สวัสดีค่ะ ตอนแรกว่าจะบีบอัดมาโพสต์เดียว แต่รูปเยอะจัด เลยต้องแตกเป็น 2 โพสต์เลย แหะๆ
โพสต์นี้จะเล่าตั้งแต่การเดินทางไปเกาะบูโหลนเลยนะคะ แล้วก็พาไปเดินเล่นรอบ ๆ เกาะ ก่อนปิดท้ายที่ร้านคาเฟ่ยอดฮิตที่หาดใหญ่นะคะ ส่วนโพสต์หน้า จะเป็นทริปดำน้ำที่ไปดำน้ำ 1-day trip มาค่ะ
เคโกะเข้าใจว่าเกาะบูโหลนนี้น่าจะยังไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่ค่ะ เลยอยากเล่าให้ละเอียดนิดนึงน้าาา
การเดินทางจากกทม. เหมือนไปหลีเป๊ะเลยค่ะ บินลงหาดใหญ่ แล้วต่อรถไปท่าเรือปากบารา ท่าเรือเดียวกับที่ไปหลีเป๊ะเลยนะคะ ส่วนเรือที่ข้ามไปเกาะบูโหลนนั้น จะมีแค่วันละรอบเท่านั้น อัพเดท ณ วันที่เคโกะไปน้าาา คือ ขาไปประมาณบ่ายโมงค่ะ และขากลับประมาณ 9 โมงเช้า
เพราะฉะนั้น ไฟลท์บินที่เหมาะก็คือ กทม.-หาดใหญ่ ไฟลท์เช้าสุดค่ะ ส่วนหาดใหญ่ – กทม. ก็กะเอาบ่ายแก่ ๆ พอ ซักบ่าย 4 หรือ 5 โมงไรงี้อะนะคะ ไม่ต้องเป็นไฟลท์ดึกสุดแบบหลีเป๊ะค่ะ
ด้วยความที่ข้อมูลของเกาะนี้คือน้อยมากกกค่ะ เคโกะเลยจองไฟลท์เช้าสุดและกลับค่ำ ๆ เลย ก็เลยทำให้มีเวลาเหลือในวันขากลับค่ะ เลยได้เอ้อระเหยที่คาเฟ่ในหาดใหญ่ เลยได้แถมท้ายมาในโพสต์นี้แหละค่ะ
เอาล่ะ เคลียร์เนาะ ^^
เคโกะใช้บริการของ TYC ชุมชนเกาะบูโหลนนะคะ ให้เค้าคิดราคาเหมาเป็นแพกเกจมาเลยตั้งแต่ลงสนามบินค่ะ ก็เลยได้นั่งรถตู้สวย ๆ จากสนามบินไปท่าเรือปากบารา แล้วเคโกะก็รีบเดินไปหาเรือก่อน เหมือนไปเสนอหน้าคอนเฟิร์มอะค่ะ แล้วก็ค่อยกลับมาหาอะไรฆ่าเวลาที่ท่าเรือ ก่อนที่เรือจะออก ซึ่งมีเวลาเยอะพอควรเลยค่ะ
แวะทานข้าวหมกไก่ร้านตรงท่าเรือนั้นแหละ มีอยู่ร้านเดียวค่ะ ขายทุกสิ่ง ทั้งตามสั่ง ข้าวหมก ก๋วยเตี๋ยวด้วยมั้ง
รสชาติเฉย ๆ ค่ะ ธรรมดามาก ๆ
สั่งชาชักมาด้วย เพราะชอบชาชักใต้มาก หาทานที่กทม.ยากเย็นเหลือเกิน มาใต้ทั้งทีก็เลยไม่พลาดค่ะ
แต่เอาเข้าจริง คือรสชาติธรรมดามากอะ ผิดหวังอย่างแรง T.T
จากนั้นก็จะนั่งแช่อยู่จนใกล้เวลาเรือออกก็ไม่ใช่ที่ เลยย้ายไปแช่อีกร้านค่ะ แหะ ๆ
ร้าน Chevalley Cafe ค่ะ อยู่ตรงท่าเรือนั่นแหละ เป็นคาเฟ่เดียวที่ท่าเรือเลยค่ะ ร้านอื่นจะเป็นแบบคล้าย ๆ เคาน์เตอร์ขายกาแฟอะ ดูไม่คาเฟ่จริงจังเท่าไหร่ค่ะ
สั่งน้ำมะม่วงปั่นมา อร่อยดีค่ะ
ร้านแต่งสไตล์โทนขาว ๆ ดูมินิมอลดีค่ะ โล่ง ๆ ดูสบาย ๆ ดี มีเมนูอาหารคาวด้วยนะคะ –คือถ้ารู้ ก็แวะร้านนี้ร้านเดียวจบแล้วอะ น่าจะอร่อยกว่าค่ะ T.T
จากนั้นก็เดินไปลงเรือค่ะ ท่าเรือที่จะไปเกาะหลีเป๊ะจะเป็นท่าเรือที่เค้าทำใหม่ เป็นอาคารใหญ่เวอร์วังมาก มีของฝากขายสองข้างทางก่อนถึงท่าเรือ ซึ่งไม่ใช่ที่เคโกะจะไปค่ะ 5555
เดินเลยจากท่าลงเรือไปหลีเป๊ะนิดนึงนะคะ อยู่สุดทาง ทางขวามือเลยค่ะ จะมีป้ายบอกอยู่แบบนี้
ก็เป็นท่าเทียบเรือแหละ เทียบแบบง่าย ๆ เลยค่ะ กระโดดลงเรือเอาเองน้าา ^^”
พอมองย้อนไปก็จะเห็นท่าเทียบเรือไปเกาะหลีเป๊ะนะคะ อย่างที่บอกเค้าจะดูอลังนิดนึงนะ
ของหลีเป๊ะเค้าเป็นสปีดโบ๊ทเนอะ แต่ของเคโกะเป็นเรือหางยาวค่ะ แถ่ดๆๆๆๆๆ ไปนะ 5555
นั่งเรือไปเพลิน ๆ เคโกะเป็นนักท่องเที่ยวคนเดียวในเรือแหละ ที่เหลือคือชาวบ้านบนเกาะค่ะที่เค้าขึ้นฝั่งไปเลือกตั้ง ไปเจอช่วงเลือกตั้งพอดี ^^”
ก็มีคุณป้าที่นั่งข้าง ๆ ชวนคุยมาเรื่อย ๆ แล้วเคโกะก็มาเจออีกตอนที่ไปเดินเล่น คุณป้ามาดูแลรีสอร์ทหลังจากที่รกร้างไว้นานค่ะ แล้วถัดมาอีกวัน ก็เจอกันอีก คุณป้ากลับฝั่งแล้ว — 555 คือเกาะเล็กแหละ เดินไปเดินมาก็เจอกันหมดค่ะ
นั่งเรือมาเรื่อย ๆ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะราว ๆ 45 นาทีค่ะ ก็จะมาถึงเกาะบูโหลนแล้ว เท่าที่รู้ก็จะขึ้นเกาะที่หาดทรายขาวนี้หาดเดียวค่ะ
ลงเรือแล้วก็เจอคุณคนดูแลรีสอร์ทมารอรับค่ะ เคโกะก็เลยเข้าห้องเก็บของก่อน แล้วค่อยออกไปเดินเล่นรอบเกาะค่ะ
แปะแผนที่รอบเกาะนิดนึงนะ
แล้วก็เริ่มเดินเล่นจากหาดหน้าห้องพักไปค่ะ เจอใครมาเสียบลูกตะกร้อไว้แถวนี้ ที่เก็บลูกตะกร้อเหรอคะ 55555
เดิน ๆ ไปอีกนิด เจอปูลมวิ่งวุ่นไปหมด เดินบนหาดแบบนี้ ไม่ได้เจอปูลมนานแล้วนะคะ เลยทำให้รู้สึกว่าทะเลที่นี่ยังมีความธรรมชาติอยู่มากเลยล่ะค่ะ
เคโกะเลือกเดินลัดเลาะไปทางโรงเรียนนะคะ เป็นโรงเรียนเดียวที่อยู่บนเกาะแหละ อาคารสีชมพูสดใสทีเดียวค่ะ
แล้วก็เดินไปตามทางซีเมนต์ค่ะ เค้าว่าเป็นถนนเส้นเดียวบนเกาะ เดินตามไปเรื่อย ๆ ไม่มีหลงค่ะ มีแต่หาไม่เจอ แบบเคโกะ 5555
คือถนนก็เส้นเดียวไง แต่ทำไมมม ยังโก๊ะๆ เดินหลงไปมา หาไม่เจอ ไปหาดนู่นนี่ไม่เจอไรงี้ 5555 –แต่สุดท้ายก็เดินหาเจอนะ 555
เดินไปเรื่อย ๆ ก็จะไปโผล่ที่อ่าวพังกาน้อยค่ะ
น่าจะเป็นช่วงน้ำลดค่ะ เคโกะก็เดินปีนป่ายไปเรื่อย 5555
แล้วก็เดินกลับไปทางเดิม แต่เดินไปอีกแยกนึง (ดูตามแผนที่เกาะอะค่ะ) ก็จะไปโผล่ที่อ่าวพังกาใหญ่
ตรงอ่าวนี้แหละที่เคโกะเจอกับคุณป้าที่คุยกันมาในเรือค่ะ รีสอร์ทของคุณป้าอยู่อ่าวนี้
เดินดูทะเล ดูวิว ถ่ายรูปไปมาจนพอใจ ก็เลยเดินกลับ แค่เดินกลับก็ไม่วายเดินหลง ๆ อีก จนน้องคนนึงแถว ๆ นั้นเค้าทำหน้าคำถามใส่เคโกะ จนเคโกะต้องถามทางเค้าเลยรีบชี้มือบอกทางให้เลยค่ะ 55555
แต่ขากลับ เคโกะเดินวนไปทางแหลมสนนะคะ วนรอบใหญ่นี้ดนึง แต่หาดทรายขาว วิวสวยมากกกกค่ะ
เคโกะมานึกได้ตอนเดินขากลับมา เลยจับระยะทางกับเวลาดูแต่ขากลับ แต่ก็เดินแบบเอื่อย ๆ นะคะ เดินชิลล์ ๆ เดินไป หยุดถ่ายรูปไรงี้ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 2 กิโลค่ะ กับ 40 นาที 555555 เดินเอื่อย เดินชิลล์สุดดด
ก็เป็นเกาะเล็ก ๆ แหละ เดินรอบเกาะได้ค่ะ แต่ควรทายากันยุง กันแมลงไปด้วยน้าาา เคโกะไม่ได้เอาไปค่ะ แล้วก็เป็นคนความรู้สึกช้า มารู้ตัวอีกทีคือมีน้องนักเรียนที่เคโกะเดินผ่าน เค้าชี้บอกให้เคโกะรู้ค่ะว่ายุงกัดขาอยู่ พอก้มลงไปดูเท่านั้นแหละ โหยยยยย เต็มขาเลยค่าาาาา 55555
มื้อเย็นวันนั้น เคโกะฝากท้องไว้ที่รีสอร์ทค่ะ เป็นกะเพราไก่ไข่เจียว น่าจะ 150 บาทค่ะ
รสชาติก็กลาง ๆ นะคะ แบบทั่ว ๆ ไปแต่ดีที่ผัดกะเพราก็คือผัดกะเพราค่ะ ไม่ได้ใส่ถั่วฝักยาวและผักอื่น ๆ เพิ่มมาให้ 5555
ตัดฉับไปที่วันขากลับเลยนะคะ (เพราะโพสต์หน้า เคโกะจะเล่าเรื่องไปดำน้ำไงงง) เรือขากลับจะออกตอน 9 โมง ที่หาดหน้าที่พัก เหมือนขามาค่ะ
วันกลับล่ะอากาศแจ่มใสเชียวว เกลียดดด
เรือมารออยู่แล้วค่ะ รอบนี้เป็นผู้โดยสารกิตติมศักดิ์นิดนึง มีอยู่คนเดียวเหมือนเหมาลำเลยค่ะ 5555
ลาแล้วค่าาาเกาะบูโหลน
รูปบนนี่เห็นเลยเนอะว่าน้ำใสกิ๊งมากจริง ๆ ค่ะ
พอมาถึงฝั่งท่าเรือปากบารา ก็เดินกลับไปที่ออฟฟิศรถตู้ที่เค้ามาส่งในวันที่มาถึงอะนะคะ ซึ่งเคโกะได้รอบสายแหละ น่าจะ 11 โมงค่ะ แต่เคโกะมีเวลาเหลือเฟือ เลยไม่ค่อยซีเรียสอะไร นั่งเล่นมือถือรอไปเพลิน ๆ ก็ได้เวลากลับ
เพราะเคโกะจองไฟลท์ไว้ค่ำ เลยมีเวลาเยอะ เลยขอให้รถตู้ไปส่งที่ตลาดกิมหยงค่ะ (คือนึกได้แค่นี้จริง ๆ สำหรับตัวเมืองหาดใหญ่ 5555) เลยแวะช้อปนิดหน่อย ก่อนพุ่งไปคาเฟ่ ด้วยการเดินค่ะ 55555 –จริง ๆ เค้ามีรถสองแถว มีมอไซต์นะ แต่ทำไมไม่นั่งก็ไม่รู้ ฮาาา
ซึ่งเคโกะดีลไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วนะคะว่าจะลงที่ตลาดกิมหยง ไม่ใช่ว่าเพิ่งแจ้งปุบปับน้าาา
คาเฟ่ที่ว่านี้อยู่ใกล้ ๆ กับขนส่ง (ขนส่งหลังโรบินสันนะคะ เค้ามี 2 ที่น้าาา) ค่ะ คือดีเลยแหละ ไปสนามบินสะดวกมาก ๆ ค่ะ
Restaurant name : Namkee cafe / น่ำกี่คาเฟ่
Google maps : https://goo.gl/maps/KWjix8aFCaqufdt39
Parking lots : No (จอดริมทางได้)
Location : อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
Opening hours : 8.30 – 18.00, closed Thursday
Visited date : 21 Dec 2020
Website : https://www.facebook.com/Namkee-cafe-265873534126744/
ตั้งใจจะไปนั่งแช่ชิมชา แต่เจอเค้กน่ารัก ก็เลยสั่งมาทานซะงั้น 5555
น่าจะเป็นเบอรี่ลิ้นจี่มูสเค้ก มั้งคะ คู่กับชาโฮจิฉะหวานน้อย
อร่อยทั้งสองอย่างเลยนะคะ
และร้านก็คนแน่นมาก ๆ ค่ะ ยังดีที่เหลือโต๊ะเล็ก ๆ ให้เคโกะนั่งด้วย ><~ ไปนั่งในร้านแล้วได้ฟีลเหมือนอยู่กทม.ค่ะ มีคนมานั่งคุยงาน ติวกันเกือบทุกโต๊ะ 55555
ไม่ได้ถ่ายรูปบรรยากาศร้านมา เพราะคนเยอะอย่างว่าน่ะค่ะ แต่เค้าตกแต่งสไตล์จีนโมเดิร์นหน่อย ทานกันอิ่มแล้วก็ถ่ายรูปเล่นกันเยอะเลยค่ะ
เสร็จแล้ว เคโกะก็เดินไปที่ขนส่งที่อยู่ใกล้ ๆ กันนี่แหละค่ะ แล้วนั่งรถบัสยิงยาวเข้าสนามบิน จะเร็วกว่านั่งรถสองแถวนะคะ แต่ก็แพงกว่าแหละ 5555
เป็นอันว่าทริปจบลงแบบนี้ค่ะ ถือว่าประทับใจดี เดี๋ยวมาต่ออีกโพสต์นึง เรื่องดำน้ำวันที่ 2 นะคะ ^^
https://www.facebook.com/thisiskeigo