[Bulon Island] Bulon Island + Namkee Cafe

สวัสดีค่ะ ตอนแรกว่าจะบีบอัดมาโพสต์เดียว แต่รูปเยอะจัด เลยต้องแตกเป็น 2 โพสต์เลย แหะๆ

โพสต์นี้จะเล่าตั้งแต่การเดินทางไปเกาะบูโหลนเลยนะคะ แล้วก็พาไปเดินเล่นรอบ ๆ เกาะ ก่อนปิดท้ายที่ร้านคาเฟ่ยอดฮิตที่หาดใหญ่นะคะ ส่วนโพสต์หน้า จะเป็นทริปดำน้ำที่ไปดำน้ำ 1-day trip มาค่ะ

เคโกะเข้าใจว่าเกาะบูโหลนนี้น่าจะยังไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่ค่ะ เลยอยากเล่าให้ละเอียดนิดนึงน้าาา

การเดินทางจากกทม. เหมือนไปหลีเป๊ะเลยค่ะ บินลงหาดใหญ่ แล้วต่อรถไปท่าเรือปากบารา ท่าเรือเดียวกับที่ไปหลีเป๊ะเลยนะคะ ส่วนเรือที่ข้ามไปเกาะบูโหลนนั้น จะมีแค่วันละรอบเท่านั้น อัพเดท ณ วันที่เคโกะไปน้าาา คือ ขาไปประมาณบ่ายโมงค่ะ และขากลับประมาณ 9 โมงเช้า

เพราะฉะนั้น ไฟลท์บินที่เหมาะก็คือ กทม.-หาดใหญ่ ไฟลท์เช้าสุดค่ะ ส่วนหาดใหญ่ – กทม. ก็กะเอาบ่ายแก่ ๆ พอ ซักบ่าย 4 หรือ 5 โมงไรงี้อะนะคะ ไม่ต้องเป็นไฟลท์ดึกสุดแบบหลีเป๊ะค่ะ

ด้วยความที่ข้อมูลของเกาะนี้คือน้อยมากกกค่ะ เคโกะเลยจองไฟลท์เช้าสุดและกลับค่ำ ๆ เลย ก็เลยทำให้มีเวลาเหลือในวันขากลับค่ะ เลยได้เอ้อระเหยที่คาเฟ่ในหาดใหญ่ เลยได้แถมท้ายมาในโพสต์นี้แหละค่ะ

เอาล่ะ เคลียร์เนาะ ^^

เคโกะใช้บริการของ TYC ชุมชนเกาะบูโหลนนะคะ ให้เค้าคิดราคาเหมาเป็นแพกเกจมาเลยตั้งแต่ลงสนามบินค่ะ ก็เลยได้นั่งรถตู้สวย ๆ จากสนามบินไปท่าเรือปากบารา แล้วเคโกะก็รีบเดินไปหาเรือก่อน เหมือนไปเสนอหน้าคอนเฟิร์มอะค่ะ แล้วก็ค่อยกลับมาหาอะไรฆ่าเวลาที่ท่าเรือ ก่อนที่เรือจะออก ซึ่งมีเวลาเยอะพอควรเลยค่ะ

แวะทานข้าวหมกไก่ร้านตรงท่าเรือนั้นแหละ มีอยู่ร้านเดียวค่ะ ขายทุกสิ่ง ทั้งตามสั่ง ข้าวหมก ก๋วยเตี๋ยวด้วยมั้ง

รสชาติเฉย ๆ ค่ะ ธรรมดามาก ๆ

สั่งชาชักมาด้วย เพราะชอบชาชักใต้มาก หาทานที่กทม.ยากเย็นเหลือเกิน มาใต้ทั้งทีก็เลยไม่พลาดค่ะ

แต่เอาเข้าจริง คือรสชาติธรรมดามากอะ ผิดหวังอย่างแรง T.T

จากนั้นก็จะนั่งแช่อยู่จนใกล้เวลาเรือออกก็ไม่ใช่ที่ เลยย้ายไปแช่อีกร้านค่ะ แหะ ๆ

ร้าน Chevalley Cafe ค่ะ อยู่ตรงท่าเรือนั่นแหละ เป็นคาเฟ่เดียวที่ท่าเรือเลยค่ะ ร้านอื่นจะเป็นแบบคล้าย ๆ เคาน์เตอร์ขายกาแฟอะ ดูไม่คาเฟ่จริงจังเท่าไหร่ค่ะ

สั่งน้ำมะม่วงปั่นมา อร่อยดีค่ะ

ร้านแต่งสไตล์โทนขาว ๆ ดูมินิมอลดีค่ะ โล่ง ๆ ดูสบาย ๆ ดี มีเมนูอาหารคาวด้วยนะคะ –คือถ้ารู้ ก็แวะร้านนี้ร้านเดียวจบแล้วอะ น่าจะอร่อยกว่าค่ะ T.T

จากนั้นก็เดินไปลงเรือค่ะ ท่าเรือที่จะไปเกาะหลีเป๊ะจะเป็นท่าเรือที่เค้าทำใหม่ เป็นอาคารใหญ่เวอร์วังมาก มีของฝากขายสองข้างทางก่อนถึงท่าเรือ ซึ่งไม่ใช่ที่เคโกะจะไปค่ะ 5555

เดินเลยจากท่าลงเรือไปหลีเป๊ะนิดนึงนะคะ อยู่สุดทาง ทางขวามือเลยค่ะ จะมีป้ายบอกอยู่แบบนี้

ก็เป็นท่าเทียบเรือแหละ เทียบแบบง่าย ๆ เลยค่ะ กระโดดลงเรือเอาเองน้าา ^^”

พอมองย้อนไปก็จะเห็นท่าเทียบเรือไปเกาะหลีเป๊ะนะคะ อย่างที่บอกเค้าจะดูอลังนิดนึงนะ

ของหลีเป๊ะเค้าเป็นสปีดโบ๊ทเนอะ แต่ของเคโกะเป็นเรือหางยาวค่ะ แถ่ดๆๆๆๆๆ ไปนะ 5555

นั่งเรือไปเพลิน ๆ เคโกะเป็นนักท่องเที่ยวคนเดียวในเรือแหละ ที่เหลือคือชาวบ้านบนเกาะค่ะที่เค้าขึ้นฝั่งไปเลือกตั้ง ไปเจอช่วงเลือกตั้งพอดี ^^”

ก็มีคุณป้าที่นั่งข้าง ๆ ชวนคุยมาเรื่อย ๆ แล้วเคโกะก็มาเจออีกตอนที่ไปเดินเล่น คุณป้ามาดูแลรีสอร์ทหลังจากที่รกร้างไว้นานค่ะ แล้วถัดมาอีกวัน ก็เจอกันอีก คุณป้ากลับฝั่งแล้ว — 555 คือเกาะเล็กแหละ เดินไปเดินมาก็เจอกันหมดค่ะ

นั่งเรือมาเรื่อย ๆ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะราว ๆ 45 นาทีค่ะ ก็จะมาถึงเกาะบูโหลนแล้ว เท่าที่รู้ก็จะขึ้นเกาะที่หาดทรายขาวนี้หาดเดียวค่ะ

ลงเรือแล้วก็เจอคุณคนดูแลรีสอร์ทมารอรับค่ะ เคโกะก็เลยเข้าห้องเก็บของก่อน แล้วค่อยออกไปเดินเล่นรอบเกาะค่ะ

แปะแผนที่รอบเกาะนิดนึงนะ

แล้วก็เริ่มเดินเล่นจากหาดหน้าห้องพักไปค่ะ เจอใครมาเสียบลูกตะกร้อไว้แถวนี้ ที่เก็บลูกตะกร้อเหรอคะ 55555

เดิน ๆ ไปอีกนิด เจอปูลมวิ่งวุ่นไปหมด เดินบนหาดแบบนี้ ไม่ได้เจอปูลมนานแล้วนะคะ เลยทำให้รู้สึกว่าทะเลที่นี่ยังมีความธรรมชาติอยู่มากเลยล่ะค่ะ

เคโกะเลือกเดินลัดเลาะไปทางโรงเรียนนะคะ เป็นโรงเรียนเดียวที่อยู่บนเกาะแหละ อาคารสีชมพูสดใสทีเดียวค่ะ

แล้วก็เดินไปตามทางซีเมนต์ค่ะ เค้าว่าเป็นถนนเส้นเดียวบนเกาะ เดินตามไปเรื่อย ๆ ไม่มีหลงค่ะ มีแต่หาไม่เจอ แบบเคโกะ 5555

คือถนนก็เส้นเดียวไง แต่ทำไมมม ยังโก๊ะๆ เดินหลงไปมา หาไม่เจอ ไปหาดนู่นนี่ไม่เจอไรงี้ 5555 –แต่สุดท้ายก็เดินหาเจอนะ 555

เดินไปเรื่อย ๆ ก็จะไปโผล่ที่อ่าวพังกาน้อยค่ะ

น่าจะเป็นช่วงน้ำลดค่ะ เคโกะก็เดินปีนป่ายไปเรื่อย 5555

แล้วก็เดินกลับไปทางเดิม แต่เดินไปอีกแยกนึง (ดูตามแผนที่เกาะอะค่ะ) ก็จะไปโผล่ที่อ่าวพังกาใหญ่

ตรงอ่าวนี้แหละที่เคโกะเจอกับคุณป้าที่คุยกันมาในเรือค่ะ รีสอร์ทของคุณป้าอยู่อ่าวนี้

เดินดูทะเล ดูวิว ถ่ายรูปไปมาจนพอใจ ก็เลยเดินกลับ แค่เดินกลับก็ไม่วายเดินหลง ๆ อีก จนน้องคนนึงแถว ๆ นั้นเค้าทำหน้าคำถามใส่เคโกะ จนเคโกะต้องถามทางเค้าเลยรีบชี้มือบอกทางให้เลยค่ะ 55555

แต่ขากลับ เคโกะเดินวนไปทางแหลมสนนะคะ วนรอบใหญ่นี้ดนึง แต่หาดทรายขาว วิวสวยมากกกกค่ะ

เคโกะมานึกได้ตอนเดินขากลับมา เลยจับระยะทางกับเวลาดูแต่ขากลับ แต่ก็เดินแบบเอื่อย ๆ นะคะ เดินชิลล์ ๆ เดินไป หยุดถ่ายรูปไรงี้ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 2 กิโลค่ะ กับ 40 นาที 555555 เดินเอื่อย เดินชิลล์สุดดด

ก็เป็นเกาะเล็ก ๆ แหละ เดินรอบเกาะได้ค่ะ แต่ควรทายากันยุง กันแมลงไปด้วยน้าาา เคโกะไม่ได้เอาไปค่ะ แล้วก็เป็นคนความรู้สึกช้า มารู้ตัวอีกทีคือมีน้องนักเรียนที่เคโกะเดินผ่าน เค้าชี้บอกให้เคโกะรู้ค่ะว่ายุงกัดขาอยู่ พอก้มลงไปดูเท่านั้นแหละ โหยยยยย เต็มขาเลยค่าาาาา 55555

มื้อเย็นวันนั้น เคโกะฝากท้องไว้ที่รีสอร์ทค่ะ เป็นกะเพราไก่ไข่เจียว น่าจะ 150 บาทค่ะ

รสชาติก็กลาง ๆ นะคะ แบบทั่ว ๆ ไปแต่ดีที่ผัดกะเพราก็คือผัดกะเพราค่ะ ไม่ได้ใส่ถั่วฝักยาวและผักอื่น ๆ เพิ่มมาให้ 5555

ตัดฉับไปที่วันขากลับเลยนะคะ (เพราะโพสต์หน้า เคโกะจะเล่าเรื่องไปดำน้ำไงงง) เรือขากลับจะออกตอน 9 โมง ที่หาดหน้าที่พัก เหมือนขามาค่ะ

วันกลับล่ะอากาศแจ่มใสเชียวว เกลียดดด

เรือมารออยู่แล้วค่ะ รอบนี้เป็นผู้โดยสารกิตติมศักดิ์นิดนึง มีอยู่คนเดียวเหมือนเหมาลำเลยค่ะ 5555

ลาแล้วค่าาาเกาะบูโหลน

รูปบนนี่เห็นเลยเนอะว่าน้ำใสกิ๊งมากจริง ๆ ค่ะ

พอมาถึงฝั่งท่าเรือปากบารา ก็เดินกลับไปที่ออฟฟิศรถตู้ที่เค้ามาส่งในวันที่มาถึงอะนะคะ ซึ่งเคโกะได้รอบสายแหละ น่าจะ 11 โมงค่ะ แต่เคโกะมีเวลาเหลือเฟือ เลยไม่ค่อยซีเรียสอะไร นั่งเล่นมือถือรอไปเพลิน ๆ ก็ได้เวลากลับ

เพราะเคโกะจองไฟลท์ไว้ค่ำ เลยมีเวลาเยอะ เลยขอให้รถตู้ไปส่งที่ตลาดกิมหยงค่ะ (คือนึกได้แค่นี้จริง ๆ สำหรับตัวเมืองหาดใหญ่ 5555) เลยแวะช้อปนิดหน่อย ก่อนพุ่งไปคาเฟ่ ด้วยการเดินค่ะ 55555 –จริง ๆ เค้ามีรถสองแถว มีมอไซต์นะ แต่ทำไมไม่นั่งก็ไม่รู้ ฮาาา

ซึ่งเคโกะดีลไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วนะคะว่าจะลงที่ตลาดกิมหยง ไม่ใช่ว่าเพิ่งแจ้งปุบปับน้าาา

คาเฟ่ที่ว่านี้อยู่ใกล้ ๆ กับขนส่ง (ขนส่งหลังโรบินสันนะคะ เค้ามี 2 ที่น้าาา) ค่ะ คือดีเลยแหละ ไปสนามบินสะดวกมาก ๆ ค่ะ

Restaurant name : Namkee cafe / น่ำกี่คาเฟ่
Google maps : https://goo.gl/maps/KWjix8aFCaqufdt39
Parking lots : No (จอดริมทางได้)
Location : อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
Opening hours : 8.30 – 18.00, closed Thursday
Visited date : 21 Dec 2020
Website : https://www.facebook.com/Namkee-cafe-265873534126744/

ตั้งใจจะไปนั่งแช่ชิมชา แต่เจอเค้กน่ารัก ก็เลยสั่งมาทานซะงั้น 5555

น่าจะเป็นเบอรี่ลิ้นจี่มูสเค้ก มั้งคะ คู่กับชาโฮจิฉะหวานน้อย

อร่อยทั้งสองอย่างเลยนะคะ

และร้านก็คนแน่นมาก ๆ ค่ะ ยังดีที่เหลือโต๊ะเล็ก ๆ ให้เคโกะนั่งด้วย ><~ ไปนั่งในร้านแล้วได้ฟีลเหมือนอยู่กทม.ค่ะ มีคนมานั่งคุยงาน ติวกันเกือบทุกโต๊ะ 55555

ไม่ได้ถ่ายรูปบรรยากาศร้านมา เพราะคนเยอะอย่างว่าน่ะค่ะ แต่เค้าตกแต่งสไตล์จีนโมเดิร์นหน่อย ทานกันอิ่มแล้วก็ถ่ายรูปเล่นกันเยอะเลยค่ะ

เสร็จแล้ว เคโกะก็เดินไปที่ขนส่งที่อยู่ใกล้ ๆ กันนี่แหละค่ะ แล้วนั่งรถบัสยิงยาวเข้าสนามบิน จะเร็วกว่านั่งรถสองแถวนะคะ แต่ก็แพงกว่าแหละ 5555

เป็นอันว่าทริปจบลงแบบนี้ค่ะ ถือว่าประทับใจดี เดี๋ยวมาต่ออีกโพสต์นึง เรื่องดำน้ำวันที่ 2 นะคะ ^^
https://www.facebook.com/thisiskeigo

[Phang-Nga] Komol’s Corner Bamboo Rafting

สวัสดีค่ะ ด้วยความที่จองตั๋วบินมาแบบไม่ได้รู้แพลนอะไรเลย จองๆ มาก่อนไรงี้อะนะคะ เลยทำให้มารู้ทีหลังตอนวางทริปว่า มันไม่ได้อะ มีที่ที่อยากไปแล้วยัดลงทริปไม่ได้เลย ก็เลยต้องปรับแผนไปมา จนกระทั่งมาเจอล่องแพที่นี่เข้าค่ะ เลยใส่เข้าไปในแพลนแทน

Spot name : Komol’s Corner Bamboo Rafting / ล่องแพไม้ไผ่วังเคียงคู่
Location : อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
Google maps : https://g.page/komolscorner?share
Entrance fee : 500 บาท/1-2 คน
Opening hours : 8.30-17.00
Visited date : 4 Oct 2020
Facebook : https://web.facebook.com/KomolCorner/

ช่วงที่เคโกะไป เค้ามีโปรจองผ่านเพจลดราคาเหลือ 400 บาท/1 แพ (1-2 คน) นะคะ เคโกะก็เลยจองล่วงหน้าไปน้าาา

** ล่องแพนี้เปียกนะคะ ต้องเตรียมเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัวมาผลัดเปลี่ยนด้วยนะคะ โดยทางร้านเค้าจะมีบริการห้องอาบน้ำให้ค่ะ และเตรียมสบู่ ครีมอาบน้ำ ฯลฯ ต่าง ๆ มาเองนะคะ เค้าไม่มีให้น้าาา **

เคโกะขับรถตามกูเกิ้ลแม็พมาค่ะ ตรงเป๊ะเลย ด้านหน้าร้านจะเป็นลานกว้าง ๆ จอดรถได้ค่ะ แล้วก็เข้าไปแจ้งใช้บริการได้เลย ทางร้านจะมีรถพาไปส่งที่จุดล่องแพค่ะ แล้วก็มีชูชีพให้ใส่ก่อนลงแพ

เคโกะไปจังหวะเดียวกับอีกกรุ๊ปนึงที่เค้ามากัน 4 คน ก็เลยต้องรอนิดนึงค่ะ เพราะ 4 คนของเค้าก็ต้องแบ่งเป็นแพ 2 ลำค่ะ

แล้วคนพายแพของเคโกะก็ถ่อแพมารับแล้วค่ะ

เริ่มล่องแพแล้วค่ะ น้ำใสสะอาดมาก ๆ น้ำลึกไม่สม่ำเสมอนะคะ บางช่วงน้ำก็ตื้น มองเห็นก้นพื้นคลองเลย

อ้อ ก่อนลงแพ ทางร้านเค้ามีถุงพลาสติก เป็นถุงก๊อบแก๊บให้ใส่ของที่จะเอาลงไปล่องแพด้วยนะคะ

ถ้าให้แนะนำ ก็พกถุงกันน้ำสำหรับใส่กล้อง ใส่โทรศัพท์ ฯลฯ ไรงี้ไปเองก็จะดีกว่าค่ะ

ระหว่างล่องแพ คนถ่อแพเค้าก็จะถ่อแพไปเรื่อย ๆ ตามทาง ตรงไหนที่กิ่งไม้ยื่นมาต่ำระศีรษะ เค้าก็จะบอกให้เราหลบด้วยค่ะ แต่ยังไงก็ต้องระวังตัวเองด้วยน้าาา เพราะกรุ๊ปที่มาพร้อมกับเคโกะ เค้าโดนกิ่งไม้บาดคอไปซะแผลนึงค่ะ แต่เคโกะรอดนะ ไม่โดนค่ะ 5555

แล้วตรงช่วงปลาย ๆ ทาง จะมีบริเวณเล่นน้ำอยู่ เค้าก็จะให้เวลาเราลงเล่นน้ำค่ะ มีชิงช้าไรให้เล่นด้วย แต่เคโกะไม่ได้ลงน้ำเล่นน้าาา ไปคนเดียว เล่นน้ำคนเดียว ไม่น่าจะสนุกได้ค่ะ 55555

แปะรูปยาว ๆ ละกันเนอะ

ระหว่างทาง ก็มีน้ำเชี่ยวบ้างประปรายค่ะ แต่ไม่ได้น่ากลัว น่าหวาดเสียวแบบล่องแก่งอะไรขนาดนั้น แต่เปียกแน่นอนค่ะ

พอล่องแพมาถึงปลายทางแล้ว ก็ลงจากแพและเดินตามทางออกมา ก็จะมาถึงร้านที่เรามาถึงตอนแรกค่ะ เค้าก็จะเอาน้ำเปล่าและผลไม้แช่เย็นมาเสิร์ฟให้

จากนั้นก็เดินไปอาบน้ำ ซึ่งจะอยู่ด้านขวามือของร้าน (หันหน้าออกหน้าร้านค่ะ) ก็จบทริปล่องแพนี้ค่ะ

โดยส่วนตัวนะ ก็นับว่าเป็นการชมธรรมชาติด้วยการล่องแพที่ก็ดูแปลกใหม่ดีค่ะ ก็ไม่จำเจดีว่ามาพังงาแล้วก็ต้องไปทะเล ไปเกาะไรงี้อะค่ะ ใช้เวลาไม่นานด้วย ไม่เกิน 1 ชม.ค่ะ

ปิดท้ายอย่างจริงจังด้วยคลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่ถ่ายมาค่ะ

ถ้ามีโอกาสไปก็ลองแวะเวียนไปล่องแพกันดูน้าาาา ^^
https://www.facebook.com/thisiskeigo

[Phang-Nga] Ocean Breeze Resort

สวัสดีค่ะ วาร์ปโผล่มาพังงาเฉยยยย 5555 เป็นทริปแรกเลยค่ะที่ได้บินหลังจากหยุดเพราะโควิด-19 กันไปหลายเดือนอะนะคะ แอบตื่นเต้นเล็กน้อย เคโกะเลือกไปพังงานะ เพราะภูเก็ตไปมาหลายรอบแล้ว //จริง ๆ คืออยากไปตามรอยผลิตแหละ 555555 #เที่ยวไทยกับผลิต ต้องมาแน้วววว 555555

ที่พักนี้เคโกะไม่ได้ตามรอยน้าาา แต่ที่เที่ยวบางที่ก็ตามรอยอยู่ค่ะ ตามรอยไม่ครบด้วย แอบเสียดายยยย

Hotel name : Ocean Breeze Resort
City : Khao Lak, Phang-nga, Thailand
Location : https://goo.gl/maps/GVX4gnbqrc1axrN46
Booking via : Agoda.com
Room type : Superior Room
Room rate : 2,130.01BHT (ราคารวมนะคะ)
Check-in date : 3-5 October 2020, 2 nights
Facebook page : https://web.facebook.com/Ocean-Breeze-Resort-Khao-Lak-150098725011304/
Website : https://www.oceanbreezekhaolak.com/

ด้วยความที่ใจเย็นเกิน กว่าจะจองก็จะเดินทางอยู่แล้วอะ เลยไม่ได้ใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันเลยค่ะ T.T

เคโกะบินลงภูเก็ต แล้วเช่ารถขับไปพังงานะคะ แวะเที่ยวไปรายทางเรื่อย ๆ จนถึงรีสอร์ทค่ะ ก็จะเย็น ๆ หน่อยแล้ว รีสอร์ทแอบหายากนิดนึง แต่ไม่ได้ยากจนเกินไปค่ะ กูเกิ้ลแม็พคือตรงเป๊ะเวอร์วังมากกกก ที่จอดรถมีประมาณนึงค่ะ ไม่ได้เยอะมาก แต่จอดเพิ่มเติมด้านหน้ารีสอร์ทริมถนนได้ไรงี้

เคโกะไม่แน่ใจเรื่องราคาห้องพักในราคาปกติน้าาา แต่สำหรับส่วนตัวแล้ว คือที่พักอยู่เขาหลักอะ เขาหลักที่ได้ชื่อว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมาก ๆ ค่ะ (มีคนพื้นที่เล่าให้ฟังว่าปกติแล้วนักท่องเที่ยวต่างชาติแทบจะ 100% เลย .. หูววววว) เลยคิดว่าไม่น่าจะราคานี้ค่ะ แต่ได้ราคานี้มาอาจจะเพราะมีการลดราคาช่วงหลังโควิดเนอะ และต่างชาติยังเข้าไทยมาไม่ได้ค่ะ (โควิดรอบแรกนะคะ กว่าเคโกะจะเขียนลงบล็อก ก็รอบสองแล้วอะ T.T)

ที่พักตกแต่งสไตล์โทนขาว-ฟ้าค่ะ แนว ๆ ทะเล ๆ ให้ความรู้สึกริมทะเลจริง ๆ ซึ่งชอบมากกกกก ที่พักก็จะเป็นทรงคล้าย ๆ บ้านพักหลัง ๆ ค่ะ สองชั้นบ้าง ไรงี้ ก็จะมีบันไดเวียนขึ้นไปชั้น 2 และมีการตกแต่งใช้พุ่มไม้หลบมุม บังสายตากันระหว่างห้อง เลยทำให้รู้สึกว่าเป็นส่วนตัวดีค่ะ

เปิดประตูห้องเข้ามาก็เจอเตียงนอนใหญ่นุ่มเลย

ชอบการสรรหาโคมไฟมาวางข้างเตียงค่ะ คุมโทน คุมธีมห้องได้ดีมากอะ น่ารักกกก

เตียงอึกมุมนึงนะคะ ถ่ายจากในห้องออกมาน้าาา จะเห็นประตูห้อง (สีฟ้าๆ) ด้วยค่ะ ห้องไม่ได้เล็กอะ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่เวอร์อะไรค่ะ ส่วนตัวว่าก็กำลังดีค่ะ

ปลายเตียงเป็นเคาน์เตอร์ยาว สไตล์ปูนเปลือย สีขาว ๆ ดูมินิมอลดี ทำเป็นทุกอย่างเลยทั้งโต๊ะทำงานและโต๊ะวางทีวีค่ะ

ชอบพรมหน้าเตียงมาก ช่างสรรหาอะ น่าร้ากกกกค่ะ ได้ฟีลแบบชายหาด ๆ ไรงี้ เพราะสีไปแมทช์กับผ้าคลุมปลายเตียงที่เป็นสีฟ้า ฟีลทะเลพอดีค่ะ

แล้วก็ด้านในสุด เค้าทำเป็นชั้น ๆ ค่ะ วางตู้เย็น มินิบาร์ไว้ตรงนี้ แอบหลืบไปนิด แต่ก็ไม่ได้อะไรค่ะ คิดว่าถ้าสลับออกมาไว้ด้านนอก เคโกะว่าก็ดูแหม่ง ๆ อยู่ดี ก็อยู่ตรงนี้ก็โอเคแล้วแหละ

อีกด้านนึงของห้อง ก็จะเป็นเดย์เบดค่ะ ซึ่งเป็นเดย์เบดที่น่ากลิ้งเกลือกเล่นที่สุด ใหญ่แบบนอนกลิ้งได้จริงอะ

แล้วก็ด้านหน้าห้องน้ำ ก็จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิ้วท์อินขนาดใหญ่ เหมือนกั้นผนังห้องด้านนึงไปเลยอะค่ะ เลยทำให้รู้สึกใหญ่มาก ซึ่งด้านในก็จะมีตู้เซฟใบย่อมให้ใช้ มีตะกร้าเสื้อผ้า เสื้อคลุมฯลฯ ไรงี้วางอยู่

เคโกะเจอน้องกบ (น่าจะใช่นะ ^^”) ตัวนึงโดดเหย็ง ๆ ด้วยค่ะ รีบปิดแทบไม่ทัน โอยยยยย ตกใจจจจค่ะ 5555 น้อลหลบฝนเหรอลูกกกกกกก 5555 (วันที่ไปฝนตกค่ะ)

แล้วก็มาที่ห้องน้ำบ้างค่ะ เป็นทรงยาว ๆ เลยนะคะ

ส่วนแห้งจะอยู่ด้านนอกสุด แล้วส่วนเปียกจะอยู่ในสุด (ก็ปกติมะ ชั้นจะบอกเพื่ออออ 5555) มีประตูกระจกกั้นส่วนเปียกแห้งได้ดีค่ะ น้ำไม่กระเซ็นออกมา

ส่วนแห้งก็จะประมาณนี้ค่ะ มีข้าวของอุปกรณ์ให้ใช้ครบครันมาก

ซูมให้ดูตรงชั้นวางหน้ากระจกค่ะ จะเห็นว่ามีไดร์เป่าผมไว้ตรงข้างประตูด้วยนะ

แล้วก็ผ้าขนหนูจะวางพาด ๆ ไว้ให้อีกด้านนึงค่ะ

เคโกะมองห้องอาบน้ำแล้วก็งงนิดนึง คือทำบล็อกตรงกลางขึ้นมาเหมือนเก้าอี้นั่งไว้ทำไมเหรอคะ? งงจริง 555

ขวดแชมพูและครีมอาบน้ำวางไว้ให้เป็นขวดปั๊มในห้องน้ำเลยค่ะ ใช้ดีมากกกกกก ถึงกับต้องถ่ายรูปมาแล้วไปเสิร์ชหาดูบ้าง แล้วก็ตกใจแบบ เห้ยยย ไม่ธรรมดาอะ แอบแพงอยู่นะ แต่เคโกะไม่รู้จักแบรนด์นี้ค่ะ ก็เพิ่งรู้จักนี่แหละ ><“

แล้วก็งานเตียง พออีกวันนึง คุณแม่บ้านจัดห้องให้ใหม่ ก็เจอน้องช้างนั่งต้อนรับอยู่บนเตียงค่ะ น่าร้ากกกกกกก เพิ่มความตื่นเต้นดีค่ะว่าคุณแม่บ้านจะจัดผ้าขนหนูเป็นตัวอะไรไว้ให้ ^^

แล้วแบบ เอาใบไม้ใบเล็ก ๆ มาวางให้เป็นตาช้างอะ เห้ยย จริงจังมากกกก

อ้อ ในห้องมี welcome fruits วางไว้ให้ในห้องด้วยนะคะ น่ารักอีกแล้วววว แล้วคือมาแบบแช่เย็นอะ ไม่ได้วางทิ้ง ๆ ไว้ไรงี้ค่ะ คือดีย์~

ภายในรีสอร์ทก็จะหน้าตาประมาณนี้ เคโกะถ่ายไว้ได้รูปเดียวเอง 555

เดินเข้าไปด้านในสุดจะเป็นสระว่ายน้ำค่ะ ติดกันเป็นบาร์ริมทะเล เดาว่าช่วงที่นักท่องเที่ยวครึกครื้น บาร์นี้น่าจะแน่นแน่เลย อิอิ

อีกมุมนึงค่ะ ติดทะเลจริงจริ๊งงง และติดกับทางขึ้น-ลงหาดด้วยค่ะ

ตรงข้ามกับบาร์นี้ก็จะเป็นห้องพักแบบ pool villa ค่ะ คือมีสระว่ายน้ำส่วนตัวให้เลย ตอนที่ไปมีคนมาพักด้วยนะ แอบอิจฉาเล็กน้อย 555

แล้วก็มาดูสระว่ายน้ำบ้างนะคะ

มุมสูงค่ะ ถ่ายจากห้องอาหาร ซึ่งอยู่ชั้นสอง ของตึกที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำนี่แหละ

สระว่ายน้ำที่นี่เค้าจะมีความลึก 3 ระดับ ด้านไกลสุด (ติดทะเลที่สุด) จะเป็นสระเด็กค่ะ มีจากุซชี่ตรงนี้ด้วย รวมถึงมีความลึกของสระตื้นที่สุด แล้วก็ช่วงกลางก็จะลึกขึ้น น่าจะประมาณ 1.70m นะคะ และด้านใกล้ตัวสุดก็จะลึกประมาณ 2 เมตรค่ะ ถ้าจำไม่ผิดนะ

ซึ่งจริง ๆ แล้วอะ สระว่ายน้ำไม่ได้ยาวขนาดนั้นค่ะ แต่เค้าก็ยังอุตส่าห์แบ่งให้มีความลึก 3 ช่วง และตอนเช้า ๆ มีพนักงานมาทำความสะอาด เก็บใบไม้ออกจากสระด้วย คือถือว่าดีเลยค่ะ

ด้านหน้าของ pool villa มีเตียงผ้าใบรับลมทะเลชิลล์ ๆ ด้วย เคโกะยังไม่ได้ไปนั่งรับลมเลยอะ ได้แต่เดินเล่นริมหาดค่ะ 555

วิวริมหาดนั้นคือดีค่ะ มองไปทางซ้ายจะเห็นหอประภาคารที่เป็นซิกเนเจอร์ของเขาหลักเลยค่ะ เสียดายที่เคโกะคิดช้าไปหน่อย มัวแต่วนหาทางเข้าด้วยรถ เลยลืมคิดไปว่า เดินจากรีสอร์ทไปก็ได้นี่นา เลยอดเก็บแสงยามเย็นพระอาทิตย์ตกดินที่ประภาคารนี้เลยค่ะ

ซึ่งเย็น ๆ น้ำลดค่ะ เราสามารถเดินไปที่ประภาคารและเดินขึ้นชมวิวด้านบนได้เลยนะ

ปิดท้ายที่อาหารเช้าค่ะ

ห้องอาหารก็จะประมาณนี้ จัดห้องธีมดูไทย ๆ นิดนึง

ด้านหน้าก่อนทางเดินไลน์อาหารก็จะมีชา-กาแฟบริการตัวเองค่ะ

ไลน์อาหารก็จะประมาณนี้ จำพวกสลัดผัก, ซีเรียล, น้ำผลไม้, เบเกอรี, สเตชั่นไข่ ประมาณนี้ค่ะ

ความที่เคโกะยังอยู่ไดเอ็ดโหมดอยู่ ก็เลยทานยากมากกกก 5555 เลยตักทานได้ประมาณนี้ค่ะ รูปละวันนะคะ

ครัวซองต์วันแรกนั่น คือก็ทานแค่ครึ่งชิ้นค่ะ แค่อยากลองดูเฉย ๆ ว่ารีสอร์ทที่อยู่ในทำเลที่มีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวกันนั้น เค้าทำออกมาได้อร่อยมั้ย ไรงี้ค่ะ

วันที่สอง เคโกะเจอพนง. เดาว่าเป็นผู้จัดการห้องอาหารค่ะ เข้ามาทักถามไถ่ว่าอาหารเป็นไงบ้างไรงี้ เป็นคนต่างชาติด้วยนะ ><” ดีนะ เคโกะเปลี่ยนภาษาได้ไวเลยพอจะโต้ตอบกันได้ค่ะ ไม่งั้นเหวอแย่เลย 5555

แล้วพอเช็คอิน พนง.ที่ล็อบบี้ก็ถามอีกว่าอาหารเช้าเป็นไงบ้าง เคโกะก็ฟีดแบ็คไปตามตรงนะว่าอาหารไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะเคโกะทานยากด้วยแหละ — ณ จุดนี้ก็ต้องยอมรับแล้วค่ะว่าทานยากจริง ๆ 555555

สรุปเลยดีกว่านะคะ

  • พนง. น่ารักดีค่ะ ต้อนรับดี อัธยาศัยดีทุกคนเลย ถามขอข้อมูลนู่นนี่ เค้าก็แนะนำให้อย่างเต็มใจค่ะ
  • มีไวไฟให้ใช้ เร็วดีอยู่ค่ะ
  • มีอาหารเช้าบริการด้วย แม้เคโกะจะทานยากก็ตาม แต่ก็มีอะ แล้วก็ไม่ได้ไก่กาอะไร
  • ห้องพักเป็นสัดเป็นส่วนดีค่ะ ห้องใหญ่ พักสบายมาก ตกแต่งน่ารักดี แล้วก็มีราวตากผ้าเปียกไว้ด้านหน้าห้องด้วยนะคะ มีมุมนั่งเล่นด้านนอกห้องด้วย แต่เคโกะไม่ได้ถ่ายมาค่ะ
  • ห้องพักคือดีมากกกก มีของใช้จำเป็นบริการไว้ครบค่ะ แล้วก็คือสภาพดี คุณภาพดีค่ะ
  • ใกล้ประภาคารมาก เดินไปได้ค่ะ
  • ที่จอดรถน้อยไปนิด แต่คิดว่าอาจจะไม่เน้นจุดนี้ คนต่างชาติมาเที่ยวมักจะขี่มอเตอร์ไซค์กันมั้งอะนะ

โดยรวมแล้วคือดีค่ะ ประทับใจมาก ๆ เลย แนะนำเลยค่ะ ^^

ฝากเพจด้วยน้าาาา
https://web.facebook.com/thisiskeigo

[Nan] Pua – Bo Kluea

สวัสดีค่ะ อยู่ดี ๆ เคโกะก็หายไป 1 เดือนเต็ม ๆ เลย T.T ตามมาทวงหรือมาทักทายที่เพจได้นะคะ แหะๆ

มาต่อที่ทริปน่านค่ะ วันแรกเคโกะอยู่ในเมืองเนอะ แล้ววันที่ 2 ก็ออกไปปัวค่ะ ต่อด้วยวันสุดท้ายก่อนกลับกทม. ก็ไปบ่อเกลือ แต่ความที่บ่อเกลือในวันธรรมดานั้นไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเลย ก็เลยขอรวบรัดมารวมกับปัวในโพสต์นี้ค่ะ

เริ่มต้นอ.ปัวด้วยวัดก๋ง หรือ วัดศรีมงคลค่ะ

Spot name : วัดศรีมงคล (วัดก๋ง)
Location : อ.ปัว จ.น่าน
Google maps : https://goo.gl/maps/QVehsboXRCM3qvqEA
Entrance fee : free
Visited date : 24 Feb 2020

ด้านในก็คนเยอะพอสมควรค่ะ ดูเป็นสถานที่ถ่ายรูปมากกว่าอะ 55555 มีแต่คนถ่ายรูปอะค่ะ

มีเรือนไทยเก๋ ๆ ด้วย เข้าใจว่าก็จัดแสดงวิถีไทยสมัยก่อนไรงี้นะคะ

แล้วก็มีร่ม ๆ วางเก๋ ๆ ตามทางเดิน

มีโคมด้วย แขวนเรียงเยอะ ๆ ก็ดูสวยไปอีกแบบอยู่นะ

ด้านในมีเรือนไทยที่รวบรวมจัดแสดงของหายากด้วยค่ะ เข้าไปดูได้เลย ไม่เสียค่าเข้าค่ะ

มีน้องควายนั่งต้อนรับอยู่ด้วยน้า

ถ้าเดินเข้าไปด้านในจนสุด ก็จะเป็นลานกว้าง ๆ เป็นจุดถ่ายรูปอีกแล้วค่ะ 5555

ด้านล่างเลยนั้นจะเป็นร้านกาแฟฮักนาน่าน กับร้านอาหารไอดินถิ่นน่านที่อยู่ใกล้ ๆ กัน

แต่เคโกะไม่ได้เข้าไปชิมอาหารหรือกาแฟใด ๆ นะคะ มีเป้าหมายอยู่ในใจแล้ว ต้องเก็บท้องไว้ไปกินที่คิดไว้ค่ะ 5555 ขอผ่านก่อนนะ

แล้วเข้าไปไหว้พระกันเล็กน้อยค่ะ

เคโกะใส่ขาสั้นไป ก็พยายามมองหาอยู่ว่ามีผ้าถุงให้ใส่ทับไหม แต่หาอยู่นานก็ไม่เจอ มาเจออีกทีก็คือไหว้พระเสร็จแล้ว จะกลับแล้วอะนะคะ ซึ่งเค้ามีโต๊ะวางผ้าถุงให้ยืมนุ่งอยู่ด้านข้าง ๆ อุโบสถหลังนี้ล่ะค่ะ

ความที่ lay out ของวัดนี้เคโกะว่าดูแน่นไปค่ะ วางนู่นนี่เยอะไปหมด เลยทำให้งง ๆ มองหาอะไรก็ไม่เจอ เจอแต่คนถ่ายรูป 5555

ต่อกันที่วัดที่สองเลยค่ะ กับวัดภูเก็ต แต่อยู่น่านนะ 5555

Spot name : วัดภูเก็ต
Location : อ.ปัว จ.น่าน
Google maps : https://goo.gl/maps/msYPG86XwJM64vcH6
Entrance fee : free
Visited date : 24 Feb 2020

เข้าไปในเขตวัด ก็ค่อนข้างโล่ง ๆ ค่ะ ผิดกับวัดเมื่อกี้เลย 55555 (ทำไมแซะไม่เลิกเนี่ยเรา 55555) เข้าไปไหว้พระก่อนเลยนะคะ

ที่นี่วิวสวยค่ะ มองลงไปด้านล่างจะเห็นทุ่งนาสุดลูกหูลูกตาเล้ยยยย

จุดเด่นอีกอย่างคือการให้อาหารปลาค่ะ เราไม่จำเป็นต้องเดินลงไปด้านล่างเพื่อให้อาหารปลา แต่สามารถให้ได้จากด้านบน ในบริเวณวัดเลยค่ะ โดยที่จะมีรางแบบนี้ เราก็แค่เทอาหารปลาลงไปในกระบอกรางนี้ แล้วก็จะลงไปถึงบ่อน้ำด้านล่างที่ปลาอาศัยอยู่พอดีค่ะ

นอกจากนี้แล้ว ใกล้ ๆ วัดเองก็มีชุมชนกลุ่มทอผ้าไทลื้ออยู่ด้วยค่ะ ต้องเดินลงบันไดไปพอสมควร ไม่ได้สูงมาก แต่ก็แอบเหนื่อยเบา ๆ ค่ะ ฮาาา

เดินไปตามทางเลยค่ะ

และอาจจะเป็นเพราะว่าเคโกะไปวันธรรมดานะ เลยดูเงียบเหงาค่ะ แต่ร้านค้าเค้าก็เปิดแหละ แค่เงียบบบบบบเฉยๆ ค่ะ

วน ๆ เข้าไปดูสองร้านมั้ง แล้วก็ออกค่ะ ยังไม่ถูกใจอะไรใด ๆ

แล้วจากนั้นเคโกะก็ไปตระเวณหม่ำแล้วค่ะ แต่ขอตัดไปรวมไว้โพสต์หน้า ให้เป็นเรื่องของกินในทริปนี้อย่างเดียวเลยนะคะ

วันสุดท้าย อย่างที่บอกไว้แต่ต้นค่ะ คือขับรถไปบ่อเกลือ ซึ่งเส้นทางจากปัวไปบ่อเกลือนั้นมีทางเดียว (ทางอื่นก็ได้ แต่อ้อมไปมากกกก) เป็นทางโค้งบนเขาค่ะ ค่อนข้างอันตรายและน่ากลัวพอสมควร ขอให้ขับรถอย่างมีสติและระมัดระวังกันด้วยนะคะ ^^

เคโกะเช่ารถไซส์เล็กสุดไป ก็ขึ้นเขาไปรอดนะ ไม่ได้ชันค่ะ แค่โค้งเยอะเฉย ๆ

ขับรถตามกูเกิ้ลแม็พก็มาถึงจนได้ค่ะ

Spot name : บ่อเกลือโบราณ
Location : อ.บ่อเกลือ จ.น่าน
Google maps : https://goo.gl/maps/6tYGJhrV41VS4nRC8
Entrance fee : free
Visited date : 25 Feb 2020

บ่อเกลือที่นี่จะมี 2 บ่อที่ขึ้นชื่อในความโบราณค่ะ เข้าไปดูใกล้ ๆ ได้แต่ห้ามขึ้นไปเหยียบหรือปีนป่ายเหมือนกันทั้ง 2 บ่อค่ะ

ระหว่างบ่อเกลือบ่อแรกที่เจอกับบ่อที่ 2 นั้นก็มีวิวธรรมชาติให้ชมอยู่พร้อมด้วยสะพานไม้ไผ่ยอดฮิต (555)

ขับรถกระดึ๊บไปอีกนิด ก็จะเจอกับบ่อเกลือบ่อที่ 2 ค่ะ ตรงนี้จะมีร้านค้าขายของที่ระลึก ของฝากอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย

ใกล้ ๆ มีรีสอร์ตที่ทำสปาเกลือด้วย น่าสนใจค่ะ

กลับมาที่บ่อเกลือเดิมที่จอดรถทิ้งไว้ เลยลองชวนแม่ค้าคุยดู เค้าว่าจะคึกคักในวันเสาร์อาทิตย์มากกว่าค่ะ

เพราะงั้น ก็มาวันเสาร์อาทิตย์กันเนอะ จะได้ดูมีอะไรมากกว่านี้ค่ะ เคโกะทะลึ่งมาวันธรรมดา มันเงียบเหงามากจริง ๆ (ไม้ยมกร้อยตัวเลย 5555)

ในเมื่อมันจะเงียบเหงาอะไรเบอร์นี้ ก็กลับค่ะ T.T

เป้าหมายต่อไปของเคโกะอยู่ที่ในเมืองน่านแล้ว เพราะเดี๋ยวจะกลับกทม.แล้วค่ะ ก็ไม่ลืมที่จะถามแม่ค้าคนเดิมว่ามีทางอื่นไปไหม แต่เค้าก็ตอบมาให้ชวนเศร้าว่า ก็ทางที่หนูมานั่นแหละ ทางเดียวจ้ะหนู

ค่ะ เราไปคดเคี้ยวตามโค้งกันต่อไปค่ะ T.T

ระหว่างทางคดเคี้ยวไปตามทางบนภูเขานั้นเอง จะผ่านอุทยานแห่งชาติดอยภูคานะคะ ซึ่งขาไปอะ เคโกะเห็นแล้วแหละว่ามีรถจอดประปรายบ้าง และมีต้นชมพูภูคาหลงเหลือให้เห็นอยู่ค่ะ ทั้ง ๆ ที่ก็น่าจะหมดฤดูของน้องเค้าไปแล้วอะเนาะ ก็อย่างั้นงี้เลย แวะค่ะ แวะะะะ~

จัดดอกชมพูภูคาไปรัว ๆ ค่ะ อย่าให้เสียเที่ยวที่แวะมาชม

น้อง ๆ สวยมากกกกกค่ะ ถ้าบาน ๆ กันเต็มต้น เต็มพื้นที่เคโกะว่าจะต้องสวยมาก ๆ แน่ ๆ เลยค่ะ

จากนั้นเคโกะก็เข้าอ.ปัวอีกรอบด้วยความจำเป็นต้องไปตามทางอะเนาะ มีแวะ ๆ อีกหลายที่ และช้อปจนนาทีสุดท้ายกับร้านเครื่องเงินชมพูภูคาในอ.เมือง ก่อนขึ้นเครื่องค่ะ

— ช่วงนี้เคโกะก็จะอินอยู่กับงานเครื่องเงินและงานผ้าไทยค่ะ แหะ ๆ ก็เลยมาเดินดูอะไรพวกนี้เยอะ ซึ่งร้านชมพูภูคานี้เคโกะโอเคเลยนะ เค้ามีแบบให้เลือกเยอะมากกกกค่ะ พนง.ไม่กดดันเราด้วย ฮาาาา เซอร์วิสดี ประทับใจเลยค่ะ ^^

เดี๋ยวมาไล่เรียงร้านของกินในโพสต์หน้าน้าาาาา ไม่ดองค่ะ สัญญา~ XD
https://web.facebook.com/thisiskeigo

Guangzhou Floating Market

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้พาไปเที่ยวตลาดน้ำกวางโจวค่ะ เป็นตลาดน้ำที่อยู่ในบริเวณน้ำตก ต่างไปจากตลาดน้ำทั่ว ๆ ไปที่จะอยู่ริมแม่น้ำกันนะคะ ซึ่งเคโกะเห็นรูปจากนุชคนนึงในทวิตเตอร์แหละ และรู้สึกน่าสนใจดี ก็เลยไปกันกับเพื่อน ๆ ค่ะ

Spot name : Guangzhou Floating Market / ตลาดน้ำกวางโจว / ตลาดน้ำกลางป่าน้ำตกกวางโจว
Location : อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี
Google maps : https://goo.gl/maps/SzvBCt5wT6VsN3Jc7
Entrance fee : 25 BHT
Opening hours : 9.00-16.30 on weekend and public holidays
Visited date : 17 Nov 19
Website : https://www.facebook.com/kwangchowwaterfall/

ขับรถตามกูเกิ้ลแม็พได้เลยค่ะ พอใกล้ ๆ ถึงก็จะมีป้ายบอกทางอยู่ และป้ายเลี้ยวให้เข้าลานจอดรถค่ะ พอเลี้ยวเข้าไปปุ๊บก็จะมีพนักงานมาเก็บค่าเข้าคนละ 25 บาทเลย ซึ่งค่าเข้านี้จะเอาไปสมทบเป็นทุนการศึกษาให้น้อง ๆ ในชุมชนค่ะ

ลานจอดรถที่นี่ใหญ่มาก จอดรถได้เยอะเลยค่ะ ไม่มีปัญหาที่จอดรถเต็มเลยค่ะ

ชื่อตลาดน้ำฟังดูเหมือนภาษาจีน แต่จริง ๆ แล้วเป็นภาษากะเหรี่ยงค่ะ และตลาดนี้เค้าเคลมว่าเค้าเป็นตลาดน้ำบนน้ำตกแห่งแรกในไทยเชียวนะ และที่น่าสนใจก็คือ สร้างขึ้นตามหลักนโยบายพอเพียงของร.9 ค่ะ อีกทั้งยังมีการรณรงค์ให้ใช้ภาชนะจากธรรมชาติ ลดการใช้พลาสติกให้มากที่สุดด้วยล่ะค่ะ .. กำลังเข้าเทรนด์ไทยช่วงนี้เลยเนอะ ^^

เดินเข้าตลาดมาได้สักหน่อยก็จะเห็นเมล็ดกาแฟป่าค่ะ ที่นี่เค้าก็ดังเรื่องกาแฟป่าอยู่นะคะ

เคโกะก็ไม่พลาด ลองชิมสักแก้วค่ะ ร้านนี้เค้าใส่มาให้ในกระบอกไม้ไผ่ยาวเลย แต่น่าจะเป็นหลอดกระดาษด้วยนะ จะได้เข้ากันค่ะ ^^

ส่วนในเรื่องรสชาติกาแฟ ต้องบอกก่อนว่าเคโกะเลิกดื่มกาแฟไปนานแล้ว (ดื่มได้ แต่ถ้าเลือกได้จะไม่ดื่มค่ะ) ก็รู้สึกว่ารสออกไปทางกาแฟโบราณค่ะ ก็ลองมาชิมกันเองละกันเนอะ 555

ส่วนร้านค้าต่าง ๆ ก็เลือกใช้กระบอกไม้ไผ่เป็นภาชนะซะเยอะค่ะ อย่างร้านนี้ ก็ใช้กระบอกไม้ไผ่เป็นภาชนะใส่ขนมดูกระจุ๋มกระจิ๋ม น่ารักเนอะ

มีป้ายบอกด้วยนะว่ามีอะไรน่าไปดูบ้าง

แล้วสุดท้ายพวกเราก็ตัดสินใจไปนั่งเล่น เม้าท์มอย หาอะไรกินกันที่บนแพค่ะ ซึ่งเรามองหาแพว่าง ๆ แล้วเข้าไปนั่งได้เลย ไม่มีค่าบริการเพิ่มแล้วค่ะ

จากนั้นจะเดินไปสั่งอาหารที่ร้านที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบ ๆ ก็ได้ หรือจะสั่งกับเรือที่เค้าพายในน้ำตกก็ได้ค่ะ ซึ่งเค้าก็จะวอมาบอกร้านบนฝั่งนั่นแหละ 555

เมนูแนะนำของเค้านะ

ดูบรรยากาศรอบ ๆ กันค่ะ

แพอยู่สูงจากระดับน้ำนิดเดียว ก็เลยจะเห็นบางคนนั่งห้อยขาเอาขาจุ่มลงไปในน้ำเลยนะคะ ซึ่งเคโกะว่า น้ำก็ไม่ได้ดูสกปรกอะ เล่นได้อยู่ค่ะ

เรือร้านค้าก็จะพายวนเวียนไปมาเพื่อรอรับออเดอร์ค่ะ

จะเห็นได้ว่า เรือบางลำก็ไม่มีของขายนะคะ เพราะเค้ามารับออเดอร์อย่างเดียวค่ะ แต่บางลำก็มีขายด้วย

เรือลำนี้ก็เน้นกลยุทธ์การขายค่ะ มาเป็นสไปเดอร์แมนเลย

มาดูอาหารที่เคโกะใช้เพื่อน ๆ ไปสั่งกันบ้างค่ะ

ยำหมูยอ รสชาติกลาง ๆ ค่ะ ทั่ว ๆ ไป ไม่ได้ว้าวอะไร

ปลาไข่ทอด อันนี้เคโกะรีเควสท์เอง เค้าหั่นมาให้พอดีคำด้วยค่ะ ก็ดีอยู่นะ กินง่ายดีค่ะ

แล้วก็ไฮไลท์ของที่นี่ คือ ส้มตำกระบอกไม้ไผ่ยาว 1 เมตรค่ะ แต่ไม่ได้มีแต่ส้มตำนะ แต่ละปล้องไม้ไผ่ก็จะมีแตกต่างกันค่ะ เช่น ส้มตำ ข้าวเหนียว ลาบหมู ไรงี้อะค่ะ

เคโกะว่าเค้านำเสนอในกระบอกไม้ไผ่ที่ยาว 1 เมตร เลยทำให้รู้สึกแปลกตา และสนุกไปกับอาหารในแต่ละปล้องค่ะ แต่ในเรื่องรสชาตินั้น ก็ต้องยอมรับว่า ก็ทั่ว ๆ ไป ว้าวแค่ตรงการนำเสนอค่ะ

ปิดท้ายที่แตงโมปั่นของเพื่อน หลังจากที่เห็นเรือพายวนไปมาหลายรอบ ก็เลยจัดมาสักลูก

แตงโมปั่นนี้รอนานค่ะ ถ้าใครอยากทานก็รีบสั่งก่อนเพื่อนเลยค่ะ จะได้มาพร้อม ๆ กันพอดีเนอะ

ส่วนรสชาติ แอบชิมไปนิด เคโกะว่าหวานไปนะ แต่รสชาติและกลิ่นยังมีความเป็นแตงโมชัดเจนดีค่ะ เสิร์ฟมาน่ารักด้วย ในลูกแตงโมเลย

โดยส่วนตัวแล้ว เคโกะชอบที่นี่นะคะ ดูเก๋ ๆ ดีอะ ค่อนข้างจะรักษ์ธรรมชาติดีด้วยการใช้วัสดุจากธรรมชาติมาเป็นภาชนะใส่อาหารแทน แต่จะดีกว่านี้มากถ้าทำหมดทุกร้านค่ะ เพราะบางร้านเองก็ยังเห็นใช้พลาสติกอยู่ค่ะ และลดการใช้หลอดพลาสติกก็จะยิ่งดีค่ะ ^^

วันหยุดไม่รู้จะไปไหน เคโกะแนะนำตลาดน้ำกวางโจวไว้ให้พิจารณาด้วยนะคะ ^^

ติดตามทางเพจได้ค่ะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

Kiriwong

สวัสดีค่ะ ในทริปขนอมของเคโกะนั้น เพราะความโก๊ะของตัวเองที่จองตั๋วบินผิดสนามบิน ไปที่นครศรีธรรมราชแทนที่ควรจะเป็นสุราษฎร์ธานีนั้น เลยทำให้หาที่แวะเที่ยวเพิ่มนอกเหนือไปจากขนอมค่ะ ก็เลยมาลงตัวที่คีรีวง ซึ่งเคโกะแวะไปช่วงเช้า ก่อนที่จะขึ้นเครื่องกลับมากทม.นะคะ

คีรีวงเค้าว่าเป็นแหล่งฟอกปอดที่ดีแห่งนึงในไทยเลยแหละ แต่ส่วนตัวก็รู้สึกว่า เออ อากาศดีมั้ย ก็ดีค่ะ แต่โดยรวม ๆ แล้วดีขนาดนั้นว่าต้องมาให้ได้มั้ย ก็ไม่นะ ..

อ่าว สรุปไปแล้วเฉ้ยยยย 555 มาดูกันค่ะ ทำไมเคโกะถึงคิดแบบนั้นนะ

Spot name : หมู่บ้านคีรีวง
Location : อ.ลานสกา นครศรีธรรมราช
Google maps : https://goo.gl/maps/iY3CeZ8rKZQFxbGd6
Entrance fee : Free
Opening hours : always open
Visited date : 7 Oct 19

** เคโกะไปก่อนที่จะมีข่าวดังเรื่องทำลายสิ่งแวดล้อมในคีรีวงนะคะ เพราะฉะนั้นเคโกะขออนุญาตไม่พูดถึงเรื่องที่มีประเด็นในข่าวนะคะ

ขับรถมาตามกูเกิ้ลแม็พและป้ายบอกทางมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงจนได้ค่ะ สิ่งแรกที่เจอเลยก็คือสะพานตัวนี้

ไปถ่ายใกล้ ๆ หน่อยนะคะ เห็นเค้าชอบถ่ายรูปมุมนี้กัน ฮาาาา

ตอนที่ไป ก็เห็นมีคนถ่ายรูปอยู่บ้างประปราย ไม่ถึงกับเยอะอะค่ะ

แล้วก็เลยไปดูวิวนอกสะพานบ้างดีกว่า สวยกว่าสะพานอี๊กกก XD

ขับรถต่อวน ๆ เข้าไปที่หนานหินท่าหาค่ะ ระหว่างทางเห็นว่าจะมีตลาดด้วย ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นตลาดเช้านะคะ ดูเงียบแบบเก็บของกันไปแล้วอะ

จอดรถตรงที่เค้ารับฝากรถ ค่าจอดคันละ 20 บาทค่ะ มีถนนแคบ ๆ รถวิ่งได้คันเดียวข้ามลำคลองเล็ก ๆ นี่ด้วย ก็แอบเสียวอยู่ ตามประสาค่ะ แหะๆ

จอดรถเสร็จแล้วก็เดินเล่นรอบ ๆ มีคนเล่นน้ำอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ไม่ได้เยอะมากมากนักค่ะ

แถวนี้ก็ลักษณะเป็นลำคลองเล็ก ๆ แหละค่ะที่เกิดมาจากน้ำตกแถว ๆ นั้น ที่ดีคือน้ำใสมาก ดูสะอาดค่ะ ลงเล่นน้ำได้ และมีร้านค้าริมทั้งสองฝั่งเลย

อีกฟากนึงของถนนที่คั่นลำคลองนี้กลับเงียบกริบค่ะ ไม่มีคนเล่นน้ำเลย มีแต่คนถ่ายรูปเล่น (เคโกะก็คนนึงล่ะ 555)

ดูเวลาแล้วยังเหลือเวลาเดินเล่นอีก ก็เลยขับรถต่อเข้าไปยังน้ำตกวังไม้ปักค่ะ ซึ่งจะอยู่ลึกสุดของคีรีวงเลยค่ะ

ที่จอดรถอยู่ด้านหน้าทางเข้าน้ำตก ตอนที่ไป รถจอดอยู่ไม่เยอะเลยค่ะ

พอเดินเข้าไปด้านในบริเวณน้ำตก คนก็ไม่เยอะนะ มีคนเล่นน้ำอยู่บ้างนิดหน่อยค่ะ

แล้วก็สมควรแก่เวลาค่ะ รวมทั้งรู้สึกไม่ค่อยน่าสนใจด้วยล่ะ ก็เลยกลับดีกว่า

โดยสรุปนะคะ รู้สึกว่าเหมือนมีร่องรอยความคึกคักของนักท่องเที่ยวอยู่ช่วงนึงก่อนหน้านี้อะค่ะ แล้วเคโกะก็ไปเจอแต่ความเงียบเหงาและว่างเปล่า หลายสิ่งหลายอย่างดูผุพัง ขาดการเอาใจใส่ เช่น ป้ายบอกทางที่ดูทรุดโทรมแล้ว กองขยะกองโตริมสะพานปากทางคีรีวง ป้ายร้านอาหารที่ดูเก่าแล้ว ฯลฯ อะไรงี้อะค่ะ ก็เลยรู้สึกไม่ได้ประทับใจอะไรเท่าไหร่นัก

ฝากเพจด้วยค่าาา~
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

Khanom 2019

สวัสดีค่ะ แอบติดใจขนอมจากที่เคยไปมาแล้วเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ก็เลยจัดไปอีกรอบค่ะ ^^

แต่คราวนี้ไม่ได้อยู่แต่ในขนอมตลอดทั้ง 3 วัน 2 คืนนะ แล้วจะขอแบ่งทริปนี้ลงเป็น 3 โพสต์ค่ะ ^^

จุดแรกที่แวะในขนอมก็คือ บ่อน้ำผุดธรรมชาติค่ะ ไปเห็นจากทวิตเตอร์ของนุชด้วยกันนี่แหละ ก็เลยลองตามไปดูบ้าง

Spot name : น้ำบ่อผุดธรรมชาติ
Location : อ.ขนอม นครศรีธรรมราช
Google maps : https://goo.gl/maps/vPEMCfz8PWFEhJvE6
Entrance fee : Free
Opening hours : N/A
Visited date : 5 Oct 19

ทางเข้าเป็นทางดินธรรมดา ๆ ยังไม่มีลาดยางค่ะ ที่จอดรถก็จอดได้ตามสะดวกเลย ^^” ส่วนเคโกะจอดที่ลานจอดตรงข้ามกับทางเข้าบ่อน้ำผุด ซึ่งมีหลุมใหญ่อยู่ด้วย ต้องขับระวัง ๆ นิดนึงด้วยค่ะ

ทางเข้าบ่อน้ำผุดก็จะประมาณนี้

เดินเข้าไปไม่กี่ก้าวก็จะเจอบ่อน้ำผุดแล้วค่ะ ตอนที่เคโกะไปก็มีครอบครัวใหญ่ครอบครัวนึงเค้ามาอยู่ก่อนหน้าแล้ว มีเด็ก ๆ เล่นน้ำกันอยู่ 2 คน แล้วเค้าเห็นเคโกะมาคนเดียว ก็เลยชวนคุยนู่นนี่นั่นค่ะ

ลักษณะก็จะเป็นบ่อน้ำขนาดไม่ใหญ่มากแหละ เข้าใจว่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการผุดน้ำขึ้นจากพื้นดิน จนกลายเป็นบ่อน้ำค่ะ ซึ่งก็ยังพอจะมองเห็นจุดที่มีน้ำผุดขึ้นมาอยู่นะคะ น้อง ๆ ที่เล่นน้ำอยู่ ก็ยังชี้ให้ดูเลยค่ะว่าจะอยู่ตรงกลางบ่อ ซึ่งต้องลงน้ำไปดูอะ เคโกะขอผ่านค่ะ ไม่สะดวกน้อออ

แต่ก็ยังมีอีกจุดนึงที่สามารถดูจากบนฝั่งได้ค่ะ พ่อแม่ของเด็ก ๆ ชี้ให้ดูกัน ซึ่งก็เป็นตาน้ำผุดเล็ก ๆ มาก ๆ ค่ะ

สิ่งที่ดีงามเลยก็คือ น้ำใสมากกกกกกกกกกกกกก ใสจนมองเห็นพื้นดินที่อยู่ใต้น้ำเลยค่ะ

แต่ข้อเสียก็มีนะ เคโกะมองว่าค่อนข้างทรุดโทรมแล้วอะ ดูขาดความใส่ใจ และดูเหมือนมีร่องรอยความคึกคักของนักท่องเที่ยวหลงเหลืออยู่ ก่อนที่จะเงียบเหงาแบบนี้ค่ะ

จากนั้นก็ขับรถไปที่พักค่ะ ซึ่งเคโกะก็พักที่เดิมเลย คือที่ Leeloo Cabana Khanom ค่ะ ก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ซึ่งเคโกะจะอัพเดทไว้ในโพสต์อันเดิมนะคะ เพราะไม่ได้เปลี่ยนไปมากอะ ^^ ตั้งใจจองห้องหมายเลข 7 อันเป็นการตามรอยอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ทว่า พอไปถึง คุณเจ้าของ (คิดว่าใช่ค่ะ เพราะเป็นคนต่างชาติ ตรงกับข้อมูลที่ได้มาว่าเจ้าของเป็นคนต่างชาตินะ) ก็บอกว่าจองห้องเบอร์ 7 มาแต่ให้ไม่ได้นะ เพราะปลวกลงพอดีค่ะ ก็เลยได้ห้องเดิม ห้องเบอร์ 6 แทน T.T

คงไม่มาแก้มือแล้วนะคะ แหะๆ เว้นแต่มีคนลากมาด้วยอะค่ะ ..

มาดูวิวริมทะเลที่รีสอร์ทกันดีกว่า วิวดี เงียบสงบเหมือนเคย แต่เพิ่มเติมคือมีคนพลุกพล่านขึ้นเยอะจากรีสอร์ทข้าง ๆ ทั้งสองฝั่งค่ะ

เช้าวันต่อมา ตั้งใจออกเรือไปดูโลมาสีชมพู แต่เคโกะก็จำเวลาผิด ออกสายไปหน่อย.. ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ สายไปซักราว ๆ 2 ชม. เอ๊งงงง …

ช่วงเวลาที่เหมาะสมก็คือช่วงเช้า ๆ ประมาณ 7 โมงนะคะ อย่าสายเหมือนเคโกะนะ ><“

คราวนี้เคโกะมาที่ท่าเรือแหลมประทับค่ะ เป็นท่าเรือที่ยอดฮิตมากในการมาเช่าเรือเพื่อออกไปดูโลมาสีชมพูนะคะ

Spot name : ท่าเรือแหลมประทับ
Location : อ.ขนอม นครศรีธรรมราช
Google maps : https://goo.gl/maps/M7Fi5pr4PBMWpdgF6
Entrance fee : Free
Opening hours : เวลาที่เหมาะสมคือช่วงเช้าๆ ประมาณ 7 โมงค่ะ
Visited date : 6 Oct 19

มีที่จอดรถนิดหน่อยพอกรุบกริบ แต่จอดฟรีค่ะ แล้วเดินไปตามทางที่มีป้ายบอกชัดเจนว่าเป็นทางไปลงท่าเรือค่ะ แล้วพอถึงบริเวณท่าเรือก็จะเจอกับอนุสาวรีย์โลมาแบบนี้เลยค่ะ

เคโกะไปถึงก็สัมผัสได้ถึงความเงียบเหงา (อีกแล้ว 555) แล้วก็มีพนง.มาต้อนรับ ถามว่ากี่คน เคโกะก็ต้องตอบไปอย่างมั่นใจค่ะว่า “คนเดียวค่ะ” เพราะเค้าจะตะโกนต่อกันไปเพื่อให้คนเรือเค้าจัดเตรียมเรือค่ะ

ระหว่างรอคนเรือเค้าจัดเตรียมเรือ ก็เลยถ่ายรูปไปพลาง ๆ ทะเลดูค่อนข้างเงียบสงบดีค่ะ น้ำนิ่งเลยแหละ

เรือที่นี่มีเยอะเพียงพอบริการนักท่องเที่ยวค่ะ เป็นลักษณะให้เช่าเหมาลำ ลำละ 1000 บาทค่ะ เรือลำนึงก็จะบรรจุคนได้ประมาณ 6-7 คนค่ะ

แล้วเคโกะก็หันไปชวนคนเรือคุยบ้าง เค้าเล่าให้ฟังว่ามาช่วงนี้กำลังเหมาะเลย เพราะเพิ่งมีลูกโลมากำลังเล่นซนอยู่ 2 ตัวค่ะ เลยทำให้มีโอกาสเจอโลมาได้ง่ายขึ้น เพราะเค้าซนเนาะ พ่อแม่ก็ต้องคอยวิ่งไล่ประกบไรงี้ค่ะ ฮาาา

เค้าบอกด้วยว่ามีออกไปหลายลำแล้ว ก็เลยทำให้เคโกะเอะใจขึ้นมา แล้วถึงได้รู้สึกตัวว่า มาสายไปแล้วค่ะ 5555 (รู้สึกตัวช้าจริง ๆ – -“)

เอาล่ะ แต่เรือเคโกะมีแค่เคโกะคนเดียวไง น้ำหนักเบา ซิ่งง่าย ไปโลดค่าาา

เรือออกได้แป๊บเดียว ก็ตามเรือลำก่อนหน้าหลาย ๆ ลำที่เค้าวนหาโลมากันอยู่ก่อนแล้ว ก็วน ๆ กันอยู่ซักพัก เราก็ได้เจอกับโลมาค่ะ

เค้าก็พยายามวนเรือเข้าไปให้ใกล้ ๆ ให้เราได้เก็บภาพและได้เห็นอย่างเต็มที่อะนะคะ

อีกซักรูปเนอะ

มีถ่ายวิดีโอมาด้วยนะ ซึ่ง … ก็ยังไม่รู้ว่าจะว่างทำวิดีโอให้ดูกันเมื่อไหร่ค่ะ (ปีที่แล้วเคโกะก็พูดเงี้ยะ ผ่านไปปีนึง ก็ยังนอนแน่นิ่งในคอมอยู่เหมือนเดิมค่ะ ฮาาาาา)

เอาไว้ให้เคโกะว่างทำแล้วจะแปะบนเพจแจ้งให้ทราบกันนะคะ //ฝากติดตามเพจด้วยค่าาา แหะๆ

คนเรือวนให้ดูโลมาอยู่พักใหญ่ จนโลมาว่ายน้ำหนีหายไปจนไม่คิดว่าจะเจอแล้ว เค้าก็พาเคโกะไปที่เขาหินพับผ้าค่ะ

ลักษณะของหินพับผ้าก็คือ มีความเรียงเป็นชั้น ๆ คล้ายกับผ้าที่พับไว้เป็นตั้ง ๆ อะค่ะ

ก็เป็นลักษณะที่เกิดตามธรรมชาตินะคะ คราวนี้ต่างจากคราวที่แล้วที่คนเรือไม่ได้พาขึ้นไปเดินเล่นค่ะ ซึ่งคนเรือเมื่อปีที่แล้วเค้าก็เคยบอกไว้แล้วว่าปกติจะไม่มีใครพาไปเดินบนเขาพับผ้ากันค่ะ มีเค้าคนเดียว (ฮาาาา)

แล้วก็ผ่านกระชังเลี้ยงปลาที่อยู่กลางทะเล ซึ่งจากบริเวณนี้ ถ้าเรามองไปอีกฝั่งตรงข้าม (กระชังปลานี้อยู่ซ้ายมือ ก็มองไปทางขวามืออะค่ะ) ก็จะพอมองเห็นท่าเรือดอนสักที่ไปเกาะสมุย ซึ่งเป็นเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีค่ะ

แล้วเราก็จะมุ่งหน้าไปยังจุดถัดไปคือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเล เกาะนุ้ยค่ะ

คนเรือก็จะเทียบเรือให้เราลง ซึ่งก็ลงไปคนเดียวนะคะ เค้าไม่ได้ตามมาด้วยนะคะ

เดินขึ้นไปตามขั้นบันไดเพื่อกราบไหว้หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลได้ค่ะ มีธูปเทียนให้พร้อมเลย

ทางเดินด้านล่างจะเป็นบ่อน้ำจืดเล็ก ๆ ที่เค้าเล่ากันว่าหลวงปู่ทวดมาเหยียบแล้วเกิดเป็นบ่อน้ำจืดอย่างอัศจรรย์เมื่อหลวงปู่มาที่เกาะนี้แล้วไม่มีน้ำจืดให้ใช้ค่ะ

ตอนที่ไปน้ำขึ้นพอดี เข้าไม่ได้ค่ะ ก็ต้องผ่านไป แต่เคโกะไม่ซีเรียสแหละ เพราะเคยมาแล้วค่ะ

แล้วก็กลับเข้าฝั่ง เป็นอันจบทริปออกเรือไปดูโลมาแล้วค่ะ

กลับมาถึงท่าเรือโดยสวัสดิภาพ แล้วก็จ่ายเงินค่าเรือให้กับคนเรือได้โดยตรงเลย แล้วก็กลับค่ะ

ระหว่างทางที่ออกไปจากท่าเรือนั้นจะมีทางช่วงนึงบนเขา ซึ่งวิวสวยม้ากกกกก คราวนี้เคโกะไม่พลาดแล้วแหละ หยุดรถแล้วถ่ายรูปซะเลยค่ะ ไหน ๆ ถนนก็ว้างว่างงงงง

แล้วก็กลับเข้าตัวเมืองขนอมค่ะ ซึ่งก็ยังมีเวลาเยอะอยู่เลยกว่าจะเย็น ก็เลยหาร้านกาแฟนั่งชิลล์ ๆ และอ่านหนังสือที่ติดไปด้วยค่ะ

หาในกูเกิ้ลแม็พจนได้ร้านนี้ค่ะ

Restaurant name : Frankies Coffee
Google maps : https://goo.gl/maps/9vSSFwJVpP66Y1wR8
Parking lots : yes
Location : อ.ขนอม นครศรีธรรมราช
Opening hours : 8.30AM – 5PM
Visited date : 6 Oct 19

ร้านเป็นร้านไม่ใหญ่มากค่ะ เข้าใจว่าเป็นบริเวณด้านหน้าทางเข้าขนอมบีชเรสิเดนท์นะคะ

ร้านตกแต่งแบบโล่ง ๆ ดี ไม่มีแอร์ แต่ก็ไม่ได้ร้อนอะไรค่ะ เพราะเปิดโล่งไปหมดเลย ส่วนที่จอดรถก็จอดได้ที่ด้านหน้าร้านเลยค่ะ

เคโกะเลือกมานั่งแอบมุม ดูวิวภายนอกเพลิน ๆ (เอ๊ะ ไหนว่าจะมาอ่านหนังสือ ?)

เคโกะสั่งชาเย็น กับแซนด์วิชทูน่าไปมั้งคะ รวมราคาประมาณ 150 บาทค่ะ

ชาเย็นเป็นชาเย็นที่รสเหมือนในกรุงเทพเลย คือไม่อร่อยค่ะ ชาเจือจางมาก ออกหวานและไม่มีกลิ่นชาเลย ไม่ผ่านอย่างรุนแรงค่ะ

ตัวแซนด์วิชก็กริลล์ขนมปังมาได้กรอบดี ผักแน่นไส้แน่นดีอยู่

โดยรวมก็ยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่อะค่ะ กับร้านนี้ 😦

เช้าวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับกทม. ก็ไปทานอาหารเช้าที่ร้านที่หมายตาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วค่ะ ซึ่งครั้งนั้นพลาดไปเพราะไปตรงกับวันหยุดเค้าพอดี

Restaurant name : ขนอมติ่มซำ
Google maps : https://goo.gl/maps/4ELtTnNmvFZ3xpaC8
Parking lots : yes
Location : อ.ขนอม นครศรีธรรมราช
Opening hours : 6.30 – 11.30AM
Visited date : 7 Oct 19

ที่จอดรถจะอยู่ข้าง ๆ ร้านเลยค่ะ กว้างขวางดีอยู่ แล้วก็เดินไปสั่งที่เคาน์เตอร์ได้เลย รวมถึงหยิบติ่มซำต่าง ๆ ที่อยู่ในตู้ ส่งให้พนง. ไปอุ่นร้อนให้ได้ค่ะ

เคโกะสั่งโจ๊กไปเพิ่มอีกชามด้วยล่ะ

โจ๊กหมูเค้าจะวางผักชี, ขิงซอย และกระเทียมเป็นกระจุก ๆ ไว้ให้แบบในรูปเลยนะคะ เคโกะว่าก็สะดวกดีกับคนที่ไม่ทานอะไรบางอย่างค่ะ ก็ตักออกได้เนอะ

มีชาร้อนเสิร์ฟให้ทุกโต๊ะฟรีด้วยค่ะ ซึ่งชาฟรีแต่ก็หอมชาอะ อร่อยเลย

ติ่มซำที่สั่งไปทั้งหมด 6 เข่งก็มาวางเรียงให้ตรงหน้าค่ะ

ติ่มซำดูเพลน ๆ ดูทั่ว ๆ ไป ที่ไหน ๆ ก็มี แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายค่ะ เทียบกับราคาแล้วเคโกะถือว่าโอเคนะ

ปิดท้ายที่ชาเย็น ที่ชอบมาก ๆ ค่ะ เป็นชาเย็นแบบชาใต้ หอมชา ชาเข้มข้นมาก และไม่หวานเกินไปด้วย อร่อยมากจริง ๆ หาทานได้ยากในกทม.ด้วยค่ะ ใครเจอบอกพิกัดเคโกะหน่อยนะคะ ^^”

สนนราคารวมประมาณ 163 บาทค่ะ ราคารับได้อยู่นะ ถือว่าราคาดีเลยแหละกับรสชาติ ปริมาณไรงีด้วยค่ะ

ใครมาขนอม เคโกะแนะนำร้านนี้เลยนะคะ อย่าพลาด ๆ ^^

ฝากติดตามอีกสองโพสต์ในทริปนี้ด้วยนะคะ ไม่นานเกินรอค่ะ เพราะอยากเคลียร์ทริปตัวเองในปีนี้ให้หมดก่อนที่ทริปใหญ่ประจำปีของเคโกะจะมาถึง และน่าจะเป็นมหากาพย์รีวิวอีกเช่นเคย 5555 (ถ้าติดตามกันมานานแล้วก็น่าจะเดาได้ค่ะว่าทริปไปไหน อิอิ)

ฝากเพจด้วยค้าาาา //ยิ้มหวานนน
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

Chiangmai : during weekend

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้จะแอบยาว เพราะอยากเล่าเรื่องให้จบเลยในโพสต์เดียว ก็แค่เชียงใหม่แบบเสาร์-อาทิตย์อะนะ 5555

เอาจริง ๆ ก็คือ ตั้งใจไปเยี่ยมร้านเพื่อนค่ะ ไปเปิดร้านอยู่ที่เชียงใหม่ แล้วไหน ๆ ก็ไปเชียงใหม่แล้ว ก็เลยอยากลองนอนโฮสเทลในไทยดูบ้าง หลังจากที่ไปนอนโฮสเทลที่ต่างประเทศมาหลายที่แล้ว แล้วก็อยากแวะร้านกาแฟของนุช (นุช = แฟนคลับของเป๊ก ผลิตโชคนะคะ) ด้วย แต่วันลาพักร้อนประจำปีก็ไม่เหลือแล้ว (555) ก็เลยตัดสินใจอย่างบ้าบิ่นไปแค่เสาร์อาทิตย์ค่ะ ตามมาดูกันนะว่าเป็นไงบ้าง

บินไปเชียงใหม่ตอนเช้า รับรถเช่าที่จองไว้ล่วงหน้า แล้วก็บึ่งไปที่ร้านของเพื่อนเป็นจุดหมายแรกค่ะ

Restaurant name : ร้านหมูยอแม่ลิ
Google maps : https://goo.gl/maps/Pr9byzP2neqsNnUb7
Parking lots : yes
Location : จอมทอง ก่อนถึงตัวอำเภอจอมทองเล็กน้อย จ.เชียงใหม่
Opening hours : 8.30 – 17.30
Visited date : 7 Sept 2019
Website : https://www.facebook.com/mooyormaeli/

เป็นร้านเล็ก ๆ นะคะ ขนาดไม่ใหญ่มาก ตามกำลังเจ้าของร้านอะเนอะ ก็ราว ๆ 4-5 โต๊ะค่ะ

ร้านตกแต่งสไตล์มินิมอลเบา ๆ ดูโล่ง ๆ โปร่ง ๆ สบายตาดีค่ะ ถึงแม้จะเป็นร้านของเพื่อน แต่เคโกะก็จะว่ากันไปตามเนื้อผ้านะคะ

เมนูทั้งหมดคือเพื่อนทำมาให้ทานเลย เคโกะแค่บอกว่าทานได้หรือไม่ได้อะค่ะ ไม่ได้สั่งเองนะ

จานแรกเป็นหมูยอนึ่ง ไว้ทานกรุบกริบ ระหว่างรออาหารจานอื่น ๆ ค่ะ ทำค่อนข้างช้าเพราะทำกันอยู่ 2 คนเอง และปรุงทีละจานอย่างใส่ใจค่ะ

หมูยอเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้ม ตัวหมูยอเจ้าตัวสั่งตรงมาจากอุบลราชธานี บ้านเกิดของเจ้าตัวเลยค่ะ ซึ่งโดยส่วนตัวเคโกะแล้ว ชอบทานหมูยออยู่แล้วค่ะ เลยจะค่อนข้างรับรสชาติได้ดีกับหมูยอหลากหลายที่ ซึ่งคิดว่าหมูยออุบลฯนั้นคือดีงามค่ะ มีขายเฉพาะหมูยอในร้านด้วย ก็สามารถหาซื้อทานกันได้ค่ะ

จานต่อไปเป็นส้มตำไทย เพราะเคโกะทานปลาร้าไม่เป็นนะคะ แหะๆ

โดยส่วนตัวรู้สึกว่ารสดีค่ะ รสแบบส้มตำไทยอะ จะไม่จัดจ้านเผ็ดซี้ดซ้าดแบบตำลาวไรงี้ค่ะ ถือว่าดีอยู่

จานต่อไปเป็นยำหมูยอ ซึ่งเค้าหั่นหมูยอแบบลูกเต๋ามา แอบแปลกใจนิดหน่อย เพราะปกติที่เคยทานตามร้านทั่วไปจะเป็นหันครึ่งจากแท่งหมูยอกลม ๆ อะนะ

รสชาติออกมากลาง ๆ ไม่เผ็ดจนเกินไป รสบาลานซ์ดีกันทุกรสค่ะ ทานได้เรื่อย ๆ เลย

ต่อไปเป็นต้มแซ่บค่ะ อันนี้ก็ดีงามมม หมูเนื้อนุ่มเปื่อยกำลังดีค่ะ

หลังจากทานอาหารเสร็จ นั่งเม้าท์มอยกันเรื่อยเปื่อยแล้ว ก็ชวนกันไปดื่มชากาแฟกันค่ะ (ยามเย็นเราก็ไม่เว้น 5555) ซึ่งร้านนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากร้านเพื่อนเท่าไหร่ค่ะ แต่บรรยากาศดีงามมากเลยอะ

Restaurant name : Cupfee or Tree / เฮือนขวัญข้าว
Google maps : https://goo.gl/maps/jpVqzGhC4hEWZB8WA
Parking lots : yes
Location : จอมทอง จ.เชียงใหม่
Opening hours : 9.00 – 18.00
Visited date : 7 September 2019
Website : https://www.facebook.com/cupfeeortree/

ร้านกาแฟร้านนี้อยู่ในรีสอร์ทเฮือนขวัญข้าวค่ะ เลยใส่รวมไว้ด้วยกันเลยนะคะ อยู่ห่างกันนิดเดียวเท่านั้นเอง จะเสิร์ชหาในกูเกิ้ลแม็พด้วยชื่อไหนก็เจอค่ะ

เป็นรีสอร์ทขนาดไม่กี่ห้อง และมีร้านกาแฟในอาณาบริเวณเดียวกันค่ะ เบื้องหน้าจะเป็นท้องนากว้างใหญ่ ได้ฟีลทุ่งนาแบบชิดติดขอบกันสุด ๆ ไปเลย

ตลอดทางเดินก็จะมีพร็อพน่ารัก ๆ ให้เราถ่ายรูปเล่นไปด้วยตลอดทางค่ะ

ร้านมีที่นั่งทั้ง indoor และ outdoor เลยค่ะ แต่ส่วนใหญ่ก็จะนั่งข้างนอกเนอะ เป็นศาลาเล็ก ๆ และมีขันโตกให้วางแก้วกาแฟ จานขนมไรงี้อะค่ะ เป็นแบบนั่งกับพื้น สัมผัสบรรยากาศทุ่งนากันไปให้เต็มที่ เคโกะชอบนะ ให้คะแนนบรรยากาศเต็มสิบเลยค่ะ

ซึ่งในร้านเอง เป็นห้องแอร์ มีโต๊ะนั่งอย่างจำกัด ไม่กี่โต๊ะค่ะ แต่ก็มีการตกแต่งได้อย่างน่ารักทุกโต๊ะเลย

มีเด็ก ๆ ร่วมทางไปด้วย ก็เลยมีสั่งเรนโบว์เค้กมาให้เด็ก ๆ ทานค่ะ ก็จะเป็นเครปเค้กหลากหลายสีแบบสีรุ้งเรียงกันอย่างสวยงาม และมีซอสสตรอเบอรี่ให้ราดด้วย

เคโกะจำไม่ได้อะว่าได้ชิมมั้ย ขอผ่านไปก่อนนะคะ แหะๆ (สองเดือนเอง ชั้นก็ลืมซะแล้ว แงงงง~)

ส่วนเครื่องดื่ม คนอื่นก็สั่งกันตามอัธยาศัย ส่วนเคโกะน่าจะเป็นชาพีช หรืออะไรสักอย่างนะ จำไม่ได้แหล่ว ><~

ราคาโดยรวมไม่แพงค่ะ ถ้าจำไม่ผิดนะ (เคโกะเปลี่ยนแอพบันทึกรายการรับจ่ายอะ ข้อมูลเลยหายไปค่ะ) ราว ๆ 2-300 บาทได้ค่ะ ซึ่งเราก็สั่งชากันหลายแก้วอยู่ แต่เค้กมีชิ้นเดียวมั้งนะ ก็ถือว่ารับได้ค่ะ

จนเย็นย่ำแล้ว เคโกะก็อำลาเพื่อนค่ะ แยกย้ายกันที่ร้านเลย แล้วเคโกะก็มุ่งหน้าไปยังโฮสเทลที่จองไว้ ซึ่งค่อนข้างใกล้กับถนนคนเดินวัวลาย (ถนนคนเดินวันเสาร์) ก็เกรงว่าจะเข้าพื้นที่ไม่ได้ แม้จะมั่นใจว่าโฮสเทลไม่ได้อยู่บนถนนวัวลายก็ตาม

สุดท้ายก็เข้าไม่ได้จริงค่ะ เค้าปิดถนนแหละ เลยต้องโทรหาพนง.โฮสเทลถามทาง ซึ่งเคโกะก็บอกทางไม่ได้ไง คือชั้นไม่ได้มาบ่อยขนาดน้านนน T.T แต่สุดท้ายก็คือมาถึงโฮสเทลจนได้ค่ะ และเข้าไปจอดในภัตตาคารตูลู่ที่อยู่ตรงข้ามโฮสเทลชั่วคราว จนกว่าเค้าจะยกเลิกปิดถนนแล้วเอารถมาจอดด้านหน้าโฮสเทลได้ค่ะ T.T

Hotel name : 84 Gallery
City : Chiangmai / ถ.นันทาราม อ.เมือง จ.เชียงใหม่
Location : https://g.page/84gallery?share
Booking via : Hostelworld
Room type : Standard 6-bed female dorm ensuite
Room rate : 160 BHT/night/bed
Check-in date : 7-8 Sept 2019, 1 night
Website : N/A
Facebook page : https://www.facebook.com/84gallery/

โฮสเทลที่นี่ไม่มีที่จอดรถนะคะ แต่จอดริมถนนได้ค่ะ ซึ่งตอนที่เคโกะโทรถามทางวุ่นวายอยู่ เค้าก็กรุณาออกมารอรับหน้าโฮสเทลเลย ช่วยคุยกับพนง.ร้านตูลู่เพื่อขอฝากรถชั่วคราวอีก คือบริการประทับใจมากอะ ><~

ยังไม่รวมตอนที่เคโกะเอารถออกจากร้านตูลู่มาจอดริมทางอีกนะคะ เค้าก็ยังออกมาจากด้านในมาดูรถให้ ซึ่งเคโกะไม่ชินกับการขับรถแบบใส่แว่นค่ะ (ค่าสายตาไม่เท่ากันกับคอนแท็กเลนส์ ทำให้กะระยะเพี้ยนไปบ้างค่ะ)

ให้คะแนนการบริการเต็มสิบค่ะ … แต่แอบหักคะแนนนิดนึงตอนเช็คเอาท์ ที่ตื่นสายจังอะ เคโกะต้องปลุกอย่างเกรงใจค่ะ 5555

ห้องที่เคโกะจองมา ไม่มีคนพักร่วมห้องเลย เค้าเลยถามว่าไปพักอีกห้องไหม มีคนเดียวเหมือนกัน เคโกะก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ ไม่ติดใจ ก็โอเคนะ

ห้องใหม่เป็นห้องขนาด 4 เตียง เป็นฟูกแบบนอนพื้นเลยค่ะ มีระยะเว้นห่างกันพอควร

มีกำแพงกั้น 2 เตียงนี้กับอีก 2 เตียงข้างขวาในรูปค่ะ

เดินไปอีกฟากนึงหลังกำแพง ก็จะเป็นห้องที่ติดหน้าต่างอะ มีทีวีด้วย

ชั้นล่างบริเวณล็อบบี้ตกแต่งกำแพงได้อาร์ทดีค่ะ

มีส่วนกลางอื่น ๆ ด้วยนะ เคโกะไม่ได้ถ่ายมาค่ะ

มีห้องน้ำรวม ซึ่งอยู่บนชั้นเดียวกับห้องนอนเลย แยกระหว่างห้องส้วมกับห้องอาบน้ำ ขนาดห้องกำลังพอเหมาะค่ะ มีแชมพูกับสบู่ให้ด้วย ดีงามมมม~

มีล็อคเกอร์ให้ใช้ด้วย แต่จะอยู่ด้านนอกห้องนอนค่ะ เคโกะไม่ได้ใช้ เพราะพักแค่คืนเดียวเอง และไม่ได้มีของมีค่าอะไรติดตัวนักค่ะ

ชั้นล่างมีบริการน้ำดื่ม ชากาแฟ สแน็คเล็ก ๆ น้อย ๆ ไรงี้ด้วย ซึ่งก็จะสไตล์โฮสเทลทั่ว ๆ ไปนะคะ คือใช้แล้วก็ล้างเก็บคืนที่ด้วยค่ะ

พนง.น่ารักอย่างที่บอกไปแล้ว และโลเคชั่นดีงามมาก ใกล้ถนนคนเดินวัวลายค่ะ

เช็คอินเสร็จ (มีมัดจำกุญแจร้อยนึงด้วยนะ ได้คืนตอนเช็คเอาท์ค่ะ) เก็บของเรียบร้อยแล้วเคโกะก็ออกไปเดินเล่นที่ถนนวัวลายนั่นแหละ โดยส่วนตัวคิดว่าเปลี่ยนไปจากที่เคยมาเดินเยอะค่ะ

เช้าวันใหม่ หลังจากรอเช็คเอาท์เป็นเวลานาน (เพราะเค้าหลับอยู่ เคโกะไม่กล้าปลุก 5555) ก็ได้ออกซะที ไปตลาดจริงใจมาร์เก็ตเป็นที่แรกค่ะ กะไปหาอะไรหม่ำด้วย

รถติดมากกกกกกกกกกกกกกกกก T.T ที่จอดรถหายากมากกกกกกกกก T.T

Spot name : จริงใจมาร์เก็ต เชียงใหม่
Location : อ.เมือง เชียงใหม่
Google maps : https://goo.gl/maps/KRgRyS8g9cuRfn8r7
Entrance fee : Free
Opening hours : Sat-Sun 6.00-13.00
Visited date : 8 Sept 2019
Website : https://www.facebook.com/FarmersMarketChiangmai

ต่อไปคือสิ่งที่ได้ชิมค่ะ

หมูโสร่งและปอเปี๊ยะ — ภาชนะน่ารัก ดูเข้าคอนเซ็ปท์กับตลาดที่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม และลดการใช้พลาสติก แต่รสชาติเฉย ๆ มาก ๆ ค่ะ ออกไปทางไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ เพลน ๆ ไปค่ะ

ชาบ่าเก่า — เป็นร้านชาที่คนแน่นมากกกก มีคิวยาวเลยแหละ แพกเกจจิ้งน่ารัก แต่ไม่ได้ช่วยลดการใช้พลาสติกเลยนะ T.T ในเรื่องของรสชาตินั้น คือ ขอเรียกว่าไม่อร่อยได้ไหมคะ T.T หวานและรสชาแทบไม่มีเลยอะ สัมผัสได้ถึงแต่นมข้นจืดผสมน้ำตาลอะค่ะ T.T

สุดท้ายเป็น food truck ในตลาดนั่นแหละ เมนูแนะนำเค้าคือยำเกี๊ยวกรอบค่ะ เลยสั่งมานั่งทานดู ร้านนี้คนเยอะเลยนะ ก็จะเป็นเกี๊ยวกรอบทอดอะค่ะ เอามายำ แค่นั้นเลย รสชาติก็คือยำอะ รสกลาง ๆ ไม่จัดจ้านจนเกินไป คงกะให้คนต่างชาติทานได้ด้วยอะค่ะ จานนี้เคโกะว่าโอเค รับได้ค่ะ

แล้วจากนั้นก็ย้ายไปบ้านข้างวัดต่อค่ะ เค้าว่าเป็นตลาดชิคๆ แต่เคโกะวนหาที่จอดรถไปซะ 2 รอบกว่าจะหาทางเข้าลานจอดรถเจอ T.T

Spot name : บ้านข้างวัด / Baan Kang Wat
Location : อ.เมือง เชียงใหม่
Google maps : https://goo.gl/maps/FenUxfEKftc1er3b8
Entrance fee : Free
Opening hours : 10.00-18.00 except Monday
Visited date : 8 Sept 2019
Website : https://www.facebook.com/Baankangwat/

ป้ายบอกทางเข้าลานจอดรถมีนะคะ แต่ตัวเล็กมาก จนเคโกะมองผ่านไป และมาเห็นป้ายคือตอนที่ตัดสินใจว่า เอาวะ ที่จอดรถร้านกาแฟรึเปล่าก็ไม่รู้ เข้า ๆ ไปก่อนค่ะ เดี๋ยวค่อยว่ากัน ถึงได้มองเห็นป้ายอะ T.T

ลานจอดรถของบ้านข้างวัด อยู่ติดกับร้าน Lamour Cafe และ Yellow Mango นะคะ ด้านในเป็นลานกว้างงงงงง จอดตามอัธยาศัยค่ะ

แล้วก็เดินมานิดหน่อย จะเจอทางเข้าบ้านข้างวัด

ซึ่งบ้านข้างวัดนี้ เคโกะขอแนะนำแรง ๆ ให้กับคนที่ชอบงานอาร์ท งานฝีมือ งานคราฟท์ใด ๆ เลยค่ะ ควรมาเป็นที่สุด ทุกสรรพสิ่งล้วนแต่น่ารัก ดีงามไปหมด

โต๊ะสแตมป์น่ารัก ๆ ของร้านก็มีค่ะ ร้านนี้ (จำชื่อร้านไม่ได้อีก อยู่ด้านหน้าทางเข้าที่มาจากทางลานจอดรถเลยค่ะ) น่ารักมากอะ

ทางเข้าหลัก มีป้ายบอกทางเต็มไปหมด เลือกเอาน้าาา

ตรงกลางเป็นเวิ้งเหมือนลานการแสดงเลยอะ ซึ่งรอบ ๆ เวิ้งตรงกลางก็เป็นร้านค้าเรียงรายล้อมเต็มไปหมดค่ะ ดูชิคทุกร้าน น่านั่ง น่าเข้าทุกร้านอะ

ขอบ ๆ ที่เป็นหญ้า ๆ ก็มีตุ๊กตาหินวางกรุบกริบ ให้น่ารัก น่าถ่ายรูปเล่น

เดินส่องหน้าร้านแบบ windows shopping บ้าง

ร้านนี้น่ารัก ซึ่งบางร้านในบ้านข้างวัดเนี่ย มีคอร์สสั้น ๆ ให้ลงเรียนทำด้วยนะ ส่วนใหญ่ก็จะงานศิลปะแนว diy ค่ะ ถ้ามีเวลาเยอะ ๆ หน่อย ก็น่าลองค่ะ

มีเสื้อผ้าด้วย ก็จะแนว ๆ เสื้อผ้าพื้นเมือง น่ารัก ๆ ไรงี้

มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ๆ ค่ะ ถ่ายมาลงไม่หมดอะ

ห้องน้ำอยู่ด้านในสุด เสียเงินด้วย แต่ด้านหน้าก็เป็นที่ถ่ายรูปได้นะ 555

นอกจากร้านค้าแล้ว ก็มีร้านอาหารด้วย ซึ่งเคโกะไม่ได้ชิมสักร้านเลยนะคะ เดินดูของ ซื้อของนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วก็กลับค่ะ

ปิดท้ายทริปเชียงใหม่เสาร์-อาทิตย์ด้วยร้านกาแฟของนุชค่ะ อยู่ใกล้ ๆ สนามบินเลย เหมาะกับการนั่งรอเวลาบินกลับจริง ๆ

แต่วันนั้นเคโกะไม่ค่อยสบายด้วยนะ เลยขอไปพักในร้านนี้ยาว ๆ อยู่หลายชั่วโมงเลยค่ะ แหะๆ

Restaurant name : Coffee Bee CNX
Google maps : https://goo.gl/maps/qSBNbfbt37D1mHbh8
Parking lots : yes
Location : อ.เมือง จ.เชียงใหม่
Opening hours : 9.00 – 20.00
Visited date : 8 September 2019
Website : https://www.facebook.com/CoffeeBeeCNX/

ร้านใหญ่อยู่น้าาาา ตอนที่ไปคนไม่เยอะด้วย เอาแก้วไปเองได้ลดราคาด้วยนะคะ เข้าคอนเซ็ปท์ #ลดโลกเลอะกับผลิต มากอะ ^^

เคโกะสั่งเพียงชาเย็นหวานน้อยไป แล้วก็ไปจมปุ๊กอยู่ที่โต๊ะกับความไม่ค่อยสบายของตัวเอง และชั่งใจไปมาว่าจะไปสนามบินกลับบ้าน หรือจะไปโรงพยาบาลดี ฮาาาา~

เสียดาย วันที่ไปนุชเจ้าของร้านไม่อยู่ค่ะ อดเม้าท์มอยประสานุชเลย ^^”

ร้านตกแต่งน่ารักมากค่ะ สไตล์หวาน ๆ เลยแหละ ส่วนชารสชาติกลาง ๆ ค่ะ ทั่ว ๆ ไป

ไว้ผ่านมาจะแวะใหม่น้าา~

ก็จบทริปลงประมาณนี้ค่ะ ฝากเพจด้วยน้าาาา
https://www.facebook.com/thisiskeigo/

Lungcha Homestay (2019)

สวัสดีค่ะ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดิมเอามาปัดฝุ่นใหม่หรือเปล่า แต่ไม่ใช่นะคะ เป็นที่เดิมที่เคยไปพักแล้ว ยังคงความประทับใจเช่นเคย และดูจะมีอะไรเปลี่ยนไปเยอะพอควร ก็เลยเขียนใหม่อีกโพสต์นึงค่ะ

Hotel name : Lungcha Homestay / ลุงชา โฮมสเตย์
City : ประจวบคีรีขันธ์
Location : https://goo.gl/maps/Ag4nfT3R6Pmj2QTLA
Booking via : Facebook page
Room type : N/A
Room rate : 1,000BHT/night/room
Check-in date : 10-12 August 2019, 2 nights
Website : N/A
Facebook page : https://www.facebook.com/Lungcha-Homestay-525044447660354/

คราวนี้ต่างจากครั้งก่อนที่เคโกะเคยไปตรงที่ครั้งนี้อัพเกรดเป็นการขับรถไปเองนะคะ ครั้งที่แล้วยังนั่งรถตู้ปุเลง ๆ ไปอยู่เลยอะ

ทางเข้าโฮมสเตย์จะงง ๆ หน่อย ๆ ถ้าวิ่งตามกูเกิ้ลแม็พเลยจะหลงค่ะ ตรงนี้ทุกคนพูดเหมือนกันหมด 5555 เพราะงั้นถ้าจะวิ่งตามกูเกิ้ลแม็พ แนะนำให้ปักหมุดไว้ที่ “สำนักสงฆ์ถ้ำทอหูก” ค่ะ แล้วจะไม่หลง ปากทางเข้าจากถนนเส้นหลัก จะมีป้ายสำนักสงฆ์อยู่อย่างชัดเจน ซึ่งป้ายซอยหายไปค่ะ (ป้ายซอยจะเป็นสามร้อยยอด xx ค่ะ –จำไม่ได้แล้วว่าซอยที่เท่าไหร่นะคะ เพราะป้ายหายไปอย่างที่ว่านี่แหละ – -“) และทางเข้าโฮมสเตย์จะอยู่ถึงก่อนสำนักสงฆ์ค่ะ

ตอนที่ไปพัก มีห้องข้าง ๆ เป็นคนสิงคโปร์ เช่ารถขับมากันเองจากกรุงเทพฯ เคโกะยังถามเค้าอยู่เลยค่ะว่าหลงไหม .. เค้าก็ว่าหลงเหมือนกัน เพราะวิ่งตามกูเกิ้ลแม็พเช่นกันค่ะ (555555) แต่เค้าเก่งกว่าตรงที่สามารถหาทางมาได้จนถูกต้องอะค่ะ //ปรบมือรัวววว

ถนนทางเข้าแต่เดิมค่อนข้างวิบาก เป็นทางดินทั้งหมด แต่คราวนี้ถนนก็ได้รับการอัพเกรดเช่นกันค่ะ เป็นถนนปูยางอย่างดี เข้าซอยไปแล้วทางก็ยังดีอยู่ มีเพียงช่วงที่เป็นดินอยู่สั้น ๆ แค่ช่วงเดียวค่ะ ก็ถือว่าขับรถง่ายขึ้นเยอะกว่าเดิมที่เคยไปมามากแล้วล่ะค่ะ

Post เดิมที่เคยไปมาเมื่อ 2 ปีก่อนนะคะ :: https://thisiskeigo.wordpress.com/2017/11/22/lungcha-homestay/

เพราะมัวแต่โอ้เอ้ แวะนู่นนี่นั่น ดังนั้นกว่าจะไปถึงก็ค่อนข้างเย็นแล้ว ก็เลยได้ภาพยามเย็นก่อนตะวันตกดินมาฝากกันก่อนจะพาไปดูห้องค่ะ

วิวก็ยังสวยเหมือนเดิม มองไปทางไหนก็เขียวขจีไปหมด ดูแล้วสบายอกสบายใจมาก ๆ ทีเดียวสำหรับเด็กเมืองเต็มตัวอย่างเคโกะค่ะ

มาดูห้องพักกันค่ะ 2 ปีผ่านไป เค้าปรับโฉมใหม่ดูดีขึ้นพอตัวเลยค่ะ

เข้าห้องมาก็เจอพัดลมแบบติดผนังแล้วค่ะ อัพเกรดจากพัดลมตั้งโต๊ะ ไปติดผนังแทนแล้ว ดีงามมม แถมยังมีที่วางกรุบกริบแอบอยู่ข้างใต้พัดลมด้วยนะคะ

หันมาดูเตียงนอนบ้าง ตรงนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรค่ะ นอนสบาย ๆ เหมือนเดิม มีมุ้งให้เช่นเดิม ซึ่งเคโกะก็ขี้เกียจกางเช่นเคย 55555

อีกฟากนึงของห้อง เดิมจะเป็นฟูกให้นอนได้อีกคนนึง แต่ก็เอาออก กลายเป็นเตียงไว้วางของแทนค่ะ ข้อเสียนิดเดียวตรงนี้คือ ด้านบนของผนังฝั่งนี้เป็นมุ้งลวด เลยทำให้พอฝนตกแล้วฝนจะสาดเข้าห้อง ทำให้ของที่วางไว้บนเตียงตรงนี้อาจจะเปียกได้ค่ะ (ซึ่งเปียกไปแล้วด้วยเช่นกัน .. ดีที่เป็นของที่เปียกได้ T.T) แต่ตรงนี้คุณแก้มบอกว่า กำลังจะต่อเติมกันสาดยื่นออกไปกันฝนให้นะคะ

ตรงหน้าห้องน้ำก็มีทำราวไว้ให้พาดผ้า ผึ่งผ้าด้วยค่ะ ดีงามมม ชอบมากเลย

มาดูในห้องน้ำกันค่ะ มีการอัพเกรดเหมือนกัน ตรงที่วางขวดสบู่และแชมพูค่ะ มีที่วางแล้ววว ทำจากไม้ไผ่น่าร้ากกกกอะ

ส่วนที่แขวนทิชชูก็มีให้แล้วเช่นกันค่ะ

โดยรวมมีการปรับแต่งเดิมเข้าไป ซึ่งเข้ากันได้ดีกับสิ่งเดิมที่มีอยู่แล้ว ไม่ได้ดูขัดตาเลยค่ะ ชอบมากกกก

ออกมาดูภายนอกห้องกันต่อค่ะ

ตัวเรือนใหญ่ที่เป็นส่วนอเนกประสงค์ ทานข้าว พูดคุย เฮฮากันก็ตรงนี้หมดค่ะ เคโกะก็ชอบมานั่งอยู่ตรงนี้นะ นั่งมองวิวเพลิน ๆ ดีค่ะ

ห้องพักก็ยังมีเพียงแค่ 3 ห้องเท่าเดิมค่ะ น่าจะไม่ทำเพิ่มไปกว่านี้แล้ว ถ้าจำไม่ผิด เหมือนคุณแก้มจะว่าแค่นี้พอค่ะ เพื่อให้ดูแลได้อย่างทั่วถึง

ทางโฮมสเตย์เองมีบริการพาไปชมทุ่งบัวด้วยนะคะ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่เคโกะโชคไม่ดีเลย มาช่วงหน้าฝนค่ะ ฝนตกทุกวันเลย ก็เลยออกเรือไปไม่ได้

เอาวิวรอบ ๆ ไปดูแทนก็แล้วกันเนอะ ^^”

วิวดีงามล้านแปดมาก บอกแล้ววว เด็กเมืองเต็มตัวแบบเคโกะมีว้าวกับวิวแบบนี้มากค่ะ

ปิดท้ายที่อาหารที่ทางโฮมสเตย์ทำให้นะคะ เค้าจะมีให้เป็นชุด ๆ สำหรับบ้านพักแต่ละหลังค่ะ ซึ่งเค้าก็ทำมาให้ปริมาณเท่า ๆ กัน คือคิดเป็นห้องเนอะ ไม่ได้คิดว่าห้องนึงมากี่คน ไรงี้อะค่ะ เพราะงั้น เคโกะก็เลยเหมือนได้กินข้าวในปริมาณ 2 คนค่ะ T.T

แต่รสชาติดีมากกกกกกกกกกก พื้น ๆ แต่อร่อยมากค่ะ มีปลาทุกมื้อด้วย ชอบตรงนี้~ (ชอบกินปลาเป็นการส่วนตัวค่ะ แหะๆ)

น่าจะเป็นมื้อเย็นวันแรกที่มาค่ะ
ตอนเช้าก็มีปาท่องโก๋ให้ทานเล่น ก่อนอาหารเช้าจริง ๆ อีก ><
น่าจะเป็นมื้อเช้าวันที่สองนะ
น่าจะเป็นมื้อเช้าวันกลับค่ะ

ตอนเย็น ๆ เคโกะก็มานั่งเล่นตรงนี้ก่อนเข้านอนนะ ซึ่งช่วงเย็น ๆ ค่ำ ๆ เนี่ย แมลงจะเยอะนิดนึงค่ะ ยังไงก็ควรพกยากันยุง ยากันแมลงไปด้วยนะคะ

โดยรวมกับโฮมสเตย์แห่งนี้

  • อยู่กลางบึงบัวเลยค่ะ วิวธรรมชาติแบบ 360 องศาเลย อยากปลีกวิเวก อยากได้ความสงบ อยากได้ความสดชื่นเขียวขจีเพิ่มให้กับชีวิต ก็ควรมาค่ะ
  • เดินทางลำบากนิดนึง ควรมีรถส่วนตัวค่ะ จะได้ไปเที่ยวที่อื่นได้ด้วยเนอะ
  • ที่พักไม่มีแอร์ ไม่มีน้ำอุ่นนะคะ แต่ถามว่าร้อนไหม ไม่เลยค่ะ อากาศเย็นสบายยย~ และหากกลัวหนาว ควรรีบอาบน้ำค่ะ เพราะยิ่งดึก น้ำที่อาบก็ยิ่งเย็นค่ะ ^^
  • แมลง ยุง ไรงี้เยอะนิดนึง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและฤดูกาล แนะนำควรพกยากันยุง ยากันแมลง ยาแก้แพ้ (กรณีแพ้ค่ะ) มาด้วยนะคะ
  • เจ้าของที่พัก คุณแก้ม-คุณก้อยน่ารักมากกกก เป็นกันเองสุด ๆ
  • มีรับจองผ่านเอเจนท์ต่าง ๆ เช่น booking, agoda ไรงี้ด้วยนะคะ สะดวกจองทางไหนก็ได้เลยค่ะ
  • อาหารอร่อย ให้เยอะมากกกก อิ่มกลมกลิ้งมาก ๆ ค่ะ

วันที่สองก่อนทานอาหารมื้อเย็น เคโกะมีโอกาสได้คุยกับคนที่มาพักที่เป็นชาวสิงคโปร์ 2 คน เค้าบอกว่าเค้ามาเที่ยวอุทยานสามร้อยยอด ซึ่งที่นี่เป็นที่พักที่ใกล้มากและสะดวกกับแพลนเที่ยวของเค้ามาก ๆ ก็บอกไว้เผื่อเป็นไอเดียทางเลือกในการมาเที่ยวแถบนี้ละกันนะคะ ^^

แต่สำหรับส่วนตัวเคโกะเอง ซึ่งมา 2 รอบแล้วก็ประทับใจเหมือนเดิมนะคะ คือเคโกะว่ามันตอบโจทย์ในข้อที่ต้องการมาพักผ่อนสงบ ๆ อะค่ะ เน้นพักผ่อนสบาย ๆ สงบ ๆ เงียบ ๆ เลยไรงี้อะค่ะ

ถ้าคิดว่าตอบโจทย์ตัวเอง ก็ลองดูนะคะ ^^

—- ช่วงนี้เคโกะค่อนข้างหายจากบล็อกไปหน่อย ตารางชีวิตส่วนตัวยุ่งเหยิงและวุ่นวายมากทีเดียวค่ะ แต่ก็จะพยายามมาเขียนไว้เรื่อย ๆ นะคะ แวะเวียนไปพูดคุยกันได้ที่เพจค่ะ ทางนั้นตอบไวกว่าคอมเม้นท์ทิ้งไว้ในบล็อกนะคะ แหะๆ ^^ (พูดซะเหมือนมีคนมาเม้นท์เยอะเลย 5555)
Facebook page : www.facebook.com/thisiskeigo

[Sakon Nakhon] Hop Inn Hotel

สวัสดีค่ะ ช่วงกลางปีก็มักจะเป็นทริปในไทยแล้วล่ะค่ะ เริ่มต้นที่สกลนครที่บังเอิญมีเรื่องให้ต้องไปเที่ยว ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้อยู่ในความคิดสักเท่าไหร่ล่ะนะคะ ^^”

Hotel name : Hop Inn Hotel
City : Sakon Nakhon
Location : https://goo.gl/maps/Tfru5GFxxUFJcStJ6
Booking via : N/A (เพื่อนจองให้ เลยไม่ทราบนะคะว่าจองผ่านทางไหน)
Room type : Standard Twin Room
Room rate : 1,710 (3 nights)
Check-in date : 21-24 Jun 2019, 3 nights
Website : https://www.hopinnhotel.com/
Facebook page : https://www.facebook.com/hopinnhotel

โรงแรมในเครือ Hop Inn เนี่ย คุ้น ๆ ว่าเคโกะเคยไปพักแล้วน้าาา แต่ก็จำไม่ได้ค่ะว่าที่ไหน ^^”

เป็นโรงแรมเชนที่ขนาดเล็กแบบบัดเจ็ท ราคาน่าคบ ห้องก็ขนาดกะทัดรัด เหมาะกับคนมาเที่ยวแบบเช้าจรดเย็น ไม่ต้องการใช้ facilities โรงแรมอะไรมากนักนะคะ

สำหรับสาขาสกลนครนี้ อยู่ในซอยเข้าไปจากถนนใหญ่อยู่พอสมควร แต่ปากซอยมีโลตัสอยู่ แน่นอนในเรื่องการหากินค่ะ ไม่อดตายแน่ ๆ 5555

พอมาถึงที่โรงแรมแล้ว มีที่จอดรถให้พอสมควรทั้งด้านหน้าและด้านข้าง มีคุณรปภ.คอยดูแล และอำนวยความสะดวกด้วยค่ะ

บริเวณล็อบบี้ก็มีที่นั่งนิดหน่อย มีห้องน้ำให้ใช้ครบถ้วน และยังมีเคาน์เตอร์บริการชากาแฟ อาหารเช้าแบบง่าย ๆ (เข้าใจว่ามีค่าบริการนะคะ — ไม่ชัวร์นะคะ เคโกะมองผ่าน ๆ ไม่ได้สังเกตจริงจังอ่า) ซึ่งจะแอบมุมอยู่ในรูปค่ะ

บริเวณหน้าเคาน์เตอร์เช็คอินก็มีตกแต่งอะไรน่ารัก ๆ อยู่นิดหน่อยค่ะ

มีไวไฟบริการทุกจุดของโรงแรม รวมถึงในห้องพักด้วย (username, password จะไม่เหมือนกับที่ล็อบบี้ค่ะ)

เสียก็ตรงที่ไวไฟโรงแรมนั้นต่อค่อนข้างช้า พอต่อได้แล้วก็ไม่ได้เร็วปรู๊ดปร๊าดค่ะ (เคโกะใช้ไอโฟนต่อไวไฟนะ)

เพื่อนจองมาให้เป็นห้องเตียงคู่ค่ะ

ด้านข้างติดหน้าต่าง ก็เป็นโต๊ะยาวพร้อมเก้าอี้หนึ่งตัว ลักษณะโต๊ะก็ออกแนวเป็นเคาน์เตอร์ยาวตลอดกำแพงมากกว่าค่ะ ซึ่งก็โอเคนะ วางของได้เยอะดี

สุดปลายด้านหนึ่ง ด้านบนก็จะเป็นราวพร้อมไม้แขวนเสื้อนิดหน่อย และประตูห้องที่จะออกไประเบียงห้องค่ะ และด้านใต้ก็จะเป็นตู้เย็นขนาดเล็กๆ

ที่ชอบก็คือ มีการออกแบบติดที่เปิดฝาขวดไว้ด้วยอะ

ถ่ายให้ดูตรงราวแขวนผ้าและไม้แขวนเสื้อชัด ๆ

ส่วนตรงข้ามเตียง ก็จะเป็นทีวีจอแบนติดฝาผนังห้องค่ะ

ที่ติดกับประตูห้อง และประตูด้านขวาของในรูปข้างบนก็คือ ประตูห้องน้ำค่ะ

ห้องน้ำก็ขนาดเล็กกะทัดรัดเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้เล็กจนเกินไปนะ

มีการแบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งอย่างชัดเจนดีค่ะ มีชั้นวางของด้วย ชอบอีกแล้ว เพราะมีของวางในห้องน้ำเยอะอะนะ 555

ในห้องน้ำมีขวดครีมอาบน้ำและแชมพูแบบติดฝาผนัง ขวดปั๊ม ไว้ให้บริการด้วยนะคะ (อยู่ไกล ๆ ในรูปด้านล่างค่ะ)

ส่วนผ้าเช็ดตัวนั้นมีให้คนละผืน แบบผืนใหญ่แบบเดียวค่ะ พาดไว้ให้ที่ราวตากผ้าตรงประตูห้องน้ำ

สิ่งที่ดีงามอีกอย่างคือ มีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทุกวันเลยค่ะ และระบบไฟฟ้าในห้องเป็นแบบคีย์การ์ด ต้องเสียบบัตรลงไปก่อน ระบบไฟฟ้าในห้องถึงจะทำงาน รวมทั้งต้องแตะคีย์การ์ดก่อนจึงจะเข้ามาในส่วนห้องพักที่ต้องขึ้น-ลงลิฟท์ (หรือบันได) ตั้งแต่ชั้นล่างเลยค่ะ ก็ดูปลอดภัยดีนะ

ปิดท้ายด้วยน้องแมวที่โรงแรมค่ะ ไม่รู้แมวที่ไหนนะ แต่มีปลอกคอใส่ด้วยค่ะ น่ารักและขี้อ้อนน่าดูเลย ^^ ทาสแมวเห็นแล้วใจละลายค่ะ แหะๆ

ความคิดเห็นแบบส่วนตัวอย่างสรุป ๆ กับโรงแรมนี้ค่ะ

  • ทำเลถือว่าค่อนข้างดี ปากซอยมีโลตัสอยู่ อยู่ในตัวเมือง แม้ว่าจะเข้าซอยมาลึกนิดหน่อยก็ตาม อีกทั้งถนนในซอยก็ไม่ค่อยดีนักค่ะ หลุมบ่อเยอะอยู่ แต่ก็ยังจัดว่าดี
  • ไม่มีอาหารเช้านะคะ ก็เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเที่ยวจริง ๆ อย่างที่บอกค่ะ
  • ห้องขนาดเล็กกะทัดรัด ไม่เล็กเกิน และไม่ใหญ่จนเกินไป
  • โรงแรมและห้องพักสะอาดสะอ้านดีมากค่ะ พนง.ก็ต้อนรับ อัธยาศัยดีเลย
  • ที่จอดรถมีเพียงพอค่ะ ไปตอนที่แดดออกจัดทุกวัน ก็จะร้อน ๆ ไปนิดนึงนะ เพราะไม่มีหลังคาให้ที่ลานจอดรถค่ะ
  • มีไวไฟบริการ แต่ไม่รู้ทำไมเคโกะต่อไวไฟได้ช้าและไม่ได้เร็วมากค่ะ แต่ก็ใช้ได้อยู่นะ

โดยรวมก็เป็นบัดเจ็ทโฮเทลที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการแค่ที่พักและมีที่จอดรถค่ะ ไม่ได้ต้องการใช้ facilities อื่น ๆ ของโรงแรมเยอะมากมายอะไร

ไปเม้าท์มอยกันได้ที่เพจนะคะ
https://www.facebook.com/thisiskeigo/