเรียสแหละ เพราะเคยมาแล้วค่ะ
แล้วก็กลับเข้าฝั่ง เป็นอันจบทริปออกเรือไปดูโลมาแล้วค่ะ
กลับมาถึงท่าเรือโดยสวัสดิภาพ แล้วก็จ่ายเงินค่าเรือให้กับคนเรือได้โดยตรงเลย แล้วก็กลับค่ะ
ระหว่างทางที่ออกไปจากท่าเรือนั้นจะมีทางช่วงนึงบนเขา ซึ่งวิวสวยม้ากกกกก คราวนี้เคโกะไม่พลาดแล้วแหละ หยุดรถแล้วถ่ายรูปซะเลยค่ะ ไหน ๆ ถนนก็ว้างว่างงงงง
แล้วก็กลับเข้าตัวเมืองขนอมค่ะ ซึ่งก็ยังมีเวลาเยอะอยู่เลยกว่าจะเย็น ก็เลยหาร้านกาแฟนั่งชิลล์ ๆ และอ่านหนังสือที่ติดไปด้วยค่ะ
หาในกูเกิ้ลแม็พจนได้ร้านนี้ค่ะ
Restaurant name : Frankies Coffee
Google maps : https://goo.gl/maps/9vSSFwJVpP66Y1wR8
Parking lots : yes
Location : อ.ขนอม นครศรีธรรมราช
Opening hours : 8.30AM – 5PM
Visited date : 6 Oct 19
ร้านเป็นร้านไม่ใหญ่มากค่ะ เข้าใจว่าเป็นบริเวณด้านหน้าทางเข้าขนอมบีชเรสิเดนท์นะคะ
ร้านตกแต่งแบบโล่ง ๆ ดี ไม่มีแอร์ แต่ก็ไม่ได้ร้อนอะไรค่ะ เพราะเปิดโล่งไปหมดเลย ส่วนที่จอดรถก็จอดได้ที่ด้านหน้าร้านเลยค่ะ
เคโกะเลือกมานั่งแอบมุม ดูวิวภายนอกเพลิน ๆ (เอ๊ะ ไหนว่าจะมาอ่านหนังสือ ?)
เคโกะสั่งชาเย็น กับแซนด์วิชทูน่าไปมั้งคะ รวมราคาประมาณ 150 บาทค่ะ
ชาเย็นเป็นชาเย็นที่รสเหมือนในกรุงเทพเลย คือไม่อร่อยค่ะ ชาเจือจางมาก ออกหวานและไม่มีกลิ่นชาเลย ไม่ผ่านอย่างรุนแรงค่ะ
ตัวแซนด์วิชก็กริลล์ขนมปังมาได้กรอบดี ผักแน่นไส้แน่นดีอยู่
โดยรวมก็ยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่อะค่ะ กับร้านนี้ 😦
เช้าวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับกทม. ก็ไปทานอาหารเช้าที่ร้านที่หมายตาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วค่ะ ซึ่งครั้งนั้นพลาดไปเพราะไปตรงกับวันหยุดเค้าพอดี
Restaurant name : ขนอมติ่มซำ
Google maps : https://goo.gl/maps/4ELtTnNmvFZ3xpaC8
Parking lots : yes
Location : อ.ขนอม นครศรีธรรมราช
Opening hours : 6.30 – 11.30AM
Visited date : 7 Oct 19
ที่จอดรถจะอยู่ข้าง ๆ ร้านเลยค่ะ กว้างขวางดีอยู่ แล้วก็เดินไปสั่งที่เคาน์เตอร์ได้เลย รวมถึงหยิบติ่มซำต่าง ๆ ที่อยู่ในตู้ ส่งให้พนง. ไปอุ่นร้อนให้ได้ค่ะ
เคโกะสั่งโจ๊กไปเพิ่มอีกชามด้วยล่ะ
โจ๊กหมูเค้าจะวางผักชี, ขิงซอย และกระเทียมเป็นกระจุก ๆ ไว้ให้แบบในรูปเลยนะคะ เคโกะว่าก็สะดวกดีกับคนที่ไม่ทานอะไรบางอย่างค่ะ ก็ตักออกได้เนอะ
มีชาร้อนเสิร์ฟให้ทุกโต๊ะฟรีด้วยค่ะ ซึ่งชาฟรีแต่ก็หอมชาอะ อร่อยเลย
ติ่มซำที่สั่งไปทั้งหมด 6 เข่งก็มาวางเรียงให้ตรงหน้าค่ะ
ติ่มซำดูเพลน ๆ ดูทั่ว ๆ ไป ที่ไหน ๆ ก็มี แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายค่ะ เทียบกับราคาแล้วเคโกะถือว่าโอเคนะ
ปิดท้ายที่ชาเย็น ที่ชอบมาก ๆ ค่ะ เป็นชาเย็นแบบชาใต้ หอมชา ชาเข้มข้นมาก และไม่หวานเกินไปด้วย อร่อยมากจริง ๆ หาทานได้ยากในกทม.ด้วยค่ะ ใครเจอบอกพิกัดเคโกะหน่อยนะคะ ^^”
สนนราคารวมประมาณ 163 บาทค่ะ ราคารับได้อยู่นะ ถือว่าราคาดีเลยแหละกับรสชาติ ปริมาณไรงีด้วยค่ะ
ใครมาขนอม เคโกะแนะนำร้านนี้เลยนะคะ อย่าพลาด ๆ ^^
ฝากติดตามอีกสองโพสต์ในทริปนี้ด้วยนะคะ ไม่นานเกินรอค่ะ เพราะอยากเคลียร์ทริปตัวเองในปีนี้ให้หมดก่อนที่ทริปใหญ่ประจำปีของเคโกะจะมาถึง และน่าจะเป็นมหากาพย์รีวิวอีกเช่นเคย 5555 (ถ้าติดตามกันมานานแล้วก็น่าจะเดาได้ค่ะว่าทริปไปไหน อิอิ)
ฝากเพจด้วยค้าาาา //ยิ้มหวานนน
https://www.facebook.com/thisiskeigo/